เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ชอบอ่านมังงะลูกผู้ชาย ดูหนังดวลเดือดของพวกแยงกี้ และเป็นแฟนคลับหนังยากูซ่า จนบางครั้งเผลอคิดว่าตัวเองรู้จักวงการนี้ดีพอจากการเสพสื่อ จนเชื่อว่าหากวันหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปในวงการโลกสีดำ ใครหลายคนจะรีบกระโจนเข้าไปทันที เพราะภาพลักษณ์ของยากูซ่ามันทั้งเท่ โคตรห่าม มีอำนาจ และอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งเป็นความคิดตรงข้ามกับคนที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่กับคาวเลือดสิ่งผิดกฎหมายที่อยากกลับคืนสู่สามัญเป็นคนธรรมดาเสียอย่างนั้น UNLOCKMEN พร้อมเผยให้เห็นอีกมุมหนึ่งของโลกยากูซ่าญี่ปุ่น ผ่านเรื่องจริงของยากูซ่า 3 คน ที่บังเอิญเจอกันในคุก พวกเขาแบ่งปันเรื่องราวที่เจอมา ทั้งความเหนื่อยจากการทำงาน นิ้วมือที่หายไปจากการถูกลงโทษเมื่อทำงานไม่สำเร็จ รวมถึงความกดดันและความหวาดระแวงต่อยากูซ่าด้วยกัน และเรื่องตำรวจ สิ่งที่ได้จากบทสนทนาคือความรู้สึกอยากกลับไปเป็นผู้ชายธรรมดา มีชีวิตเหมือนคนอื่น พวกเขาเลยตกลงกันว่าหากพ้นโทษออกจากคุกเมื่อไหร่จะเปิดร้านราเมงด้วยกัน สำนักข่าว NHK นำเสนอเรื่องราวชีวิตยิ่งกว่าละครของยากูซ่าญี่ปุ่นสามคน เนื่องจากมีผู้คนแวะเวียนไปทานอาหารที่ร้านอุด้งร้านหนึ่งย่านคิตะคิวชู (KitaKyushu) จังหวัดฟุกุโอกะ และรู้สึกว่าพนักงานในร้านแตกต่างจากคนทั่วไป ถึงแม้ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยสักจะถูกปกปิด แต่บุคลิกบางอย่างของยากูซ่านั้นปิดไม่มิด เช่น ท่าทางการเดิน การกันคิ้ว และนิ้วที่หายไป ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้ประสบการณ์การเข้าไปกินอาหารในร้านที่มีชายฉกรรจ์หน้าตาไม่รับแขกถูกบอกต่อไปแบบปากต่อปาก เมื่อทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังร้านอุด้ง สอบถามเรื่องราวจนพบว่าพวกเขาทั้งสามต่างเป็นยากูซ่าที่เจอกันในคุก และสัญญาว่าจะเปิดร้านอาหารด้วยกัน ชายที่เป็นคนออกไอเดียร้านอาหารมีชื่อว่านากาโมโตะ ทากาชิ (Nagamoto Takashi) วัย 54 ปี เขาเข้าวงการยากูซ่าเมื่อปี 1988 มีปมวัยเด็กเพราะถูกพ่อแม่ทิ้งและอยู่กับแก๊ง Kudo-Dai ที่มีสมาชิกกว่า 600