

Entertainment
WATCHLIST: ชวนชม 7 ผลงานภาพยนตร์ทรงคุณค่าของชายที่ชื่อสตีเวน สปีลเบิร์ก
By: unlockmen December 17, 2020 193054
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่เป็นคอภาพยนตร์ โดยเฉพาะแฟนของผู้กำกับรุ่นเก๋าอย่างสตีเวน สปีลเบิร์กคงทราบกันดีว่าวันนี้คือวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของพ่อมดแห่งวงการภาพยนตร์ ซึ่งในปีนี้ตัวเขามีอายุครบ 74 ปีเป็นที่เรียบร้อย
ขณะเดียวกัน อย่างที่ทราบกันดีว่าสตีเวน สปีลเบิร์กเลือกใช้เวลากว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตไปกับการสร้างสรรค์ภาพยนตร์หลากหลายเรื่องบางเรื่องได้กลายเป็นความทรงจำรวมถึงแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน และสำหรับคนที่อยากย้อนชมผลงานของชายคนนี้อีกครั้ง WATCHLIST วันนี้มีภาพยนตร์ 7 เรื่องของสตีเวน สปีลเบิร์กมาแนะนำ แต่จะมีเรื่องอะไรบ้าง มาทำความรู้จักไปพร้อมกันได้เลยครับ
เริ่มต้นกับภาพยนตร์สงครามผลงานขึ้นหิ้งอย่าง Saving Private Ryan เรื่องราวของหน่วยรบที่นำโดยร้อยเอกจอห์น เฮช มิลเลอร์ (Tom Hank) ที่ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจพิเศษในการช่วยชีวิตลูกชายคนสุดท้ายของครอบครัว Ryan จากสมรภูมิหลังเหตุการณ์ D-Day ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
Saving Private Ryan จะพาคุณเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์สำคัญมากมาย ทั้งฉากการยกพลขึ้นบกที่ตราตรึง การแทรกตัวของไปในเขตของศัตรูซึ่งเชื่อว่าเรื่องราวที่ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมา จะช่วยทำให้คุณเข้าใจความโหดร้ายของสงครามและมนุษย์ได้เป็นอย่างดี แต่ในเวลาเดียวก็ยังมีกลุ่มคนพร้อมจะเสียสละเพื่อคนอื่นอยู่เช่นกัน
Catch Me if You Can ผลงานภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับกลโกงและความลื่นไหลของอาชญากรนามว่า แฟรงก์ อบาเนล จูเนียร์ นักต้มตุ๋นที่ออกอาละวาดในปี 1964 – 1968 ก่อนจะถูกจับด้วยข้อหามากมาย ทั้งการปลอมแปลงเป็นนักบิน แพทย์ ทนายความ รวมถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย ก่อนในเวลาต่อมาตัวเขาจะถูกจับกุมและทำงานร่วมกับ FBI นานถึง 30 ปี
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปชมกับการเล่าเรื่องที่แตกต่างของสปีลเบิร์ก รวมถึงการแสดงที่เนียนตาในบทบาท แฟรงก์ อบาเนล จูเนียร์ ของลีโอนาโด ดิคาปริโอที่ช่วยทำให้เรื่องราวทั้งหมดถูกย่อยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น จนกลายเป็นเรื่องราวอาชญกรรมที่แม้จะเลวร้ายแต่ก็สนุกสนานไปในเวลาเดียวกัน
War Horse ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของ Michael Morpurgo เรื่องราวของอัลเบิร์ต เด็กชาวนาและโจอี้มาแสนรู้ที่ต้องผ่านความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปพร้อม ๆ กัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาคุณไปรู้จักกับผู้บริสุทธิ์ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากสงคราม ทั้งมนุษย์และสัตว์ที่อยู่คู่กับสงครามของมนุษย์มาตลอดคือ ม้า ขณะเดียวก็แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนผ่านเมื่อบทบาทของม้าต้องหมดไป เมื่อมีม้าเหล็กอย่างรถถังรวมถึงอาวุธอย่างปืนกลเขามาทดแทน
สำหรับหนุ่ม ๆ หลายคน Jurassic Park เป็นเหมือนภาพยนตร์ที่ทำให้มีโอกาสได้เห็นภาพเสมือนจริงของสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้วให้กับมาโล้ดแล่นอยู่ในชีวิตจริงอีกครั้ง
ภาพยนตร์ Jurassic Park แม้จะไม่ได้แฝงเนื้อหาที่ชวนคบคิดเอาไว้เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่น เพราะสตีเวน สปีลเบิร์ก ตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเป็นภาพยนตร์ที่บอกเล่าความน่าตื่นตาตื่นใจของไดโนเสาร์ทั้งหลาย ขณะเดียวกัน Jurassic Park ยังถูกถ่ายทำในช่วงเวลาเดียวกันกับภาพยนตร์อย่าง Schindler’s List ซึ่งยอดผู้กำกับออกมายอมรับว่า ในเวลานั้นตัวเขาเน้นใช้พลังไปกับสร้างสรรค์เนื้อเรื่องของ Schindler’s List มากกว่า อย่างไรก็ตาม Jurassic Park คือภาพยนตร์ที่น่าประทับเสมอ เมื่อย้อนคิดถึงการได้ชมครั้งแรก
ผลงานภาพยนตร์ขึ้นหิ้งอีกหนึ่งเรื่องจาก สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Schindler’s Ark โดยนักเขียนขาวออสเตรเลียนามวา Thomas Keneally ซึ่งเขียนอ้างอิงจากเรื่องราวในชีวิตจริงของออสการ์ ชินด์เลอร์ นายทหารผู้เป็นเจ้าของโรงงานที่ใช้แรงงานชาวยิวอย่างโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
Schindler’s List จะถ้าคุณไปรู้จักเรื่องราวของผู้คนที่ถูกสงครามเปลี่ยนแปลงอุปนิสัย ให้กลายเป็นคนที่มองหาผลประโยชน์จากมนุษย์ด้วยกัน แต่ในเวลาเดียวกันด้านดีภายในจิตใจของมนุษย์ก็สามารถลบล้างความต้องการที่ไม่ถูกต้องออกจากจิตใจมนุษย์ได้ แต่ท้ายที่สุดบทสรุปของเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามชมด้วยตัวเองใน Schindler’s List
หากพูดถึง Jaw หลายคนคงนึกถึงภาพของภาพยนตร์เกี่ยวกับฉลามลายเส้นย้อนยุคที่เต็มไปด้วยเสียงหวีดร้อง แต่ถ้าย้อนกลับไปในปี 1975 ช่วงเวลาที่ Jaw กำลังเข้าฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกยกให้เป็นหนังแนวสยองขวัญสายพันธุ์ใหม่ที่มาพร้อมอสูรกายใต้ทะเลอย่างฉลาม จนกลายมาวัฒนธรรมการดูหนังในฤดูร้อนหรือ Summer มาจนถึงปัจจุบัน
สตีเวน สปีลเบิร์ก เริ่มกำกับ Jaw ตอนอายุ 29 ปี แน่นอนว่าช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีการใช้ CG เข้ามาช่วยในการถ่ายทำ เขาและทีมงานจึงสร้างฉลากยักษ์จริงขึ้นมา โดยใช้กลไกช่วยในการเคลื่อนที่ระหว่างถ่ายทำ ผลก็คือ Jaw ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งแง่รายได้และคำชม ก่อนกลายเป็นตำนานหนังฉลามที่ผู้คนทั่วโลกต้องจดจำ
ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของ Ernest Cline ที่เล่าถึงเรื่องราวของโลกในปี 2044 ที่เต็มไปด้วยความเสื่อมโทรมและขาดโอกาส มนุษย์ในโลกจึงแสวงหาโลกเสมือนจริงในการใช้ชีวิตและ The Oasis คือโลกเสมือนจริงที่ผู้คนเลือกใช้ตามหาสิ่งที่ขาดหายไป
Ready Player One จะพาคุณก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงไปพร้อมกับเวต วัตส์ เด็กหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดที่ฝันอยากพิชิตการแข่งขันสำคัญใน The Oasis ที่ผู้สร้างนามว่าเจมส์ ฮอลลิเดย์ได้ทิ้ง Easter Egg เอาไว้ นอกจากเรื่องราวการผจญภัยที่แปลกใหม่ ตัวหนังยังพาเราย้อนกลับไปทักทายตัวละครและคาร์แลกเตอร์ต่าง ๆ ที่คุ้นเคยตั้งแต่วัยเด็กจนถึงยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันเนื้อหาที่ชวนดูเพื่อเอาความสนุกสนานจะช่วยให้หนุ่ม ๆ หลายคนเพลิดเพลินกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แน่นอน
ทั้งหมดคือภาพยนตร์ทั้ง 7 เรื่องของสตีเวน สปีลเบิร์ก ที่เราอยากแนะนำในวันนี้ ใครที่มีเวลาว่างในช่วงวันหยุดที่ลองแบ่งเวลามาชมกันได้นะครับ