ขึ้นชื่อว่า “ลูกค้า” ต่อให้ผู้ประกอบการจะยิ่งใหญ่คับฟ้ายังไงก็ต้องโดนคอมเพลน เพราะเราอาจจะผิดพลาดจนต้องแก้ไข หรือบางทีก็เป็นเรื่องจุกจิกกวนใจที่เราไม่ทันนึก แต่ลูกค้าเขาดันนึกถึง เพราะฉะนั้นการรับมือกับลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในระดับไหนของธุรกิจก็ต้องเรียนรู้เอาไว้ วันนี้ UNLOCKMEN พามาดู 3 CEO ระดับชื่อก้องโลกว่าเขาเหล่านี้มีวิธีรับมือกับความเยอะของลูกค้าอย่างไรบ้าง รับรองว่าเรียนรู้แล้วเอาไปใช้ ไม่มีคำว่าเสียใจแน่นอน รับมือแบบมินิมอลสไตล์ Steve Jobs (CEO Apple) ดีไซน์สินค้าและการใส่เสื้อสีเดียวแบบเดิมซ้ำ ๆ ก็บ่งบอกถึงความความมินิมอลในจิตวิญญานของ Steve Jobs ได้มากพอสมควรแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าความมินิมอลนี้แผ่ขยายมาถึงการรับคำคอมเพลนจากลูกค้าด้วย!? จากคำบอกเล่าของลูกค่าผู้น่ารัก (?) อย่าง Aaron Brooker ที่เล่าถึงประสบการณ์หาญกล้าในการคอมเพลนสินค้าของ Apple แต่ไม่ได้จะเดินเข้า iStudio เรียกพนักงานมาแล้วก็บ่น ๆ ๆ ให้เสียเวลา เขียนอีเมลไปคอมเพลนกับ Steve Jobs แม่งเลยแล้วกัน Aaron Brooker ซื้อจอ monitor ขนาด 22 นิ้ว พร้อมกับ Macbook Pro ขนาด
สภาพแวดล้อมกลายเป็นสิ่งที่โคตรมีผลต่อการทำงาน ออฟฟิศไหนที่ดีไซน์ออกมาให้คูล เจ๋ง มีบรรยากาศแห่งการผ่อนคลาย สบาย ๆ ใคร ๆ ก็อยากพุ่งตัวเข้าไปทำงานด้วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีได้ทำงานในออฟฟิศคูล ๆ เสมอไป แต่เราก็สามารถจัดโต๊ะทำงานของเราให้คูลเหมาะสมกับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ไม่แพ้กัน นี่จึงเป็น 5 วิธีง่าย ๆ ที่ไม่ว่าทำงานที่ไหนก็ได้ประสิทธิภาพเต็มเปี่ยม 1.ปลูกต้นไม้กระถางเล็ก ๆ สักกระถางสิ งานวิจัยจำนวนมากที่บอกกับเราว่า วิธีง่าย ๆ ที่จะลดความตึงเครียด สร้างความรู้สึกผ่อนคลายคือการอยู่กับธรรมชาติ แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้การที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ จะหอบการหอบงานเข้าป่าไปทำงานก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย วิธีง่าย ๆ จึงเป็นการหาต้นไม้เล็ก ๆ สักกระถางมาตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น? The Green Infrastructure Research Group จาก University of Melbourne ศึกษาเรื่องพื้นที่สีเขียวที่มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานอย่างจริงจังก็พบว่าการได้มองไปในพื้นที่สีเขียวอย่างต้นไม้จากหน้าต่างห้องทำงาน ช่วยลดความเครียด สร้างอารมณ์ผ่อนคลาย ที่สำคัญทำให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ดีไม่ดีไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ เฟซบุ๊กก็ลงทุนสร้างหลังคาขนาดเท่าสนามฟุตบอลหลายสนาม แล้วปลูกต้นไม้ใบหญ้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้พนักงานของตัวเองแล้ว 2.แสงธรรมชาติก็เป็นสิ่งสำคัญ Mirjam
พูดคำว่า “ไม่” กลายเป็นมิติพิศวงที่ชวนให้คนที่พูดมันออกมาต้องงุนงงทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนถูกขอร้อง ถูกขอความช่วยเหลือ แต่ไม่รู้ทำไม พอต้องปฏิเสธ พอต้องพูดว่าไม่ทีไร เราถึงต้องรู้สึกแย่ รู้สึกผิดทุกครั้งไป การช่วยเหลือคนมันก็ดีนั่นแหละ แต่ถ้าจะให้ช่วยทุกคน ช่วยทุกเรื่องก็คงมากไป แต่ไอ้ครั้นจะมามัวปฏิเสธไป รู้สึกผิดไปก็ดูจะทำร้ายจิตใจตัวเองมากเกินไปหน่อย UNLOCKMEN จึงเอาวิธีพูดคำว่า “ไม่” ไว้ปฏิเสธใคร ๆ แบบไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไปมาฝากกัน 1.เราไม่ได้ฆ่าคนตาย อย่าจมอยู่กับความรู้สึกผิดขนาดนั้น โอเค เรามาเริ่มกันที่ทำไมเราต้องรู้สึกผิดกับการพูดปฏิเสธ ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด? ก่อนอื่นเราอยากให้คุณทำความเข้าใจเรื่องนี้เสียใหม่ “ความรู้สึกผิด” สมควรที่เราจะรู้สึกก็ต่อเมื่อเราทำผิดต่อใครสักคน ทำร้ายเขา ทำให้เขาเจ็บปวด ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ แต่เดี๋ยวก่อน! การปฏิเสธความช่วยเหลือ (ที่ขอมาหลายครั้งเกินไป หรือเหนือบ่ากว่าแรงเราจนช่วยไม่ไหว) ไม่ใช่การที่เราทำร้ายเขา แต่เป็นการบอกให้เขาเข้าใจเงื่อนไขของเรา และเขาจะได้หาคนที่เขาสามารถขอความช่วยเหลือที่เหมาะสมคนต่อไป หรือไม่ก็เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นนี่ไม่ใช่การทำร้ายเขา เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว! 2.เราไม่ใช่คนเลว เราแค่ไม่สะดวก อีกกรณีที่เรามักรู้สึกผิดเมื่อเราต้องบอกปัดอะไรจากใครสักคน เพราะเรากลัวการดูเป็นคนเลว การดูเป็นคนไม่มีน้ำใจ หรือการดูเป็นคนไม่อยากช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งไม่จริงเสมอไป เราควรถามตัวเองแทนว่าเพราะอะไรเราถึงปฏิเสธเขา? เพราะเขาขอร้องให้ช่วยเรื่องซ้ำ
หลังจากลืมตาตื่น อะไรคือสิ่งที่คุณทำเป็นอย่างแรก? เปิดสมาร์ทโฟนมาเลื่อนดูเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม? เช็คอีเมลงาน? คิดถึงงานที่ค้างจากเมื่อวาน? คุณแน่ใจได้อย่างไรว่าการเริ่มต้นวันที่คุณกำลังทำอยู่นั้นส่งผลให้คุณทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ? Jacqueline Whitmore ผู้เขียนหนังสือ Poised for Success: Mastering the Four Qualities That Distinguish Outstanding Professionals จะมาร่วมแชร์วิธีการตื่นนอนอย่างสงบ ผ่อนคลายที่จะช่วยให้คุณจัดการวันของคุณให้มีประสิทธิภาพตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวขาลงจากเตียง 1.ลุกจากเตียงอย่างนุ่มนวล เรามักลุกจากเตียงอย่างรีบเร่ง เพราะคิดว่าใช้เวลานอนให้คุ้มค่าที่สุดด้วยการกดเลื่อนนาฬิกาปลุกออกไปเรื่อย ๆ แล้วจะถือว่าได้ใช้เวลาพักผ่อนนานขึ้น แต่ลองเปลี่ยนวิธีการลุกจากที่นอนดูใหม่ แทนที่จะรีบลุกอย่างเร่งร้อน ให้เราค่อย ๆ ลุกอย่างนุ่มนวล นอนให้เต็มตื่น ปลุกเวลาเผื่อเวลาต้องตื่นจริงสัก 5-10 นาที เลือกใช้เสียงปลุกที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขที่ได้ฟังมากกว่าเสียงที่ทำให้ฟังแล้วรู้สึกเกลียดที่จะตื่นขึ้นมา 2.ยิ้ม วิธีโคตรง่ายอย่างการยิ้มนี่แหละ ที่จะทำให้วันทั้งวันของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะการยิ้มสามารถเปลี่ยนโทนของอารมณ์ได้ โดยการยิ้มช่วยเพิ่มปริมาณสาร endorphin ในร่างกายซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวด ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเอง แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณคิดว่าเรากำลังให้คุณตื่นขึ้นมาฉีกยิ้มพร่ำเพรื่อก็คงไม่ใช่ แต่เรากำลังแนะนำให้คุณหาอะไรที่ทำให้คุณยิ้มได้มาวางไว้หัวเตียง อาจจะเป็นสาวที่คุณชอบ สถานที่ที่คุณชอบไป ที่เที่ยวที่คุณฝันว่าจะไปมาตลอดชีวิต จะได้ตื่นมาแล้วยิ้มให้กับสิ่งดี ๆ เหล่านั้นก่อนเริ่มต้นวัน
ทุกวันนี้ใครที่อยู่ในแวดวงของสื่อ, การเขียน – อ่านบทความ หรือพวกเว็บไซต์ขายของออนไลน์ต่าง ๆ อาจคุ้นหูกับ WordPress กันมาบ้างแล้ว โดย WordPress เป็นระบบ CMS ขนาดใหญ่ที่เป็นตัวสร้างเว็บไซต์ได้หลากหลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนได้เหมาะสมตามแต่การใช้งาน และยังเป็น CMS ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกอีกด้วย ซึ่งเจ้าของผู้พัฒนา WordPress คือ Automattic บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกล่าสุดมีข่าวออกสื่อ เป็นเรื่องของตัวบริษัทที่มีข่าวขายตึกสำนักงานในซานฟรานซิสโกทิ้ง เราก็นึกว่าบริษัทนี้จะเจ๊ง แต่ที่ไหนได้เป็นเพราะมันแทบจะไม่มีพนักงานเข้ามานั่งทำงานในออฟฟิศเลยต่างหาก โดยสำนักงาน Automattic ได้ประกาศขายทอดตลาดผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ Matt Mullenweg ซีอีโอของ Automattic ก็เคยพูดไว้แล้วว่า เขากำลังประสบปัญหาเรื่องการที่พนักงานไม่เข้ามาในทำงานในพื้นที่ออฟฟิศ!! ฟังแล้วดูน่าตกใจใช่ไหมครับ เพราะว่ามันช่างสวนทางกับยุคปัจจุบันที่บริษัทที่มักจะมีการเติบโต จะต้องขยับขยายพื้นที่ออฟฟิศเพื่อรองรับกับปริมาณและการใช้งานของพนักงานที่เพิ่มขึ้นมากขึ้น โดย Matt ก็ได้พูดถึงเกี่ยวกับออฟฟิศแห่งนี้ไว้เหมือนกันว่า เขาทำออฟฟิศนี้เมื่อ 6-7 ปีก่อน ทุกอย่างล้วนตกแต่งใหม่ สวยงาม น่าใช้ คิดวิเคราะห์มาแล้วอย่างดี มีโต๊ะทำงาน มีมุมพักผ่อนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุด และพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางถึง 15,000 ตารางฟุตกันเลย
ไม่ว่าจะในฐานะคนทำงาน เจ้าของธุรกิจ หรือระดับหัวหน้างานที่ต้องดูแลการทำงานของคนอีกจำนวนมาก เราต่างแสวงหากลยุทธ์ของการจัดการเวลาทำงานที่จะทำให้คนทำงาน ทำงานได้ทรงประสิทธิภาพสูงสุด คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถจัดการเวลาทำงานได้เต็มที่ หนักหน่วง และเห็นผลได้เหมือนนักกีฬาโอลิมปิคฝึกซ้อมก่อนลงสนามจริง อย่ามัวคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นหรือเป็นไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้เปิดใจทำความรู้จัก “Interval Training” เทคนิคการบริหารจัดการเวลาฝึกซ้อมสไตล์นักกีฬาโอลิมปิคที่จะทำให้คุณต้องทึ่งกับผลลัพธ์การทำงานของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ย้อนกลับไปช่วงทศวรรษที่ 1930 Woldemar Gerschler โค้ชชาวเยอรมันมีความคิดว่าเขาอยากให้นักกีฬาวิ่งของเขาจัดการเวลาการฝึกซ้อมให้ดีขึ้นกว่าที่เป็น หลังจากการทดลอง เขาพบว่านักวิ่งจะสามารถบรรลุเป้าหมายการฝึกซ้อมได้ดีขึ้น ถ้าแบ่งการฝึกออกเป็นเซ็ต ๆ หากมีเวลา 60 นาที Woldemar Gerschler จะแบ่งการฝึกออกเป็น 6 เซ็ต โดยฝึกซ้อมเต็มที่ 7 นาที แล้วพัก 3 นาที ซึ่งการฝึกเต็มที่แล้วแบ่งเวลาให้พัก นักวิ่งจะสามารถวิ่งได้เร็วกว่า วิ่งได้ระยะไกลกว่า และฟอร์มการวิ่งโดยรวมทำได้ดีกว่าการซ้อมวิ่งติดกันรวดเดียว 60 นาที วิธีของ Gerschler ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายกับนักวิ่ง จนกระทั่งถูกนำไปใช้ในกีฬาประเภทอื่น ๆ และกลายเป็นระบบการฝึกซ้อมสุดทรงพลังที่ถูกเรียกว่า “Interval Training” ที่ได้รับการยอมรับมาถึงปัจจุบัน การฝึกไป พักไป ได้รับการยืนยันจาก K.
“ศิลปินยิ่งใหญ่ต้องการความกดดันมหาศาล เพื่อสรรค์สร้างงานอลังการระดับโลก” เราต่างเคยเชื่อแนวคิดอะไรทำนองนี้ แต่มันจริงเสมอไปไหมที่ทุกคนจะสร้างสรรค์งานได้ดีในบรรยากาศงานยุ่ง ๆ หรือคิดงานไอเดียกระฉูดท่ามกลางบรรยากาศความรับผิดชอบล้น ๆ วุ่นวาย ๆ เท่านั้น เราอาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เมื่อ หนังสือ The Happiness Track: How to Apply the Science of Happiness to Accelerate Your Success แสดงให้เห็นว่าความคิดล้ำ ๆ เจ๋ง ๆ มักออกมาตอนที่เรารู้สึกผ่อนคลายต่างหาก ถ้ายังจินตนาการไม่ออก เรามีเรื่องราวของนักประดิษฐ์อัจฉริยะอย่าง Nikola Tesla ที่เป็นทั้งนักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล และวิศวกรไฟฟ้า ถ้ายังไม่นึกไม่ออกอีก UNLOCKMEN ขอกระซิบบอกว่าเขามีส่วนช่วยในการพัฒนาหลอด fluorescent หรือหลอด neon แถมยังเป็นผู้คิดค้นสัญญานวิทยุ และค้นพบหลักการสนามแม่เหล็กไฟฟ้าอีกด้วย ย้อนกลับมาว่าความผ่อนคลายช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์อย่างไร? Nikola Tesla ในปี 1881 ออกเดินทางไป Budapest พร้อมอาการป่วยอย่างหนัก
เมื่อการไปเมาร่วมกันไม่ใช่แค่ความสนุก แต่คือส่วนหนึ่งของธุรกิจ!
สมัครงานอ่านไว้ก็ได้เปรียบ หรือเป็นคนรับสมัครเอาไปใช้บ้างก็ได้ผู้สมัครเจ๋ง ๆ แน่นอน
ถ้าต้องเจอคนทัศนคติแย่ เราต้องรับมืออย่างไรดี