

FASHION
George Clooney x Omega Speedmaster พระเอกมาดนุ่มกับเรือนเวลาแห่งประวัติศาสตร์
By: NTman March 23, 2017 56063
หากเอ่ยถึงนาฬิกา แทบทุกคนจะต้องนึกถึงเครื่องบอกเวลาคู่กายมนุษย์ขึ้นมาเป็นอันดับแรก แต่สำหรับแบรนด์นาฬิการะดับโลกที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน หน้าที่ของมันย่อมมีมากกว่าการบอกเวลา ด้วยโอกาสในการได้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติ ทำหน้าที่แสดงช่วงเวลาสำคัญ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวเหล่านั้นจะได้รับการถูกกล่าวขานต่อไปไม่รู้จบ
Speedmaster เป็นซีรี่ส์แห่งเรือนเวลาจากแบรนด์ Omega ที่มีโอกาสได้ผ่านเรื่องราวสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 60 ปี ด้วยจุดเริ่มต้นในการเป็นนาฬิกาสำหรับนักแข่งรถ ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านความแข็งแกร่งทนทาน และมาตรฐานการบอกเวลาที่แม่นยำ ส่งผลให้ Omega Speedmaster เป็นนาฬิกาเรือนเดียวที่ผ่านการทดสอบของ NASA จนได้ครอบครองพื้นที่บนข้อมือของนักบินอวกาศทุกรายในโครงการ Apollo นับตั้งแต่ปี 1965 เป็นต้นมา
ช่วงเวลาที่ทำให้ชื่อของ Omega Speedmaster ติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คนทั่วโลก คงหนีไม่พ้นวินาทีที่ยาน Apollo 11 ลงจอดบนพื้นผิวของดวงจันทร์ในวันที่ 20 กรกฏาคม ปี 1969 ซึ่ง Omega Speedmaster เป็นนาฬิกาที่สองนักบินอวกาศ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin สวมใส่ขณะนำก้าวเล็กๆ อันแสนยิ่งใหญ่ของมวลมุษยชาติขึ้นไปฝากรอยประทับเอาไว้บนดวงจันทร์ จนกลายเป็นที่มาของชื่อ The Moon Watch สมญานามแห่งความภาคภูมิใจที่ Omega Speedmaster ได้รับ
และหนึ่งในผู้คนที่ประทับใจกับก้าวแรกของมนุษยชาติบนดวงจันทร์นั้น มีชื่อของ Geoge Clooney พระเอกระดับโลก Brand Ambassador ของ Omega รวมอยู่ด้วย ซึ่ง Clooney เป็นที่รู้จักจากบทบาททางการแสดงอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น คุณหมอรอสส์ (ER, 1994) , มหาเศรษฐีบรู๊ซ เวย์น – แบทแมน (Batman & Robin, 1997), แดนนี่ โอเชียน 18 มงกุฎมาดเนี้ยบ (Ocean’s Eleven – Twelve -Thirteen, 2001, 2004, 2007) นอกจากนี้ Clooney ยังมีโอกาสได้รับบทเป็นนักบินอวกาศ แมทท์ โควัลสกี, (Gravity, 2013) ซึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่านี่คืออาชีพที่เขาหลงใหลมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ความหลงใหลในเรื่องราวเกี่ยวกับการสำรวจอวกาศของ Clooney เริ่มต้นขึ้นในขณะที่เขายังมีอายุเพียง 8 ขวบ เฉกเช่นเดียวกับเด็กๆ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ในยุคนั้น ที่มีเหล่านักบินอวกาศเป็นวีรบุรุษ Clooney เล่าย้อนกลับไปในความทรงจำครั้งนั้นว่า “ตอนที่ยังเป็นเด็กพวกเราตื่นเต้นกันมากครับ เรารู้จักชื่อของนักบินอวกาศทุกคน ได้ลองทานอาหารอวกาศแบบเดียวกับที่นักบินทาน… มีวันหยุดครั้งหนึ่งที่เราขับไปยังบ้านเกิดของ Neil Armstrong ด้วยเหตุผลเพียงแค่ต้องการผ่านบ้านเกิดของวีรบุรุษ เท่านั้นเอง”
แทบไม่น่าเชื่อว่าความหลงใหลการสำรวจอวกาศในวัยเด็ก จะเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง Omega Speedmaster และ George Clooney เข้าด้วยกัน กลายเป็นความผูกพันซึ่งมีมากกว่าหน้าที่ Brand Ambassador ด้วยนาฬิกา Omega เรือนเก่งบนข้อมือคุณพ่อของ Clooney ซึ่งสวมใส่ขณะทั้งคู่ยืนแหงนหน้าไปยังดวงจันทร์ เพื่อเฝ้ามองวินาทีแห่งประวัติศาสตร์จากสนามหลังบ้านย่านชานเมือง เสมือนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับวีรบุรุษผู้ที่ได้ประทับรอยบนพรมแดนใหม่ของมนุษยชาติ และนาฬิกาเรือนนั้นได้เป็นสมบัติตกทอดมาสู่ Clooney ณ ปัจจุบัน โดยพ่อของเขาตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญ หลังจากทราบเรื่องการร่วมงานระหว่าง Clooney และ Omega
“พ่อขึ้นไปหยิบนาฬิกาเรือนนี้ลงมาจากห้องใต้หลังคา หลังจากที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้กว่า 20 ปี” Clooney เล่า “พ่อของผมเริ่มขึ้นลาน จนมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผมเติบโตมาพร้อมๆ กับนาฬิกาข้อมือของพ่อเรือนนี้ ตอนที่พ่อยื่นนาฬิกาให้ มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ เพราะเด็กๆในยุคเดียวกับผมทุกคนต่างทราบดีว่า Omega คือนาฬิกาข้อมือที่เหล่านักบินอวกาศสวมใส่ขณะปฏิบัติภารกิจ”
แม้จะผ่านกาลเวลามาแล้วกว่า 6 ทศวรรษ ในปัจจุบัน Omega Speedmaster ยังคงได้รับการบรรจุให้เป็นส่วนหนึ่งของทุกภารกิจอวกาศแบบที่ใช้มนุษย์และถูกติดตั้งเป็นเครื่องมือบอกเวลาถาวรบนสถานีอวกาศนานาชาติ และคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ Omega ด้วยขั้นตอนการผลิตอันซับซ้อน ใช้เวลารวมเกือบ 14 เดือนเต็มในการตระเตรียมชิ้นส่วนต่างๆ ก่อนที่จะเริ่มสู่ขั้นตอนการประกอบ เพียงแค่การผลิตแท่นเครื่องเพียงอย่างเดียวต้องใช้การประกอบด้วยมือถึง 80 ขั้นตอน เช่นเดียวกันกับครั้งแรกที่เรือนเวลาจาก Omega ได้เผยโฉม ฝีมือมนุษย์ยังคงนับเป็นหัวใจหลักในขั้นตอนการผลิตเสมอมา
ด้วยเหตุผลนี้ Clooney จึงยกให้ Speedmaster เป็นนาฬิกาที่คงไว้ซึ่งความคลาสสิคอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับไวน์เก่าที่ผ่านการบ่มมาอย่างยาวนาน เขาอธิบาย “บางอย่างเป็นสิ่งคลาสสิค และเมื่อมันคลาสสิค ความต้องการที่มีต่อมันจึงไร้ทางต้านทาน คุณจะหัวเสียหากว่าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงไป เราต้องการเทคโนโลยีสมัยใหม่ – อย่างเช่นโทรศัพท์มือถือของเรา – แต่มันมีบางอย่างที่ควรจะคงความดั้งเดิมเอาไว้ บางอย่างที่ถ้าถูกเปลี่ยนปรับไปแล้วจะทำให้หัวใจของเราแตกสลาย”
เรื่องราวอันเป็นตำนานของ Omega Speedmaster ที่เดินทางผ่านหน้าประวัติศาสตร์มาจนครบรอบ 60 ปียังคงดำเนินต่อไป และทำให้เราได้เรียนรู้ว่าอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จจากการท้าทาย ซึ่งเราเชื่อว่า Omega Speedmaster ยังพร้อมตอบสนองความกระหายในการท้าทายความสำเร็จครั้งใหม่ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นในอีก 60 ปีข้างหน้าหรือในอนาคตอีกแสนไกล เช่นเดียวกับที่ George Clooney รู้สึก “ผมไม่กังวลหรอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง” เขากล่าว “ผมเพียงแต่หวังว่าความสำเร็จในครั้งหน้ามันจะยังมีคุณค่า และน่าตื่นเต้นเหมือนกับในวันวาน”