

Guide
เปลี่ยน 5 สถานที่ต้องไปในเมืองไทย ให้กลายเป็น Landmark ของคนทั่วโลก #NotaTourist
By: Chaipohn July 7, 2016 37271
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็น Campaign โฆษณาโดนใจจนทำให้ทีมงานของเราต้องอ้าปากค้างพร้อมกับปรบมือให้ในความคิดสร้างสรรค์ เพราะได้ประโยชน์ทั้งกับแบรนด์ VISA และกับธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย แคมเปญที่เรากำลังพูดถึงคือ “#NotaTourist” แคมเปญที่ร่วมมือกันระหว่าง VISA และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อจะเปลี่ยนความ Local ไทย ให้เป็น Landmark ของคนทั่วโลก
แคมเปญนี้จะเน้นสร้างความประทับใจและประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักเมืองไทยที่ให้มากกว่าเดิม ผ่านรูปถ่ายจากฝีมือการถ่ายโดยคน Local อย่างพวกเรา ไม่จำเป็นต้องเป็นตากล้องระดับเทพ ขอแค่เล่าเรื่องราวให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักสถานที่เหล่านั้นอย่างแท้จริงได้ เรียกว่ามาแล้วต้องถึงเมืองไทยจริงๆ จากนั้นก็ โพสรูปผ่าน Facebook หรือ IG ใส่ #NotaTourist #VisaThailand พร้อม Add Location สถานที่นั้นๆ และอย่าลืมตั้งค่าเป็น Public รูปของคุณอาจเป็นส่วนหนึ่งของโปสการ์ดที่ใช้โปรโมทการท่องเที่ยวไทยโดย ททท. พร้อมลุ้นรับของรางวัล เช่น กล้อง GoPro และอื่นๆ อีกมากมาย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/VisaThailandTH
แน่นอนว่าแคมเปญดีๆ แบบนี้ UNLOCKMEN ขอสนับสนุนและร่วมเป็นส่วนหนึ่งร่วมกิจกรรม #NotaTourist ขอส่งรูปจาก 5 จุดหมายปลายทางในมุมมองที่เราคิดว่าน่าสนใจ และนักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักหรือเคยเห็นในมุมมองนี้มากนัก
ออน ล๊อก หยุ่น
เริ่มจากอาหารเช้าในแบบไทยๆ นักท่องเที่ยวหลายคนอาจจะไปทานตามร้านชื่อดังในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ที่มีการโปรโมตโฆษณาตามหนังสือแนะนำท่องเที่ยว แต่เราอยากนำเสนอร้านกาแฟที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังคงเก็บกลิ่นอายทั้งหมดไว้อย่างเหนียว รวมถึงบรรยากาศ ข้าวของเครื่องใช้ ราวกับเวลาในนั้นได้ถูกหยุดลงตั้งแต่ 80 ปีที่แล้ว นั่นคือ ออน ล๊อก หยุ่น (ON LOK YUN) ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าเจริญกรุง ข้างดิโอลด์สยามพลาซ่า
แม้ ออน ล๊อก หยุ่น จะถูกเรียกว่าร้านกาแฟ แต่ภายในยังมีเมนูอาหารเช้า จำพวก ไข่ดาว แฮม เบคอน ไส้กรอก ขนมปังสังขยา ขนมปังชุบไข่ และเครื่องดื่มไทยๆ ที่มักจะมาพร้อมกาแฟ เช่น โอเลี้ยง ชาดำเย็น ชามะนาว แน่นอนว่าความเย็นสบายอาจจะไม่สามารถสู้ร้านติดแอร์ในห้างใหญ่ได้ แต่เราเชื่อเหลือเกินว่า ความเป็นกันเองในอารมณ์คลาสสิคแบบนี้ เป็นที่หมายที่นักท่องเที่ยวควรแวะไปสักครั้ง
เรียนมวยไทยที่ YOKKAO Training Center Bangkok
มวยไทย คำที่ชาวต่างชาติรู้จักเป็นอย่างดีถึงความยิ่งใหญ่และดุดันของกีฬาชนิดนี้ผ่านการแข่งขันที่มักจะมีการถ่ายทอดไปในหลายประเทศ ชาวต่างชาติบางคนถึงขั้นบินมาเพื่อเรียนมวยไทย โดยมีจุดมุ่งหมายที่อยากจะเป็นนักมวยไทยมืออาชีพ ดังนั้นภาพมวยไทยในสายตานักท่องเที่ยวอาจจะดูจริงจังและดุเดือดไปสักหน่อย เราจึงอยากเสนอมวยไทยในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งในบ้านเรานิยมฝึกมวยไทยเพื่อออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก สร้างกล้ามเนื้อ และสร้างความแข็งแรง โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศทั้งชายและหญิง
จุดเด่นที่ Yokkao Boxing คือการได้เรียนกับ The Expert ชนิดที่เข้าถึงศิลประมวยไทยโดยแท้ โดยจะสามารถเลือกเรียนกับอาจารย์มวยไทยอย่าง แสนชัย Living Legend อดีตแชมป์เปี้ยนหลายสมัยทั้งมวยไทยและมวยสากล หรือสิงห์ดำ อดีตแชมป์มวยไทยหลายสมัย รวมถึงอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์มวยไทยอย่างเป็นทางการ และมีประสบการณ์ในการฝึกสอนชาวต่างชาติเป็นอย่างดี จึงเหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์มวยไทย ไม่ว่าจะเป็นแบบจริงจัง หรือแบบเน้นออกกำลังกายแต่ได้พื้นฐานมวยไทยติดตัวกลับบ้าน
80/20 (Eighty Twenty)
แม้จะมีร้านอาหารต่างชาติหลายแห่ง ภูมิใจในการใช้วัตถุดิบนำเข้าจากต้นกำเนิดต่างประเทศ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าการจะสร้างสรรค์เมนูต่างชาติให้อร่อย จะไม่สามารถเปลี่ยนมาใช้วัตถุดิบในประเทศได้ นี่เป็นแรงบันดาลใจที่เจ้าของร้าน หนุ่มนักเรียนนอก หอบวิชาทำอาหารจากต่างแดนกลับบ้านเกิด และเปิดร้าน 80/20 cafe ร้านสวยๆ ย่านเจริญกรุงที่มีคอนเซ็ปต์ร้านชัดเจน
คำว่า 80/20 มาจากปรัชญา 80-20 Rule ซึ่งในความหมายของทางร้านคือการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่น 80% และวัตถุดิบนำเข้า 20% ยกตัวอย่างเช่น 80/20 Caesar Salad แบบไทยๆ ที่ใช้ผักแขนงแทนผักสลัด Green Cos และ Romaine น้ำสลัดใช้สูตรกะปิแทนปลาแอนโชวี่ และใช้หมูสามชั้นตุ๋นแทนเนื้อไก่ หรือเครื่องดื่มที่ดูคล้ายกาแฟชื่อ “เตะปี๊ป” ที่ใช้สมุนไพรไทยอย่างขิงและกระชายนำไปหมักกับ Expresso Shot แบบเย็น นี่จึงเป็นร้านที่นักท่องเที่ยวจะได้พบความเป็นไทยที่ถูกสอดแทรกอยู่ในอาหารสไตล์ต่างชาติ
ตลาดนัดรถไฟ
ทุกครั้งที่เรามีเพื่อนชาวต่างชาติมาเมืองไทยและต้องการจะไปช้อปปิ้ง ปลายทางแรกที่หลายคนพาไปอาจจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรูหราขนาดใหญ่ ซึ่งที่จริงแล้วแบรนด์ในห้างที่มีเหมือนๆ กัน มักจะเป็นแบรนด์หรูหราเข้ามาจากต่างประเทศ และอาจจะไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวเห็นความเป็นไทยมากนัก เราจึงอยากนำเสนอตลาดที่มีบุคลิกแตกต่างอย่างชัดเจน นั่นคือตลาดนัดรถไฟ
ตลาดนัดรถไฟเป็นตลาดกลางคืนที่มีเสน่ห์สะท้อนไลฟ์สไตล์คนกรุงเทพมาก บรรยากาศการตกแต่งแบบ Vintage ทั้งแบบร้านและแบบปูพื้นที่หาไม่ได้จากตลาดอื่น นอกจากความครบครันจากของซื้อของขายทั้งแบบทันสมัยและแบบคลาสสิค รวมถึงร้านอาหารชื่อดังที่มีเรื่องราวไม่ซ้ำใคร ร้านดื่มกินบรรยากาศสนุกสนาน ตลาดนัดรถไฟยังเป็นจุดนัดพบของกลุ่มผู้คนที่มีไลฟ์สไตล์และความชอบแบบเดียวกันได้อีกด้วย
นอนล่องลอยชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ลอยละล่อง Hotel
การนอนพักในห้องนอนโรงแรม 5 ดาว ซึ่งกรุงเทพมีให้เลือกมากมาย แน่นอนว่านักท่องเที่ยวจะได้ความหรูหราและสะดวกสบายในมาตรฐานระดับโลก แต่ถ้าจะให้เราเลือกพานักท่องเที่ยวไปพักแบบเข้าถึงความเป็นกรุงเทพจริงๆ โรงแรม 5 ดาวอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เราแนะนำ ในทางกลับกัน เราจะขอแนะนำให้ไปพักที่ Loy La Long hotel บ้านพักไม้ 2 ชั้นอายุ 30 ปี ตั้งอยู่ภายในวัดปทุมคงคาราชวรวิหาร ริมน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เคยปรากฏตัวในฉากโรแมนติกของลุงและเหมยลี่จากภาพยนตร์ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ”
ข้อดีของการพักที่นี่คือ นักท่องเที่ยวจะได้เสพองค์ประกอบความเป็นกรุงเทพผ่านวิวจากห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางของคนกรุงเทพบนเรือด่วนเจ้าพระยา สลับกับความเชื่องช้าของเรือขนทรายลำอ้วน มีเสียงคลื่นกระทบฝั่งแผ่วๆ เป็นดนตรีคอยบรรเลง ในขณะกำลังกินอาหารเช้าคู่กาแฟดำริมน้ำที่ใกล้พอจะหย่อนเท้าลงไปสัมผัสไอน้ำได้ จนกระทั่งถึงเวลาเปลี่ยววิวทิวทัศน์เป็นแสงไฟสวยงามจากเมืองหลวงยามดึก จิบคู่กับเครื่องดื่มทันสมัยที่ถูกจัดเรียงอยู่ภายใต้ความเก่าแก่ได้อย่างลงตัว หรือจะออกเดินเท้าไปสัมผัสร้านอาหารเก่าแก่และชุมชนริมน้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจรอบๆ โรงแรม ก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากสำหรับนักท่องเที่ยว
และนี่คือการเปลี่ยนความ Local ไทย ให้เป็น Landmark ของคนทั่วโลกในมุมมองของ UNLOCKMEN คุณเองก็สามารถร่วมเปลี่ยนแปลงประสบการณ์นักท่องเที่ยวให้ดีขึ้นได้ง่ายๆ เพียงแค่ถ่ายรูป หรือถ้านึกไม่ออกว่าจะถ่ายที่ไหนยังไงดี ลองหาไอเดียด้วยการ Search ใน Facebook ง่ายๆ แค่พิมพ์ #Notatourist แล้วก็คลิกได้เลย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page : https://www.facebook.com/VisaThailandTH แคมเปญดีๆ แบบนี้ เราแนะนำว่าอย่าพลาด