ในยุคที่การใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันเชื้อเพลิงนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ หลากหลายแบรนด์รถจักรยานยนต์ก็เริ่มคิดหาวิธีใหม่ ๆ มาช่วยนำเสนอโมเดลรถของตนให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เข้ากับกระแสนิยม และสอดคล้องไปกับแนวคิดยั่งยืนที่เริ่มหยั่งรากลึกลงในไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ แม้แต่ Switch Motorcycle บริษัทผลิตรถจักรยานยนต์หน้าใหม่จากเซี่ยงไฮ้ ก็เพิ่งเปิดตัว ‘Switch eScrambler Motorcycle’ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสุดเท่ที่มาพร้อมถังทรงเหลี่ยมสีฟ้าเมทัลลิก แฝงความคลาสสิกและกลิ่นอายของความร่วมสมัยอย่างลงตัว Matthew Waddick ผู้เชี่ยวชาญที่สร้างรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาหลายปี จับมือกับ Michel Riis แชมป์แข่งมอเตอร์ไซค์รายการ Flat Track ชาวเดนิชและอดีตดีไซเนอร์ค่าย Yamaha ร่วมกันออกแบบ Switch eScrambler คันนี้ ตัวรถใช้เฟรม old-school เปลคู่ที่ไม่เหมือนใคร พร้อมเฟรมย่อยสไตล์ scrambler มีท่อเหล็กสองท่อนเชื่อมยึดกันจากแกนคอ และแยกออกมาเพื่อให้รับน้ำหนักเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ได้ แม้จะรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมของจักรยาน ICE โบราณเอาไว้ แต่รถคันนี้ก็ยังดูเท่ล้ำสมัยด้วยระบบขับเคลื่อนจากพลังงานโปรตอน พร้อมคอนโทรลเลอร์จากบริษัท Mopibus หนึ่งในเจ้าดีที่สุดของโลก ที่ดีไซน์คอนโทรลเลอร์พิเศษสำหรับ Switch eScrambler คันนี้โดยเฉพาะ บนหน้าปัดแสดงผลออกแบบให้เป็นดิจิทัล มีโหมดขับขี่ให้เลือกทั้งหมดสามแบบ ทั้งยังมีระบบ GPS ติดตามตัว
ถ้าพูดถึง ‘ไบค์เกอร์’ หลายคนก็จะนึกถึงกลุ่มชายชาตรีหนวดเคราเฟิ้ม ใส่เสื้อหนัง สวมรองเท้าบู๊ท ขี่รถคันใหญ่ไปด้วยกันเป็นคาราวาน บางคนจะนึกถึงผู้คนที่ไม่อยู่ในกรอบและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ส่วนในต่างประเทศผู้คนมักพูดถึงแก๊ง Hell Angels, Outlaws, 69’rs หรือ Black Sabbath แต่ยังไม่ค่อยรู้จักแก๊งนักบิดชื่อว่า Motor Maids เท่าไหร่นัก UNLOCKMEN เคยเล่าเรื่องราวของชาวแก๊งนักบิดอยู่บ่อยครั้งทั้งแก๊ง Hell Angels หรือแก๊งนักซิ่งของฝรั่งเศส แต่เรายังไม่เคยเล่าเรื่องของสุภาพสตรีขี่บิ๊กไบค์จากยุค 40 ทั้งที่พวกเธอนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่งตัวจัดจ้านได้เท่ไม่แพ้ผู้ชาย และจะไม่ยอมอยู่ในกรอบที่ถูกเขียนไว้ว่า ‘ผู้หญิงต้องแต่งงาน เป็นเมียที่ดี เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ’ เพราะพวกเธอจะเป็นคนเลือกเส้นทางการใช้ชีวิตของตัวเอง ‘DOT ROBINSON’ สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งวงการมอเตอร์ไซค์ ย้อนกลับไปช่วงปี 40 ห้วงเวลาแห่งสงครามโลก มีหญิงสาวชาวออสเตรเลียคนหนึ่งชื่อว่า Dot Robinson เกิดปี 1912 เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์ไซค์ของสหรัฐอเมริกา เธอมีความชอบแตกต่างจากหญิงสาวในยุคเดียวกัน เธอคลั่งไคล้มอเตอร์ไซค์มากและหลาย ๆ คนคาดว่าเธอได้รับอิทธิพลมาจากพ่อตัวเองที่เป็นนักออกแบบรถแถมยังเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์อีก เธอชื่นชอบทุกอย่างเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ พออายุ 16 ปี ก็แวะเวียนไปยังร้าน Harley-Davidson
เชื่อว่าผู้ใช้มอเตอร์ไซค์หลาย ๆ ท่าน รักรถของตัวเองเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว แต่จะรักอย่างไรให้ถูกวิธี จุดนี้ต้องต้องมาดูกันที่การเปลี่ยนถ่าย “น้ำมันเครื่อง” ด้วยการเลือกน้ำมันเครื่องสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ของคุณให้ไปได้ไกลขึ้น รักกันต่อได้ยาว ๆ แต่วิธีการเลือกน้ำมันเครื่องจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหน ตามมาดูกันได้เลย 1. เช็กว่ารถมอเตอร์ไซค์ที่คุณใช้ เป็นเครื่องยนต์แบบไหน? เพราะในปัจจุบันนี้ หลายคนหันมาใช้รถมอเตอร์ไซค์แบบออโตเมติกหรือสกูตเตอร์กันมากขึ้น แต่จะเลือกใช้น้ำมันเครื่องสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะเครื่องยนต์ระบบออโตเมติกจะมีรอบเครื่องที่สูงกว่า ทำให้เกิดความร้อนสะสมมากกว่ามอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะ 2. ดูตัวเลขค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องให้เป็น บนขวดของน้ำมันเครื่อง จะมีตัวเลขแสดงค่าความหนืดกำกับอยู่เสมอ เช่น 10W-40, 20W-40 ตำแหน่งและตัวอักษรทุกตัวที่ระบุมีความหมายและเชื่อมโยงกับเครื่องยนต์ของเราโดนตรง ตัวอย่างการอ่านมีวิธีแบบนี้ ตัวเลขด้านหน้าที่ต่างกัน คือค่าความข้น-ใสของน้ำมันเครื่อง โดยจะเกี่ยวเนื่องกับตัวอักษรข้างหลังอย่าง W ที่ย่อมาจาก Winter แสดงให้เห็นว่าถ้าค่าของตัวเลขข้างหน้ายิ่งต่ำ ความใสจะมากกว่า และจะยิ่งใช้กับสภาพอากาศหนาวได้ดี แต่ถ้าค่าเลขยิ่งสูง ก็จะเอาไว้ใช้สำหรับพื้นที่เขตร้อนแบบบ้านเรา ส่วน 40 ที่เป็นค่าเลขด้านหลังนั้น คือค่าของความหนืดของน้ำมันเครื่อง โดยน้ำมันมอเตอร์ไซค์ในไทย จะเห็นตั้งแต่ เบอร์ 30,
สำหรับผู้ชายอย่างเรามีไม่กี่เรื่องที่สามารถปลุกเร้าความตื่นเต้นเร้าใจ และทำให้นัยน์ตาหรี่ปรือเบิกโพลงได้ในทันที ‘มอเตอร์ไซค์คลาสสิก’ ก็เป็นหนึ่งในความสนใจที่มีไม่กี่เรื่องนั้น นอกจากความเก๋เท่เก๋าของรถคลาสสิกที่คนอื่นมองเห็น บรรดาผู้ชายต่างรู้กันดีว่ามันมีคุณค่ามากกว่านั้น แล้วดูเหมือน RECAST MOTO บริษัทเวิร์กช็อปรถจักรยานยนต์ชื่อดังแห่งเบลารุสก็คิดเช่นเดียวกับเรา โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และความรู้ทั้งหมด ถ่ายทอดลงในมอเตอร์ไซค์คลาสสิกที่ดัดแปลงให้ทันสมัย เพิ่มดีกรีความเท่ และไม่ทิ้งกลิ่นอายของมอเตอร์ไซค์เก่าที่ยังสวยงามเสมอแม้เวลาเปลี่ยน หลังจากประสบความสำเร็จจากการดีไซน์ MOTO GUZZI NEVADA 750 รุ่นก่อน RECAST MOTO ก็นำทายาทคันใหม่ ‘MOTO GUZZI CALIFORNIA 1100’ ออกมาโลดแล่นบนถนนอีกครั้ง โดยเอาโครงรถของปี 2005 มาดัดแปลงรูปลักษณ์ให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น เพิ่มขนาดรถ กันชน และเครื่องยนต์ให้ใหญ่กว่าเดิม ปรับปรุงส่วนท้ายรถและโช้คอัพด้านหลังให้แข็งแรงและมีประสิทธิภาพ แถมยังตัดแต่งหน้ารถให้สั้นลงเพื่อให้มันดูเท่และก้าวร้าวเมื่อต้องขับโฉบเฉี่ยวบนท้องถนน เสริมความปราดเปรียวอีกชั้นด้วยเบาะนั่งเพรียวบาง พร้อมชุดตกแต่งด้านหลังของ Tarozzi ที่ดัดแปลงมาเพื่อสร้างตำแหน่งการขับขี่ทีดีขึ้น มาพร้อมชุดยาง Hendenau K60 ที่ใช้วัสดุไทเทเนียมทองคำตกแต่งบริเวณจุกยาง ดัดแปลงขอบยางของล้อหลังให้กว้างกว่าเดิม แถมตัวดิสก์เบรกและเฟืองโซ่ก็ทนทานกว่า MOTO GUZZI NEVADA 750 คันก่อน ทั้งยังนำมาตรวัดความเร็วของ T&T มาใช้แทนบาร์ตัวเดิมด้วย เพิ่มถังแก๊ส
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการกลับมาของ Monkey และ Super Cub ตำนานมอเตอร์ไซค์รุ่นเล็กสุดเก๋าจากค่าย Honda นั้นทำให้วงการสองล้อสายคลาสสิกมีความคึกคักไม่ใช่เล่น ซึ่งสาเหตุที่ Monkey และ Super Cub นั้นครองใจเหล่าสาวกมาอย่างยาวนานเป็นเวลากว่า 50 – 60 ปี แน่นอนว่าจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากรูปทรงที่มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของทั้ง 2 รุ่น แม้ว่าจะมีบางช่วงที่สายการผลิตถูกหยุดไป แต่ด้วยความนิยมและกระแสเรียกร้องทำให้ตำนานทั้งสอง หวนกลับคืนมาสร้างสีสันในยุคปัจจุบันอีกครั้งด้วยแรงตอบรับที่ดีทั้งจากสาวกหน้าเก่า และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลในความเท่คลาสสิกแบบไม่ง้อกาลเวลา นอกจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา อีกสิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ ของ Monkey และ Super Cub ต่างเห็นพ้องต้องกันนั่นก็คือ ทั้ง 2 รุ่นนี้จัดได้ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่แต่งสนุกเหลือเกิน ด้วยหน้าตารูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ภายใต้ไซส์กะทัดรัดดูน่ารักทะมัดทะแมง คือศูนย์รวมของความเรียบเท่ หล่อเหลา คลาสสิก สามารถเอาไปใส่พาร์ทตกแต่งเพิ่มเติมได้โคตรหลากหลาย จะแต่งสายดุก็ดูโหดกำลังดี หรือจะแต่งสายหวานเอาไว้ดูดหญิงก็จัดให้ดูมุ้งมิ้งแบบไม่เกรงใจหน้าเจ้าของได้เหมือนกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หากใครได้ลองก้าวเข้าสู่วงการแล้วมันยากเหลือเกินที่จะจบ แม้จะบอกตัวเองให้พอไม่รู้กี่รอบ แต่ถึงยังไงก็ไม่วายที่จะงอกของแต่งมาเสริมหล่อให้ลูกรักโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้เสียที และไม่รู้จะเรียกว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายที่อาจส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพทางการเงินของเหล่าสาวก เพราะเราได้ยินมาว่าทาง A.P. Honda เขาเล่นใหญ่ ไปชักชวนพันธมิตรสำนักแต่งชั้นเซียนจากญี่ปุ่นอย่าง KITACO,
ย้อนไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ก่อนที่ทั้งโลกจะเชื่อมต่อกันด้วย Social Network อย่างเช่นทุกวันนี้ การเข้าสังคมของมนุษย์คือการพบปะตั้งกลุ่มกันจริง ๆ ไม่ใช่ผ่านทางหน้าจอ ด้วยพฤติกรรมทางสังคมดังกล่าว กลุ่มมอเตอร์ไซค์ Hells Angels จึงถือกำเนิดขึ้นในปี 1948 ก่อนที่ Hells Angels จะกลายเป็นชื่อที่ผู้คนต่างพากันหวาดกลัว ด้วยพฤติกรรมอันธพาลไม่เกรงใจใคร ก่อวีรกรรมสุดโฉดไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุฆาตกรรมกลางคอนเสิร์ต The Rolling Stones , ยิงนักท่องเที่ยวใน Las Vegas, ตั้งตัวเป็นพ่อค้ายา และอีกมากมายเกินจะนับ แรกเริ่มเดิมทีนางฟ้าแห่งอเวจีกลุ่มนี้เป็นเพียงทหารผ่านศึกจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลีที่อยากรวมตัวกันเท่านั้น ตามธรรมดาของการคบหาสมาคมเมื่อ 70 ปีก่อน Born of Hells Angels Sammy Shuster หรือที่ชาวแก๊งรู้จักกันดีในนาม ‘StealShot’ อดีตสมาชิก Hells Angels ยุคบุกเบิก ซึ่งปัจจุบันเป็นชายชราวัย 73 เล่าให้ฟังว่า “ที่แก๊งพวกเรามีมอเตอร์ไซค์เป็นสัญลักษณ์ก็ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากในยุคนั้นซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามไม่นาน ผู้คนยังไม่นิยมขี่มอเตอร์ไซค์กัน ราคาจึงถูกมาก” “เรามีอุดมการณ์ของเรา หลัก ๆ ก็เกี่ยวกับการต่อต้านสงคราม
ถ้าจะให้นึกถึงสิ่งที่สามารถสร้างความมันส์สุดเร้าใจ ซึ่งอยู่ใต้หว่างขาของผู้ชายอย่างเรา ๆ ชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายจะนึกถึงอะไร ? … ช้าก่อนอย่าเพิ่งคิดไปไกล เพราะสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึงนั่นก็คือมอเตอร์ไซค์ พาหนะ 2 ล้อคู่ใจ ที่พร้อมจะพาหนุ่ม ๆ รักอิสระผู้หลงใหลในสายลม แสงแดด รวมถึงคลั่งไคล้ความแรงสุดคล่องตัวที่ส่งผ่านจากแรงบิดที่ข้อมือไปสู่เครื่องยนต์สมรรถนะสูงพุ่งทะยานไปข้างหน้า ซึ่งเมื่อพูดถึงมอเตอร์ไซค์เราเชื่อว่าชื่อของ Harley-Davidson นั้นต้องถูกยกเป็นหนึ่งแบรนด์มอเตอร์ไซค์ในดวงใจของผู้ชายหลายต่อหลายคน ที่บ้างก็มีไว้ในครอบครองแล้ว บ้างก็ติดโผมอเตอร์ไซค์ในฝัน ที่สักวันจะไขว่คว้ามาซิ่งให้สมใจอยาก ด้วยเรื่องราวความเป็นตำนานที่เริ่มขึ้นในปี 1903 ปีเดียวกันกับที่ 2 พี่น้องตระกูล Writhe ได้สร้างปฐมบทแห่งการเดินทางบนท้องฟ้ากับการประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกเป็นผลสำเร็จ ทางฟากฝั่งของ William Harley และสองพี่น้อง Arthur, Walter Davidson ก็ได้ริเริ่มพัฒนายานพาหะ 2 ล้อสำหรับใช้ในการขนส่ง ด้วยการนำเอาเครื่องยนต์ 1 สูบมาติดตั้งเข้ากับจักรยาน และได้พิสูจน์ตัวเองด้วยความสำเร็จมากมาย สลับกับการฝ่าฟันวิกฤตระดับส่อเค้าล้มละลาย ผ่านจุดต่ำสุดและสูงสุดมาแล้วกว่า 115 ปี จนในปัจจุบันชื่อของ Harley-Davidson นั้นไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกัน แต่มันเป็นได้ขึ้นชั้นเป็นตำนานสองล้อที่ใฝ่ฝันของผู้คนแทบทั้งโลก และแม้ว่าชื่อของ Harley-Davidson
สาวกความเร็วทั้งหลายที่ชอบให้ผิวกายปะทะกับลมเพราะมันได้ฟีลกว่า และชอบการบิดควบคุมความเร็วผ่านกำมือ คงต้องเคยเจอปัญหาชวนเซ็งอย่างการโทรศัพท์และการฟังเพลง เพราะพอต้องใส่อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอย่างหมวกกันน็อกแล้วมันดูจะมีอุปสรรคไปเสียทุกอย่าง แม้เราจะพยายามหานวัตกรรมใหม่มาเพิ่มความสะดวกมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่มันก็ไม่ค่อยพอดีเท่าไหร่ หูฟังบลูทูธเสียบไว้แต่บางทีเสียดสีกับผิวด้านข้างของหมวกกันน็อกมันก็หลุดหล่นลงพื้นระหว่างขับ จนเราต้องเสี่ยงวนรถกลับไปเก็บด้วย Domio Pro คืออุปกรณ์เสริมติดหมวกกันน็อกเพื่อสร้างความบันเทิงรูปแบบใหม่ที่แค่ดูวิดีโอตัวอย่างเราก็รู้สึกหลงรัก อยากได้จนมือไม้สั่น และเชื่อว่าสิงห์นักบิดทุกคนต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน เพราะมันสามารถติดไว้ใช้ได้กับหมวกกันน็อกทุกรุ่นที่เราใช้งาน และแก้ปัญหา pain point ที่เราพูดถึงด้านบนไว้ได้แบบคูล ๆ จบในตัว คุณสมบัติของ Domio Pro ประกอบด้วย มี air mic หรือไมค์โครโฟนที่สามารถตัดเสียงรบกวนเข้าไมโครโฟนระหว่างสื่อสารได้ เชื่อมต่อด้วยระบบบลูทูธ สร้างระบบเสียงทรงพลังจากการสั่นสะเทือน ทำให้เกิดเบสแน่น ๆ ใน track ที่เราชื่นชอบ แบตเตอรี่ใช้ได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง ฐานสำหรับติดตั้งยึดแน่นไม่ต้องกลัวหลุด อุปกรณ์สามารถกันน้ำได้ ไม่หวั่นแม้วันฝนตก แดดออก หรือเจอหิมะก็ยังไหว วิธีการใช้งานเครื่อง Domio Pro ใช้งานได้ง่าย เพราะสามารถเชื่อมต่อและรับคำสั่งการเปิดเพลงโดยเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนและการกดเปิดของปุ่มบนตัวเครื่องเท่านั้น โดยเชื่อมต่อกันผ่าน bluetooth ถามว่าเครื่องเล็กแบบนี้สร้างเสียงเพลงกระหึ่มฟังชัดตลอดการบิดของเราได้อย่างไร บอกเลยว่าเสียงที่เราได้ยินสร้างขึ้นจากการสั่นสะเทือนที่กระทบผิวหมวกกันน็อกตามหลักการกำเนิดเสียง แต่ออกแบบเป็นพิเศษให้เสียงที่ได้ยินขึ้นภายในหมวกกันน็อกแบบเซอร์ราวนด์ โดยไม่ทำให้คุณสมบัติด้านความปลอดภัยลดลงแม้ต่อน้อย ลองคิดว่าถ้าเราเกิดอุบัติเหตุล้มลง
ว่ากันว่าความรักความชอบมันเกิดจากทั้งความรู้สึกและเหตุผลควบคู่กัน มันเป็นความรู้สึกพิเศษอะไรสักอย่างที่โดนใจ ไม่จำเป็นต้องมีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ยิ่งอะไรที่ทำให้ผู้คนหลงรักได้มาเป็นเวลานาน ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าของสิ่งนั้นต้องมีอะไรดีในตัวและเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ไม่มีวันตาย และถ้าถามว่าเบื้องลึกของผู้ชายอย่างเราที่ฝังรากลึกลงไปใน DNA คืออะไร ? คำตอบแรก ๆ ก็คงจะเป็นความซนที่ผู้ชายทุกคน มีในสายเลือด ซึ่งไอ้ความซนของผู้ชายอย่างเรา ๆ ในที่นี้ไม่ได้ความถึงความเจ้าสำราญ ไม่ใช่ความเจ้าชู้ และไม่ใช่ความซนที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่เราต้องปฏิวัติความซนแบบเดิม ๆ ให้กลายเป็นความสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าในแบบของตัวเองจากพื้นฐานความสนุก และสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ สู่สังคมยุคใหม่ ที่จริงแล้วผู้ชายทุกคนมี DNA ความซนแบบที่กล่าวไปในตัว เพียงแต่ว่าอะไรที่จะช่วยปลดล็อกความรู้สึกสนุกซนแบบนี้ออกมาได้ สิ่งหนึ่งที่ UNLOCKMEN เชื่อว่าพวกเราน่าจะคิดเหมือนกัน คือการได้ครอบครองรถในระดับตำนานสักคัน กว่า 50 ปีแล้วที่มอเตอร์ไซค์ขนาดกะทัดรัด หรือ มินิไบค์ อย่าง Honda Monkey ได้เข้าไปอยู่ในใจของใครหลายคนที่ได้สัมผัสมัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ สัมผัส หรือแค่มองก็ดี รวมถึงนักสะสมรถ 2 ล้อที่หลงใหลในความน่ารักและบุคลิกซนๆ ของ Honda Monkey ซึ่งไม่ได้มีดีแค่คาแรคเตอร์อันแตกต่างเท่านั้น แต่ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Honda Monkey กลายเป็นมินิไบค์ที่ใคร
ได้เกิดมาเป็นผู้ชายทั้งที ต้องเป็นบุรุษที่มีมากกว่าคำว่า “นาย” นำหน้า จะให้ดีต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นชายสไตล์ Alpha Male ที่โดดเด่นชัดเจนในภาวะผู้นำโดยธรรมชาติ เป็นที่น่าไว้วางใจของคนรอบข้าง และมีเสน่ห์เข้มแบบชายชาตรีที่สาว ๆ ยินดีจะฝากชีวิตไว้ แต่การจะเป็นยอดชายสไตล์ที่ว่านั้นไม่ใช่ง่าย ๆ ต้องมีทั้งความบู๊และบุ๋น มีทั้งจิตใจที่สู้ไม่ถอยเอาไว้ปกป้องคนอื่น มีความเข้มเฉียบคม รับมือกับทุกปัญหาด้วยความสุขุม ตัดสินใจได้อย่างเยือกเย็น และมีความรู้หลายด้านจากการลองจริง รู้จริง จนไม่มีอะไรมาหยุดยั้งการใช้ชีวิตได้ รวมถึงต้องมี skill ที่ชำนาญและหลากหลาย พร้อมรับความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งหนึ่งในทักษะที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ควรมีติดตัวไว้ ก็คือการขับขี่มอเตอร์ไซค์ให้ชำนาญ แม้ว่าการขับขี่รถสองล้อดูจะเป็นทักษะพื้นฐานที่ผู้ชายส่วนใหญ่ทำได้สบาย ๆ แต่ก็ยังมีบางคนเข้าใจว่าการเป็นยอดนักบิดนั้นแค่ซิ่งให้มันส์สุด ๆ ก็ cool แล้ว แต่เราเชื่อว่าการขับขี่ให้ชัวร์และปลอดภัยนั้นดูเท่กว่าเยอะ เรื่องนี้ทาง A.P. Honda ตระหนักดี มีศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าให้เราได้ฝึกฝนอย่างถูกวิธีตลอด วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN เดินทางมายังศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า กรุงเทพ ที่ถนนรามคำแหง เพื่อมาฝึกขับขี่อย่างคล่องแคล่ว ว่องไว ปลอดภัย ในสไตล์ Alpha Male