ย้อนกลับไปแค่สองปีก่อน Rolex เคยทำให้โลกต้องตั้งคำถามกับ “Destro” หรือ GMT-Master II ที่ถูกออกแบบให้คนถนัดซ้ายใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการย้ายเม็ดมะยม วันที่ และ Cyclops ไปอยู่ฝั่งซ้ายทั้งหมด ในตอนนั้นหลายคนว่าแปลก บางคนว่าท้าทาย วันนี้ Rolex กลับมาเล่าเรื่องนั้นอีกครั้ง — แต่ในโทนที่หรูหรากว่า หนักแน่นกว่า และเขียวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย นี่คือ GMT-Master II Ref. 126729VTNR ในเวอร์ชั่น ทองคำขาว พร้อมหน้าปัด “เซรามิกเขียว” Cerachrom รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ถ้าคุณเป็นคนที่คุ้นชินกับ Rolex แบบเดิม คุณอาจคิดว่ามันแค่เปลี่ยนสี เปลี่ยนวัสดุ แล้วขายใหม่ในราคาที่แพงขึ้น แต่ในความจริง มันมีอะไรมากกว่านั้น โดยเฉพาะ “เนื้อของหน้าปัด” ที่ไม่ได้ใช้การพ่นสีแบบ lacquer เหมือนที่ผ่านมา แต่ใช้วัสดุ Cerachrom (เซรามิกชนิดพิเศษที่แบรนด์พัฒนาขึ้นเอง) ที่ต้องใช้ฝีมือและการควบคุมเฉดสีอย่างแม่นยำ และในรุ่นนี้ Rolex จงใจเลือกสีเขียวให้แมตช์กับขอบหน้าปัดครึ่งล่างได้อย่างแนบเนียน ซึ่งถือว่า rare
ลองจินตนาการดูว่า Yamaha แบรนด์ที่คุณน่าจะคุ้นจากมอเตอร์ไซค์ R-Series หรือเปียโนข้างบ้าน จู่ ๆ ประกาศว่าจะสร้าง ซูเปอร์คาร์กลางเครื่อง วางเครื่อง V12 แบบเดียวกับใน F1 ที่วิ่งได้บนถนนจริง ๆ — ใช่ครับ มันเกิดขึ้นจริง ในช่วงปี 1992 และชื่อของมันคือ OX99-11 ก่อนจะพูดถึง OX99-11 เราต้องเล่าก่อนว่า Yamaha คือ “เบื้องหลังความแรง” ของรถดังหลายรุ่น เช่น Toyota 2000GT (1967) รวมถึงสุดยอดแห่งความภาคภูมิใจ Lexus LFA กับเครื่อง V10 1LR-GUE – ผลงานที่ Yamaha มีส่วนร่วมทั้งเสียงและความบ้าคลั่ง พร้อมซาวด์ระดับเทพที่ใครได้ยินจะไม่มีวันลืม – คราวนี้ลองนึกภาพดูว่า ถ้าพวกเขาไม่แค่ “ช่วยออกแบบ” แต่ “สร้างทั้งคัน” จะเกิดอะไรขึ้น? ในช่วงปี 89’s Yamaha กระโจนเข้าสู่สนาม
ย้อนกลับไปปี 1967 โลกทั้งใบหันมามองรถญี่ปุ่นคันนี้ เพราะมันเป็นรถญี่ปุ่นคันแรกและคันเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็น “Bond Car” ในภาพยนตร์เรื่อง You Only Live Twice ซึ่งถ่ายทำในประเทศญี่ปุ่น เดิมที ผู้กำกับ Lewis Gilbert มีแผนจะใช้ Chevrolet Camaro ในฉากไล่ล่า แต่ Sachio Fukuzawa นักแข่งรถของ Toyota ได้แนะนำให้ใช้รถยนต์ญี่ปุ่นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานที่ถ่ายทำ ทำให้ Toyota 2000GT เครื่องยนต์ 2.0L inline-6 DOHC 150 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ขับหลัง 0-100 km/h ภายใน 8.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 km/h ได้รับบทบาทนี้ไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม ห้องโดยสารของ 2000GT ค่อนข้างเตี้ยและแคบ Sean Connery ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ไม่สามารถนั่งได้อย่างสบาย
เมื่อพูดถึง Ferrari F40 หลายคนอาจนึกถึงซูเปอร์คาร์ยุค 80s ที่เป็นไอคอนของความเร็วและดีไซน์เหนือกาลเวลา แต่หากคุณเป็นนักสะสมตัวจริงหรือแฟนพันธุ์แท้ของ Ferrari คุณจะรู้ว่ามีเวอร์ชันที่หายากและทรงพลังยิ่งกว่าเดิม นั่นคือ Ferrari F40 LM ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนามแข่งโดยเฉพาะ จากถนนสู่สนามแข่ง Ferrari F40 เดิมทีถูกออกแบบมาเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของ Ferrari ในปี 1987 และเป็นรถรุ่นสุดท้ายที่ได้รับการอนุมัติจาก Enzo Ferrari โดยตรง แต่เวอร์ชัน F40 LM (Le Mans) ถูกปรับแต่งใหม่โดยทีมพัฒนาของ Michelotto เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในรายการ IMSA GT และ Le Mans 24 Hours ความแรงระดับสนามแข่ง สิ่งที่ทำให้ F40 LM โดดเด่นเหนือกว่า F40 รุ่นมาตรฐานคือการอัปเกรดเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 2.9 ลิตร ที่เพิ่มพลังจาก
นี่คือรถยนต์สไตล์ Wagon ที่เหมือนกับออกแบบตัวถัง 5 ประตูเป็นหลัก ก่อนจะปรับลดเป็นตัวถังซีดาน เปิดตัวขวัญใจพ่อบ้าน generation ใหม่ล่าสุด 2025 Audi A6 Avant ที่กำลังอยู่ในช่วงมึนงงสับสนกันทั้งค่าย ไม่ว่าจะเป็นทิศทางรถ EV หรือแม้แต่ชื่อรุ่น จากเดิมที่จะถูกปรับชื่อรุ่นเป็น A7 Avant ตามแนวทางการตั้งชื่อยุคใหม่ที่วุ่นวายของ Audi แต่สุดท้ายตัวแบกของค่ายก็ได้ขอยกเว้นในการใช้รหัส A6 Avant เหมือนเดิม วางขายคู่กับ A6 E-Tron Avant ขุมพลังไฟฟ้า ซึ่งมีดีไซน์ที่แตกต่างกันชัดเจน (เดิมทีแนวทางตั้งชื่อใหม่ รุ่นเลขคี่ A3, A5, A7 จะใช้สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ ICE ส่วนเลขคู่ A4, A6, A8 จะใช้สำหรับ all-electric model) ลืมเรื่องความวุ่นวายของชื่อรุ่น Audi ไปก่อน มาโฟกัสกันที่ความน่าสนใจของ A6 C9 กันดีกว่า – ดีไซน์เน้นความ
นับตั้งแต่วินาทีที่ Honda เปิดตัว mid-engine NSX เครื่องยนต์ all-aluminium 3.0L V6 พร้อมระบบ VTEC (Variable Valve Timing and Lift Electronic Control) ออกมาในปี 1989 ก็กลายเป็น new iconic supercar ไปพร้อม ๆ กับ Ayrton Senna ทำตลาดมายาวนานถึง 15 ปีโดยมีรุ่นพิเศษออกมามากมาย แต่ที่พิเศษและโหดที่สุดก็คือ The RR concept ซึ่ง Honda ได้เปิดทางให้ Mugen tuner คู่บุญของ Soichiro Honda ลูกชายท่านประธานเป็นคนสร้างอย่างไร้ขีดจำกัด 2009 Mugen RR concept ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีให้กับ NSX โดยเปิดตัวออกมาสี่ปีหลังจาก NSX
“We heard you” เพราะลูกค้าคือหัวใจสำคัญ เมื่อมีเสียงเรียกร้องเข้ามา Maurice Lacroix ก็รับฟัง feedback มาโดยตลอด นี่คือเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้แบรนด์นำ Calypso จากปี ’90s มาตีความใหม่กลายเป็น AIKON ที่เปิดตัวในปี 2016 และขึ้นแท่น best-selling ของแบรนด์นับแต่นั้นมา ในปี 2022 Maurice Lacroix ได้เปิดตัวหนึ่งในโมเดลที่สำคัญมากใน AIKON collection โทนสี monochromatic grey โชว์กลไกที่สวยงามของ openworked movement ML115 calibre ที่พัฒนาร่วมกับ Sellita จากสวิตเซอร์แลนด์ ในตัวเรือน stainless steel case ขนาด 39 mm ที่ผ่านการขัดเงาและขัดด้าน ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ AIKON ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน แบรนด์นาฬิกาจาก Swiss แห่งนี้ก็เก็บรวบรวมสิ่งที่ลูกค้าต้องการเพื่อนำมาพัฒนาจนเป็นที่มาของการเปิดตัว AIKON
เรานำเสนอ 911 restomod มาเยอะแล้ว เยอะจนหลายคนเข้าใจว่าโลกนี้มีแต่ Porsche เท่านั้นหรือที่ทำ restomod วันนี้ขอฉีกมาดูผลงาน restomod เลือดซามูไรกันบ้าง เดิมทีรถคันนี้คือ 1975 Nissan Skyline 2000GT coupe รหัส KGC110 ที่ทำตลาดอยู่ในช่วงปี 1972 – 1977 เป็นรถรุ่นธรรมดาตัวเริ่มต้นที่มากับเครื่องยนต์ L20 2000cc OHC มีแรงม้าเพียง 128 hp ผ่านการสร้างใหม่ทั้งคันจากสำนัก JDM Legends คนคลั่ง JDM ในอเมริกา ที่ตามหารถในญี่ปุ่นและส่งกลับมาทำใหม่ใน Utah ติดตั้งชุดบอดี้ใหม่หมดจนดูคล้าย hyper-rare Kenmeri Skyline GT-R พร้อมเสริม front / rear spoilers ขยายซุ้มล้อ ท่อซิ่ง ระบบขับเคลื่อนรวมถึงช่วงล่างล้วนถูก custom ขึ้นมาใหม่ ใต้ฝากระโปรงวางเครื่องยนต์จาก Rebello
รหัส m79360n-0024 ของซีรีส์ Black Bay คือการตอกย้ำการเป็นเรือนเวลาระดับประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Tudor ซึ่งเป็นการจับส่วนผสมของนาฬิกาดำน้ำระดับโปรเข้ากับ Sports Chronograph ผสมผสานอย่างลงตัวทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกลไกอัตโนมัติ Calibre MT5813 (COSC) สำรองพลังงาน 70 ชั่วโมง มาพร้อมกลไก Column Wheel & Vertical Clutch ที่ให้เราใช้งานได้แบบ Everyday Watch ด้วยสายนาฬิกาตัวล็อค TUDOR “T-Fit” สุดปลอดภัยใส่ On Hand ได้ตลอดวัน และด้วยไซส์ซิ่งตัวเคสความกว้างขนาด 41 มม. / ความหนา 14.4 มม. ของนาฬิกา Stainless Steel ตัวนี้ ก็เหมาะกับทุกสไตล์ มาพร้อมฟังก์ชันกันน้ำลึกถึง 200 เมตร ว่ากันด้วยไฮไลต์ความงดงามบนหน้าปัดของ Flamingo Blue ที่เป็นการตอกย้ำจิตวิญญาณแห่งการแหกฏของแบรนด์ Tudor อีกครั้ง
รถที่ขับดี ขับสนุก ไม่จำเป็นต้องเครื่องใหญ่แรงม้าเยอะเสมอไป รถ lightweight ที่แรงม้าเหมาะสมก็สร้างฟิลลิ่งการขับที่ยอดเยี่ยมได้ไม่แพ้กัน และสำนัก Kamm ก็คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญการ restomod Porsche 912c ให้ทันสมัย แรงขึ้น ในน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 800 กิโลกรัม อีกหนึ่งสำนัก restomod ที่เน้นทำรถ Porsche แต่แตกต่างจากสำนักอื่นตรงที่ Kamm จาก Hungary จะเน้นทำเฉพาะ 912 classis จากช่วงปี 1965-1969 เป็น entry-level 911 ที่ทำตลาดเพียง 4 ปี และนี่คือผลงานคันล่าสุด Lightweight Kamm 912c Targa น้ำหนักรวมทั้งคันเบาเพียงแค่ 800 กิโลกรัม เพื่อให้เห็นภาพคือมันมีน้ำหนักเทียบเท่า Smart ForTwo generation แรกเท่านั้น เป็นผลจากการอัพเกรดบอดี้ทั้งคันรวมถึง rollover hoop targa ด้วย carbon