

Entertainment
ULM Now & Then Trendy Music : สำรวจเทรนด์ดนตรี Post-Punk ที่กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง
By: unlockmen July 5, 2021 202745
จากดนตรีอินดี้หัวก้าวหน้าที่มาเพื่อโค่นดนตรี Punk รุ่นแรก ที่นักวิจารณ์กล่าวขานว่าเป็น “คลื่นลูกใหม่” เพราะอะไรดนตรีขบถของคนรุ่นก่อน ถึงย้อนเข็มนาฬิกากลับมาอินอีกครั้งในยุคนี้ มาทำความรู้จักแนวดนตรีที่เปรียบดั่งความหวังของทศวรรษใหม่ไปพร้อมๆกัน
Then – The Birth of Post-Punk
แนวดนตรี Post-Punk นั้นเกิดขึ้นจากจากการต่อต้านดนตรี Punk ในยุคปลายทศวรรษที่ 70s เหตุจากวง Punk เหล่านั้น ที่มีหัวหอกอย่าง Sex Pistol / The Clash / The Damned นั้นมักจะหัวรุนแรง กักขฬะ และขวางโลกอย่างไร้อารยะ แถมบางวงยังใช้ความ Punk เล่นดนตรีราวกับคนเล่นดนตรีไม่เป็น เน้นทำตัวแปลกแยกสังคมก็ดังแล้ว กลุ่มนักดนตรีกลุ่มหนึ่งที่มีแนวคิดต่อต้านสังคมเช่นกัน แต่มีความสนใจในศิลปะ และความลุ่มลึกทางดนตรีที่มากกว่า จึงตั้งใจทำดนตรีที่อาร์ต มีความใส่ใจทางดนตรีอันซับซ้อนที่วง Punk ที่เน้นแต่ความรุนแรงสั้นกระชับจนเกินไปให้ไม่ได้ แถมยังเปิดกว้างในแนวทางที่หลากหลายและกว้างขวาง
แนวเพลง Post-Punk คือ Punk Rock อันแสนทะเยอทะยาน มีความกลมกลืนของเมโลดี้ / ริธึ่ม และเนื้อหาที่แสดงออกถึงศิลปะและบทกวี ในขณะที่ยังคงโครงสร้างบางอย่างของดนตรี Punk เอาไว้ โดยวงที่จุดประกายในแนวทางนี้ได้แก่ Gang of Four, Wire, Joy Division, The Smiths, Echo & the Bunnymen, Sonic Youth และ Fugazi ที่ช่วยผลักดันและสร้างสังคมของคนดนตรี ให้แข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ วงดนตรี Post-Punk นั้นเกิดขึ้นจากแฟนเพลงที่ติดตามชมคอนเสิร์ตของวงอย่าง Sex Pistols, Ramones, New York Dolls และเห็นข้อเสียของวงเหล่านั้น จึงตั้งวงและบัญญัติแนวดนตรีที่แตกต่างนี้ขึ้นมาเอง
จนกระทั่ง Post-Punk เบียดดนตรี Punk จนตกขอบได้สำเร็จในช่วงต้นยุค 80s และยึดครองชาร์ตดนตรีได้ ประกอบการจากไปก่อนวัยอันควรของ Ian Curtis จนกลายเป็นตำนาน ค่ายเพลงต่างเล็งเห็นเทรนด์ดนตรีใหม่ ต้องการผลักดันเทรนด์ดนตรีนี้ในวงกว้าง จึงเพิ่มความพ็อพของดนตรีให้วงกว้างได้ฟังมากขึ้น และผลักดันคำว่า New Wave ให้กลายเป็นกระแสดนตรีหลักด้วยวงอย่าง Talking Heads, New Order, Depeche Mode และ Duran Duran ซึ่งในความเป็นจริง ทั้ง Post-Punk และ New Wave นั้นก็เดินมาคู่กันเสมอ แต่เหล่าวง Post-Punk กลับไม่ปลื้มกับคำว่า New Wave สักเท่าไหร่ ถ้าจะให้คำนี้ โปรดเรียกเขาว่า No Wave จะดีกว่า
Post-Punk Scene กระจายตามหัวเมืองต่างๆของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น นิวยอร์ก วอชิงตัน บอสตัน และชิคาโก และส่วนในอังกฤษอย่างลอนดอน แมนเชสเตอร์ และลีดส์ โดยอัตลักษณ์ของ Post-Punk นั้นจะบูชาความอาร์ตจากวงร็อครุ่นพี่อย่าง The Velvet Underground / David Bowie และ Brian Eno ขณะเดียวกันก็ค่อยๆแตกแขนงแนวทางไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น U2 / The Cure / The Police / The Smiths ซึ่งวงเหล่านี้ก็ผลักดันตัวเองจนกลายร่างเป็นเมนสตรีมร็อคแถวหน้าของวงการ จน Post-Punk ค่อยๆเสื่อมความนิยมตามกาลเวลาในช่วงกลางทศวรรษที่ 90s จากการมาของดนตรี Britpop / Nu Metal และ Pop Punk ที่มาทำให้ดนตรี Post-Punk ล่มสลายในกระแสไปในที่สุด
“Top 5 Best Post-Punk Band – The Original”
หากกล่าวถึงดนตรี Post-Punk และไม่กล่าวถึง Joy Division ก็คงไม่ได้ วงดนตรีแห่งตำนานจากเมืองเซลฟอร์ด ที่โดดเด่นทั้งการแสดงอันแสนบ้าคลั่งของ Ian Curtis บทเพลงที่สะท้อนความเจ็บปวดรวดร้าว และปกแผ่นเสียงที่กลายเป็น Icon แห่งยุคสมัย รวมไปถึงการตายของ Ian เองก็ผลักดันให้วง joy Division กลายเป็น Icon สำคัญของดนตรี Post-Punk ไปตลอดกาล ถึงแม้สมาชิกในวงที่เหลือจะเปลี่ยนชื่อไปเป็น New Order แต่จิตวิญญาณและความขบถผ่านดนตรีนั้นยังฝังลึกอยู่กับพวกเขาไปตราบนานเท่านาน
Best Album : Unknown Pleasures (1979)
วงดนตรี Gothic Rock ผู้นำความบอบช้ำถ่ายทอดความร้าวรานผ่านบทเพลงที่เปรียบดั่งบทกวี จากการนำของฟรอนท์แมนหัวยุ่ง Robert Smith ที่พาคนฟังสู่ห้วงแห่งความช้ำตรม ท่ามกลางความมืดดำของอารมณ์ กลับเปล่งประกายความงดงามของเมโลดี้ ด้วยเสียงเบสที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ The Cure กลายเป้นสัญลักษณ์แห่ง Post-Punk หน่วงอารมณ์ที่ยืนยงในวงการจวบจนปัจจุบัน
Best Album : Disintegration (1989)
จากวง Punk Rock ในยุคต้น สู่การพัฒนาตัวตนเพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นวง Post-Punk สุดอาร์ต ที่มีการเสนอที่โดดเด่นไปด้วยเสียง Noise ที่แตกพร่า ด้วยการผสมผสานเอฟเฟคต์กีตาร์และซินธิไซเซอร์อันแสนจัดจ้าน และความระห่ำของการแสดงสด ก็พัฒนาจนกลายเป็นต้นธารของดนตรี Hardcore Punk ในกาลต่อมา
Best Album : Pink Flag (1977)
Post-Punk จอมขยันแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ที่ก่อกำเนิดขึ้นในยุค Punk เบ่งบาน ก่อนจะค้นพบเสรีภาพทางดนตรีสามารถไปได้ไกลกว่าการทำตัวขวางโลกหรือสับคอร์ดสั้นๆ หลังจากนั้น The Fall ก็ทดลองทำดนตรีออกมาไม่ยั้ง โดยมีศูนย์กลางของวงคือ Mark E. Smith ที่สลับสับเปลี่ยนสมาชิกจนถูกบรรจุว่าวงๆนี้มีสมาชิกในวงแบบชั่วคราว รวมกันทั้งหมดถึง 66 คน รวมไปถึงอัลบั้มที่เขาลงมือทำ จำนวนถึง 30 กว่าอัลบั้ม
Best Album : This Nation’s Saving Grace (1985)
ข้ามมาดูซีนดนตรี Post-Punk ในสหรัฐอเมริกาบ้าง กับ Talking Heads วงดนตรีจากนิวยอร์คที่ได้รับการขนานนามว่า “เป็นวง Post-Punk ที่หลอมรวมดนตรี Art Rock – Punk – Funk เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนและล้ำยุค จนทำให้วัฒนธรรม Post-Punk แข็งแรงและทรงพลัง และได้รับความนิยมในวงกว้างอย่างมหัศจรรย์
Best Album : Fear of Music (1979)
อันที่จริง Post-Punk นั้นแทบไม่ได้จากหรือหายไปในในเทรนด์ดนตรีเลย ยังมีศิลปินรุ่นใหม่ที่สืบทอดอำนาจของดนตรีแนวนี้จากรุ่นสู่รุ่นอยู่เสมอ หากแต่ช่วงเวลาปัจจุบัน เทรนด์ของดนตรี Post-Punk นั้นกลับมาอย่างชวนให้แปลกใจ ไม่ว่าจะเป็น Idles / Shame / Black Midi / Fontaines D.C. ไปจนถึง Dry Cleaning และ Squid ที่เลือกทำดนตรี Post-Punk ในช่วงเวลาใกล้ๆกัน โดยเทรนด์ดนตรีนี้กระหึ่มทั้งฝั่ง US และ UK ซึ่งคาดเดาว่าน่าจะเกิดจากความเบื่อหน่ายของสูญญากาศทางดนตรีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่ดนตรีร็อคนั้นแผ่วลงอย่างน่าใจหาย และดนตรี Hip-Hop / R&B / Bedroom Pop ก็มายึดเทรนด์ดนตรีจนล้นชาร์ต ทำให้เหล่านักดนตรีที่ต้องการฝ่าลมล้อมของกระแสดนตรีหลักรวมตัวกันทำอัลบั้มแนวนี้ขึ้นมา จนในปีนี้มีอัลบั้ม Post-Punk เจ๋งๆ คลอดออกมามากมาย และกลายเป็นเทรนด์ดนตรีที่น่าจับตาแห่งยุคเลยดีเดียว นอกจาก Post-Punk ที่เป็นหัวเชื้อในการทำดนตรีแล้ว พวกเขายังแตกขยายแนวดนตรีเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับวงการอีกด้วย
“Top 5 Best Post-Punk Band – The New Hope”
วงดนตรีสายทดลอง เมด อิน ลอนดอน ที่หลอมรวมดนตรีสาย Math Rock / Progressive Rock / Noise Rock และ Post-Punk เอาไว้ในวงเดียว สื่อมวลชนหลายเจ้าต่างยกย่องพวกเขาในฐานะผู้สร้างปรากฏการณ์สำคัญให้กับซีนดนตรีพังค์ยุคใหม่ ตั้งแต่อัลบั้มชุดแรกของเขา Schlagenheim วางจำหน่ายในปี 2019 ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเขาคือความน่าตื่นเต้นของดนตรียุคใหม่” โดยล่าสุดพวกเขาเพิ่งออกอัลบั้ม Cavalcade ที่ยอดเยี่ยมและเจ๋งไม่แพ้ชุดแรกเลย
Best Album : Cavalcade (2021)
Post-Punk Band จากลอนดอนตอนใต้ ที่รักษาเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม Post-Punk ในอดีต ด้วยบทเพลงสุดระห่ำ ที่เล่าถึงวิถีชีวิตของชาวลอนดอน ที่เติมเต็มทุกความรู้สึกของชนชั้นกลางไปยันชนชั้นแรงงาน จึงเป็นความจัดจ้านที่สะท้อนภาพปากกัดตีนถีบด้วยดนตรีพังค์ที่มันส์และสะท้อนสังคมไปในตัว
Best Album : Songs of Praise (2018)
วง Post-Punk จากบริซทอล ที่สืบทอดความรู้สึกนึกคิด และวิถีแห่งความพังค์เอาไว้ในบทเพลงที่เล่าถึงชนชั้นกรรมมาชีพ ขณะเดียวกันก็เติมเต็มด้วยบีทแดนซ์ยับที่พร้อมให้คนฟังขยับแข้งขยับขาตามอย่างเมามันส์ พวกเขาแสดงความโกรธเคืองสังคมและระบายออกด้วยการกระหน่ำคุณด้วยบีทซ้ำๆวนๆที่พร้อมกระแทกกระทั้นคุณให้จุกอกไปข้าง นับเป็นวงที่ได้รับการโหวตจากแฟนเพลงว่า “เป็นวงที่แสดงสดได้มันส์สุดติ่งแห่งทศวรรษนี้”
Best Album : Joy as an Act of Resistance (2018)
วงสุดระห่ำจากดับลิน ไอซ์แลนด์ ที่เสนอบทเพลงภายใต้ดนตรีเมโลดี้ที่ติดหู และการเขียนเพลงที่เป็นบทกวีในชิ้นเนื้อดนตรีที่ซับซ้อน แต่สุดมันส์ พวกเขาแจ้งเกิดในอัลบั้มแรกที่ได้เข้าชิงรางวัล Mercury Prize ก่อนจะกลายเป็นความหวังของวงการ Post-Punk ด้วยการพาอัลบั้มชุดที่ 2 ทะยานขึ้นชาร์ทอันดับต้นๆของ UK. โดยเหล่านักวิจารณ์ดนตรีต่างพากันฝากความหวังไว้กับพวกเขาในฐานะผู้เรียกคืนลมหายใจแห่งดนตรีร็อคให้กลับคืนมา
Best Album : A Hero’s Death (2020)
วงจากลอนดอน เพื่อนซ๊้สายทดลองของวง Black Midi ที่แม้ผลงานจะออกมาเพียงชุดเดียว แต่ก็เต็มไปด้วยสีสันและความซับซ้อนของดนตรีทดลอง พวกเขาและเธอทั้ง 7 คน สร้างความตื่นตะลึงด้วยดนตรีที่แสนทะเยอทะยาน จัดจ้านในแนวทางร็อคและแจ๊สที่กอดคอร่วมกันจนกลายเป็นสไตล์ที่จัดจ้านเฉพาะตัว จนอัลบั้ม For the First Time คือว่าที่ของอัลบั้มแห่งปี 2021 อย่างไม่ต้องสงสัย
Best Album : For the First Time (2021)
และนี่คือ 5+5 วง Post-Punk สุดเจ๋ง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่ทุกคนควรทำความรู้จักเทรนด์ดนตรีที่มาแรงแห่งยุคนี้ เพราะดนตรีไม่มีวันตาย มันพร้อมจะกลับมาเมื่อถึงเวลาอันสมควร