“Words are more powerful than weapons.” หนึ่งในวลียอดฮิตที่ทุกคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือความจริง ยิ่งถ้าเราลองเปิดบันทึกประวัติศาสตร์โลกดูจะพบว่าในเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ คำพูดหรือสปีชเพียงไม่กี่นาทีกลับพลิกประวัติศาสตร์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ นอกจากจะส่งผลต่อเรื่องราวในอดีตแล้ว ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนสปีชที่ยิ่งใหญ่นั้นก็ไม่ตกยุค ยังร่วมสมัยและสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้เสมอ ครั้งที่แล้วเราได้นำเสนอสปีชที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลกให้ทุกคนได้เรียนรู้ถึงแนวคิดและสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ไปแล้วทั้งหมด 5 สปีช แต่สปีชที่ดีนั้นยังมีอีกมากมาย และเราเล็งเห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านทุกคน เราจึงคัดมาอีก 5 สปีช ให้ทุกคนได้เรียนรู้จากร่องรอยประวัติศาสตร์กันอีกครั้ง ส่วนใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรก สามารถย้อนตามไปอ่านได้ที่ ‘5 SPEECH ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์โลก’เป็นข้อคิดและบทเรียนชั้นดีในการใช้ชีวิตของหนุ่ม ๆ I Have a Dream – Martin Luther King Jr. August 28, 1963, Washington, D.C. Martin Luther King Jr. คือหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดต่อการเรียกร้องสิทธิให้กับพลเมืองผิวสีในสหรัฐอเมริกา แม้ในช่วงนั้น (ยุค 50-60) จะผ่านพ้นช่วงเลิกทาสมาแล้วนับ 100 ปี สิทธิพลเมืองผิวขาวและผิวสีเท่าเทียมกันในแง่ลายลักษณ์อักษรตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัตินั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง คนผิวดำยังโดนกีดกันในการเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ รวมถึงมีการแบ่งแยกสถานที่สำหรับคนผิวดำอย่างชัดเจน
“Words are more powerful than weapons.” หนึ่งในวลียอดฮิตที่ทุกคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือความจริง ยิ่งถ้าเราลองเปิดบันทึกประวัติศาสตร์โลกดูจะพบว่าในเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ คำพูดหรือ Speech เพียงไม่กี่นาทีกลับพลิกประวัติศาสตร์จากหน้ามือเป็นหลังมือได้ นอกจากจะส่งผลต่อเรื่องราวในอดีตแล้ว Speech ที่ยิ่งใหญ่นั้น ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่ตกยุค ยังร่วมสมัยและสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้เสมอ วันนี้เราจึงยก 5 Speech สำคัญในบันทึกประวัติศาสตร์จากปากบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่ากาลเวลาไม่สามารถทำอะไรได้ และเราเชื่อว่านี่จะเป็นบทเรียนชีวิตชั้นดีให้กับหนุ่ม ๆ ได้แน่นอน Duties of American Citizenship – Theodore Roosevelt Buffalo, New York, January 26, 1883 Speech ที่ดีที่สุดของประธานาธิบดีคนที่ 26 แห่งสหรัฐอเมริกาในการกล่าวกล่าวปาฐกถาที่เมือง Buffalo มลรัฐ New York ครั้งนี้ Theodore Roosevelt พูดถึง ‘หน้าที่ของพลเมืองอเมริกัน’ เขาเจาะลึกเหตุผลทางทฤษฎีว่าทำไมทุกคนจึงควรมีส่วนร่วมทางการเมือง อีกทั้งยังกล่าวว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองของรัฐที่จะสร้างรัฐบาลที่ดีขึ้นมาและเป็นสิ่งที่ทุกคนควรเอาใจใส่ ผ่านมากว่า 120 ปีแล้ว แต่ Speech
หลายครั้งที่ขัดใจกับการกระทำของใครสักคน แล้วอยากจะเข้าไปบอกตรง ๆ ว่า “นายทำงี้ไม่ได้ว่ะ” แต่ด้วยสถานะ ความปากไว หรือความอ่อนไหวของคนฟังที่เราไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่าใคร Sensitive กับเรื่องราวหรือคำพูดแบบไหน จนทำให้ต้องเก็บคอมเมนต์ไว้ในใจ แต่ถ้าไม่พูดเลยก็คงไม่ได้ เพราะในเมื่อจุดประสงค์ของเราจริง ๆ คือการติเพื่อก่อ ไม่ใช่เพื่อความสะใจส่วนตัว ยิ่งในการทำงาน การคอมเมนต์กันถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อ ๆ ไป UNLOCKMEN อยากชวนใครที่อึดอัดอยากจะติเตียนใคร แต่กลัวจะมองหน้ากันไม่ติด ด้วยเทคนิคเจ๋ง ๆ ที่เราแนะนำ ตำหนิให้ถูกคน ก่อนอื่นเลยต้องหาให้ถูกตัวซะก่อน ปัญหานี้มักเกิดในกลุ่มคนทำงานนี่แหละ บางครั้งมองในภาพรวมเราก็เดาไม่ออกว่าใครที่เป็นต้นเหตุของเรื่องกันแน่ จะไปติเขาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้ เพราะถ้าหากอีกฝ่าย Strike Back กลับมาว่า “ไม่ใช่กู” “กูไม่ได้ทำ” เรานี่แหละที่จะหน้าแตกแบบเต็ม ๆ ทางออกของเรื่องนี้ง่ายมาก ๆ ถ้าไม่ทุ่มเทความสนใจตั้งแต่แรก จนรู้หมดว่า Process นี้ใครทำ ก็ต้องมีสปายคอยสอดส่องว่า ใครรับผิดชอบจุดไหน จะได้จับมือมาดมกันได้ถูกคน ดูสถานะ บางครั้งดูแค่เจ้านายกับลูกน้องมันยังไม่พอ ง่าย ๆ เลย เราจะไม่ตำหนิหัวหน้าทีมเหมือนกับเด็กฝึกงานหรือน้องใหม่
คุณว่าที่มาของ “อำนาจ” ที่ทำให้คนแต่ละคนแตกต่างกันคืออะไรหากไม่นับรวมต้นทุนที่บางคนคาบติดตัวมาตั้งแต่เกิดอย่างทรัพย์สินเงินทอง ถ้าคำตอบของคุณคือ “ความสามารถ” หรือทักษะที่เราจะวัดกันจากผลงานอย่างเดียวมันก็ออกจะเป็นการฝันกลางวันไปหน่อย เพราะในโลกความเป็นจริง “คนเก่ง” ที่ไม่ได้ไปต่อ กองตายเกลื่อนมีอยู่เป็นกองทัพเพราะขาดสกิลสำคัญคือ “การนำเสนอความเก่ง” หรือ “การสร้างอำนาจจากคำพูด” กว่าจะได้แสดงความเก่งสู่สายตา “คำพูด” มันจึงต้องผ่านด่านก่อน เพื่อให้ชาว UNLOCKMEN ไต่อันดับขึ้นไปท็อปฟอร์ม โดดไปอยู่แนวหน้าที่พูดอะไร แบบไหนใครก็ฟังก็เชื่อ เราคัดวิธีสร้างความมั่นใจมาให้ทดสอบด้วยตัวเองกันแล้ว บอกเลยว่างานนี้ดึง insight มาจากการวิเคราะห์เหล่า CEO ที่เคยให้ข้อมูลกับการนำเสนอของ IPO road-show หรือการขายหุ้นสดใหม่ที่ไม่มีใครสามารถพยากรณ์ได้ว่ามันรุ่งหรือร่วง ซึ่งแค่ 30 วินาที นักลงทุนก็รู้ทันทีว่าคำพูดพวกนั้นจะแหกกระเป๋าพวกเขาไปได้หรือเป็นแค่เรื่องแหกตาปาหี่ จากปัจจัยการมองเพียง 5 อย่างนี้เท่านั้น ชุดเนี้ยบกว่าคนทั้งห้อง 25 % เลิกพูดเถอะว่าแต่งตัวยังไงก็ไม่สำคัญ หากกางเกงเจเจหรือขาก๊วยที่สวมมามันไม่ได้ยัดเงินตุงมาเต็มกระเป๋ากางเกง เพราะทันทีที่เดินก้าวเข้ามาในห้องเพื่อจะพูดนำเสนออะไรก็ตาม คนเขาก็มองและตัดสินคุณตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว เพราะฉะนั้นความประทับใจแรกและความเป็นมืออาชีพเลยเกาะอยู่ตามเสื้อผ้า ซึ่งคีย์สำคัญมันอยู่ที่ 25% ที่คุณต้องบวกมันเพิ่มขึ้นมาให้เหนือกว่าคนทั้งห้อง ต้องมีสไตล์กว่า ต้องเป็นทางการกว่า นั่นคือการช่วงชิงความเชื่อที่ดีได้ EXPERT RECOMMEND: Matt Eversmann
ถ้าคุณเป็นคนนึงที่กำลังมองหาวิธีพูดกระชากใจคนในทุกสถานการณ์ เพราะเวลาเจอคนเก่งก็เกรง เจอคนเยอะก็จอด หรือเจอสาว ๆ ทีไรก็ทำตัวไม่ถูก แต่ยังไม่รู้จะต้องเริ่มวิธีไหน คนส่วนใหญ่อาจจะแนะนำให้คุณฟังคลิปนักพูดสร้างแรงบันดาลใจเพื่อปลุกพลังก่อน แต่ถ้าเคยลองแล้วมันยังไม่ได้ผล เปลี่ยนมาใช้ 3 วิธีที่จะแนะนำต่อไปนี้เสริมเข้าไปเพิ่มสิ มันจะเพิ่มความแน่นแบบเนื้อ ๆ และทำให้คุณคุมเกมการพูดครบ เก็บหมดทุกเม็ดทั้งเวลา ทั้งเรื่องที่อยากเล่า แถมคนฟังยังเพลินแบบไม่รู้ตัวว่าพูดจบแล้ว 1. ดูคำให้เคลียร์ แค่เล่าให้รู้เรื่อง ยากตรงไหน? บอกไปเหมือนเป็นเรื่องหมู ๆ แต่ความจริงไม่หมู เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าคนมันไม่เหมือนตอนมองกระจกซ้อมพูดอยู่บ้าน พูดไปเลยไม่ตรงกับใจคิด งั้นเลิกคิดหันมาเริ่มเขียนสิ่งที่ตั้งใจจะพูดแทน เคยสังเกตไหมเวลา “จด” มันจะช่วยทำให้เราจำได้มากกว่าและเป็นวิธีที่เลือกคำเคลียร์ ๆ ให้เราได้ด้วย ถ้าคนฟังยังไม่ใช่แฟนที่จะรอให้เราพูดทั้งวัน สิ่งที่ต้องทำก่อนเลยคือคิดประโยคแรกกระแทกใจ แบบที่คนฟังรู้สึกเห็นด้วย สนใจก่อน ลองลิสต์ลงไปสัก 3-4 เรื่องเลือกดู แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มแบบไหนไปดูแคมเปญ K PLUS เธอเธอ เป็นแนวก็ได้ เพราะโฆษณาตัวนี้ทำให้เห็นง่าย ๆ เลยว่าเรื่องน่าสนใจแต่ใช้คำยากจนคนฟังงง เล่าไปก็ไม่มีใครแคร์ พูดไม่สนคนฟัง เราทำอยู่หรือเปล่า? บางครั้งไอ้เราอยากเล่าให้ครบทุกเรื่อง แต่ลืมดูว่าคนฟังเขาจะอยากฟังไหม วิธีช่วยให้รู้ตัวได้เร็วทำได้ด้วยการเขียนมันออกมา เขียนให้หมดว่าอยากพูดเรื่องไหนบ้าง ถ้าอันไหนดูไม่เวิร์กก็ขีดทิ้งแล้วไปให้น้ำหนักเรื่องอื่นดีกว่า ที่สำคัญเรื่องที่พูดมันต้องมีประเด็นหน่อยไว้ดึงดูด