เพราะคำว่า Classic ไม่ได้แปลว่าเก่า แต่คือความเก๋าที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นสะท้อนตัวตนที่ชัดเจนจากอดีตสู่ปัจจุบัน ทั้งหมดนี้คือคำนิยามที่เราขอมอบให้กับนาฬิกา Orient Bambino Classic Collection ล่าสุด ที่ยังคงสะท้อนภาพงานดีไซน์สุดคลาสสิกของแบรนด์ Orient ออกมาได้อย่างร่วมสมัยไม่ตกยุค เป็นไอเทมที่พร้อมเติมเต็ม Total Look ให้กับทุกสไตล์แบบไร้ข้อจำกัด ด้วยหน้าปัด 2 ดีไซน์ ทั้งหน้าปัดคลาสสิก และหน้าปัด Sun & Moon รวมถึงสีสันที่มีให้เลือกแมทช์กับการแต่งตัวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดสีเขียว, สีน้ำเงินกรมท่า และสีแดงบอร์โดซ์ ที่ใช้เทคนิคการตกแต่งแบบซันเบิร์สต์ถ่ายทอดมิติแสงเงาที่ตกกระทบออกมาได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้สำหรับรุ่นคลาสสิกยังมีหน้าปัดสีเบจเรียบหรูที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในคอลเลกชั่นนี้ พร้อมไฮไลต์สำคัญอย่างรุ่นพิเศษเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี สุด Limited ที่เต็มไปด้วยความโดดเด่นด้านงานดีไซน์ในแบบฉบับของนาฬิกา Orient ซีรีส์ยอดนิยมอย่าง “Classic and Simply Style” ผสานอยู่ในทุกรายละเอียด ทั้งหน้าปัดโค้ง และกระจกทรงโดมแบบคลาสสิกดั้งเดิม รวมไปถึงดีไซน์ตัวเรือนที่ละเอียดอ่อนพร้อมขาตัวเรือนที่เพรียวบาง สวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง ยกระดับความเป็นเครื่องบอกเวลาสู่แฟชั่นไอเทมที่ลงตัวกับทุกสไตล์ และแน่นอนว่า Orient Bambino
อัพเดทข่าวดี เมื่อ Seiko Prospex Alpinist Series เรือนเวลาสุดเท่ สำหรับผู้หลงใหลในเสน่ห์แห่งผืนป่าและเหล่านักผจญภัยภาคพื้นดิน ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ ยกขบวนพร้อมให้เป็นเจ้าของกันหลายรุ่น แต่สำหรับรุ่นที่ถือเป็นไฮไลต์ของคอลเลกชันนี้คือ Seiko Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills รหัส SPB493J ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนทั่วโลก เปิดตัวพร้อมให้เป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวัน ‘Love Hornbills Day’ หรือ ‘วันรักนกเงือก’ เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของนกเงือก ที่เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และเป็นนักปลูกป่าที่อบอวลไปด้วยความรักอันน่ายกย่อง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเรือนเวลาเรือนนี้ โดย Seiko Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills มาพร้อมกลไกการทำงานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 6R54
เมื่อแบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส อย่าง MAURICE LACROIX ออกเดินทางสู่เส้นทางแห่งการรังสรรค์เรือนเวลาภายใต้ความมุ่งมั่นมาอย่างยาวนาน และเตรียมก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปี 2025 ที่จะถึงนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลาสุดพิเศษของทางแบรนด์รวมไปถึงแฟน ๆ MAURICE LACROIX ในไทยหลายต่อหลายคน และเพื่อเป็นการส่งต่อช่วงเวลาสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ให้กับแฟน ๆ ชาวไทย ดั่งคำมั่นสัญญาที่ว่า “Your Time Is Now” ทาง MAURICE LACROIX ประเทศไทย รวมถึงบรรดาสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง MAURICE LACROIX Club Thailand ก็ได้เริ่มมองหาเรือนเวลาสุดพิเศษ ที่ควรค่าแก่การเป็นที่ระลึกสำหรับเหล่านักสะสมที่หลงใหลใน MAURICE LACROIX มาโดยตลอด แน่นอนว่าเรือนเวลาที่ถูกคัดเลือกมา จะต้องเป็นเรือนที่ถือเป็น “ยอดสุดของสุดยอด” กับ AIKON Mercury นาฬิกาชั้นสูงระดับ Masterpiece ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมการแสดงเวลาอันซับซ้อนที่สุดของ MAURICE LACROIX ซึ่งใช้เวลาพัฒนากลไกยาวนานถึง 3 ปี เพื่อให้ได้มาซึ่งรูปแบบการอ่านค่าเวลาที่แสนมีเสน่ห์ ซึ่งสะท้อนผ่านเข็มนาฬิกาที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เป็นการสอดประสานการทำงานร่วมกันระหว่างกลไกที่สลับซับซ้อนเอกสิทธิ์เฉพาะของ MAURICE
สำหรับผู้ที่หลงใหลในเสน่ห์แห่งเครื่องบอกเวลา น่าจะรู้จักถึงชื่อเสียงเรียงนามของ ORIENT เป็นอย่างดี ในฐานะแบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่นที่ได้รังสรรค์เรือนเวลาระดับสูงให้กับโลกนี้มาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี กับความโดดเด่นในเรื่องของการผสมผสานกลไกอันละเอียดอ่อนอย่างประณีตให้เข้ากับการออกแบบที่เป็นดั่งนวัตกรรมด้วยตัวเอง พร้อมทั้งนำเสนอคุณค่าในแบบที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้คือ ความประทับใจและสร้างการจดจำให้กับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาทั้งในประเทศญี่ปุ่น และทั่วโลกเสมอมา และหากพูดถึง ORIENT เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง คือหนึ่งในตระกูลซีรีส์นาฬิกาสปอร์ตดำน้ำอย่าง ORIENT Diver Design ที่มีเอกลักษณ์เป็นรูปปลาโลมาประดับอยู่บนฝาหลัง ซึ่งได้รับการขนานนามในอีกชื่อหนึ่งว่า ORIENT Mako ถือเป็นรุ่นที่มีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของแบรนด์มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1960 พร้อมรับการพัฒนาในส่วนของสีหน้าปัดและรายละเอียดที่หลากหลายมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2004 เป็นต้นมา จนกระทั่งในปี 2023 กลไกระบบโซลาพาวเวอร์พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกใน ORIENT Diver Design ซึ่งกลไก in-house ระบบโซล่าพาวเวอร์นี้จะเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ หรือแหล่งกำเนิดแสงต่าง ๆ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เหมือนนาฬิกาควอต์ซทั่วไป จึงช่วยเพิ่มความสะดวกของการใช้งานในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะกับการใช้ฟังก์ชั่นโครโนกราฟสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ล่าสุดในปี 2024 แบรนด์ ORIENT ได้เปิดตัว ORIENT Diver Design รุ่นพิเศษ Limited Edition เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 20
Maurice Lacroix AIKON ถือเป็น Iconic Swiss Watch ใน collection ของนักสะสมมานับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2016 หนึ่งในผลงานสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ Watchmaker จากย่าน Franches Montagnes ประเทศ Switzerland คอลเลกชัน Maurice Lacroix AIKON เป็นโมเดลที่ต่อยอดมาจาก Maurice Lacroix Calypso ต้นแบบสุดคลาสสิกตั้งแต่ปี 1990s ทำให้ AIKON ซึ่งหมายถึงสไตล์เมืองอันหรูหราทันสมัย ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา มีความโดดเด่นในด้านงานดีไซน์ที่ทันสมัย รวมถึงการเลือกใช้วัสดุและคุณภาพการผลิตที่ประณีตสูงสุด ผ่านการสร้างสรรค์ด้วยผลงานรุ่นใหม่ ๆ ภายใต้ความหลากหลายของขนาด สีสัน และความซับซ้อนของเรือนเวลามาอย่างต่อเนื่อง สมกับปรัชญา ‘การประดิษฐ์คิดค้น’ ที่หลอมรวมอยู่ในทุกงานฝีมือและการสร้างสรรค์ของ Maurice Lacroix เชื่อว่าหากคุณหันไปหา Watch Collector รอบตัว จะพบว่ามี Maurice Lacroix AIKON ติดตัวกันเกือบครบทุกท่านไม่มากก็น้อย ล่าสุด Maurice
หากจะบอกว่านี่คือเรือนเวลาสำหรับใครที่หลงใหลในความ Modern Classic และชื่นชอบในสิ่งที่เป็น Timeless Design ก็คงจะไม่ผิดนัก กับ Longines Conquest Heritage Central Power Reserve รุ่นฉลองครบรอบ 70 ปีของคอลเลกชัน Conquest ที่มี Story มายาวนานนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1954 โดยเรือนนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นที่ 2 ในคอลเลกชัน คือ Longines Conquest Power Reserve ปี 1959 ที่นำมาปรับเพิ่มเติมรายละเอียดให้มีความคลาสสิกร่วมสมัยลงตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมนำเอาจุดเด่นอย่างดิสเพลย์บอกสถานะพลังงานสำรองบนจานหมุนกลางหน้าปัดจากในรุ่นเดิมมาให้ได้สัมผัสในยุคปัจจุบัน ซึ่งถ้าย้อนไปในปี 1959 มันคืองานดีไซน์และเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ทาง Longines ได้คิดค้นขึ้นมาได้อย่างล้ำหน้ามาก ๆ เรียกได้ว่างานออกแบบของ Longines Conquest Heritage Central Power Reserve เรือนนี้ เป็นการเอาเทคโนโลยีมาผสมผสานกับงานดีไซน์ได้อย่างสวยงาม เป็นนาฬิการุ่นใหม่ที่บาลานซ์ความคลาสสิกและให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัว ด้วยคุณสมบัติในการสำรองพลังงานได้สูงสุดประมาณ 72 ชั่วโมง ถึงจะถอดทิ้งไว้วันสองวัน ก็หยิบมาใส่ต่อเนื่องได้ทันที
รวมภาพบรรยากาศค่ำคืนแสนพิเศษ จากงาน Seiko Presage Cocktail Time : The Beautiful Sunset of Tokyo เนรมิตพื้นที่ 2463 Speakeasy ค็อกเทลบาร์ Vibe ดี ย่านเอกมัย ให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของ STAR BAR บาร์ชื่อดัง ณ กรุงโตเกียว พร้อม Mixology Workshop ชวนผู้เข้าร่วมงานเปิดประสบการณ์ทำค็อกเทลแก้วพิเศษอย่างใกล้ชิด เมื่อคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญกับการรวมตัวของ Seiko Presage หลากรุ่นที่แมทช์กับค็อกเทลหลากสี พร้อมเผยโฉม Seiko Presage STAR BAR Limited Edition เรือนเวลา 2 รุ่นใหม่ในคอลเลกชัน Presage ที่รังสรรค์โดย Hisashi Kishi หัวหน้าบาร์เทนเดอร์ของ STAR BAR บุคคลแรกที่ได้รับรางวัล
นับเป็นเวลากว่า 55 ปีที่ SEIKO 5 SPORTS ได้ส่งมอบความน่าเชื่อถือ, ความทนทาน, ประสิทธิภาพ รวมถึงมาตรฐานระดับสูง ให้แก่ผู้นิยมนาฬิกากลไกมาแล้วทั่วโลก และยังคงเดินหน้าพัฒนานาฬิกาที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่งมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด SEIKO 5 SPORTS FIELD ซีรีส์ยอดฮิตสำหรับแฟน ๆ เรือนเวลาสายลุย แนว ‘Trench Watch’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘นาฬิกาทหาร’ ซึ่งโดดเด่นด้วยดีไซน์คล่องแคล่ว แข็งแกร่ง และการบอกเวลาที่แม่นยำ ได้อัพเกรดความสามารถใหม่ในคอลเลกชัน SEIKO 5 SPORTS FIELD GMT ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ FIELD series ที่ได้มีการหยิบฟังก์ชันเข็มบอกเวลาที่ 2 หรือ GMT มาใช้ เพื่อเสริมความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับเหล่านักเดินทางชีพจรลงเท้าทุกท่าน ความโดดเด่นที่ถือเป็นไฮไลต์ของนาฬิการะบบอัตโนมัติ SEIKO 5 SPORTS FIELD GMT ขนาด 39.4 มม. เรือนนี้ คือเข็ม GMT
เมื่อปฏิทินเปลี่ยนผ่านมาถึงหน้าสุดท้ายของปี ทุกคนคงสัมผัสได้ได้ถึงบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง กับเทศกาลแห่งการให้ ส่งต่อของขวัญแทนความรู้สึกแก่คนสำคัญ วันนี้เราจึงอยากแนะนำไอเดียของขวัญทรงคุณค่า อย่างเรือนเวลาสุดพิเศษจาก OMEGA ซึ่งแต่ละเรือนต่างมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร โดดเด่นด้วยตัวตน สไตล์ และวัสดุที่น่าหลงใหล เปรียบได้กับเกล็ดหิมะที่เมื่อขยายดูโครงสร้างภายในจะพบกับเสน่ห์ของรูปทรงที่แตกต่าง รับรองว่าแต่ละรุ่นแต่ละเรือนคือของขวัญที่เหนือกาลเวลา พร้อมเติมเต็มความสุขที่สมบูรณ์แบบทั้งผู้ให้ และผู้รับแน่นอน เริ่มต้นที่เรือนแรกกับ OMEGA Seamaster Diver 300M ตัวเลือกคลาสสิก ในฐานะของขวัญสำหรับผู้รักการเดินทางและการผจญภัย กับคุณสมบัติสุดแกร่งผสานดีไซน์งดงาม สามารถติดตามผู้สวมใส่ไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุม, งานเลี้ยง, ลุยป่าเขา หรือแม้กระทั่งในมหาสมุทร ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ทว่าพร้อมที่จะไปทุกแห่งหน นาฬิกาขนาด 42 มม. รุ่นตัวเรือนที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลและทอง Sedna™ 18K นี้มาพร้อมกับหน้าปัดและขอบตัวเรือนที่ผลิตจากเซรามิกสีดำ โดดเด่นด้วยรายละเอียดระดับไอคอนิกอย่างลวดลายคลื่นอันโด่งดังและเข็มนาฬิกาแบบฉลุ สำหรับ OMEGA De Ville Prestige ที่ได้มีการปรับเส้นสายงานออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่บริสุทธิ์และเพรียวบางมากขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ก็ยังคงติดอันดับคอลเลกชันของขวัญที่เจิดจรัสอยู่เสมอมา ทั้งในรุ่นขนาด 34 มม. ที่ผลิตจากวัสดุสเตนเลสสตีลและทอง Sedna™ 18K มาพร้อมกับหน้าปัดเปลือกหอยมุกซึ่งดูคล้ายกับหิมะที่โปรยปราย รวมไปถึงเรือนเวลา De
ย้อนไปในปี 2013 เป็นปีที่นาฬิกา Constant Escapement L.M. หนึ่งใน Collection Bridges จาก Girard-Perregaux ได้อวดสายตาแก่ชาวโลก พร้อมเสียงตอบรับที่ดีมากมาย ทำให้สามารถคว้ารางวัล ‘Aiguille D’Or’ ของงาน GPHG (Grand Prix d’Horlogerie de Genève) ได้ในปีเดียวกัน ด้วยจุดเด่นของ Constant Force Escapement ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยจัดการพลังงานได้อย่างลื่นไหล สร้างความเสถียรแม่นยำให้กับอัตราการเดินอย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจของ Constant Girard ช่างทำนาฬิกาชาวสวิสผู้อุทิศชีวิตให้กับความก้าวหน้าของโครโนมิเตอร์ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 กับการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายในภารกิจการพัฒนาโครโนมิเตอร์ ได้มีการสร้างนาฬิกาพกที่มีความแม่นยำสูงหลายเรือนพร้อมกลไก Tourbillon ความเป็นเลิศของนาฬิกาเหล่านี้ได้รับการพัฒนาจนได้รับรางวัลมากมาย ในปี 1860 เขาได้ร่างภาพการออกแบบกลไกด้วยสะพานจักรกลที่ขนานกันสามแห่ง ซึ่งนาฬิกาพกนี้เปิดตัวในปี 1867 โดยสะพานจักรกลทั้ง 3 ชิ้นผลิตจากเงินนิกเกิล และได้รับรางวัลอันดับหนึ่งจากหอดูดาว Neuchâtel ในปีเดียวกัน ก่อนที่ในปี 1889 ได้มีการพัฒนาสะพานจักรกลทั้งสามส่วนโดยใช้วัสดุเป็นทองคำ เพื่อเอกลักษณ์ความงดงามมากขึ้น