

Guide
MAN UP: WINE 101 รวมทุกศาสตร์เบื้องต้นเรื่อง “ไวน์” เพื่อการดำดิ่งสู่บทกวีองุ่นที่ถูกบรรจุลงสู่ขวด
By: Chaipohn May 1, 2021 199701
“ไวน์คือบทกวีที่ถูกบรรจุลงสู่ขวด” เป็นคำที่นักเขียนชาวสก็อตติชอย่าง Robert Louis Stevenson เคยกล่าวเอาไว้
ซึ่ง UNLOCKMEN ว่านี่ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินความจริงแต่อย่างใด เพราะไวน์เป็นเครื่องดื่มอันเต็มไปด้วยความซับซ้อนและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดชวนให้ผู้ชายอย่างเราเข้าไปสัมผัส นอกจากนั้นวัฒนธรรมแห่งการดื่มไวน์ได้กลายเป็นศิลปะการลองลิ้มชิมรสสุดคลาสสิกที่ผู้ชายคูล ๆ ทุกคนไม่ควรพลาด การรู้เรื่องไวน์ประดับตัวไว้จึงเป็นทั้งการยกความเท่ของผู้ชายอย่างเราให้สูงขึ้นไปอีกระดับ แถมยังช่วยให้เราเข้าสังคมแห่งการดื่มไวน์ได้อย่างดื่มด่ำยิ่งขึ้น
ผู้ชายแมน ๆ คนไหนที่เคยคิดไว้ว่าการดื่มไวน์นั้นยากแสนยาก วันนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดกันใหม่ เพราะการได้รู้จักเครื่องดื่มแห่งความลุ่มลึกมีระดับอย่างไวน์จะทำให้เราติดใจจนบอกได้เลยว่ามันคุ้มค่าที่จะลิ้มลองบทกวีบรรจุขวดให้ลึกซึ้ง ถ้าพร้อมจะดำดิ่งไปกับความคลาสสิกในโลกของไวน์แล้ว UNLOCK WINE 101 ที่เก็บเรื่องไวน์พื้นฐานให้ครบถ้วนทุกเม็ดก็พร้อมจะปลดล็อกศักยภาพการสัมผัสไวน์ให้คุณถึงที่แล้วเช่นกัน
สำหรับมือใหม่ที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ การเริ่มต้นนับหนึ่งในโลกของไวน์จะเป็นไปอย่างราบรื่น มีระดับและไม่ซับซ้อน ถ้าเราเริ่มจากพื้นฐานของไวน์กันก่อน โดยคำถามสุดเบสิคที่เราควรรู้ก็คือ “ไวน์คืออะไร?”
นอกจากความงดงามคล้ายบทกวีแล้ว ไวน์คือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากการหมักของน้ำองุ่นที่ได้จากผลองุ่นสด ๆ นั่นเอง โดยแต่ละท้องที่ก็จะมีกระบวนการผลิตแตกต่างกันไปตามสไตล์ที่แต่ละท้องถิ่นกำหนดขึ้น
ถ้าในหัวผู้ชายอย่างเรายังนึกออกแค่ไวน์แดงกับไวน์ขาวก็ไม่ต้องห่วงไป ครั้งนี้เราจะพามาทำความเข้าใจไวน์ 3 ประเภทที่แบ่งตามเทคนิคการผลิตให้เข้าใจแจ่มแจ้งกันไปเลย
เริ่มต้นกันที่ Still Wine เป็นไวน์ที่ไม่มีฟอง หรือพูดง่าย ๆ คือไม่มีการอัดก๊าซ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 8-15% Still Wine แบ่งออกเป็นไวน์ได้อีก 3 ชนิดตามสีของไวน์ หนึ่งในนั้นก็คือไวน์ขาว ไวน์แดงที่ผู้ชายทุกคนรู้จักกันดีนั่นเอง
Sparkling Wine หรือสปาร์คกลิ้งไวน์ ชื่อนี้ขาปาร์ตี้คุ้นหูกันดี ความพิเศษที่ต่างจากประเภทอื่นเพราะมีความซ่า หรือเป็นไวน์มีฟองจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการหมักทำให้กินได้เพลินในบรรยากาศรื่นเริง มีแอลกอฮอล์ 8-14%
ผู้ชายคนไหนที่ใจฝักใฝ่ไวน์ที่หวานตามธรรมชาติขึ้นมาสักหน่อย และร่างกายต้องการแรงปะทะจากระดับแอลกอฮอล์ในไวน์ที่สูงขึ้นมาอีกระดับ เราก็ขอแนะนำให้รู้จัก Fortified Wine หรือ ฟอร์ติไฟด์ ไวน์ ซึ่งเป็นไวน์ที่มีการเติมแอลกอฮอล์จากบรั่นดีหรือวอดก้าลงไปในขั้นตอนการผลิต ผลที่ได้ก็คือไวน์จะมีรสชาติหวานตามธรรมชาติมากขึ้น และมักจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงขึ้น โดยมีปริมาณแอลกอฮอล์ประมาณ 17-22%
นอกจากนี้ ไวน์ยังแบ่งตามความหวานจาก Dry ถึง Sweet
หลายครั้งที่เดินเข้าร้านไวน์ แล้วตาไวไปเห็นปี ค.ศ.ระบุอยู่บนฉลากไวน์ ผู้ชายอย่างเราก็คงพอจะเดาได้ไม่ยากว่ามันคือปีที่ผลิตของไวน์ขวดนั้น ๆ แต่ อ้าว ทำไมไวน์บางขวดถึงไม่มีปีที่ผลิตระบุไว้ล่ะ? ไวน์ปลอมหรือเปล่า ทำไมถึงไม่มีที่มาที่ไป? ไม่ต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้กับตัวอีกต่อไป เพราะนั่นคือความแตกต่างขั้นเบสิคที่เราสังเกตเห็นได้ระหว่าง Vintage Wine กับ Non-Vintage Wine
แต่ความลุ่มลึกของ Vintage Wine กับ Non-Vintage Wine ไม่ได้จบอยู่แค่ปีที่ผลิตที่แปะหรือไม่แปะอยู่บนฉลากเท่านั้น แต่ยังมีความน่าสนใจอื่น ๆ รอให้เข้าใจอีกด้วย
บ่อยครั้งที่จับแก้วไวน์ ๆ ดู ๆ ดม ๆ แล้วจิบแล้วได้ยินคนพูดถึงบอดี้ของไวน์ จนเรางง ๆ ว่า เฮ้ย ไวน์ต้องมีบอดี้ด้วยเหรอ? บอดี้ของไวน์คืออะไร มันมาจากไหน เราจะเล่าให้ฟัง บอดี้ของไวน์มีที่มาจากปัจจัยสุดหลากหลาย แต่ปัจจัยหลักที่เอาไว้ไปคุยให้คนอื่นฟังได้แบบชิล ๆ เลยคือ “แอลกอฮอล์” ดังนั้นการรู้ว่าไวน์ขวดนั้นมีปริมาณแอลกอฮอล์เท่าไหร่จากฉลากที่แปะบอกไว้อยู่แล้วจึงเป็นทริคดี ๆ ที่เราจะรู้ว่าบอดี้ของไวน์ที่เรากำลังดื่มนั้นเป็นแบบไหน
ถ้าเป็นอย่างอื่น เรื่องภายนอกอาจไม่สำคัญ แต่กับเรื่องไวน์บอกได้คำเดียวว่าสำคัญตั้งแต่ภายในอย่างพันธุ์องุ่นยันเรื่องภายนอกอย่างแก้วที่ใช้บรรจุไวน์ เพราะการดื่มไวน์ถือเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่ง ผู้คนจึงได้พยายามเสาะแสวงหาแก้วไวน์ที่เหมาะสมกับไวน์แต่ละประเภท แก้วไวน์ที่ดีจะทำให้ไวน์แสดงรสชาติและเปิดเผยคาแรคเตอร์ที่แท้จริงออกมาได้มากที่สุด โดยแก้วไวน์ที่เหมาะกับไวน์แต่ละชนิดก็จะถูกดีไซน์ออกมาแตกต่างกันทั้งความสูง ความกว้าง รูปทรง ดังนั้นแก้วไวน์จึงส่งผลต่อการดื่มไวน์โดยตรงแน่นอน
Variety ของไวน์กลายเป็นอีกหนึ่งคำที่ถูกพูดถึงกันมากในผู้ดื่มไวน์ โดย Variety ที่ว่านี้พูดถึงพันธุ์องุ่นที่นำมาผลิตไวน์ โดยสายพันธุ์องุ่นนี่ถือเป็นเรื่องสุดสำคัญ เพราะส่งผลต่อรสชาติไวน์ที่แตกต่างกันไปด้วย
PINOT NOIR
องุ่นสายพันธุ์ Pinot Noir เองขึ้นชื่อในเรื่องความใส่ใจและซับซ้อนในขั้นตอนการปลูก รวมไปถึงวิธีการดูแลรักษา เพราะต้องอยู่ในดินที่มีอุณหภูมิเฉพาะเท่านั้น และด้วยความยุ่งยากนี้เอง ที่ทำให้องุ่นสายพันธุ์ Pinot Noir มีอยู่น้อยนิดเท่านั้น เมื่อเทียบกับองุ่นพันธุ์อื่น ๆ ไวน์ Pinot Noir ขวดหนึ่งจึงมีราคาที่ไม่ย่อมเยาว์นัก แต่มันก็คุ้มค่า ที่จะลองลิ้มรสของ Pinot Noir ดี ๆ สักครั้ง ยิ่งเก็บไว้ก็จะยิ่งได้รสชาติที่ซับซ้อนและละมุนขึ้น
MERLOT
องุ่นสายพันธุ์ Merlot ถือเป็น หนึ่งในองุ่นพันธุ์ชั้นนำของโลก สามารถเจริญเติบโตได้ดีมาก ในสภาพอากาศหนาวเย็น ไวน์แดงแบบ Merlot ส่วนใหญ่มักมีเปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ที่สูงกว่า ไวน์แดงที่ใช้องุ่นพันธุ์อื่น ๆ โดยปกแล้ว Merlot จะมีปริมาณ แอลกอฮอล์อยู่ที่ 13% ซึ่งถือว่าสูงใช้ได้เลยทีเดียว แต่รับรองว่ากลิ่นหอมหวานชื่นใจ ยิ่งบ่มในถังไม่โอ๊กนาน ๆ จะได้รสชาติที่ไม่หนักเกินไป แถมดื่มง่าย
CABERNET SAUVIGNON
สำหรับไวน์แดงที่มาจากองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากมายนัก เพราะมันคือ เจ้าของสมญานาม “King of Red Grapes” หรือ “ราชาแห่งพันธุ์องุ่นโลก” เพราะเป็นพันธุ์องุ่นที่ปลูกเยอะที่สุดในโลก องุ่นสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดมาจาก Bordeaux ทนสภาพอากาศทั้งหนาวและร้อน ให้รสชาติเปรี้ยวและฝาด
MALBEC
องุ่นพันธุ์ Malbec ที่คุณภาพดีที่สุดจะอยู่ที่ประเทศอาร์เจนตินา ความพิเศษคือการปลูกบนยอดเขาสูง ไวน์ที่ได้จากองุ่นพันธุ์ Malbec จะมีความเปรี้ยว ได้กลิ่นหอมผลไม้ที่ซับซ้อน ให้รสชาติร้อนแรงปนความฝาดที่หนักหน่วง โดยปัจจุบัน Malbec ยังเป็นหนึ่งใน 5 องุ่นไวน์แดงอันดับต้น ๆ ที่คนนิยม ยิ่งใครที่หัดจิบไวน์ใหม่ ๆ Malbec ถือเป็นทางเลือกที่ไว้ใจได้ และไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังแน่นอน
SYRAH/SHIRAZ
องุ่นชนิดเดียว แต่มีถึง 2 ชื่อ เพราะใน Europe และ Califonia องุ่นชนิดนี้ถูกเรียกว่า Syrah แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ในประเทศ Australia และ ใน South Afica หรือประเทศที่ผลิต Non-Vintage Wine จะเรียกพวกมันด้วยอีกชื่อก็คือ SHIRAZ แต่ความจริงของ สุดยอดไวน์แดงอย่าง Syrah/Shiraz นี้ เกิดขึ้นที่ Franch จากนั้น มันก็ได้กลายเป็น องุ่น Signature ของประเทศ Australia ไปซะอย่างนั้น จนในปี 2010 องุ่น Syrah/Shiraz ประมาณร้อยละ 23 จากทั้งหมด เป็น องุ่น Syrah/Shiraz ที่มาจากประเทศ Australia โดยมีรสชาติจัดจ้านโดดเด่น ให้กลิ่นหอมผลไม้สุกงอม
SAUVIGNON BLANC
Sauvignon Blanc แปลว่า “Wild White” มันเป็นไวน์ขาวที่มีต้นกำเนิดจากหุบเขา Loire ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศสนอกจากที่หุบเขาแห่งนี้แล้ว อีกสถานที่นึงที่มีองุ่นพันธุ์หายากนี้ ก็คือ ที่ Marlborough ใน New Zealand เท่านั้น Sauvignon Blanc เป็นพันธุ์องุ่นที่ไวน์ขาว Light Bodied และ Medium Bodied มีความ Dry และมีความเป็นกรดสูง ผู้ดื่มจึงรู้สึกได้ถึงความเปรี้ยวสดชื่นมีชีวิตชีวา มันจึงเป็นไวน์ที่มีรสชาติหอมหวาน และง่ายต่อการดื่มมากที่สุดตัวนึง
CHARDONNAY
ชื่อขององุ่นพันธุ์ Chardonnay เชื่อว่า แม้แต่คนที่ไม่ศึกษาเรื่องไวน์อย่างลึกซึ้ง ก็เคยได้ยินผ่านหูกันมาอย่างแน่นอน และถ้าหาก ไวน์แดงอย่าง Cabernet Sauvignon ถูกยกย่องให้เป็น “King of Red Wine” ไวน์ขาวอย่าง Chardonnay ก็คงจะเป็น “Queen of White Wine” อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นองุ่นขาวที่ปลูกเยอะที่สุดในโลก มีสีเหลืองอ่อนเหมือนสีน้ำผึ้ง รสชาติไม่เปรี้ยวมาก กลิ่นหอมซับซ้อนและให้ความสดชื่นได้เป็นอย่างดี
SEMILLON
องุ่นพันธุ์นี้สีเหลืองทอง และใครที่หลงใหลในความมีระดับและสง่างามยิ่งไม่ควรพลาด เพราะรสชาติและโครงสร้างของไวน์นั้นมีระดับเหลือเกิน โดยเฉพาะเมื่อผสมกับองุ่นพันธุ์ Sauvignon Blanc เป็นไวน์หวาน จะได้ไวน์หวานชั้นเยี่ยมราคาสูง แถมเก็บไว้ได้อีกเป็นร้อยปีเลยทีเดียว
รสชาติของไวน์ที่เราได้ลองลิ้มชิมรสเข้าไปจึงมีที่มาจากพันธุ์องุ่นล้วน ๆ ยิ่งพันธุ์องุ่นมีคุณภาพดีมากเท่าไหร่เราก็จะยิ่งได้สัมผัสกับไวน์ที่มีรสชาติดีมากขึ้นเท่านั้น เราอาจสงสัยว่าแล้วองุ่นที่คุณภาพดีมันมีที่มาจากอะไรบ้าง? เราบอกได้เต็มปากเลยว่า ระดับความสูง (Altitude) ดิน (Soil) และ อากาศ (Climate) คือสิ่งที่มีความสำคัญสูงที่กว่าจะได้องุ่นพันธุ์ดีมาให้เราได้สัมผัส ไวน์ที่ดีจากองุ่นที่มีคุณภาพต้องมาจากระดับความสูง ดินและอากาศที่เหมาะสม
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้องุ่นพันธุ์ที่มาจากเมืองเมนโดซา (Mendoza) ประเทศอาร์เจนตินามีความพิเศษหาตัวจับยาก เพราะเมืองเมนโดซาตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส (Andes) ซึ่งทำให้สภาพภูมิศาสตร์และภูมิอากาศเหมาะที่จะรังสรรค์ไวน์ชั้นเยี่ยมออกมาสู่นักดื่มไวน์ทั่วโลก พร้อมสรรพไปด้วยคุณสมบัติ 3 อย่างทั้ง ระดับความสูง (Altitude) ดิน (Soil) และ อากาศ (Climate) ที่เป็นปัจจัยให้ได้องุ่นพันธุ์ดีเพื่อผลิตไวน์ที่ควรค่าแก่การลิ้มลองสักครั้งในชีวิต
UNLOCK WINE 101 วันนี้ก็ครบเครื่องทุกกระบวนท่าของไวน์ไปแล้ว ที่เหลือก็เหลือแค่ผู้ชายอย่างเรา ๆ จะลงมือเลือกไวน์มาดื่มเองสักขวด ลิ้มรสดูว่าบทกวีที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะอย่างไวน์มันจะลุ่มลึกสมคำร่ำลือแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ การเรียนรู้ WINE 101 พร้อมบอกที่มาและปัจจัยคุณภาพของพันธุ์องุ่นได้ ก็สร้างความคูลและมีมิติให้การดื่มไวน์เพื่อเข้าสังคมครั้งหน้าได้อย่างเท่ขึ้นแน่นอน