

Guide
The Journey : 24 hours in Bangkok with MG5
By: Chaipohn December 4, 2015 20220
“เมื่อมีโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต จงรีบคว้าเอาไว้ และรู้สึกดีกับมันให้เต็มที่” นี่คือคำแนะนำที่เหมาะกับคนในยุคปัจจุบันมากที่สุด ด้วยการทำงานที่แข่งขันกันดุเดือดมากขึ้นจนลืมเวลาพักผ่อน เติมความสนุกให้ร่างกายเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความพยายามในทุกวันของเรา หรือเรียกอีกอย่างว่า Work-Life Balance นั่นเอง ไม่จำเป็นต้องรอให้เป็นโอกาสสำคัญใหญ่โตเพียงอย่างเดียว ในขณะเดียวกัน เราก็รู้ว่าผู้ชายหลายคนมักจะมีพลังเหลือ แต่ไม่รู้จะไปไหนดี ในกรุงเทพฯ จุดไหนน่าสนใจ จุดไหนน่าไป ด้วยความที่เราอยากสนับสนุนให้ทุกคนออกไปนอกบ้าน เราจึงทำเป็น The Guide แนะนำสถานที่และกิจกรรมต่างๆแบบจัดเต็มใน 1 วัน ตั้งแต่การเสริมความเท่ไปจนถึงกีฬาและร้านอาหารน่าสนใจใน 1 วัน เพื่อเป็นไอเดียในการออกไปใช้พลังแบบ Be Progressive กันให้เต็มที่
ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราได้รถ MG5 ตัวท๊อป 1.5-liter Turbo ใหม่เอี่ยมมาทดลองขับพอดี เราจึงตัดสินใจใช้รถคันนี้นี่แหละในการตะลุยไปตามจุดต่างๆทั่วเมือง พร้อมพลพรรคทีมงาน UNLOCKMEN ทั้งหมด 5 คน จะได้ช่วยกันดูว่ารถคันนี้มีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง
10:30 a.m. ล้างรถให้พร้อมลุยที่ WAC Car Detailing
ปกติเราใช้รถกันทุกวันตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ จะมีโอกาสล้างรถก็วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ซึ่งโดยปกติเราควรจะล้างรถอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งเพื่อป้องกันคราบฝุ่นดำเกาะติดแน่นจนล้างไม่ออกโดยเฉพาะรถสีขาว เราจึงตัดสินใจไปล้างร้านประจำ WAC car detailing ที่ถนนพระราม 4 ขับเข้าไปทาง K-Villege หรือซอยหลัง Big-C พระราม 4 แล้วตรงไปก็จะเจอร้านนี้อยู่ตรงหัวมุม 3 แยกพอดี
ใครเคยผ่านร้านนี้จะเห็นรถ Supercar มากมายจอดเคลือบแก้วกันมากมาย เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมาก แต่ก็ยังมีบริการอื่นๆตั้งแต่ล้างรถดูดฝุ่นธรรมดา ไปจนถึงขัดเคลือบสี ร้านมีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีห้องนั่งพักกว้างขวาง และพนักงานที่แยกกันระหว่างส่วนล้างกับส่วนเช็ดแห้ง ข้อดีของร้านนี้คืออยู่ใกล้ K-Villege และ Nihonmachi ทิ้งรถไว้แล้วไปเดินเล่น ทานอาหารรอได้สบายๆ
บางคนอาจจะไม่กล้าละสายตาจากรถเพราะกลัวรถหาย ซึ่ง MG5 มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือ “inkaNet” ซึ่งเป็น application เชื่อมต่อกับ Smartphone ทั้ง iOS และ Android และมีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจที่ดูจะเจ๋งสุดๆ ก็คือ ระบบเตือนเมื่อรถเคลื่อนที่ออกจากจุดที่จอด ระบบสามารถแจ้งเตือนและส่ง SMS มายัง smartphone ของเรา ทำให้รู้สึกปลอดภัยหายห่วงเวลาจอดรถไว้ไกลหูไกลตา และยังมีระบบอื่นๆทั้งระบบ Navigation การแจ้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งทีมงานรู้สึกว่าสะดวกดีไม่น้อย นั่งเล่น inkaNet อยู่สักพัก เราก็เดินกลับไปจ่ายเงินค่าล้าง + ดูดฝุ่นในราคา 250 บาท ใครอยากลองไปล้างที่นี่ โทรไปเช็คคิวได้ที่เบอร์ 02-665-6678
12:00 p.m. เติมพลังด้วยกาแฟชิวๆที่ KAFFE By Library Ari
เริ่มวันช่วงสายๆ สิ่งแรกที่พวกเราต้องคิดถึงคือกาแฟดีๆสักแก้วในร้านกาแฟสวยๆน่านั่ง เพราะกาแฟนอกจากช่วยให้เราตื่นอย่างมีพลัง บรรยากาศดีๆก็สามารถช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ ขอแนะนำร้านโปรดที่คนยังรู้จักไม่มากนักอย่าง “KAFFE by Library Ari” ร้านที่มีครบทั้งการออกแบบร้านที่สวยงาม เมนูหลากหลายทั้งกาแฟ ของทานเล่น ไปจนถึงอาหารจานหลัก
KAFFE By Library Ari ตั้งอยู่ในบริเวณของ Noble Space เลย La Villa มานิดนึงก่อนถึงปั้มน้ำมัน Caltex แต่กว่าจะเดินทางมาถึงร้านอาจจะต้องผ่านถนนปราบเซียนมากหน่อยเช่น วงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สนามเป้า อารีย์ พหลโยธิน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจราจรหนาแน่น ที่จอดรถหายาก และต้องเปลี่ยนเลนหลบสิ่งกีดขวาง รถจอด รถเลี้ยวกันรัวๆ ทำให้ทีมเรารู้ว่า MG5 มีช่วงล่างที่เซ็ทมาค่อนข้างดี ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถยุโรป ให้น้ำหนักที่ดีเวลาเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลนกะทันหัน ขับผ่านหลุมบ่อบนถนนหลายจุด ก็รู้สึกว่าช่วงล่างนุ่มนวลดี ไม่มีกระแทกกระทั้น นอกจากช่วงล่างที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่แล้ว เท่าที่ได้ข้อมูลมา รถยนต์ MG ให้ความสำคัญค่อนข้างมากในเรื่องความปลอดภัย ดูจากการให้ระบบความปลอดภัยมากมายในรถ MG ทุกรุ่น ก็ทำให้ทีมงานเราอุ่นใจได้ตลอดเส้นทาง
เมื่อเรามาถึงร้าน ต้องเจอการจอดที่ยากตามสไตล์ย่านอารีย์ แต่ยังดีที่รถคันนี้มีกล้องมองหลังให้ ส่งภาพผ่านจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ซึ่งช่วยได้เยอะมาก เข้าไปข้างในพบว่าร้านนี้ให้บรรยากาศอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และเพดานสูงโปร่ง เพราะได้สถาปนิกชื่อดังอย่างคุณดวงฤทธิ์ บุนนาคเป็นผู้ออกแบบให้ เมนูยอดฮิตมีกาแฟทั้งแบบธรรมดา, Filter และ Cold Brew ราคาหลากหลายตั้งแต่ 90 – 130 บาท ส่วนเมนูที่ทุกคนมาแล้วต้องสั่งคือ Library Waffle ราคา 85 บาทที่ดูดีและรสชาติก็ดีด้วย
2:30 p.m. หวดให้มันส์สะใจในความแรงที่ Bangkok Batting Center
กีฬาเป็นยาวิเศษ และยังเป็นการระบายความเครียดที่สะสมมาทั้งอาทิตย์ที่ดีมากด้วย และกีฬาที่เราจะพาไปเล่นไม่ต้องมีการเตรียมอุปกรณ์อะไรทั้งนั้น นั่นคือการหวดเบสบอลที่ Bangkok Batting Center ซึ่งตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิทซอย 31 เข้าไปสุดซอยจะเจอกับสนามฝึกซ้อมตีเบสบอลจากเครื่องที่แรกในกรุงเทพ
หลังจากโทรถามทาง นัดเวลาเรียบร้อย พวกเราก็รีบบึ่งไปทันทีจากอารีย์ ระบบ Built-In Navigator ในรถแนะนำให้ขึ้นทางด่วนเพื่อเลี่ยงรถติด เป็นจังหวะดีที่ทำให้เราได้ปรับเกียร์เป็นโหมด Sport สัมผัสกับความแรงของ MG5 เครื่อง Turbo 1.5-liter 129 แรงม้า เด่นตรงที่มีแรงบิดสูงถึง 210 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6-speed สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงเองได้ ยิ่งให้ความมันส์ได้มากกว่าที่เราคาดเอาไว้ ถือว่าแรงอยู่ในอันดับต้นๆของรถใน segment เดียวกันที่เราเคยสัมผัสมา บวกกับช่วงล่างหนึบๆ ผลคือเราไปถึงที่หมายในเวลาอันรวดเร็วและปลอดภัย
การหวดเบสบอลที่ Bangkok Batting Center ไม่ต้องมีพื้นฐานอะไรมาก ที่ร้านจะแนะนำท่าตีที่ถูกต้องให้ ที่เหลือก็หยิบแบงค์ร้อยไปแลกเหรียญ โดย 1 เหรียญจะมีลูกเบสบอลยิงออกมาให้ตี 25 ลูกต่อเนื่อง ปรับความสูงต่ำได้ มีไม้และหมวก safety ให้พร้อม เราสามารถเลือกความเร็วได้ตั้งแต่ 80 km/h ซึ่งเหมาะสำหรับการวอร์มอัพและคนที่เพิ่งเริ่มตีเป็นครั้งแรก ถ้าคิดว่าโปรแล้วจะขยับไปเป็น 90km/h, 100 km/h ไปจนถึงเร็วสุด 130 km/h ก็แล้วแต่ความถนัด ใครอยากลองเล่น โทรถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-262-0699
3:30 p.m. เสริมหล่อก่อนลุยที่ Blue Harbour, The barber shop
ถ้าพูดถึงร้านตัดผมใน K-Villege ส่วนใหญ่จะคิดถึงร้าน The Lounge hair salon แต่วันนี้เราจะมาแนะนำร้าน Blue Harbour ร้านตัดผมและ Grooming สำหรับผู้ชาย (Gentlemen’s barber shop) ที่มีบริการให้เลือกครบทั้งการตัดแต่งทรงผม แต่งหนวดเครา แคะหู สปา นวดหน้า นวดตัว นวดเท้า ซึ่งสาวๆก็สามารถใช้บริการนวดที่นี่ได้เช่นกัน
การจะตัดผมร้านนี้อยากแนะนำให้ทำการจองไว้ล่วงหน้า เพราะคิวค่อนข้างจะแน่น และความประณีตของช่างมักมาพร้อมการใช้เวลาค่อยๆเก็บรายละเอียด แต่ก็ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับร้านแนวนี้อยู่แล้ว ห้องตัดผมที่นี่จะเป็นห้องแยกเพื่อความเป็นส่วนตัว ช่างตัดผมรุ่นใหญ่ของร้านนี้ที่ใครๆก็อยากตัดด้วยคือช่างสวัสดิ์ และช่างประมวล ผู้มีประสบการณ์ตัดผมยาวนานหลายสิบปีการันตีฝีมือ
พูดถึงความหล่อเหลา ทำให้นึกถึง MG5 รถยนต์ B-segment ที่มีความเป็น Sport เต็มขั้น ออกแบบให้ C-pillar มีความโค้งแบบ Coupe Design รับกับฝากระโปรงหลัง ฝากระโปรงหน้ามีลายเส้น V-shape ชัดเจน ไฟหน้าแบบ Projector แถมยังเสริมหล่อด้วย Daytime Running Lights และหลังคา Sunroof เอาไว้รับลมเย็นๆยามค่ำคืน
Blue Harbour ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของ K-Villege ขึ้นบันไดเลื่อนจากหน้า Gourmet market จะเจอทันที โทรจองคิว จองช่างได้ที่เบอร์ 02-661-2901-2 UNLOCKMEN รับประกันความหล่อ
6: 30 p.m. ขนเพื่อนไปชิวที่ VIVARIUM by Chef Ministry
ทรงผมเท่แล้วทั้งที ก็ถึงเวลารวมตัวเพื่อนๆไป hang out ตอนค่ำกันหน่อย ร้านที่เราอยากแนะนำในครั้งนี้คือร้าน VIVARIUM ของเชฟชุมพลเจ้าแห่งอาหารไทยและเชฟบุญธรรมเจ้าแห่งอาหารญี่ปุ่น ว่าแล้วเราก็ขนทีมงานร่างใหญ่และตากล้องรวมทั้งหมด 5 คน ขึ้น MG5 ที่แม้จะเป็นรถ B-segment แต่พวกเรานั่งกัน 5 คนได้สบาย ข้าวของก็เก็บไว้ในลิ้นชักใต้เบาะได้ เราขับมุ่งหน้าไปถนนพระราม 4 เลยซอยแสนสบายมาหน่อย จะเจอคอนโด Portrait เลี้ยวเข้าซอยศาลเจ้าพ่อกวนอู ตรงเข้าไปจะเจอร้านอยู่ข้างหน้า
ความรู้สึกแรกที่เดินเข้ามาในร้าน จะเจอกับบรรยากาศการตกแต่งที่หรูหรา ภายในโปร่งโล่งสบาย ประดับด้วยต้นไม้มากมาย ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เรื่องอาหารก็ไม่ผิดหวัง เมื่อสองเชฟจากแต่ละด้านมารวมตัวกัน ทำให้ร้านนี้โดดเด่นด้านการฟิวชั่นอาหารไทยโดยการใช้วัตถุดิบญี่ปุ่น เช่น ปลาหิมะผัดพริกแกง พิซซ่าแกงส้มไข่ปลาแซลมอน พิซซ่าแกงเขียวหวานหอยเซลล์ ลิ้นวัวย่างจ้ิมแจ่ว และอื่นๆอีกมากมาย เครื่องดื่มก็มีให้เลือกเพียบ แต่เนื่องจากวันนี้เราขับรถมา จึงเลือกดื่มน้ำเปล่าเพื่อความปลอดภัยในการใช้ถนน
โดยรวมถือว่าเป็นร้านที่อาหารรสชาติดี แปลกใหม่ เหมาะจะมากับกลุ่มเพื่อนหรือพาสาวมา dinner รับรองว่าสร้างความประทับใจได้แน่นอน แนะนำให้โทรไปจองโต๊ะก่อนไปที่เบอร์ 02-261-9508
โดยรวมแล้วประสบการณ์ที่เราได้จากการขับ MG5 เต็มๆวัน ถือว่าน่าสนใจ สำหรับแบรนด์ที่มาทำตลาดใหม่อย่างจริงจังย่อมต้องหาจุดเด่นเพื่อใช้ต่อสู้กับแบรนด์รถยนต์เจ้าตลาดที่มีอยู่มากมาย ซึ่ง MG5 ก็เป็นรถที่มีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง มีจุดเด่นที่ชัดเจน และการใช้งานในเมืองก็ค่อนข้างตอบโจทย์ทีมงานเราได้ดี เป็นรถยนต์ที่เราอยากแนะนำให้คุณไปทดลองขับด้วยตัวคุณเองที่งาน Motor Expo หรือโชว์รูม MG ใกล้บ้านครับ
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ MG5 เพิ่มเติมได้ที่ http://www.mgcars.com/th/mg-models/mg5/detail/exterior