

DESIGN
Utagawa Kuniyoshi ภาพวาดผี ปีศาจ และการล้างแค้น ของศิลปิน Ukiyo-e ที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งในยุคเอโดะ
By: GEESUCH October 31, 2022 219920
เมื่อไม่กี่วันก่อนได้ดู ‘ศิลปะล่ะ’ ของช่อง RUBSARB production คลิป Katsushika Hokusai ผู้วาด The Great Wave off Kanagawa แล้วทำเอาสายเสพมังงะของเรากรี๊ดแตกมากกก ก็เรียกว่าสนใจศิลปะในยุคเอโดะทันที เรื่องก็คือ นี่ไปศึกษาเพิ่มเติมมาแล้วเจอว่าศิลปินสมัยนั้นเขาก็เริ่มวาดงานแบบ Horror กันแล้วเว้ย แล้วศิลปิน Utagawa Kuniyoshi เป็นหนึ่งในมาสเตอร์ของสายนี้ ซึ่งภาพวาดผีของเขามันน่าหลงใหลมากเลยอะ
UNLOCKMEN ขอส่งท้ายวันฮาโลวีนด้วยเรื่องราวกับผลงานของ Utagawa Kuniyoshi และภาพผี ๆ ของเขา ที่น่ากลัว สวยงาม และเต็มไปด้วยเรื่องราวเบื้องหลังอันน่าขนลุก
Ukiyo-e อ่านว่า ‘อุกิโยะเอะ’ เป็นศิลปะที่ได้รับความนิยมอย่างมากของญี่ปุ่นในช่วงยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603 – ค.ศ. 1868) วิธีการสร้างผลงานของภาพชนิดนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อน ต้องใช้ทั้งความรู้เฉพาะทางในการแกะสลักบล็อกไม้ (woodblock print) การใช้สีในหลาย ๆ ประเภท และการพิมพ์ แต่ถ้าให้อธิบายสั้น ๆ ง่าย ๆ เลย มันคือการวาดภาพโดยการพิมพ์ภาพบนบล็อกไม้ที่แกะสลักเป็นแม่พิมพ์แล้วซ้ำ ๆ ตั้งแต่ลงเส้น ใส่สี ไปจนถึงลงเงาตอนจบ
ความหมายตามตัวอักษรของคำว่า ‘อุกิโยเกะ’ หมายถึง รูปภาพของโลกที่ล่องลอย (Pictures of the Floating World) ซึ่งภาพของมันก็คือย่านเริงรมย์ของเอโดะในช่วงเวลานั้น (ต่อมากลายเป็นเมืองหลวงของประเทศชื่อโตเกียว) เมื่อเสิร์ชคำ ๆ นี้ใน Google เราจึงจะได้เห็นภาพวิถีชีวิตผู้คนในเมืองใหญ่เป็นหลัก ก่อนที่ในภายหลังจะมีการต่อยอดวาดแลนสเคปของภูมิประเทศ และอื่น ๆ มากขึ้น
Utagawa Kuniyoshi เกิดปี 1797 พ่อของเขาเป็นช่างย้อมสีผ้าไหม และเพราะได้เห็นการทำงานของพ่อในทุกวันตั้งแต่เด็ก จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำงานศิลปะตั้งแต่ตอนนั้น
ในตอนที่เกิดพ่อตั้งชื่อให้เขาว่า Yoshisaburô แต่เมื่อเข้าสู่วัยเรียน แล้วเลือกเดินทางสายศิลปะอย่างเต็มตัวกับ Utagawa school โรงเรียนสอนศิลปะอุกิโยะเอะที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ ความสามารถของเขาก็เฉิดฉายเกินคนอื่น ไปเตะตาอาจารย์ Utagawa Toyokuni หรือรู้จักกันในชื่อ Toyokuni ที่ 1 เป็นอาจารย์ใหญ่รุ่นที่ 2 ของโรงเรียน Utagawa school จนรับเข้ามาเป็นลูกศิษย์ควบตำแหน่งเด็กฝึกงานในสตูดิโอส่วนตัวตอนปี 1811 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า Kuniyoshi ในเวลาต่อมา
ในปี 1814 วันเวลาแห่งการออกเดินทางตามหาตัวเองในฐานะศิลปินของ Kuniyoshi ก็มาถึง เขาออกจากการเป็นลูกศิษย์ Toyokuni พร้อมมุ่งหน้าสู่หนทางการเป็นศิลปินของตัวเอง โดยใช้ชื่อจากอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพตั้งให้ติดตัวไปตลอดเวลา … เวลาผ่านไป 13 ปี หลังจากออกฝึกวิชาและตกผลึกในหนทางศิลปะของตัวเอง Kuniyoshi ได้สร้างชุดภาพมาสเตอร์พีซของตัวเองที่ชื่อ The 108 Heroes of The Tale of Suikoden ได้สำเร็จ โดยภาพวาดชุดนี้ได้แรงบันดาลใจจากนวนิยายจีนชื่อเดียวกันจากศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นมาก ๆ เป็นเรื่องราวระหว่างกบฎและโจร 108 คน ภาพอุกิโยะเอะแบบที่เรียกว่า Musha-e ซึ่งมีความแข็งแกร่งและดุดันของนักรบหรือซามูไรได้กลายเป็นภาพจำที่คนเสพงานจำ Kuniyoshi ได้แม่น ถึงขนาดตั้ง aka ศิลปินให้ว่า Kuniyoshi of Warrior Prints เลยด้วยซ้ำ
ช่วงเวลาของ The 108 Heroes of The Tale of Suikoden ได้สร้างชื่อเสียงและเงินทองให้กับ Kuniyoshi อย่างมาก ถ้าจะเรียกว่าตรงนี้คือช่วงเวลาเริ่มต้นของการเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ผิดนัก เขากลายเป็นหนึ่งในศิลปินอุกิโยะเอะที่ดังที่สุดของช่วงเวลานั้น และเพราะความสะดวกสบายที่ได้รับจากตรงนี้เอง ทำให้ Kuniyoshi ได้รับอิสระในการค้นหาตัวเอง พร้อมออกเดินทาง (อีกครั้ง) โดยที่คราวนี้เขาไม่ต้องพยายามสร้างงานเพื่อหารายได้จุนเจือตัวเองแบบครั้งแรกอีกแล้ว และความคิดเรื่องการวาดภาพ ‘ภูติ ผี ปีศาจ’ ก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในงานของ Kuniyoshi ครั้งนี้
ช่วงเวลาแห่งความสยดสยองบนภาพพิมพ์อุกิโยะเอะของ Kuniyoshi นั้นมีผลงานมากมายเต็มไปหมด (ซึ่งใส่ในบทความนี้ไม่หมดแน่) แต่เราจะขอยกผลงานดังของเขา พร้อมกับเรื่องราวเบื้องหลังซึ่งเขาตีความออกมาเป็นภาพอันแสนประณีตได้อย่างลงตัว
ในปี 1836 เรื่องราวของผี Oiwa ซึ่งเรียกว่าเป็นเรื่องเล่าตำนานผีพื้นบ้านที่ดังที่สุดเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่น ได้ปรากฎอยู่ในรูปภาพของ Kuniyoshi เป็นครั้งแรก ในรูปแบบผีผู้หญิงที่ออกมาจากโคมไฟกระดาษด้วยความสยดสยอง และหลังจากนั้นในปี 1852 ผีสาว Oiwa กลับมาแก้แค้นสามีผู้พิการที่วางยาพิษลงไปในครีมจนเธอได้เสียโฉมพร้อมกับตายลงไปในที่สุด
เอกลักษณ์อันโดดเด่นแบบ Musha-e ของ Kuniyoshi ความนักรับชุดเกราะและขุนนางถูกปรับนำมาใช้ในภาพสยองขวัญโครงกระดูกชิ้นที่ชื่อว่า Takiyasha the Witch and the Skeleton Spectre (1844) อย่างลงตัว เบื้องหลังภาพนี้คือเรื่องราวของขุนศึก Taira no Masakado ที่ถูกสั่งประหารชีวิตเพราะทำการก่อกบฎในเกียวโต ณ ช่วงศตวรรษที่ 10 .. เรื่องเลวร้ายเริ่มต้นขึ้น เมื่อบุตรสาวของ Taira ผู้เสียใจอย่างหนักที่พ่อของเธอตาย แถมการกบฎก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ได้อ่านคัมภีร์ปลุกเสกเรียกวิญญาณของพลทหารของพ่อเธอที่ตายออกมาเป็นโครงกระดูกยักษ์ออกอาละวาดและแก้แค้น
ผลงาน Scene from a Ghost Story – The Okazaki Cat Demon (1847-1848) ทำให้เราแอบคิดได้อย่างนึงว่า Kuniyoshi เป็นคนที่สนใจในสื่อศิลปะเพื่อความบันเทิงอยู่ไม่น้อย ครั้งก่อนมาจากนิยาย แล้วในครั้งนี้ภาพวาดของเขามาจากละครที่ได้ดูชื่อ Okazaki no Neko ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากตำนานพื้นเมืองแมวผีบนถนนของเมือง Okazaki ในจังหวัด Aichi .. เมื่อเพื่อนนักเดินทางสามคนที่ออกท่องจาริกแสวงบุญ กลับมาที่ Okazaki พวกเขาได้เข้าไปในวัดร้างที่ชื่อ Muryoji แล้วพบกับผู้หญิงแก่คนหนึ่ง จู่ ๆ เพื่อนทั้งสามคนก็เห็นภาพของแมวร่ายรำให้เขาดู ในขณะที่คิดว่าตาฝาดรึเปล่า หญิงแก่ก็บอกพวกเขาว่าเรื่องปกติไม่มีอะไรหรอก แล้วเมื่อทั้ง 4 คนเข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอ หญิงชราก็กลายร่างเป็นวิญญาณแมวร่างยักษ์ สังหารนักเดินทางตายไป 2 คนแทบจะในทันที แต่นักเดินทางอีกคนไหวตัวทัน จึงหยิบดาบขึ้นมาสังหารวิญญาณแมวได้ในที่สุด แต่ทว่า วิญญาณแมวยังไม่ตาย และกำลังจะกลับไปแก้แค้นตระกูลของนักเดินทางผู้นี้ให้จงได้
สะใจคนเสพมังงะ Horror สมัยใหม่มาก เพราะภาพนี้ของ Kuniyoshi แอบมีความ gore หน่อย ๆ มาด้วย ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า The ghost of Asakura Togo haunting those who ordered his crucifixion (1797-1861) ภาพซึ่งวาดจากละครคาบูกิเรื่อง Higashima Sakura soshi ว่าด้วยเรื่องของนายกเทศมนตรีท้องถิ่นที่ชื่อ Asakura Tōgo ผู้ที่เข้าเฝ้าโชกุนของประเทศโดยตรงเพื่อขอลดหย่อนภาษีให้เมืองที่ตัวเองดูแล โดยหลีกเลี่ยงการคุยกับผู้ว่าราชการผู้คดโกงที่ชื่อ Orikoshi Tairyō เพราะกลัวว่าจะโดนโกง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้โชกุนและผู้ว่าราชการคนนี้ไม่พอใจ จึงการทำการสั่งประหารครบครัวของ Asakura Tōgo ที่ประกอบไปด้วยภรรยาและลูกชาย ด้วยการมัดตรึงกางเขน แต่เลือกประหารลูกชายเป็นคนแรกเพื่อให้ภรรยาและสามีดูก่อนที่ตัวเองจะต้องตายตาม .. เรื่องราวหลังจากนั้นคือผี Asakura Tōgo กลับมาแก้แค้นโชกุนกับ Orikoshi Tairyō จนตาย
ต้องขอชื่นชมก่อนเลยว่า ภาพคลื่นของ Kuniyoshi นั้นสวยงามไม่แพ้ The Great Wave off Kanagawa ของ Katsushika Hokusai เลย แถมยังต่างสไตล์กันอย่างชัดเจน ภาพนี้ชื่อ The Ghosts of the Taira Attack Yoshitsune in Daimotsu Bay (1849-1852) และได้แรงบันดาลใจมากจากละครคาบูกิอีกครั้ง เป็นเรื่องของวีรบุรุษบนท้องทะเล นายพล Minamoto no Yoshitsune ที่พบว่าเหล่าลูกเรือของเขากำลังเผชิญกับคลื่นลมพายุฝนในอ่าว Daimotsu อันโหมกระหน่ำ ซึ่งผิดปกติแปลก ๆ เพราะมันมีวิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ของเขาปรากฎร่างขึ้นมาในคลื่นด้วย แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถสวดไล่ผีได้ในที่สุดแล้วคลื่นลมก็สงบลง ต้องบอกว่าเป็นความเป็นภาพผีอีกแบบที่เจ๋งมาก ๆ ตรงที่มีความไม่ให้เห็นแบบชัด ๆ แต่ใช้ความหลอน ๆ เงา ๆ ของบรรยากาศสร้างความน่ากลัวขึ้นมาแทน
แรงบันดาลใจในภาพวาดของ Utagawa Kuniyoshi มักจะเป็นสิ่งที่เขาได้เห็นหรือสัมผัสด้วยตัวเองเสมอ แล้วจึงถูกนำไปดัดแปลงกลายเป็นภาพอุกิโยะเอะในสไตล์ของตัวเอง และถึงแม้ว่าภาพวาดผีหลอกของเขาจะไม่ได้เกิดขึ้นจากการสัมผัสล่าท้าผีจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่ามันมีความน่าขนลุก (ในความงาม) อยู่ไม่น้อย ถ้าจะพูดว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือจินตนาการของตัวเราเอง ผลงานของศิลปินจากยุคเอโดะคนนี้ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีทีเดียว
Source :