ช่วงชั้นประถม เราทุกคนล้วนต้องเคยฝึกหัดฝีมือทางด้านการพิมพ์มาตั้งแต่สมัยพิมพ์ดีด มาจนแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดปัจจุบันกันบ้างแล้วแน่ ๆ ปกติหลักการวางมือ asdfg hjkl จะเป็นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้วในหลักสูตร และบางทีต้องวัด WPM เพื่อดูค่าเฉลี่ยกันอยู่บ่อยๆ ไว้สำหรับกรอกลงใบสมัครงานอีกด้วย หลายคนอาจคิดว่าการพิมพ์ไว พิมพ์ถูกต้องเป็นแค่เรื่องเล่น ๆ ไม่เห็นมีความจำเป็นนอกจากกรอกใบสมัครงาน ซึ่งเราจะบอกว่าคิดผิดมากเลยนะครับ เพราะว่าแทบจะทุกงานในปัจจุบันที่ต้องใช้แป้นพิมพ์ ในการพิมพ์งานเป็นส่วนผสมช่วยให้การทำงานหลาย ๆ อย่างดีขึ้น เสร็จไวขึ้น อย่างเช่นการเขียนบทความ เป็นต้น แล้วเราจะสามารถทำให้มันดีขึ้นกว่าเก่าได้ยังไง UNLOCKMEN มีเคล็ดวิธีเพิ่มความสามารถด้านการพิมพ์มาแนะนำให้ลองทำตามดูครับ ทำแบบทดสอบออนไลน์ หนึ่งในวิธีที่ง่ายดายที่สุดและแทบต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรทั้งนั้น โดยเราสามารถทดสอบฝึกฝีมือออนไลน์ได้บ่อย ๆ เพื่อที่จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของเราให้เร็วและความแม่นยำในการพิมพ์มากขึ้น การทดสอบมีตั้งแต่แบบจริงจัง วัดค่าเฉลี่ย ไปจนถึงรูปแบบสนุก ๆ อย่างพวกเกมท้าทายเป็นด่าน ๆ ไป แต่ไม่ว่าแบบไหนก็ช่วยเพิ่มทักษะความสามารถได้เหมือน ๆ กัน เพราะงั้นลองฝึกกันดูเลยครับ สบายใจ & ท่าทางลงตัว หลายคนอาจคิดว่าความสบายใจเกี่ยวอะไรกับการพิมพ์ เราบอกไว้เลยว่าไม่ใช่แค่การพิมพ์เท่านั้น แต่การทำงานอะไรแทบจะทุกอย่าง เราต้องรู้สึกสบายใจในการทำ แล้วคุณจะทำสิ่งนั้นได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตใจหรือท่าทางในขณะนั่งพิมพ์ เช่น ตำแหน่งการวางข้อมือ, นั่งหลังตรงหรือค่อม
ถ้าพูดถึง CEO ระดับแนวหน้าของโลกตอนนี้ คงไม่มีทางที่ชื่อของ Elon Musk จะหลุดโผไปได้ เขาคือ CEO ของ Tesla และ SpaceX รวมถึงเป็น chairman ของ SolarCity ที่กำลังทำโปรเจกต์ล้ำ ๆ ให้กับโลกใบนี้มากมาย แถมยังเป็นนักลงทุนระดับมหาเศรษฐีที่ขึ้นชื่อว่างานล้นมือที่สุดคนหนึ่ง แต่อะไรที่ยังทำให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ได้ วันนี้เราแอบเอานิสัย 5 อย่างของเขามาฝากให้ชาว UNLOCKMEN ได้ลองใช้เป็นตัวอย่างในการทำงานให้มีประสิทธิภาพดู ใช้การสื่อสารผ่านข้อความ Elon Musk ถือเป็นอีกคนที่เป็นตัวพ่อเรื่องการสื่อสารผ่านอีเมลหรือข้อความ เป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องอาศัยการโต้ตอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยให้เขาอยู่กับตารางเวลาการทำงานของตัวเองได้เต็มที่มากขึ้น โดยไม่ต้องพะวงอยู่กับการรับโทรศัพท์แต่ให้คนที่อยากติดต่อสื่อสารผ่านข้อความแล้วตอบกลับเมื่อมีเวลา บางครั้งก็ต้องเป็นคนเข้าถึงยาก แม้ใคร ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้จัก Elon Musk ดี แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่เข้าถึงตัวยากมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะการเข้าถึงจากคนนอกบริษัทของเขา เขาบอกว่าการทำให้คนเข้าถึงยากเป็นการป้องกันการเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น มีโอกาสในการโฟกัสกับงานตัวเองมากขึ้น multitasking เข้าไว้ Elon Musk เชื่อว่าการทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวหรือที่เรียกว่า multitasking เป็นเรื่องที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คงไม่มีใครอยากจะตีบตันไอเดีย ตีบตันความคิด ไร้แรงบันดาลใจ ทนนั่งทำงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ หรือในออฟฟิศที่แสนจะวุ่นวายหรอกใช่ไหมครับ บางครั้งการเอาตัวเองออกไปเจออะไรใหม่ ๆ อย่างการเปลี่ยนสถานที่นั่งทำงาน ก็ช่วยปลดล็อกความคิดให้พุ่งฉลุยได้ไม่เลวเหมือนกัน UNLOCKMEN จึงอยากให้ทุกคนมีไอเดียเปิดกว้าง แบบที่ต่างประเทศเขาเริ่มทำกันแล้วคือ Work from Everywhere ที่ได้รับการยอมรับจากพนักงานส่วนใหญ่ว่ามีความสุขและงานออกมาดีมากขึ้นกว่าเก่า เราจึงรวบรวม 5 Co-Working Space ในกรุงเทพ ไว้ให้ทุกท่านได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศและดันไอเดียการทำงานให้พุ่งทะยาน Maven Mesh ใครที่หลงรักบรรยากาศสบาย ๆ ดันไอเดียความคิดอยู่กับธรรมชาติ ไม่ยึดติดกับความล้ำสมัยหรือไฮเทคและความวุ่นวาย ที่ Maven Mesh เป็น Co-Working ที่ที่น่าจะตอบโจทย์ใจได้ไม่ยาก Maven Mesh ตั้งอยู่ใจกลางลาดพร้าว เข้าไปจะรู้สึกแทบหลุดออกไปอีกโลก จัดตกแต่งสไตล์บ้านพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ชั้นล่างเป็นพื้นที่ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และ อาหารจานเดียว ส่วนพื้นที่ Work Space จะอยู่ชั้น 2 เงียบสงบ และ มีความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมี Open Space
เคยรู้กันบ้างไหมครับว่าทุกวันนี้ในเวลา 24 ชั่วโมงคนส่วนใหญ่เสียเวลากับการท่องโลกอินเตอร์เน็ต อยู่ในสังคม Social แทบจะครึ่งต่อครึ่ง ไม่ว่าจะตอนก่อนนอนหรือแม้กระทั่งตอนตื่นลืมตาต้องควานหามือถือมาเช็คข่าวสารหรือ Facebook, Line ก่อนทำอะไรอย่างอื่น ๆ เพราะงั้น UNLOCKMEN คิดว่าการที่จะบอกให้ทุกคนเลิกเล่นซะมันคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เราจึงจะมาแนะนำวิธีการใช้งานโลกอินเตอร์เน็ตให้เกินประโยชน์กับตัวเราสูงสุด ด้วย 8 เว็บไซต์ฟรีที่จะช่วยยกคุณภาพชีวิตเดิม ๆ ของเรา ให้ดีขึ้นกว่าเก่าได้ ถ้าเราตั้งใจและลงมือทำมันจริง ๆ Rype เรื่องของภาษาเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดใจมาก เพราะว่าเราเรียนภาษากันตั้งแต่ที่จำความได้ แต่ดันไม่เก่งกาจแบบที่คิด Rype เป็นเว็บไซต์ที่จะช่วยให้เราพูดภาษาที่ 2 ได้ภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น โดยถูกสร้างขึ้มาเพื่อให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้ภาษาที่ 2 เทียบเท่ากับโรงเรียนสอนภาษาดี ๆ เลย มีบทเรียน 1-10 ให้ได้เรียนรู้และถูกสอนโดยครูมืออาชีพที่ผ่านการตรวจสอบแล้วอย่างละเอียด สามารถใช้งานได้ 24 ชั่วโมงทุกวัน (ฟรีให้ใช้งานทดลอง 14 วันแบบเต็ม ๆ) เรื่องของภาษาอยู่ที่การใช้ ไม่ใช่แค่เรียนแกรมม่าแล้วจะเป็นได้เลย เพราะงั้นลองเข้าไปหาความรู้สักครั้งสองครั้ง ทดลองดูก็ไม่เสียหาย บอกไว้เลยว่ายิ่งรู้ภาษามากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นต่อให้กับชีวิตหลาย ๆ ด้าน X.ai
ความฉลาดเป็นอีกหนึ่งสิ่งนามธรรมที่ชวนให้ผู้ชายอย่างเรายืนงงเกาหัวแกรก ๆ เพราะความฉลาดนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และความฉลาดอย่างหนึ่งที่คนมักมองข้ามคือความฉลาดทางอารมณ์ หรือที่เรามักเรียกกันว่า EQ ความฉลาดทางอารมณ์สำคัญกว่าที่เราคิดเพราะมันช่วยให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเราเอง จำแนกได้ว่าเรากำลังรู้สึก กำลังคิดอะไร ทำให้เราเข้าใจผลที่จะตามมาจากอารมณ์ความรู้สึกนั้นของเรา และข้อมูลพวกนี้เองที่จะให้เราสามารถกำหนดความคิดและการกระทำของเรา รวมถึงช่วยในการตัดสินใจและไปถึงเป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น นึ่จึงเป็น 5 วิธีเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์ให้แหลมคมจนคุณต้องแปลกใจตัวเอง รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง เราไม่ใช่พระอรหันต์ที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่มันเกิดขึ้น UNLOCKMEN ก็ไม่ได้คาดหวังให้คุณทำได้ขนาดนั้น แต่เคล็ดลับก็คือการฝึกฝน เริ่มง่าย ๆ จากการที่เราเกิดอารมณ์อะไรรุนแรง เช่น โกรธมาก หงุดหงิดมาก เสียใจมาก ให้เราค่อย ๆ สังเกตว่าอะไรทำให้เรารู้สึกแบบนั้น พอเรารู้สึกแบบนั้นแล้วเราแสดงอาการอะไรออกมา เพื่อที่เราจะได้รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้นว่าอารมณ์ไหนเกิดจากสาเหตุอะไร และจะรับมือมันอย่างไร ถามความคิดเห็นจากคนอื่น คนอื่นมักมองเห็นเราในมุมที่เรามองไม่เห็นตัวเอง ดังนั้นก็ถามเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท คนในครอบครัวดูบ้างก็ได้ว่าเวลามีเรื่องที่ต้องให้ระเบิดอารมณ์ ไม่ว่าจะอารมณ์ไหน เรามีปฏิกิริยาเป็นอย่างไรบ้าง หรือเวลาต้องรับมือกับคนอื่นที่แสดงอารมณ์ของเขาออกมามาก ๆ เรามีท่าทีเป็นอย่างไร โดยมุมมองที่ได้จากคนรอบตัวเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจวิธีการแสดงออกทางอารมณ์ของตัวเราเองมากขึ้น หยุด! ใช่ ง่าย ๆ แค่หยุด หยุดตัวเองก่อนจะแสดงออกทางอารมณ์อะไรออกไป เวลาที่เรามีอารมณ์อะไรมาก ๆ เราก็มักจะพูดหรือแม้แต่คิดอะไรที่รุนแรงออกไป เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะหยุดตัวเองก่อนที่จะแสดงออกอะไรที่ไม่สมควรออกไป เช่น
ถ้าไม่นับคนที่สามารถใส่เสื้อยืดไปทำงานได้ เสื้อเชิ้ตนับว่าเป็นแฟชั่นชิ้นสำคัญที่เราต้องอยู่กับมันเกือบ 365 วันต่อปี บางทีก็เบื่อการใส่เสื้อเชิ้ตไปดื้อ ๆ เรียกว่าหมดมุขหมดไฟ หมดไอเดียที่จะ Mix and Match style ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่ออฟฟิศสมัยนี้ก็ไม่ค่อยจะบังคับให้ใส่แต่งตัวเต็มเป๊ะทุกวันเหมือนในอดีต แต่ไม่ต้องแปลกใจ เราจะบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา วันนี้เราจึงขอแนะนำหลากหลายไอเดียการจับคู่สไตล์ใส่เสื้อเชิ้ตให้ดูเท่ โดดเด่นกว่าใครในออฟฟิศ จนคนอื่นต้องแอบกระซิบถามว่า เฮ้ย ไปทำอะไรมาถึงได้ดูดี ดูมีสไตล์ขึ้นมา SHORT SLEEVE SHIRTS WITH CHINOS / TROUSERS / JEANS เริ่มด้วยเสื้อเชิ้ตที่เป็นมิตรกับอากาศบ้านเราก่อน อย่างที่เราบอกไปว่าปัจจุบันนี้ หลาย ๆ บริษัทไม่ค่อยจำกัดอิสรภาพด้านการแต่งตัวมากนัก การใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา และมันเป็นแฟชั่นชิ้นโปรดของเหล่าคน Agency และ Creative นิยมใส่กัน เพราะมีลูกเล่นมากมายให้เลือก Mix and Match แถมยังอยู่ในขอบข่ายที่พร้อมจะไปประชุมกับลูกค้าได้ทันที Short Sleeve Shirts หรือเสื้อเชิ้ตแขนสั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความผิดพลาด ความผิดหวังไม่ต่างอะไรจากหนทางหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะการประสบความสำเร็จที่ต้องอาศัยการลองทำอะไรใหม่ ๆ อาศัยการลงมือทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเจอความผิดพลาด หรือความผิดหวังที่โผล่หน้ามาทักทายเราบ้าง แต่เราจะจมอยู่กับความผิดพลาดนั้น แล้วนั่งหงอกลัวการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งไปตลอดกาล หรือเราจะลองเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อเผชิญหน้ากับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แล้วกระโจนลงไปเริ่มใหม่อย่างฮึกเหิมลองดูใหม่อีกสักตั้งดู! 1.ความผิดพลาดไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าไม่ใช้โอกาสในการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั่นแหละปัญหา ใคร ๆ ก็ทำพลาดกันได้ เราเลือกได้ว่าจะแค่จมจ่อมอยู่กับปัญหานั้นไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา หรือจะให้มานเป็นโอกาสอันดีที่จะเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้นเพื่อไม่ให้ทำมันซ้ำอีก หรือต้องพลาดในจุดเดิม จงจำไว้ว่าในทุก ๆ ข้อผิดพลาดมันมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เราเรียนรู้และเติบโตขึ้น 2.ระวังความคิดที่มีต่อตัวเราเอง บอกตัวเองว่าเราไม่ได้ไร้ค่าแค่เพราะความผิดครั้งเดียว ความคิดต่อตัวเองมีส่วนสำคัญต่อทัศนคติ และสิ่งที่เราจะทำในอนาคตเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจงยอมรับว่าเราผิดและเรียนรู้จากมัน แต่อย่าใช้ความรู้สึกในการทิ่มแทงตัวเอง ซ้ำเติมตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเราโง่ เราแย่ เราไม่ดี ให้คิดว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ไม่ใช่ความผิดพลาดที่คงอยู่ตลอดไป 3.รู้จักลองทำสิ่งใหม่ ๆ แล้วผิดพลาด ดีกว่านั่งสมบูรณ์แบบเพราะการอยู่เฉย ๆ การอยู่เฉย ๆ อาจทำให้คุณสะอาดปราศจากมลทินแห่งความผิดพลาดไปตลอดชีวิต แต่การประสบความสำเร็จไม่ได้งอกเงยออกมาจากการนั่งอยู่เฉย ๆ ได้ เราจึงต้องลงมือทำอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ซ้ำเดิม และแน่นอนว่าการลงมือทำอะไรที่ไม่เคยทำต้องเจอกับข้อผิดพลาด เจอกับความผิดหวังบ้างเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นคุณมาถูกทางแล้ว! 4.เราคือผลผลิตของผิดพลาดในอดีต แต่อย่าให้ข้อผิดพลาดมานิยามสิ่งที่เราเป็น แน่นอนว่าข้อผิดพลาด
‘ความผิดพลาด’ เป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก ไม่ว่าจะในธุรกิจหรือในชีวิตจริง แม้ว่าเราจะพยายามหลีกเลี่ยงมันโดยตลอด แต่การทำธุรกิจหรือการลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อความเติบโตย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดที่เราคาดไม่ถึง ‘ความผิดพลาด’ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจที่เพิ่งเริ่มเติบโตหรือคนตัวเล็ก ๆ อย่างเราเท่านั้น บริษัทน้ำดำยักษ์ใหญ่อย่างโค้กก็เคยผิดพลาดครั้งใหญ่โตมาแล้วเช่นกัน ย้อนกลับไปเมื่อปี 1985 เมื่อโค้กอยากชนกับเป๊ปซี่และหวังจะได้รับชัยชนะ พวกเขาจึงได้ริเริ่มไอเดียสุดเด็ดขึ้น ทีมวิจัยการตลาดของโค้กได้สำรวจและพบว่า โค้กรสชาติใหม่ของพวกเขาถ้าออกมาครั้งนี้ต้องได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนเป๊ปซี่ต้องแพ้กระจุยกระจาย พวกเขาจึงสรรค์สร้างโค้กรสชาติใหม่ที่หวานกว่าเดิมออกมา จนถึงวันที่สินค้าถูกปล่อยออกไป ทีมงานบริษัทโค้กต่างก็รอผลลัพธ์อันน่าทึ่ง แต่ปรากฏว่ามันพังไม่เป็นท่า! ไม่ใช่แค่เอาชนะเป๊ปซี่ไม่ได้ แต่ผู้บริโภคต่างไม่พอใจเพราะโค้กที่ออกมามันหวานเกินไปสำหรับพวกเขา มีคนเพียงร้อยละ 13 เท่านั้นที่ชอบโค้กแบบใหม่ แถมลูกค้ายังรวมตัวกันแบนไม่ยอมกินโค้กจนกว่าจะได้โค้กที่เหมือนเดิมกลับมา ภายใต้วิกฤตครั้งนั้น บริษัทโค้กปล่อยให้โค้กตัวใหม่โลดแล่นได้เพียง 77 วัน แล้วกลับไปใช้รสชาติตามเดิม ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลายเป็นบริษัทน้ำดำระดับโลกได้อย่างในปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดโค้ก ยังเคยผิดพลาดและผ่านมันมาได้ วิธีเปลี่ยนข้อผิดพลาดให้กลายเป็นความสำเร็จคืออะไร? 1.รู้ว่าอะไรคือความผิดพลาด เราไม่มีวันแก้ไขอะไรได้สำเร็จถ้าไม่รู้ว่าความผิดพลาดของเราคืออะไร หรือมาจากตรงไหน ทันทีที่เกิดข้อผิดพลาด อย่ามัวฟูมฟาย แต่หาให้เจอให้ตรงจุดให้ได้ว่าข้อผิดพลาดคืออะไรกันแน่ จะได้มุ่งตรงไปยังข้อผิดพลาดได้อย่างทันท่วงที เหมือนที่บริษัทโค้กเห็นว่าโค้กของตัวเองนั้นผิดพลาดที่ความหวาน 2.รู้ว่าเกิดความผิดพลาดได้อย่างไร ถ้ารู้ว่าความผิดพลาดคืออะไรแล้ว อย่างต่อไปที่ต้องรู้คือมันเกิดความผิดพลาดนั้นได้อย่างไร เพื่อหาหนทางแก้ไขจากสาเหตุที่มันเกิดขึ้นได้ถูกจุด และไว้เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดนี้ต่อไป 3.รับมือความผิดพลาดอย่างสงบ การฟูมฟาย หรือแม้แต่โกรธเกรี้ยวใส่กันในธุรกิจหรือวงเพื่อนฝูงกันเองเมื่อเกิดความผิดพลาดไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เราควรยอมรับว่าปัญหาเกิดขึ้นแล้วและช่วยกันหาวิธีการแก้ปัญหาร่วมกัน
ว่ากันว่าเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้เปลี่ยนงานบ่อยกันเป็นว่าเล่น นอกเหนือจากความขี้เบื่อแล้ว เหตุผลเรื่องฐานเงินเดือนที่ขึ้นเอา ๆ ทุกครั้งที่เปลี่ยนงานก็เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงกันมาก แต่ UNLOCKMEN ขอเสนอว่าเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองเสมอไป แต่มีวิธีตรงชัดแมน ๆ อย่างการขอขึ้นเงินเดือนด้วยตัวเองกันไปเลย! เพราะงานวิจัยชี้ว่ากว่าร้อยละ 70 ของคนที่กล้าขอขึ้นเงินเดือนนั้นประสบความสำเร็จได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นจริง ๆ 1.ทำการบ้าน ไม่ใช่อยู่ ๆ เรามีตัวเลขใหม่ที่อยากได้ในใจแล้วจะจบ เดินดุ่ม ๆ ไปคุยกับผู้มีอำนาจตัดสินใจแล้วขอเงินเดือนเพิ่มเสียดื้อ ๆ เราควรต้องทำการบ้านก่อนว่าตำแหน่งแบบเรานั้นเขาได้เงินเดือนกันอยู่เท่าไหร่ เรามีหน้าที่รับผิดชอบเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับตำแหน่งเดียวกันในที่ทำงานเดียวกัน หรือตำแหน่งเดียวกันในที่อื่น ๆ แล้วลองดูความเป็นไปได้กับตัวเลขในมือที่ตั้งใจไว้ดู 2.รู้คุณค่าของตัวเองที่มีต่อบริษัท แต่ความเป็นไปได้เรื่องจำนวนเงินเดือนที่เราต้องการเพิ่มก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ตำแหน่งหน้าที่ของเราอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราทำงานอย่างมีคุณค่าให้กับที่ทำงานของเรามากแค่ไหน ผู้จัดการส่วนใหญ่เปิดเผยว่าพนักงานที่ทำงานที่สร้างคุณค่าให้บริษัทมากกว่าก็มีแนวโน้มที่เขาจะเพิ่มเงินเดือนให้มากกว่า รู้อย่างนี้แล้วก็ทบทวนตัวเองตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่าว่าอยากได้เงินเดือนเพอ่ม เราทำงานสร้างคุณค่าให้บริษัทเพิ่มแล้วหรือยัง? 3.รู้จังหวะเวลา จังหวะเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่มีตัวเลขในมือแล้วอยากเดินเข้าไปคุยเมื่อใดก็ได้ จังหวะที่คุณเพิ่งทำโปรเจกต์สำคัญเสร็จลุล่วงไปด้วยดีใหม่ ๆ หรือเพิ่งขายงานผ่านฉลุย หรือความสำเร็จใดก็ตามที่เป็นการสร้างคุณค่าให้กับบริษัทและหน้าที่ของคุณ เมื่อคุณทำมันได้ดี ก็รีบใช้โอกาสหลังจากนั้นในการขอปรับขึ้นเงินเดือนซะ เพราะมันมีแนวโน้มจะสำเร็จมากกว่าขอตอนที่คุณเพิ่งทำอะไรพังลงไม่เป็นท่า หรือไม่มีผลงานอะไรเลยแน่ ๆ 4.รุ่นใหญ่ใจต้องนิ่ง เหตุผลที่คนจำนวนมากเลือกจะลาออกจากงานเพื่อไปหวังเงินเดือนที่มากกว่ากับที่ทำงานแห่งใหม่นั้น เป็นเพราะความกลัว ความกลัวที่จะผิดหวัง ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องก้าวข้ามไปให้ได้ สงบนิ่งเข้าไว้ และคิดเสียว่านี่ก็ไม่ต่างจากการเจรจาต่อรองทั่วไป มีโอกาสสมหวัง