แม้จะแพ็กกระเป๋ากลับบ้านมาแล้วอาทิตย์กว่า ๆ แต่บอกเลยว่าประสบการณ์มันส์สุดเดือดจากทริป ThaiGP 2025 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ กับทาง Honda เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม ที่ผ่านมา ยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจไม่จางหาย เรียกได้ว่าปีที่แล้วมันส์แค่ไหน ปีนี้คือสะใจยิ่งกว่า กับทัวร์นาเมนต์ชิงชัยจักรยานยนต์ทางเรียบรายการใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเปิดฤดูกาลประเดิมสนามแรกกันที่บ้านเรา พร้อมให้แฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยส่งแรงเชียร์มอบพลังใจให้ ‘ก้อง-สมเกียรติ จันทรา’ นักบิด MotoGP ชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ จากโครงการ “Honda Race to The Dream” รวมไปถึง ‘ก๊องส์-ธัชกร บัวศรี’ นักบิดชาวไทยในรุ่น Moto3 และนักแข่งระดับโลกจากทีม Honda กันแบบสุดเสียงติดขอบสนาม และเหมือนเช่นเคยสำหรับงานนี้ไฮไลต์ไม่ได้มีแค่ความเร้าใจในการแข่งขันประลองความเร็วในสนามเท่านั้น เพราะทาง Honda ยังพร้อมเติมเต็มประสบการณ์ Worldclass Motorsport Experience ให้ผู้ร่วมงานอย่างเรา ๆ
#ThrowBack งานจบแต่ความมันส์ยังไม่จบ UNLOCKMEN ก็เลยขอรวบรวมภาพเก็บตกความประทับใจจาก ThaiGP 2024 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 25 – 27 ตุลาคม มาฝากกัน 📸 ✨ งานนี้ Thai Honda ได้ชวนเราไปสัมผัสความดุเดือดของการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการ PT Grand Prix of Thailand 2024 กันแบบใกล้ชิดครบทุกมิติ ทำให้เราได้รู้เลยว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตที่เน้นการขับเคี่ยวชิงชัย แต่ภายในงานต้องเรียกได้ว่าเป็น Festival ดี ๆ ที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นแฟนพันธุ์แท้วงการสองล้อ หรือใครก็ตามที่กำลังอยากหาอะไรสนุก ๆ ทำในช่วงสุดสัปดาห์ ก็สามารถแวะมาจอยกันได้ เพราะงานนี้ Honda จัดเต็มกิจกรรมมากมายให้ได้ร่วมสนุกภายใต้บรรยากาศความยิ่งใหญ่ของมหกรรมกีฬาระดับโลกที่วนมาจัดในบ้านเราเพียงปีละครั้ง เริ่มต้นก้าวเท้าเข้างานก็ได้พบกับความเร้าใจ ในโซน Honda Test Riding เปิดโอกาสให้ได้ลองขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ Honda หลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถบิ๊กไบค์ CBR Series รวมถึงรถจาก
แทบจะเป็นไปไม่ได้ สำหรับแฟน ๆ กีฬาสองล้อทางเรียบ ที่จะไม่รู้จักชื่อของ Marc Marquez เทพเจ้านักบิดจากแคว้นคาตาลัน ผู้ครองตำแหน่งแชมป์ MotoGP ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก กับเส้นทางชีวิตที่จะบอกว่าเขาคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นแชมป์ก็คงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่เจ้าหนู Marc Marquez ลืมตาขึ้นมาดูโลกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1993 ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแค่เพียง 4 ปี เด็กน้อยคนนี้ก็ได้พบกับของขวัญคริสมาสต์ที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล นั่นก็คือมอเตอร์ไบค์คันจิ๋ว ที่เจ้าตัวรบเร้าคุณพ่อจนยอมใจอ่อนควักกระเป๋าตังค์จ่าย แถมสนับสนุนลูกชายสุดที่เลิฟด้วยการพาไปฝึกซ้อมอย่างจริงจัง จนมีโอกาสได้ลงสนามแข่งครั้งแรกเมื่ออายุ 5 ขวบ แม้จะไม่ได้เทพจุติผีจับยัดถึงขนาดคว้าแชมป์ได้ในสนามแรกที่ลงแข่ง แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นได้ตอกย้ำความหลงใหลในการควบสองล้อคู่ใจให้กับเด็กชายคนนี้เข้าเต็มเปา และยังคงเดินหน้าฝึกซ้อมพร้อมเข้าแข่งขันไล่ล่ารางวัลในทัวร์นาเม้นต์ต่าง ๆ สะสมประสบการณ์ความเก๋าอย่างต่อเนื่องจนมีโอกาสก้าวเข้าสู่ระดับ WorldGP ในการแข่งขันรุ่น 125cc ในปี 2007 โดยตัวเขาใช้เวลาโลดเเล่นปรับตัวเก็บเลเวลอยู่สักพักจนฟอร์มเข้าฝักไปถึงฝั่งฝันคว้าแชมป์โลก WorldGP รุ่น 125cc มาครองได้สำเร็จในปี 2010 ถือเป็นแชมป์โลกรายการแรกของ Marc Marquez ในวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น ก่อนที่จะเลื่อนขั้นไปแข่ง Moto2 ซิวอันดับ 2
นอกเหนือจากการฟาดฟันพละกำลัง ประชันความเร็ว รวมถึงการประลองชั้นเชิงชิงไหวชิงพริบในสนาม อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกมกีฬานั้นมีความเร้าใจจนสะกดสายตาผู้ชมได้นับล้านทั่วโลก คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากช่วงเวลาบีบหัวใจก่อนจบการแข่งขัน ที่เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็สามารถชี้เป็นชี้ตายว่าใครคือผู้ชนะ หรือแม้กระทั่งใครคือผู้ที่ได้ตำแหน่งเจ้าของสถิติโลกหน้าใหม่ไปครอง จากความสำคัญของเวลาที่สามารถชี้ชะตาแชมป์ได้เพียงแค่ส่วนต่างเสี้ยววินาที ทำให้การแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้งหลายจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีการจับเวลาและการให้คะแนนที่แม่นยำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเลขของเวลาที่กำลังนับถอยหลังสู่จุดไคลแม็กซ์ และ ผลคะแนนบนสกอร์บอร์ด ที่ถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก คือสิ่งกระตุ้นความรู้สึก เค้นอารมณ์ร่วมของคนดู ซึ่งสร้างความเข้มข้นให้กับการแข่งขันได้ดีไม่แพ้การขับเคี่ยวที่ดุเดือดในสนาม และหากมองในแง่ของผู้แข่งขัน คงไม่มีนักกีฬาคนไหนอยากถูกปล้นชัยชนะ พลาดการสร้างสถิติในช่วงเวลาประวัติศาสตร์เพียงเพราะความผิดพลาดของระบบจับเวลา ด้วยเหตุนี้ทุกทัวร์นาเม้นต์ ทุกการแข่งขัน จึงแทบไม่เหลือพื้นที่ให้กับความผิดพลาด หน้าที่ในการเป็น Official Timekeeper หรือผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันกีฬาระดับโลก จึงเปรียบเสมือนภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่น่าภาคภูมิใจ และสามารถการันตีความเที่ยงตรงแม่นยำของนวัตกรรมแห่งเวลาให้กับผู้รับหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง TISSOT คือแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ Official Timekeeper ในการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ระดับโลกหลายรายการมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1938 จากจุดเริ่มต้นของเรือนเวลาคุณภาพสูงมาตรฐาน Swiss Made อย่าง TISSOT ที่มีความมุ่งมั่นและความหลงใหลในการพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับวิวัฒนาการของกีฬาประเภทต่าง ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความซับซ้อน หลากหลายของข้อมูล และ กติกา เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดของเทคโลยีการจับเวลา ทั้งทางด้านอุปกรณ์จับเวลา และทีมงานมืออาชีพหลายร้อยชีวิต ที่พร้อมประการอยู่ในทุกทัวร์นาเม้นต์สำคัญ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ของสถิติ คะแนน และเวลาที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเราจะได้เห็นชื่อของ TISSOT