

Entertainment
GARAGE MUSIC: TEMP เพราะดนตรีนั้นสวยงามเกินกว่าจะถูกใช้เเค่ชั่วคราว
By: unlockmen August 11, 2018 114128
ย้อนกลับไปในยุคที่คำว่า indie หรือ indy เป็นคำที่โคตรเท่เเละศักดิ์สิทธิ์สุดขีดสำหรับใครหลาย ๆ คน ในยุคนั้นความอินดี้แทบจะเป็น Culture หลัก ๆ ของคนกลุ่มใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นสภาพเเวดล้อมไปจนถึงวัฒนธรรมที่เคยฮิตก็เลือนหล่นจางหายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันคำว่า “อินดี้” ดูจะเป็นคำเอาไว้เเซะคนอื่นมากกว่าจะเป็นคำที่เอาไว้พูดในเชิงชื่นชมอย่างเมื่อ 9 – 10 ปีที่เเล้ว
ในห้วงเวลาปัจจุบันที่วงดนตรีอินดี้เกิดขึ้นใหม่เยอะมาก วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับวงดนตรีอินดี้สุดฮอตในขณะนี้ temp. วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นที่มาพร้อมแนวดนตรีที่พวกเขานิยามว่ามันคือ “Tropical Pop” กลิ่นดอกไม้สายลมเเละแสงแดด UNLOCKMEN จะพาไปเจาะลึกเรื่องราววงการเพลงยุคอินดี้เฟื่องฟูถึงยุคปัจจุบันจากมุมมองของวงอินดี้อย่างพวกเขา
temp. มีสมาชิก 5 คนวันนี้เราขาด อุณ (มือกีต้าร์) เพราะติดธุระ เราเลยได้เจอเเค่ นิค (ร้องนำ, กีต้าร์) แปม (กลอง) น๊อต (เบส) เเละ แดน (ทรัมเปต) วง temp. โด่งดังจาก single “Moonshine” ความละมุน ละไม ของเสียงร้องเเละดนตรีที่เย้ายวน ชวนให้อยากทำอะไรบางอย่าง เเน่นอนว่าการเป็นวงที่แฟนเพลงเหนียวเเน่นขนาดนี้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยอย่างเเน่นอน ไม่นานนักหลังจากจัดห้องเสร็จเราก็เริ่มพูดคุยกัน
การเป็นนักดนตรีคงเป็นความฝันของใครหลายคน ชาว UNLOCKMEN น่าจะเคยโดดเรียนไปห้องซ้อมดนตรีกันอย่างเเน่นอน การจะรวมกลุ่มเพื่อน ที่มีความชอบทางดนตรีไปในทิศทางเดียวกันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แล้ววง temp. รวมกันได้ยังไง ?
แปม : มันเริ่มมาจาก social media กำลังเริ่มต้นใหม่ ๆ เคยรู้จักกันกันอยู่ ทุกคนเป็นเพื่อนกัน เป็นเพื่อนของเพื่อน พี่ของเพื่อน อะไรประมาณนั้น จู่ ๆ ก็มีสมาชิกเก่าคนนึง คือ จิน จากวง Part Time Musicians เป็นคนอยากเริ่มโปรเจ็กต์นี้ขึ้นมา อยากเล่นดนตรี เลยชวนคนอื่นเข้ามาลองทำเพลงกัน เเต่พอชวนคนมาอื่นมาครบปุ๊ป มันก็ลาออกจากวงคนเเรกเลยซะงั้น
ชื่อวง Temp มีความหมายมาจากอะไร?
นิค : วันนึงเราซักผ้า เเล้วมันมีน้ำร้อนน้ำเย็นให้เลือก เเล้วเราก็เห็นคำว่า Temp ซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้มองว่ามันเป็นอุณหภูมินะ ตอนแรกเรามองว่ามันเป็นคำว่า Temporary ที่แปลว่าชั่วคราว ซึ่งมันปิ๊งโดนใจ แถมเราอยากล้อวงที่เราชอบวงนึงด้วย นั่นคือวง ‘Part Time Musicians’ ก็เลยสรุปว่าใช้ชื่อนี้เลยละกัน
ในยุคที่เรียกว่า อยากดังต้องเพลงฟังง่าย ทำไม Temp เลือกทำเพลงภาษาอังกฤษ
แปม : ที่มาของการทำเพลงภาษาอังกฤษเนี่ย เพราะว่านิคอ่ะ pim thai mai dai (พิมพ์ไทยไม่ได้) คือตอนแต่งเพลงเนี่ย คีย์บอร์ดไม่มีภาษาไทยก็เลยพิมพ์ไทยไม่ได้ เลยแต่งเป็นภาษาอังกฤษแทนซะเลย ในสมัยก่อนถ้าใครเป็นนักฟังเพลงนอกกระเเส คงต้องหาเพลงบนอินเตอร์เน็ตฟัง ทำไม temp. เลือกโปรโมตเพลงเพลงโดยเน้นให้ครบทุกช่องทาง
นิค : มันช่วยให้คนได้ยินเพลงเรามากขึ้น มันดีกว่าเก็บไว้ฟังเองคนเดียว ถ้าเพลงมันดีแต่เราเก็บไว้ฟังเองก็ไม่มีวันที่คนอื่นจะได้รู้จักมัน ถึงแม้เพลงมันอาจจะไม่ได้ดีมาก แต่คนได้ฟังเยอะ ก็ยังโอเคนะ ดีกว่าเราเก็บไว้ฟังเองไม่กี่คน อีกอย่างเราว่ามันเป็นบันไดไปสู่งานอื่น ๆ ได้ เช่น วิทยุเขามีงานอีเวนต์ เขาก็จะนึกถึงเรา ถ้ามันมีคนชอบฟังเพลงเราประมาณนึง เขาก็จะนึกถึงเรา แต่หลัก ๆ คือการอยากให้คนได้ฟังผลงานของเราให้มากที่สุดมากกว่า เพราะเราคิดว่าคนฟังน่าจะชอบ
ถึงแม้ว่าคนเขาจะฟังวิทยุมันจะน้อยลงก็ตาม มันก็ยังเป็นช่องทางที่ music lover เขายังฟังอยู่ ซึ่งเราว่าคนทำเพลงจริง ๆ เขาก็ต้องการแค่ music lover เขาไม่ได้ต้องการใครก็ไม่รู้ ที่ฟังเพลงเราแล้วไม่รู้จักว่าเราเป็นใคร ลึก ๆ เขาก็ต้องการคุณภาพมากกว่าปริมาณนะ
แรงบันดาลใจของการเล่นดนตรีคืออะไร
แดน : ของผม ย้อนไปไกลเลย เริ่มจากวงดุริยางค์ครับ ตอนเด็กพี่ชายเขาไปเล่นก่อน แล้วเขาต้องไปรับผมทุกวัน แล้วก็เห็นมาเรื่อย ๆ ก็เลยลองเล่นดู ก็เล่นยาวมาตั้งแต่นั้นเลย
แปม : ของผมเริ่มจากที่โรงเรียนผมมีการเลิกครึ่งวันเพราะต้องไปเรียน รด. แต่ผมยังไม่ถึงวัยที่จะเรียน รด. นะ เด็กมันเลยได้กลับบ้านก่อน ก็เดินเล่นกับเพื่อนจนไปเจอห้องซ้อมดนตรีใกล้ ๆโรงเรียน ก็เลยแบบ “เฮ้ย! เข้าห้องซ้อมกัน” ทั้งที่แบบเล่นไม่อะไรไม่เป็นเลย เล่นกันมั่วมาจนถึงทุกวันนี้
นิค : เริ่มแรกสุด ที่อยากเล่นอย่างแรก คือกีต้าร์ ประมาณม.ต้น แล้วแม่ก็ส่งไปเรียนกีต้าร์คลาสสิค แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางว่ะ เราเลยเกลียดการเล่นกีต้าร์มาก ทุกครั้งที่แม่ไปส่งที่โรงเรียนแถว Emporium พอเขาจอดปุ๊ป เราจะเดินเข้าห้างไปเลย พอครบเวลาก็ลงมาขึ้นรถกลับบ้าน หลังจากนั้นมาก็เบื่อการเล่นดนตรีไปเลย จนมาวันนึงเราได้เห็นความสามารถด้านดนตรีของ “พระบาทสมเด็จพระปรมิน ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” ซึ่งนั่นทำให้เรากลับมาหลงรักดนตรีอีกครั้ง
น๊อต : ของผมย้อนไปไกลเหมือนกัน ประมาณตั้งแต่ 5 ขวบ ที่บ้านจับไปเรียนเปียโนแล้วเราไม่ชอบ เพราะครูของเราจะวิ่งสอน คือชั่วโมงนึงสอนสามห้อง เลยรู้สึกน่าเบื่อมากเลยเลิกไป แล้วก็ไปเล่นดนตรีไทยไปเรื่อย เล่นทุกอย่าง เล่นระนาด ฆ้อง กลอง ปี่ ขลุ่ย
จนป.6 กลับมาอยู่วงโยฯ เหมือนน้องแดน เล่นสแนร์ พอช่วงมหาวิทยาลัยก็มาเล่นดนตรีสากล ก็เล่นแซกโซโฟนเหมือนนิก จุดพลิกผันก็คือ วันนั้นโจรขึ้นบ้าน แล้วมันเอาแซกโซโฟนเราไป กลับบ้านมานี่ตกใจแบบ “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย ทำไมบ้านมันโล่ง ๆ” ก็เลยกำตังค์เก็บที่มีตอนนั้นประมาณ ม.4 ประมาณเจ็ดพันแล้วไปเวิ้ง ซื้อเบส โมโห ก็เลยเล่นเบสมาจนถึงวันนี้
ปัญหาหลักของการฟอร์มวงดนตรี ที่ชาว UNLOCKMEN น่าจะเคยเจอคือชอบฟังเพลงเหมือนกัน เเต่ไลฟ์สไตล์ต่างกัน เรื่องนี้สำคัญมากมันทำให้การใช้ชีวิตร่วมกันในการทำเพลงติดขัดไปหมด การเจอคนที่มีรสนิยมทางดนตรีคล้ายกัน ก็ใช่ว่าจะใช้ชีวิตทำเพลงด้วยกันไปได้ด้วยดี temp. ตอนฟอร์มวงเเรก ๆ ปรับจูนให้เข้ากันยากมั้ย?
นิค : เอาจริง ๆ ไม่ยากนะ เหมือนกับว่าเราเลือกคนที่มีประสบการณ์ในการทำเพลงมาประมาณนึง เขาก็เข้าใจความต้องการขั้นพื้นฐานของการทำวงอินดี้ ก็พอจะรู้นิสัยใจคอประมาณนึง ถ้าทำงานด้วยกันแล้วมันจะไปทิศทางไหน เราว่ามันง่ายกว่าเริ่มวงใหม่เยอะ
แปม : มันเหมือนต่อยอดมากกว่า เหมือนเราเอาของที่เรามีอยู่แล้วมาบวกกัน
นิค : แต่ว่าไอเดียแรก ๆ มันก็คือ กึ่ง side project แต่มันเป็น side project ที่จริงจัง คือเราก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันยังไง มันเหมือน project หลักผสม side project
แปม : แต่มันจะมี single นึงที่เราไม่ได้ใช้แล้ว ชื่อว่า sunny day เหมือนจะทำมาเป็น project นึงขึ้นมา ไม่คิดว่าจะมันจะยาวขนาดนี้
น๊อต : เพราะว่าวันที่เจอแดนวันแรก คือ แดนก็มาที่บ้าน ก็ให้แดนอัดทรัมเป็ตเลย วันแรกเจอกันอัดเลย ไม่พูดไม่คุย
แปม : แล้วก็ขั้นตอนการทำเพลงในตอนนั้น คือ การโยนไฟล์ข้ามไปข้ามมา ไม่เคยเจอหน้ากันเลย อยู่บ้านใครบ้านมัน นิคยังอยู่เมลเบิร์นอยู่เลย พอทำแล้วมีคนชอบ
นิค : ซึ่งนั้นก็เป็นพวกเราเองห้าคน แล้วก็เป็นพ่อแม่ของพวกเรา
แปม : รวมกันเป็นสิบคน
อย่างที่เราทราบกันว่า ในประเทศเราจะเเบ่งสัดส่วนคนฟังเพลงได้อย่างง่าย ๆ เป็น 2 ส่วน 1 ดนตรีกระเเสหลัก (mass music) เเละ 2 คนฟังฝั่งอินดี้ (indie music) ตลาดจะชัดเจนมาก ๆ อัตลักษณ์ของวงของทั้งสองฝั่งดนตรียังชัดเจนมาก ๆ อีกด้วย อธิบายง่าย ๆ ว่า เพลงในกระเเสหลักอย่างที่เรา ๆ เคยฟังกันสัดส่วนเพลงก็จะประมาณว่า เริ่มด้วย intro ร้องท่อน verse 1 ครั้ง ตามด้วย pre hook เเละสะกดคนฟังด้วย ท่อน hook โดนใจ
ในทางกลับกันฝั่งอินดี้ อาจจะเริ่มด้วย intro 59 วินาที เเล้วตามด้วยท่อน verse ข้าม pre hook ไปเลย เเล้วก็กลับมาร้อง verse ที่ 2 อีกทีนึง ที่ไม่ซ้ำกัน สัดส่วนพวกนี้มันไม่ตายตัว เเต่เราเป็นคนฟังก็จะรู้สึกว่ามันต่างกันจริงๆ เราไม่ได้บอกว่าฝั่งไหนดีหรือไม่ดี เราเเค่จะเล่าว่าทั้งสองฝั่งนี้มีความเเตกต่างกันอยู่ชัดเจนจริง ๆ เเละแน่นอนว่า การเลือกที่จะเป็นวงอินดี้ หรือวงดนตรีนอกกระเเส คิดเองทำเองกันไปซะทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราเลยอยากถาม temp. ว่า ทำไมถึงเลือกที่จะอยู่ในค่ายที่เป็นค่ายอินดี้มากกว่าอยู่กับค่ายใหญ่ ๆ ในกระเเสหลัก
นิค : น่าจะเป็นเพราะเราเริ่มต้นเข้าสู่การทำเพลง เราก็เริ่มจากการทำซีนอินดี้ ซึ่งมันอินดี้มากจริง ๆ คือทุกอย่างมันเริ่มจากการทำงานที่บ้านแล้วไม่รู้อะไรเลย แล้วเราก็รู้สึกว่าเราก็คงไปทำงานที่เป็นระบบทีมใหญ่หรืออะไรที่มันเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ มันอาจจะดูเท่นะ แต่มันอาจจะไม่ใช่ทางที่เราถนัดมากกว่า คือถ้าเจอทีมใหญ่ที่ระบบการทำงานมันฟิตกันมันก็คงอยู่กันได้ แต่ก็ยังไม่เจออ่ะ
ในยุคนี้คำว่าอินดี้กลายเป็นคำเเซะมากกว่าคำชม ยังอินกับคำว่า “อินดี้” อยู่ไหม หรือคิดอย่างไรกับคำ คำนี้
นิค : จริงเรา ๆ ไม่ชอบคำว่าอินดี้ เหมือนเป็นคำแซะ คำเหน็บซะมากกว่า อินดี้คือการทำอะไรก็ตามที่ไม่ตามกระแส เรามองอย่างนั้น จริง ๆ แล้วอินดี้มันเป็นคำศัพท์หรือ stereotype บางอย่างที่คนพยายามจำกัดความเวลาเขาเจอสิ่งที่มันแปลกแล้วไม่ชินเท่า mass production ทั่วไป เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้ให้ค่ากับคำนี้ เพราะมันไม่ได้เป็นตัววัดว่างานมันจะดี งานมันจะแย่ หรืองานมันจะป๊อบ หรือ ฟังยาก มันไม่เกี่ยว
มันเป็นคำนึงที่เวลาคนนึกไม่ออก แล้วก็บอกว่ามันเป็น indie music คือ หนึ่ง คุณไม่รู้ว่าเขาแนวเพลงอะไร กับสอง คุณไม่รู้จักเขา แล้วคุณไม่เปิดใจ คุณก็เลยเรียกเขาว่าอินดี้
น๊อต : เราว่ามันหมดยุคอินดี้ไปแล้วอ่ะ เราว่าอินดี้มันเป็นยุคอาจจะ 10 ปีก่อนหน้านี้ ที่แบบคนทำเพลงที่บ้านแล้วอัพเพลงขึ้นออนไลน์เลย แบบใครวะเนี่ย ยุคแบบ my space อะไรอย่างนี้ ที่เพลงมันผุดมาเพียบ
นิค : ใช่ มันเป็นยุคที่ใช้คำว่าอินดี้ได้แบบเต็มปากเต็มคำหน่อย
ไม่ว่าวงของคุณจะเกิดขึ้นจากซีนไหน จะ mass หรือ indie เเน่นอนว่าการทำวงดนตรีขึ้นมาสักวง ทุก ๆ คนล้วนมีเป้าหมายของตัวเองอย่างแน่นอน จากวันเเรก ๆ ที่ทำวงขึ้นมา จนถึงตอนนี้ temp. มองจุดมุ่งหมายของวงไว้อย่างไรบ้าง
นิค : จุดมุ่งหมายคือ อยากให้ตัวเองรู้สึกว่ามีแรงทำต่อไปแล้วก็ไม่เหนื่อยไม่ท้อ รู้สึกแค่นั้นเลย รู้สึกอยากมีพลังเหมือนตอนเด็ก ตอนทำเพลงใหม่ ๆ แล้วก็อยากทำงานดนตรีต่อไปเรื่อย ๆ เท่าที่ทำได้ ดีไม่ดีก็ให้มันเต็มที่ที่สุด ณ ช่วงเวลานั้น ทำเสร็จ 1 เพลงก็ดีใจแล้ว อยากมีวงที่มันอายุยืนนาน
แดน : ก็ยังเหมือนเดิมครับ ก็ยังทำเต็มที่ให้เหมือนเดิมที่สุด คือ ตอนแรกที่พี่นิคชวนเข้ามาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง
แปม : จริง ๆ ก็เล่นดนตรีไปเรื่อย ๆ ขอให้ทำได้แบบไม่ต้องเข้าเนื้อ แต่ไม่ต้องร่ำรวยอะไร ขอแค่พอให้ทำเพลงต่อไปได้ก็พอ
น๊อต : ผมหรอ นู่นครับ ขอแค่มีเงินเลี้ยงแมว ผมก็พอใจแล้วแค่นั้น
นอกจากเล่นดนตรี ตอนนี้ทำอะไรกันอยู่บ้าง
แดน : ก็เล่นดนตรีกลางคืนครับ แล้วก็ช่วยงานที่บ้าน ขายข้าวแกง ร้านอยู่หลังตึกชินฯ 3 อยู่ตรงหลังศุภาลัยปาร์ค
แปม : ตอนนี้ก็เป็นฟรีแลนซ์ รับจัดคอนเสิร์ต
นิค : ตอนนี้ก็ทำเพลงโฆษณา แล้วก็อ่านโฆษก เรียกใช้ได้นะครับ 😉
น๊อต : ตอนนี้เป็นครูครับ สอนหนังสือ สอนเกี่ยวกับการบันทึกเสียง มิกซ์เสียง อะไรพวกนี้ แล้วก็เลี้ยงแมว เลี้ยงแพะเป็นงานอดิเรก
เคยคิดว่าอยากให้ดนตรีมันกลายมาเป็นมาเป็นอาชีพหลักไหม
นิค : ไม่แน่ใจ กลัวไม่ชอบอ่ะ ปัจจุบันอาทิตย์นึงเราอาจจะออกไปเล่นแค่วันเดียว นึกภาพว่าถ้าฮิตจนต้องออกไปเล่นทุกวันอาจจะเหนื่อยไม่น้อยเลยนะ
น๊อต : เอาจริง ๆ เหนื่อยนะ เคยไปทัวร์อีสานอยู่ช่วงนึง ช่วงปีที่น้ำท่วมพอดี พอน้ำท่วมปั๊ป งานหยุด ทุกอย่างหายไปหมดเลย ก็ถือเป็นอาชีพที่เสี่ยงเหมือนกันนะ
นิค : อยากรวยเพราะเพลงนะ แต่อยากรวยเพราะเพลงแบบสมัยก่อน คือรวยเพราะขายซีดี รวยเพราะเพลงจริง ๆ ไม่ได้รวยเพราะโชว์ตัวเหมือนสมัยนี้ แต่ถ้ามีโอกาสเข้ามา เราไปหมด ณ ตอนนี้นะ ตอนที่ยังเดินได้ หายใจออกก็ไป ขอให้เกี่ยวกับดนตรี เกี่ยวกับเพลง และทำให้แฟนเพลงได้ยินเสียงเพลงของเรา
ปีที่เเล้วเป็นปีของดนตรี Synth Pop ปีนี้เทรนด์ดนตรีก็ที่สร้างกระเเสขึ้นมาได้ก็กลายเป็นดนตรี Hip Hop เทรนด์โลกเปลี่ยนไวขนาดนี้ temp. คิดว่ากลุ่มคนฟังเพลงสมัยนี้กับเมื่อก่อนต่างกันไหม
น๊อต : เอาจริง ๆ ตั้งแต่มันมีพวก Online Streaming เข้ามา คนมันฟังเพลงเปิดกว้างขึ้น เพราะเมื่อก่อนสื่อเป็นคนป้อนเพลงให้เราฟังมากกว่า เปิดวิทยุก็เจอเพลงนี้ ในอินเตอร์เน็ตก็มีเพลงอยู่จำนวนแค่นี้ให้เราฟัง เพลงแปลก ๆ นอกเหนือจากนี้เราก็ต้องขวนขวายหาเอง ซึ่งมันคือเสน่ห์ของการฟังเพลงในยุคก่อนหน้านี้นะ
นิค : เราชอบตอนมันเป็น audio ชอบตอนมันอยู่ใน CD ชอบตอนเปิดอ่าน credit แล้วฟัง มันรู้สึกดี เราว่าปัจจุบันเพลงหาฟังได้ง่าย ง่ายเกินไป แต่มันก็มีข้อดีข้อเสียนะ เพราะมัน access ง่ายมาก วิธีการฟังมันเลยอาจจะทำให้คนใส่ใจรายละเอียดน้อยลง เบื่องเร็วขึ้น เหมือนกับเราก็จะกินแค่ 15 วิ หรือ 30 วิแรก ถ้าไม่ชอบเราก็เปลี่ยน แล้วก็สมัยก่อน เหมือนเราชอบเพลงนึง เราก็ซื้ออัลบั้ม เราก็ต้องกินให้ครบทั้งเก้าเพลงสิบเพลง แต่สมัยนี้มันก็แบบเป็น single ต่อ single ชอบเพลงไหนก็ Save ไว้ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือเพลงของใคร เราว่ายุคนี้คนอาจจะไม่จำชื่อศิลปินกันแล้ว
น๊อต : เอาจริง ๆ มันมีผลมากกว่าแค่คนฟังนะ แต่มันมีผลกับการใช้ชีวิตด้วย อย่างเช่นร้านเหล้า เมื่อก่อนวงเล่นผับเขาก็จะมีแนวเฉพาะตัว อาจจะเอาเพลงใหม่มาร้อง เอาเพลงคนอื่นมา arrange ใหม่ให้เป็นแนวของตัวเอง แต่ละผับก็จะมีแนวของเขา แต่ทุกวันนี้ร้านเหล้าก็จะเป็นแค่เพลงเดิม ๆ อะไรเหมือนกันไปหมด เพลงไหนดังต้องเจอทุกร้าน
น๊อต : เอาจริงเราว่า Fan Base ก็เปลี่ยน เพราะเมื่อก่อนแฟนเพลงจะตามไปดูวงนี้จริง ๆ เล่นที่ไหนก็ตามไปดู เดี๋ยวนี้เราจะเห็นภาพนั้นได้น้อยลง อย่างเมื่อก่อนเราชอบตามไปดูวง Crescendo เล่นที่ไหนเราก็จะตาม ตามจนเป็นเพื่อนกัน ตามจนเค้ารู้จักเราไปเลย หรือเพื่อนเราก็จะมีตามวงที่เค้าชอบ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็นอะไรอย่างนั้นแล้วนะ น้อยมาก อาจจะเพราะคนฟังเพลงกันไวขึ้น เปลี่ยนเพลงกันไวขึ้น
นิค : อายุของเพลงด้วย วิธีการบริโภคมันเปลี่ยนไป เหมือนอายุเพลงที่เคยอยู่ปกติฮิตได้นาน 5 ปี 10 ปี สบาย ๆ ตอนนี้ก็เหลือแค่ครึ่งปี ถ้าเพลงดังจริง ๆ นะ
น๊อต : เพลงไม่ดังก็ฟังรอบเดียวอ่ะ ไม่ครบรอบด้วยบางที สิบวินาทีก็เปลี่ยนแล้ว
นิค : แต่ก็พูดยากนะ มันคือรสนิยมในการเสพศิลปะ มันไม่มีถูกไม่มีผิด ก็แล้วแต่การใช้ชีวิตของคน เหมือนเขาไม่ได้แบบฟังแบบต้องลงรายละเอียดของเพลงมากนัก ฟังเพลิน ๆ ว่างั้นเถอะ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนะ
งั้น Temp คิดว่ากลุ่มคนฟังของวงเป็นคนกลุ่มไหน
นิค : คนฟังเพลงของเราเป็นนักศึกษาซะเยอะ เป็นกลุ่มคนที่ฟังเพลงภาษาอังกฤษรู้เรื่อง แล้วก็ชอบฟังเพลงนอกกระแสหน่อย คนที่ฟังเพลงนอกกระแสในขณะที่โลกเข้าสู่ยุค Music Streaming ทำให้เรารู้ว่ายังมีอีกมุมนึงที่คนเขาฟังนอกกระแสจริงจังมาก พวกเค้ายังเป็นกลุ่มคนที่ตามไปฟังวงโปรดนอกกระแสไปทุกที่ ซึ่งเราว่าอันนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ โชคดีที่คนทำงานอย่างเรา ๆ ยังมีกลุ่มคนฟังแบบนี้อยู่ แล้วเรารู้สึกแบบขอบคุณว่ะ ถ้าไม่มีพวกคุณ เราก็ไม่รู้จะทำงานเพลงไปเพื่ออะไร
เเล้วถ้าได้รับโอกาสให้ไปอยู่ในซีนที่ใหญ่ขึ้นเราหมายถึงการไปอยู่ในค่ายเพลงที่เป็น Mass Production พวกคุณจะลองไหม ?
น๊อต : เราไม่ได้มองมันเป็นแนวตั้ง ถ้าการใหญ่ขึ้น คือการกระโดดไปอยู่ค่ายใหญ่ มีคอนเสิร์ตใหญ่ พวกเราอยากกระจายเพลงไปแนวนอนมากกว่า ตอนนี้กลุ่มคนฟังจริง ๆ อาจจะเป็นแค่กรุงเทพฯ และหัวเมืองที่เขาฟัง เราอยากให้คนที่ไม่เคยฟังเพลงของเรามาก่อน คนที่อยู่ในต่างจังหวัด ต่างประเทศ ได้ฟังเพลงของเราบ้าง เพราะเพลงมันก็เป็นภาษาอังกฤษ มันก็น่าจะไปถึงได้อย่างไร้ขีดจำกัด
นิค : เรามองว่าจริง ๆ เพลงมันก็เหมือนงานทุกชนิด มันก็เหมือนงานที่เราทำ อย่างเช่น เราทำงานอะไรแล้วตั้งใจทำ เราก็อยากให้ทุกคนได้เห็น ได้ฟังมัน หรือถ้ามุมเราเป็นผู้บริโภคเอง เราก็อยากให้เขาตั้งใจทำงาน อยากสนับสนุนงานของเค้าให้ไปได้ไกลที่สุด เราก็อยากให้คนที่ตั้งใจทำงาน ประสบความสำเร็จ ไม่เกี่ยวหรอกว่าจะ mass หรือนอกกระแส
แปม : เหมือนการบริโภคเพลงของคนเดี๋ยวนี้ง่ายขึ้น มันเลยอาจจะไม่ลึก คือเข้าใจว่าคนที่เขาตั้งใจจะฟังจริง ๆ มันจะพุ่งตรงไปหาทางนี้ทางเดียว แต่ว่าสำหรับเพลงรอบตัวมันจะมีเยอะมาก ๆ มันเลยอาจะไปไม่ถึงรอบตัวทุกคน แต่มันอาจจะแบบพุ่งไปสักแนว เราก็ขอเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็น Mass หรือนอกกระแส
ความเเตกต่างของ temp. กับวงอื่น ๆ ในไทย คิดว่าเราเเตกต่างจากวงอื่น ๆ ยังไงบ้าง
น๊อต : มันก็ไม่มีวงไหนเหมือนกันนะ
แปม : มันก็มีความเป็นเฉพาะตัวนะ เราว่าคนเล่นดนตรีมันก็มีความเป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีใครเหมือนใคร
นิค : เราว่า เอาจริง ๆ แล้วเขาทำ เขาก็ไม่อยากเหมือนใครหรอก แต่ทุกคนมันมี idol แหละ ทุกคนมี reference อยู่แล้ว แต่ว่าคุณฉลาดพอที่จะย่อย reference คุณมากแค่ไหน ถ้าย่อยมาเป็นตัวเองไม่ได้ ก็จะเป็นเหมือนเขา ก็เท่ากับลอกเค้ามานั่นแหละ ไม่ว่าจะจงใจ ไม่จงใจก็ตาม
อยากให้ฝากถึงน้อง ๆ ที่กำลังทำเพลงอยู่
นิค : สู้ ๆ ครับ ถ้าพี่ท้อ ก็มาปลอบพี่ด้วย สู้ ๆ ครับ ไม่มีใครช่วยคุณได้ นอกจากคุณช่วยตัวเอง
ฝากผลงานให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันหน่อย
แดน : ก็ตอนนี้มีหลายเพลงอยู่ใน Cat Radio แล้ว มี Moonshine , Miss summer เพลง EP. เก่าก็มีครบทั้งสี่เพลง MV ก็มีใน Youtube สามารถเข้าไปฟังกันได้ครับ ส่วน facebook ก็เสิร์ชว่า Tempdotband
แปม : ก็ฝาก IG ครับ Tempdotband เหมือนกัน ส่วน Ep ครับ ก็ปลายปี ก็จะเร่งทำกันให้ทันงาน Cat expo
นิค : ก็ฝาก single ต่อ ๆ ไปหลังจากนี้ด้วยล่ะกันครับ เราจะทำมันให้ดีที่สุดครับ เราไม่การันตีว่ามันคือเพลงที่ดี แต่ว่ามันดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ ต่อให้คุณจะฟังเพลงในกระแสหรือนอกกระแส เพลงมันก็คือเพลงครับ เพราะฉะนั้น ลองเปิดใจรับฟังมันดูครับ ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ต้องกินเท่านั้นเอง ถ้าเป็นไปได้ก็ฝากให้ทุกคนฟังเพลงกันเยอะ ๆ รู้จักศิลปินด้วยนะครับ ซื้อของถูกลิขสิทธิ์ การฟังเพลงฟรีมันไม่ได้ช่วยอะไรให้วงการมันเจริญนะครับ รวมถึงสิ่งที่ผมพูดก็ไม่ได้ช่วยอะไรวงการมันเจริญเช่นกัน ฟังหูไว้หู
น๊อต : ฝากรักเอาไว้ ฝากไปกับแสงดวงดาว ก็ไม่มีอะไรครับ น้อง ๆ แย่งพูดไปไหมแล้ว ก็ฝากให้ติดตามกันด้วยนะครับ
เราเชื่ออย่างสุดใจว่า “ควรทำในสิ่งที่รัก เเละรักในสิ่งที่ทำ” สิ่งไหนที่ทำเเล้วมีความสุขควรเลือกทำสิ่งนั้นอย่างสุดกำลัง ไม่ว่าผลมันจะออกมาแบบไหน ถ้าเราทำมันสุดกำลังที่มีจริง ๆ เราจะไม่เสียดายที่ได้ทำเลย ไม่ว่าคุณจะมาจากซีนไหน พื้นเพเป็นอย่างไร ความสำเร็จล้วนเกิดขึ้นได้กับเราทุกคน
temp. เพราะดนตรีนั้นสวยงามเกินกว่าจะถูกใช้เเค่ชั่วคราว