อัพเดทข่าวดี เมื่อ Seiko Prospex Alpinist Series เรือนเวลาสุดเท่ สำหรับผู้หลงใหลในเสน่ห์แห่งผืนป่าและเหล่านักผจญภัยภาคพื้นดิน ได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ ยกขบวนพร้อมให้เป็นเจ้าของกันหลายรุ่น แต่สำหรับรุ่นที่ถือเป็นไฮไลต์ของคอลเลกชันนี้คือ Seiko Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills รหัส SPB493J ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนทั่วโลก เปิดตัวพร้อมให้เป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวัน ‘Love Hornbills Day’ หรือ ‘วันรักนกเงือก’ เพื่อตระหนักถึงความสำคัญของนกเงือก ที่เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และเป็นนักปลูกป่าที่อบอวลไปด้วยความรักอันน่ายกย่อง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเรือนเวลาเรือนนี้ โดย Seiko Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills มาพร้อมกลไกการทำงานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 6R54
บนหน้าปัดโทนสีทองที่ถูกโอบล้อมไปด้วยแผ่นวงแหวนสีดำเซรามิก ซึ่งจับคู่กับสเกลนาทีสีเบจบนขอบตัวเรือน Stainless Steel ของนาฬิการุ่นใหม่ SEIKO Prospex 1968 Heritage Diver’s GMT ที่มาในคอนเซปต์ ‘The Night Of Siam’ นั้น มีภาพประวัติศาสตร์ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราววัฒนธรรมของผู้คน ณ ช่วงเวลาที่กรุงเทพมหนาครฯ ถูกเรียกว่า ‘สยาม’ ซ่อนอยู่ แรงบันดาลใจของนาฬิการุ่น ‘The Night Of Siam’ เกิดขึ้นจากช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของวัน ตอนที่ อาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า โมเมนต์สั้น ๆ แสนสำคัญตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังจะหายไปพร้อมกับการฉายแสงอร่ามทั่วพื้นที่ เกิดเป็นโมเมนต์ที่เมืองเจิดจรัสและโอ่อ่าที่สุดของวัน ผู้คนออกมาพบปะกัน เสียงดนตรีในบาร์ที่กำลังเตรียมจะบรรเลง วิวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดที่หนึ่งในโลกเผยตัวเองออกมาให้ทุกคนได้เห็น เพราะฉะนั้น การที่คอลเลกชั่นสุดพิเศษ LIMITED EDITION ผลิตเพียง 500 เรือนทั่วโลก ก็ยังหมายถึงช่วงเวลา MAGIC HOUR ของกรุงเทพ เป็นจำนวนที่เป็นภาพสะท้อนของช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ช่วงเวลาต้องมนตร์ของกรุงเทพเผยตัวให้เห็นในเวลาไม่กี่วินาทีของวันเหมือนกัน ในบทความนี้ UNLOCKMEN ขอพาทุกคนไปดื่มด่ำช่วงเวลาก่อนที่กรุงเทพจะเข้าสู่ยามค่ำคืนผ่านนาฬิกา
สำหรับใครที่ติดตามผลงานของ ‘อเล็กซ์ เรนเดลล์’ Seiko Prospex Brand Friend ในช่วงหลัง ๆ คงรู้กันดีว่านอกจากเรื่องราวของงานแสดงแล้ว ดาราหนุ่ม และนักดำน้ำมากฝีมือคนนี้ ยังผันตัวจากงานในวงการ หันมาทุ่มเททำประโยชน์เพื่อสังคมในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งป่าเขา และผืนทะเล ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้าที่ต้องการปลูกฝังให้เยาวชนได้เข้าใจ และใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาความสมดุลทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้สามารถถ่ายทอด DNA ของ Seiko Prospex ออกมาได้อย่างเด่นชัด ในฐานะอีกหนึ่งบุคคลต้นแบบ สะท้อนภาพคนที่กล้าก้าวข้ามออกจากขีดจำกัด พร้อมมุ่งมั่นยืนหยัดจนประสบความสำเร็จกับอีกเส้นทางที่เลือก และยังเดินหน้า Keep Going Forward ไม่หยุดค้นหาความท้าทายของชีวิตในด้านอื่น ๆ ต่อไป จากผลงานอื่นที่ตามมาเช่นการทำช่อง Youtube เพื่อทำรายการ เปลี่ยนบทบาทมาทำหน้าที่พิธีกรเพื่อพูดคุย และให้ความรู้เชิงธรรมชาติ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และต้องถือว่าเป็นครั้งแรก เมื่อแรงบันดาลใจที่พร้อมก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของ ‘อเล็กซ์ เรนเดลล์’ เตรียมส่งต่อสู่กลุ่มคนที่มีจิตวิญญาณเดียวกัน ที่งาน Seiko Prospex Keep Going Forward 2024 กับการเปิดตัว “Team Prospex” รุ่นที่
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยกับ Brand Friend คนที่ 3 ของ Seiko นักแสดงที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ‘อเล็กซ์ เรนเดลล์’ ผู้ร่วมก่อตั้ง Environmental Education Centre หรือ ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) องค์กรที่มุ่งหวังในการส่งเสริมให้สังคมมีความรู้ และความเข้าใจต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมลงมือปกป้องธรรมชาติให้ยั่งยืนมาโดยตลอด โดยการร่วมมือระหว่าง Seiko ในครั้งนี้ หนุ่มอเล็กซ์มาเพื่อผนึกกำลังให้กับแคมเปญเพื่อโลกที่ชื่อว่า Sustainable for Life พร้อมกับ 2 โปรเจกต์เพื่อรักษาธรรมชาติได้อย่างครอบคลุมทั้งโลกบนบกและโลกใต้ทะเล กับ Seiko Save the Ocean และ Seiko Save the Forest ท่ามกลางบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันเขียวชอุ่มในป่าใหญ่ ของโรงแรม Bangkok Marriott Hotel The Surawongse นั้น ทำให้นึกขึ้นได้ว่าจริง ๆ โปรเจกต์ Save the Ocean ที่มีขึ้นเพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ท้องทะเลของประเทศไทยของ
นับย้อนไปตั้งแต่การเปิดตัวนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำรุ่นแรกของญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1965 เทคโนโลยีนวัตกรรมการบอกเวลาของ Seiko ได้ทำให้มาตรฐานของวงการนาฬิกาเปลี่ยนแปลงไป และทำให้ชื่อของไลน์อัพ Seiko Prospex เป็นสัญลักษณ์ของความท้าทายทุกขีดจำกัด เป็นตัวแทนคอลเลกชั่นเครื่องบอกเวลาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาและผู้ที่หลงใหลในการผจญภัย ไม่ว่าจะใต้น้ำ เหนือท้องฟ้า หรือแม้กระทั่งบนบกก็ตาม และในปี 2022 นี้ นาฬิกา The Black Series หนึ่งในซีรีส์ยอดนิยมของ Seiko Prospex ได้ก้าวข้ามความท้าทายสู่การผจญภัยครั้งใหม่ ที่ไม่ได้ถูกจำกัดไว้แค่เพียงการดำดิ่งสู่ท้องทะเลลึก กับการเปิดประสบการณ์การเดินป่าตั้งแคมป์ในยามค่ำคืน เพื่อดื่มด่ำความงามท่ามกลางความเงียบสงบ ซึ่งพร้อมสะกดทุกสายตาด้วยแสงจากธรรมชาติบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิท จนแทบจะมองเห็นดวงดาวทั้งกาแล็กซี่ โดยเฉพาะในบางพิกัดบนท้องฟ้าที่เผยความงามผ่านแสงสีเขียวเรืองรองที่สาดส่องลงมากระทบกับเงาของต้นไม้รอบด้าน จนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Seiko Prospex The Black Series “Night Vision” Limited Edition รุ่นใหม่ล่าสุด Seiko Prospex Black Series “Night Vision” Collection นำแรงบันดาลใจจากท้องฟ้าของผืนป่ายามค่ำคืน มาถ่ายทอดลงบนตัวเรือนทั้งหมด 3 แบบ ทั้ง 3 รุ่น
สาวก SEIKO คงไม่มีใครไม่รู้จักคอลเลกชั่น ‘Save The Ocean’ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นงาน Special Edition ที่ไม่ได้มีคุณค่าในแง่ของความงามจากลวดลายดีไซน์พิเศษในแต่ละรุ่นเท่านั้น แต่มันยังมีคุณค่าในเชิงอนุรักษ์ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของท้องทะเล เพื่อสานต่อจิตสำนึกในการพิทักษ์ท้องทะเลให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์สู่รุ่นลูกหลานของเราสืบไป โดยต้นกำเนิดของคอลเลกชั่น ‘Save The Ocean’ นั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 2018 ที่ SEIKO ได้ร่วมมือกับนักสำรวจและนักอนุรักษ์เพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูท้องทะเลอย่างยั่งยืน ซึ่งจุดมุ่งหมายของ ‘Save The Ocean’ นอกจากจะทำหน้าที่สร้างการรับรู้ให้เห็นถึงความสำคัญของท้องทะเลผ่านดีไซน์เฉพาะตัวของเรือนเวลาแต่ละรุ่นแล้วนั้น ทาง SEIKO ยังนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายนาฬิกา SEIKO PROSPEX ‘Save The Ocean’ กลับไปช่วยฟื้นฟูท้องทะเลให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เช่นเดิมอีกด้วย และเป็นที่น่ายินดีว่าคอลเลกชั่นแห่งการอนุรักษ์ท้องทะเลนั้นมีการตอบรับที่ดีจนเดินทางมาถึงลำดับที่ 8 ของซีรีส์ ซึ่ง SEIKO PROSPEX ‘Save The Ocean’ Special Edition ประจำปี 2022 นั้นจะหยิบยกเอารุ่นเด็ดรุ่นไหนมาเติมเต็มความงดงามจากเสน่ห์แห่งท้องทะเลลงไป เชิญติดตามรับชมไปพร้อมกันได้เลย การกลับมาของ SEIKO PROSPEX ‘Save The Ocean’ Special
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘SEIKO (ไซโก)’ คำภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า “นาที” “ความดีเยี่ยม” และ “ความสำเร็จ” เป็นคำคุ้นหูที่หลายคนรู้จักในฐานะชื่อแบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นที่อยู่คู่กับคนไทยมาทุกยุคทุกสมัย นอกจากชื่อเสียงที่ชาวไทยคุ้นเคย ในระดับโลก SEIKO ยังถือเป็นแบรนด์ที่สร้างมาตรฐานใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์วงการนาฬิกามาแล้วมากมาย ทั้งในฐานะแบรนด์นาฬิกาข้อมือแบรนด์แรกของญี่ปุ่นที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาควอตซ์จนทำให้เกิดยุค Quartz Crisis และเป็นแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาดำน้ำไทเทเนียมรุ่นแรกของโลก รวมถึงนวัตกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย จากประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลากว่า 140 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ SEIKO ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1881 จนกลายเป็นความเชี่ยวชาญที่ผลักดันให้ SEIKO ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทนาฬิกาชั้นนำในญี่ปุ่น เป็น House of Watchmaking ที่ผลิตทุกชิ้นส่วนของนาฬิกาด้วยโดยช่างผู้ชำนาญการที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของนาฬิกา ภายใต้คติ Keep Going Forward ซึ่งหมายถึงการไม่หยุดพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ ที่ SEIKO ยึดถือมาจนถึงปัจจุบัน และในปี 2021 นี้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสพิเศษของแบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นที่เดินทางมาครบรอบ 140 ปีเท่านั้น ซึ่งพวกเราชาวไทยที่เป็นสาวก SEIKO มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกน่าจะรู้กันดีว่าช่วงเวลานี้ถือเป็น “ช่วงเวลาพิเศษ” ของไซโก
“ดากานดา ฉันรักแกว่ะ”น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักประโยคอมตะจากปากของ ‘ไข่ย้อย’ ตัวละครจาก ‘เพื่อนสนิท’ ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกที่ส่งให้ชื่อของ ‘ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์’ ปรากฎขึ้นมาบนสารบบของนักแสดงหน้าใหม่ที่น่าจับตาของประเทศไทย และด้วยภาพยนตร์เรื่องเดียวกันนี้เอง ที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากคม ชัด ลึก อวอร์ด ประจำปี 2548 แม้จะเปิดฉากอาชีพนักแสดงได้อย่างสวยงาม แต่รางวัล ชื่อเสียง คำชื่นชมที่ได้รับมาตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ซันนี่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง ไม่เคยทำให้ผู้ชายคนนี้ปล่อยตัวเองให้หยุดอยู่กับความสำเร็จเก่า ๆ แต่เขายังคงมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเพื่อทำอาชีพนักแสดง ที่เขามักจะพูดอยู่เสมอว่านี่คืออาชีพที่เขารัก ได้อย่างมีคุณภาพสมบทบาทในทุกผลงาน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลักดันศักยภาพตัวเองให้ไปข้างหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ มีโอกาสได้รับเลือกให้มารับหน้าที่แบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของไซโก (ประเทศไทย) ภายใต้แคมเปญ “Keep Going Forward” ไม่สิ้นสุดถ้าไม่หยุดไปต่อ ซึ่งสะท้อนตัวตนวิธีคิดของซันนี่ออกมาได้อย่างชัดเจน หลังจากที่แบรนด์แอสบาสเดอร์รุ่นพี่อย่าง ‘อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม’ ที่เคยมีผลงานร่วมกันในภาพยนตร์เรื่อง ‘ชัมบาลา’ นั้นประสบความสำเร็จอย่างมากกับแคมเปญ “Move your adventurous mind further” และ “Discover Your Planet” ของทางไซโก
ถ้าจะพูดถึงแบรนด์นาฬิกาคุณภาพที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์งานดีไซน์เฉพาะตัว กลไกการเดินเข็มที่ได้มาตรฐาน และมีชื่อเสียงระดับตำนานในแวดวงนาฬิกาโลก คงจะลืมชื่อของ ‘Seiko’ แบรนด์นาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยไปไม่ได้เลย แม้ Seiko จะมีประวัติศาสตร์ยาวนานและโลดแล่นเดินเข็มอยู่ในวงการนาฬิกามาเกือบ 140 ปี แต่แบรนด์นาฬิการายนี้ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเรือนเวลาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่เริ่มต้นปี 2020 ด้วยการเปิดตัวคอลเลกชันนาฬิกาดำน้ำในตระกูล ‘Black Series’ ของไลน์อัป Seiko Prospex ก็ทำเอาหนุ่ม ๆ ทั่วโลกอยู่ไม่ติดเก้าอี้และกาปฏิทินรอวันวางจำหน่ายที่จะมาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมปี 2020 นี้ แล้วตอนนี้ Seiko ก็ทำเราเซอร์ไพรส์อีกครั้ง เพราะบริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกา Seiko เตรียมขยายฐานการผลิตและประกาศเปิด Pop-up Store แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ Pop-up Store แห่งนี้จะตั้งอยู่ที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น M แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และสินค้าแฟชั่นยอดนิยมของคนกรุงเทพฯ ภายในร้าน Seiko Pop-up Store มาพร้อมงานดีไซน์สุดเท่ ประดับตกแต่งร้านด้วย LED Track Light และโครงเหล็กสีดำเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลาจาก
Seiko เริ่มต้นปี 2020 ด้วยการประกาศเปิดตัวนาฬิกาสามรุ่นล่าสุดในตระกูล ‘Black Series’ ของไลน์อัป Seiko Prospex ประกอบไปด้วยรุ่น SLA035J1, SPB125J1 และ SSC761J1 ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความมืดมิดและระดับความลึกใต้มหาสมุทร นาฬิกาทั้งสามรุ่นถูกห่อหุ้มด้วยเคสสเตนเลสสีดำไอออน สะท้อนความงดงามใต้ท้องทะเลลึก พร้อมสอดแทรกรายละเอียดงานดีไซน์บนหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และใช้เทคโนโลยีส่องสว่าง LumiBrite ช่วยให้มองเห็นใต้น้ำได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น SEIKO PROSPEX BLACK SERIES SLA035J1 นาฬิการุ่นนี้ใช้โมเดล SLA021 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นาน เป็นพื้นฐานการออกแบบ แถมยังได้สมญานามว่าเป็นทายาทของ MarineMaster 300 หนึ่งในนาฬิกาดำน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Seiko ‘SLA035J1’ มาพร้อมตัวเรือนแบบชิ้นเดียว (Monobloc) และสายซิลิโคนสีดำกับหัวเข็มขัดแบบหมุด นอกจากงานดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยว เรือนนี้ยังใช้กลไก Calibre 8L35 ที่แม่นยำและน่าเชื่อถืออีกด้วย บนหน้าปัดขนาด 44.3 มิลลิเมตร ตกแต่งด้วยเข็มวินาทีสีแดงเด่น มีฝาเซรามิกแบบทิศทางเดียวที่แข็งแรงทนทาน ช่วยให้นาฬิกากันน้ำได้ลึกถึง 300 เมตร หน้าปัดยังใช้เทคโนโลยีส่องสว่าง Lumibrite ที่ให้ความสว่างมากกว่าและนานกว่าสารเรืองแสงทั่วไป