UNLOCK CORP: ‘หมอเสริฐ-ปราสาททองโอสถ’ นักเทคโอเวอร์ เจ้าของหุ้นรายใหญ่โรงพยาบาล BDMS

ตลอดเช้าวันนี้ไม่มีข่าวการลงทุนไหนดังเท่า BDMS (Bangkok Dusit Medical Services PCL) หรือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) แล้ว จากข่าวเสนอซื้อหุ้นบำรุงราษฎร์ราคาระหว่าง 8 หมื่นกว่าล้าน – แสนกว่าล้าน ซึ่งตอนนี้ BH (บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์) โต้ออกมาแล้วว่า

“ผู้บริหารของ BH ไม่คาดคิดและไม่เคยทราบเรื่องการทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจมาก่อน เนื่องจากในอดีต BH และ BDMS ต่างดำเนินธุรกิจอย่างอิสระต่อกันและปราศจากการประสานความร่วมมือทางธุรกิจใดๆ”

คนที่ไม่ได้อยู่ในด้านการลงทุน อาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่า BDMS หุ้นโรงพยาบาลในนี้มีอะไรบ้าง แต่ถ้าบอกว่ามีกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลเป็น กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ  กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช  กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล  กลุ่มโรงพยาบาล BNH กลุ่มโรงพยาบาลรอยัล และกลุ่มโรงพยาบาลอื่น ๆ ในเครือ โลโก้แบบนี้พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างไหม ?

UNLOCK CORP ครั้งนี้ เราคงไม่พูดถึงเรื่องความเสี่ยงเรื่องการลงทุน หรือแนะนำการลงทุน เพราะสื่อหลายแห่งให้ข้อมูลด้านนี้เยอะแล้ว แต่เราขอเล่าเรื่องบุคคลที่เป็นเจ้าของหุ้นใหญ่ของ BDMS และแนวการบริหารและวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจของตัวเขาอย่าง “หมอเสริฐ” หรือ นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ บุรุษที่ได้สมญาว่าเจ้าพ่อเทคโอเวอร์ดีกว่า

ศัลยแพทย์ที่รู้ตัวว่าเป็นหมอที่ดีไม่ได้ (แต่ทำให้วงการแพทย์ไทยก้าวหน้าได้)

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวงการธุรกิจการลงทุนหรือไม่ ชื่อของตระกูล “ปราสาททองโอสถ” น่าจะเป็นชื่อที่หลายคนคุ้นหู เพราะเป็นตระกูลทำยาหอมเจ้าเก่าแก่มานาน ดังมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ กระทั่งมาถึงรุ่นของ “หมอเสริฐ” หรือนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เขาคนนี้สามารถใช้วิสัยทัศน์ที่ดี ขยายอาณาจักรของตระกูลปราสาททองโอสถ และกลายเป็นเศรษฐีไทยที่ Thailand Forbes จัดไว้ให้อยู่ในอันดับ 7 ของประเทศเมื่อปีที่ผ่านมา (2562)

เหตุที่เรียกกันว่า “หมอเสริฐ” เพราะเขาเรียนแพทย์มาจริง ๆ แถมยังทำงานเป็นศัลยแพทย์ให้โรงพยาบาลศิริราชถึง 5 ปีหลังเรียนจบ ก่อนจะวางมือทิ้งอาชีพหมอหันมาลุยด้านธุรกิจเพราะรู้ตัวว่าเขาไม่เหมาะกับการอุทิศชีวิตให้การแพทย์ โดยคิดว่าถ้าเกี่ยวข้องกับด้านธุรกิจดูจะรุ่งกว่ากันเยอะ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ต้องบอกว่าเดินหมากได้ถูกต้อง เพราะวันนี้ต่อให้เขาไม่ต้องลงมือรักษาเอง เขาก็กลายเป็นหมอที่นักธุรกิจพูดถึงมากที่สุดในประเทศ

“ผมมีความรู้สึกมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วว่า คงเป็นหมอที่ดีไม่ได้ หมอที่ดีจะต้องอ่านหนังสือเยอะ ๆ อ่านทุกวัน ทำงานหนักมาก ๆ เราคงไปทางนั้น ไปสู่จุดสุดยอดไม่ได้” – นพ. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ

การตัดสินใจใช้ชีวิตจึงเป็นแกนการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ คนแต่ละคนมอง Career Path ไว้ต่างกัน บางคนอยากไปถึงจุดสูงสุดของตำแหน่งที่ยืนอยู่ บางคนอาจอยากได้เงินเดือนเยอะ หรือบางคนแค่ลงทุนกับสิ่งที่คิดว่า “ใช่” แล้วต่อยอดมันไปตลอดชีวิตเพราะรู้จักตัวเองมากพอ ต่อให้เริ่มต้นด้วยความลำบากแต่แรงใจที่มากพอ และความไม่งอมืองอเท้า จะเป็นทุนก้อนโตที่สามารถช่วยผลักไปจนพบความสำเร็จได้

เห็นค่าในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ขายเป็นในสิ่งที่คนต้องการ

หลายคนมองว่าหมอเสริฐเป็นนักลงทุนที่กล้าได้กล้าเสีย กล้าทุ่มเงินก้อนใหญ่จากการเปิดดีลหลักหมื่นล้านถึงแสนล้าน แต่ความจริงสำหรับเรานี่อาจเทียบไม่ได้เลยกับก้าวแรกของหมอนักธุรกิจที่ลงทุนไปสร้างสนามบินถึง “สมุย” ลุยธุรกิจการบิน ในวันที่ “สมุย” เป็นเพียงพื้นที่ไร้ค่าสำหรับการท่องเที่ยว

“บนเกาะสมุยเนี่ย จริง ๆ ไม่มีใครเห็นด้วยเลย ไม่มีใครซัพพอร์ต เพราะว่ามันไม่มีอะไรขาย วัฒนธรรมก็ไม่มี การละเล่นก็ไม่มี ทีนี้ผมเชื่ออย่างว่าอะไรถ้าพยายามทำ มันจะต้องออกมาได้”

เมื่อสมุยไม่มีอะไร แล้วคุณจะขายอะไร ?

อันนี้เราลองตั้งโจทย์ให้เล่น ๆ ให้ลองคิดภาพตาม ช่วงเวลานั้นนักธุรกิจที่มีความรู้ด้านศัลยแพทย์อย่างเขาต้องใช้เวลานับเดือนมาตีโจทย์ให้แตก ผ่าชำแหละจุดขายในพื้นที่สิ้นหวัง สุดท้ายเขาก็ได้คำตอบที่แหวกไม่เหมือนที่อื่น แถมยังทะเยอทะยานด้วยการพามันไปถึงปารีส ต้องยอมรับเลยว่าไม่ใช่แค่ตำแหน่งของแพทย์หรือนักธุรกิจที่เขาทำได้ดี แต่เขายังเป็นครีเอทีฟโฆษณาที่หาตัวจับได้ยากด้วย

“จะขายอะไรเกาะสมุย ขาย SUN SEA SAND 3 อย่าง ผมก็ไปนั่งหาเปิดประวัติประเทศไหนที่ไม่มี SUN SEA SAND ก็ไปเจอประเทศใน Land Block Country ในยุโรป พวกออสเตรีย ฮังการี แล้วเราก็ไปตั้งออฟฟิศอยู่ในปารีส ฌ็อง เซลิเซ่ 2 ปี ตรงนี้มันก็เป็นเรื่องที่ต่อสู้และท้าทาย”

สุดท้ายสิ่งที่เขาคิดและลงมือ นำมาสู่บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ประกอบธุรกิจสายการบินภายใต้ชื่อ บางกอกแอร์เวย์ส สายการบินพาณิชย์แห่งแรกของประเทศที่บินทั้งในและนอกประเทศ มีโฆษณาของญาญ่าเป็นพรีเซนเตอร์และเพลงติดหู

กิน “หุ้น” หมากการขยาย ASSET หยิบคนเก่ง หยิบของเดิมมาปั้นให้ดีกว่า

หลายคนจะมองว่าสิ่งที่หมอเสริฐทำคือการกินรวบธุรกิจ ค่อย ๆ งับหุ้นโรงพยาบาลไปเรื่อย ๆ ให้โตขึ้น ๆ แต่วิธีการกิน “หุ้น” ของเขาถือว่าน่าสนใจทีเดียว เพราะการเทคโอเวอร์ผ่านหุ้นแบบนี้ มันทำให้เขาได้ทั้งคน ทั้งของ ไม่ต้องไปนั่งลงทุนใหม่รองอกเงยให้เสียเวลา ยิ่งเฉพาะกับกลุ่มโรงพยาบาล การเกาะกลุ่มกันไว้ให้แข็งแรงยังสามารถช่วยแชร์เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ แชร์คนระหว่างกันเพื่อพัฒนาคุณภาพการรักษาได้ และเมื่อการรักษามีประสิทธิภาพ แน่นอนว่ายังไงก็ต้องได้รับความเชื่อมั่นอย่างแน่นอน รวมทั้งราคาค่ารักษาเองก็ถูกลงสำหรับผู้เข้ารักษาด้วย

ที่สำคัญเรื่องความเชี่ยวชาญของตลาดทุนก็ไม่น่าสงสัย เพราะนี่คือตลาดที่เขาบุกเบิกและคุ้นชิน ทั้งการก่อตั้งโรงพยาบาลภาคเอกชนและสายการบิน ฯลฯ ครอบคลุมครบถ้วน

อีกทั้งด้านการแพทย์ที่ปิดดีลปาร์คนายเลิศเมื่อปีที่แล้วเพื่อพัฒนาศูนย์ Healthcare ยังชี้ให้เห็นว่าเมื่อนายแพทย์อย่างเขาขึ้นมานั่งแท่นบริหาร อายุที่เพิ่ม ไม่ได้ทำให้ช่องทางทางธุรกิจชราหรือหย่อนลงตามวัย กลับยิ่งชัดเจนและนับวันก็ยิ่งก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นกำไรเป็นกอบเป็นกำ ทำให้เราไม่แปลกใจเมื่อใครบอกว่า วันนี้ BDMS เป็นหนึ่งในกลุ่มโรงพยาบาลที่สามารถโดดไปเหยียบระดับ Top 5 ของโลกแล้ว

“คิดว่าในบั้นปลายมันก็เที่ยว แล้วก็แก่อยู่ยังไง แก่แล้วก็ Healthcare Center เราถึงได้จับตรงนี้”

ติดตามเรื่องราวแก่นการทำธุรกิจที่น่าสนใจไม่จำกัดไซซ์ อ่านธุรกิจผ่านองค์กรและคนได้ทุกอาทิตย์ที่ “UNLOCK CORP” ใน UNLOCKMEN

SOURCE: 1 / 2 / 3 / 4 / 5