ถึงจะบอกว่าผู้ชายโปรไฟล์ดี ๆ มักได้สาว ๆ มาครอบครอง แต่ก็ไม่ใช่เสมอไป ชาว UNLOCKMEN หลายคนที่พยายามฝึกตัวเองจน productive สุด ๆ คงแย้งว่าทุกวันนี้เรายังคงโสดแบบไร้เหตุผล คุยกับสาวคนสนิทมานานแต่ก็เธอก็ไม่มีทีท่าอยากสานต่อสักนิด ถ้าเรายังไม่เคลียร์ว่าสิ่งที่ทำมาตลอดหรือความเป็นตัวตนของเรามันไม่ดีตรงไหน งานวิจัยนี้อาจเป็นกุญแจให้ถึงบางอ้อ คำตอบของมันคือ “ความเก่งเกินไป” ต่างหากที่ทำให้เธอถอยหนี การวิจัยครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ใช้วิธีสอบถามคนจำนวน 214 คน โดยให้แต่ละคนประเมินสเปคที่ตัวเองอยากได้จากคู่รัก แบ่งตามระดับที่ต่างกันทั้งเรื่องความฉลาด รูปลักษณ์ ความเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ และความใจดี โดยผู้ถูกสัมภาษณ์จะได้รับการสอบถามว่าคนที่คุณคุยด้วยจะมีเสน่ห์มากขึ้นไหม ถ้ามีความใจดี ความฮ็อต ความฉลาด หรือความเป็นคนง่าย ๆ ในเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าคนทั่วไป คำตอบที่ได้จากสาว ๆ ส่วนใหญ่คือความเป็นคนยืดหยุ่นหรือเป็นคนง่าย ๆ แต่ถ้าเจอคนง่าย ๆ ที่ฉลาดด้วยเธอมักจะเลือกเบรกความสัมพันธ์ลงเสียกว่า 90 % เพราะพวกเธอคิดว่าผู้ชายที่ฉลาดเกินไปเอาใจได้ยากกว่า เลยมักจะเลือกเลี่ยงเสมอ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนที่ฉลาดมักจะซึมเศร้าหรือย้ำคิดย้ำทำ แม้การมีหลายคาแรคเตอร์ด้านบวกจะเป็นเรื่องดีและเป็นสเปคดึงดูดใจให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าหา แต่บทวิจัยนี้ก็แสดงให้เห็นอีกมุมของมาตรฐานการเลือกคู่ที่ทำให้รู้ว่า เยอะไปก็ใช่ว่าจะดี หรือในอีกมุมก็คือคุณอาจโดนปฏิเสธกลับมาให้ช้ำว่า “ดีเกินไป”
UNLOCK YOUR SEX LIFE คราวนี้กลับมาพร้อมประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาอย่างเรื่อง Sexual Consent หรือถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือความยินยอมพร้อมใจกันในการจะทำเรื่องซาบซ่านต่อกันอย่างการมีเซ็กซ์นี่แหละ มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้ามนุษย์สองคน (หรือมากกว่าสองคน) มองตากันแล้วเข้าอกเข้าใจกันเป๊ะ ๆ ทะลุปรุโปร่งราวกับอ่านใจกันได้ว่าสาวคนนี้ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ยินยอมกับเซ็กซ์แบบไหน และไม่ยินยอมกับเซ็กซ์แบบไหน แต่ปัญหาก็คือผู้ชายอย่างเรามักไม่รู้หรอกว่าอะไรที่สาว ๆ เขายอมหรือไม่ยอม แต่เราก็เห็นสีหน้าท่าทางเลยเดากันส่ง ๆ ไป หลายครั้งก็มโนเข้าข้างตัวเองว่า เฮ้ย ใช่แน่ ๆ อ่ะ ทำหน้าเคลิ้มแบบนี้แปลว่าสมยอม ซึ่งนั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป หลาย ๆ องค์กรและผู้หญิง หรือแม้แต่ผู้ชายและเพศอื่น ๆ เองจึงพากันออกมารณรงค์เรื่อง Sexual Consent หรือการยินยอมพร้อมใจทางเพศกันอย่างจริงจัง สำหรับผู้ชายคนไหนที่ไม่แน่ใจว่าเราได้ละเมิดความยินยอมใครโดยไม่รู้ตัวไปบ้างหรือเปล่า หรืออยากเพิ่มความระมัดระวังเพื่อให้เกียรติตัวเองและสาว ๆ มากขึ้น ก็เริ่มต้นที่ 5 ข้อพื้นฐานต่อไปนี้กันก่อน ให้จูบให้กอดไม่ได้แปลว่าเธอให้สอดใส่ ผู้ชายอย่างเราอาจจะดูหนังมากไปหน่อย เวลาได้สัมผัสเนื้อตัวร่างกายสาว ๆ แล้วเธอไม่อิดออดอะไร เรามักคิดว่าเธอพร้อมจะมีเซ็กซ์แบบเต็มรูปแบบชัวร์ ๆ เลยค่อย
“เธอดีเกินไป” “ผู้หญิงชอบคนเลว” ประโยคสุดคลาสสิคที่อยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนานจนบางทีเราก็ละเลยและคิดว่ามันคือสัจธรรมแห่งความจริง แต่ถ้าเราลองมาวิเคราะห์ดูให้ถี่ถ้วนแล้วล่ะก็อาจเกิดคำถามว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ? ในความคิดของพวกเรา UNLOCKMEN คิดว่าทั้ง 2 ประโยคก็มีส่วนที่เป็นความจริงอยู่บ้าง เนื่องจากผู้ชายที่ดีเกินไปมักจะมาพร้อมกับความน่าเบื่อ ตรงกันข้ามกับผู้ชายลุคแบดบอยที่เจนจัดประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์มากกว่าทำให้ในบทสนทนาหรือการกระทำต่าง ๆ นั้นพวกเขาจะมีลูกล่อลูกชนที่ดีกว่า จึงไม่แปลกที่ฝ่ายตรงข้ามจะตกหลุมเสน่ห์ได้ง่าย ๆ แต่หนุ่ม ๆ นิสัยดีอย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะวันนี้เรามีเคล็ดลับที่จะทำให้คุณเป็นคนดีที่ไม่น่าเบื่อมาบอกต่อ! You Talk Too Much การเป็นคนช่างพูดช่างคุยเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็มีลิมิตของมันอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่คุณต้องระมัดระวังอย่างมากเมื่ออยู่ในวงสนทนา จัดสมดุลระหว่างการเป็นผู้พูดและผู้ฟังให้ดี ทุกคนย่อมมีเรื่องของตัวเองที่อยากเล่าด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นถ้าคุณเอาแต่เล่าเรื่องตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวจนไม่เปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้พูดเลยอีกฝ่ายอาจจะเบือนหน้าหนีได้ง่าย ๆ การสนทนาเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว คุณต้องพยายามสังเกตตัวเองและเก็บสิ่งที่คิดว่าไม่ดีมาเป็นประสบการณ์ You Don’t Read การไม่อ่านหนังสือในหัวข้อนี้ไม่ได้มีความหมายตรงตัวขนาดนั้น แต่หมายถึงการที่คุณไม่ค่อยเสพสื่อจนทำให้คุณกลายเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้รอบตัว อาจดูเหมือนเรื่องเล็กแต่นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณขาดเสน่ห์ เพราะเมื่อคู่สนทนายกประเด็นสักอย่างขึ้นมาคุณจะไม่สามารถเสนอความคิดเห็นอะไรได้ ทำได้เพียงเออออห่อหมกตามไปเท่านั้น เช่นเดียวกันเมื่อคุณไม่ค่อยมีความรู้รอบตัวเรื่องที่คุณจะชวนคุยอีกฝ่ายได้ก็มีแต่เรื่องพื้น ๆ ทำให้บทสนทนาขาดความน่าสนใจและภาพลักษณ์ของคุณก็จะกลายเป็นคนจืดชืดไม่น่าคุยด้วย เพราะฉะนั้นเริ่มตั้งแต่วันนี้ พยายามติดตามสื่อรอบตัวให้มากที่สุด ความรู้อยู่ทุกที่ไม่ว่าจะหน้ากระดาษหรือหน้าจอ เก็บเกี่ยวมันมาเป็นวัตถุดิบให้มากที่สุด Your Voicetone ไม่ใช่เพียงหัวข้อบทสนทนาเท่านั้นที่สำคัญแต่น้ำเสียงของคุณก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะไม่ว่าเรื่องที่คุณยกมาเล่าจะสนุกตื่นเต้นขนาดไหนแต่มันก็สามารถกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อราวเทปธรรมะได้ถ้าน้ำเสียงคุณเป็นแบบโมโนโทน ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มต้นพูดอะไรสักอย่างพยายามใส่อารมณ์ร่วมลงไปในเรื่องราวนั้นด้วย เรารู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในข้อนี้เนื่องจากอาจจะเป็นนิสัยติดตัวบางคนมาตั้งแต่เกิน แต่ถ้าคุณหมั่นสังเกตตัวเองเชื่อว่าไม่ยากเกินความพยายามหรอก Your
แม้คำว่า “ดิจิทัล” จะเกิดขึ้นในสังคมไทยมานานหลายปี แต่การเห็นหญิงสาวออกมาพูดเรื่องไอทีในระดับแนวหน้าผ่านสื่อกลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พวกเธอสร้างความประทับใจจากความสามารถ ความสดใส มุกตลก เปลี่ยนเรื่องไอทีให้กลายเป็นเรื่องเข้าถึงง่ายและน่าชื่นใจ ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังพลังงานอันเหลือล้นเหล่านี้มีที่มาอย่างไร วันนี้เป็นโอกาสดีที่เราชาว UNLOCKMEN จะได้พูดคุยกับเธอผู้ได้สมญา “นางฟ้าไอที” คนนี้ “เฟื่องลดา-สราณี สงวนเรือง” ตอนนี้เธอกำลังเติบโตขึ้นอีกขั้นจากการเปิดบริษัทและบริหารออนไลน์พับลิเชอร์ของตัวเอง “Flourish digital” ใครที่เป็นสาวกผู้คอยติดตามรอยยิ้มชวนให้ใจบางของเธออยู่ บอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง คุยกับเฟื่องเรื่องที่เราไม่เคยรู้ “เฟื่องลดา” คือชื่อของหญิงสาวสุดสดใสตรงหน้าของพวกเรา แต่จากบทสนทนาในวันนี้กลับทำให้เราได้รู้เรื่องราวหลายอย่างที่คาดไม่ถึง อย่างหนึ่งก็คือกว่าจะเป็นสาวน้อยพูดจาฉะฉาน เธอเป็นเด็กหญิงพูดน้อยรักการอยู่คนเดียว แต่ไม่ชอบอยู่หน้าแสงไฟ ไม่ชอบการด้นสด ติดจะเนิร์ดเสียด้วยซ้ำ แต่ทุกย่างก้าวในวันนี้ของเธอเกิดขึ้นได้เพราะแรงผลักดันจากใจที่สู้ไม่ถอยล้วน ๆ ฝัน “เฟื่อง” เธอสารภาพว่าเท่าที่จำความได้ ฝันของเธอไม่ใช่การเป็นพิธีกรอย่างที่ทำให้เธอโด่งดังอยู่ในตอนนี้ แต่ฝันของเธอคือการเป็นนักร้องบรอดเวย์ ซึ่งก็ขัดกันกับความเป็นคนขี้อายของตัวเธอเองอยู่ดี ทำให้เธอต้องใช้ความพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อตามความฝัน ก้าวแรกของเธอเริ่มต้นที่การเป็นนักร้องชมรม CU BAND สมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นจึงออกล่าฝันด้วยการร้องเพลงผ่านการประกวด AF อีกถึง 2 ครั้ง แม้ไม่ได้รับตำแหน่งกลับมา แต่ทั้งสองครั้งพลังเสียงที่มีก็ทำให้เธอผ่านเข้าสู่รอบ 50 คนทุกครั้งและเป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์พิธีกรในตัวของเธออย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากผู้ใหญ่เห็นแววและให้โอกาสเรียกเธอเข้าไปแคสต์เพื่อรับบทบาทพิธีกรถึงสองครั้ง “ถ้าเราทำอะไรไม่ได้ แล้วเรารู้สึกว่าเรายังพยายามได้ไม่ดีพอ
เราต่างมีวิธีหอบร่างกายและชีวิตไปข้างหน้าในรูปแบบของเราเอง บางคนรู้สึกว่าชีวิตกำลังก้าวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จากการทำเพื่อคนอื่น บางคนรู้สึกว่าชีวิตก้าวไปข้างหน้าจากการตามหาความฝัน ในขณะที่บางคนรู้สึกว่าชีวิตกำลังก้าวไปข้างหน้าเพราะการได้ทำสิ่งที่ตัวเองหลงใหลและเรียนรู้มันไปแบบไม่มีวันจบ “แพร-รัมภาพร วรสีหะ” เป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในคนที่เชื่อว่าการจะพาชีวิต ร่างกายและหัวใจแกร่ง ๆ ก้าวไปข้างหน้าได้คือการได้ทำในสิ่งที่หลงใหลแบบสุดจิตสุดใจ พร้อม ๆ กับเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากสิ่งนั้นไปด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอเชื่อในพลังของการถ่ายภาพเสมอ “เราถ่ายรูปโดยที่ไม่รู้ตัวหรอกว่าถ่ายอะไรไปบ้าง แต่พอเราจับรูปมาเรียงกัน มันจะบอกตัวตนเราหมดเลย” นั่นคือประโยคที่เราจำขึ้นใจ ใช่ นอกจากรูปถ่ายจะพาเธอก้าวไปข้างหน้าแล้ว รูปถ่ายมันยังร้อยเรียงกันจนเล่าเรื่องตัวตนของมนุษย์คนหนึ่งได้จริง ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ UNLOCKMEN กระหายที่จะคุยกับเธอ ช่างภาพสาวที่เชื่อว่ารูปถ่ายคือการร้อยเรียงตัวตนและเชื่อว่าการถ่ายภาพมันพาชีวิตเธอก้าวไปข้างหน้าได้ ส่วนเราจะเชื่อแบบเธอหรือไม่ก็ตาม อย่าเพิ่งเค้นคำตอบตัวเองตอนนี้ ดำดิ่งกับบทสนทนาไปพร้อม ๆ กับเราก่อน เสพติดรูปถ่ายจนหยุดดูไม่ได้คือจุดเริ่มต้น แม้วันนี้ใครหลายคนจะรู้จักแพร-รัมภาพรในฐานะอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพและช่างภาพอิสระ แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ จุดเริ่มต้นในการจับกล้องของเธอก็ชวนให้เราเข้าใจวลีที่ว่า “หลงใหลจนเข้าขั้นเสพติด” “ชอบจริง ๆ ก็น่าจะเป็นตอนมัธยมปลาย มีเว็บบอร์ดหนึ่งที่จะมีคนเข้ามาโพสต์รูปถ่ายทุก ๆ วัน โพสต์รูปใบไม้ ต้นไม้ ไปเที่ยว เราเข้าไปดูเสร็จปุ๊บแล้วรู้สึกว่าติดมาก”เธอลากเสียงยาวจนเราอดอมยิ้มไม่ได้ “ติดในที่นี้ คือเราเลิกดูไม่ได้
บางคนอาจคิดว่าตัวเองเทิร์นโปรแล้วในเรื่องความเข้าอกเข้าใจหญิงสาว มาไม้ไหนรับมือได้หมด แต่อย่าลืมว่าทุกการแสดงออกของเธอ มันไม่ได้หมายความแบบเดียวกับสิ่งที่อยู่ข้างในใจหรือความคิดของเธอ บอกใช่ ไม่ได้แปลว่ามันจะใช่ บอกไม่ ไม่ได้แปลว่าปฏิเสธจริง ๆ ถ้าคุณคือหนึ่งในมนุษย์เพศชายที่สกิลเข้าใจผู้หญิงเป็นศูนย์ UNLOCKMEN ขอชวนมาทำความเข้าใจกันแบบง่าย ๆ ไม่ให้ไก่ตื่น จากสัญญาณเหล่านี้ ที่บอกคุณได้ว่า แฟนคุณขี้งอนมากกว่าที่เห็น รู้ให้ทันทุกความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำว่า “ไม่เป็นอะไร” ของสาว ๆ จะได้รับมือกันแบบทันท่วงที เธอเปิดเผยความรู้สึกของเธออยู่เสมอ เปิดเผยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการบอกตรง ๆ ว่าไม่พอใจเรื่องอะไร เพราะอะไร แต่หมายถึงการแสดงออกว่าไม่พอใจ น้อยใจ โกรธ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผู้ชายอย่างเรารู้ว่าเธอกำลังอารมณ์บ่จอย เพราะผู้ชายอย่างเราอาจจะไม่เก่งเรื่องการสังเกตอารมณ์อีกฝ่ายสักเท่าไหร่ หากแสดงออกเลเวลแรกแล้วเรายังไม่รู้ตัว เธอก็จะแสดงออกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะรู้นั่นแหละ นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้นเธอต้องการให้เรารับรู้ถึงความขุ่นมัวในอารมณ์ของเธอก่อนเป็นอันดับแรก อ่อนไหวกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เสี้ยววินาทีของคำพูด การกระทำจากคุณ สามารถกลายเป็นประเด็นใหญ่โตได้ถ้าหากมันไปสะดุดเธอเข้า เธอจะค่อย ๆ ประมวลผลและก่อมวลของความไม่พอใจอยู่ลึก ๆ และก็เก็บมันมาเป็นเรื่องราวที่ต้องถกเถียงกันต่อไป เราก็ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า แต่ละคนมีเรื่องอ่อนไหวที่ไม่เหมือนกัน เราอาจอ่อนไหวกับการกระทำ เธออาจอ่อนไหวกับคำพูด สิ่งสำคัญคือทั้งสองฝ่ายต้องรู้เขารู้เรา และระมัดระวังสิ่งที่จะกระทบความรู้สึกอีกฝ่าย ไม่ใช่ว่าพอตัวเราเองไม่รู้สึกอ่อนไหว
ผู้ชายอย่างเราอยากจีบใครสักคนก็อยากจีบสาวโสดสนิท คลีน ๆ ไม่ต้องมีปัญหาว่าไปทับเส้นใครเขาเข้า แต่ความเท่ ความคูล ควาขรึมมันก็ค้ำคอ จะให้ไปเผยไต๋ถามไปตรง ๆ ว่า “คุณครับมีแฟนหรือยัง” นอกจากจะดูไม่มีชั้นเชิงแล้ว มันก็เหมือนไปบอกเธอโต้ง ๆ ว่าจะจีบเธอ ทั้ง ๆ ที่เราอาจจะยังไม่แน่ใจก็ได้ หรืออาจจะแน่ใจแล้วแต่ยังไม่อยากเปิดตัวเต็มที่เพราะกลัวจะแป้กทีหลัง ดังนั้นการถามว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีแฟนแล้วหรือยังจึงไม่จำเป็นต้องถามไปตรง ๆ แต่มีวิธีถามอ้อม ๆ แต่ทำให้ได้คำตอบมาแน่นอน ที่สำคัญบางประโยคอาจทำให้เราได้รู้ว่าเธอคิดอะไรกับเราอยู่กันแน่เลยทีเดียว “น่ารักขนาดนี้ แฟนหวงแย่เลยนะครับ” ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแน่ ๆ กับคำถามนี้ นัดแรกก็เป็นการเปิดทางไปก่อนว่าเราชื่นชมเธอแค่ไหนด้วยการชมว่าน่ารัก ในขณะเดียวกันเราก็เติมเนียน ๆ ต่อท้ายไปด้วยว่า ดูสิ น่ารักขนาดนี้แฟนต้องหวงมากแน่ ๆ เลย โดยถ้าเธอไม่มีแฟน โดนผู้ชายชมว่าน่ารักขนาดนี้ก็ต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองด้วยการปฏิเสธพัลวันว่า “ไม่ค่ะ ไม่มีแฟน” หรือถ้าเธอยิ้ม ๆ หรือสงวนท่าทีเราก็ต้องพิจารณาตัวเองได้แล้วว่าเธออาจมีแฟนแล้ว หรือเธอไม่อยากเปิดโอกาสให้เราจีบ ซึ่งไม่ว่าทางไหนก็ต้องรีบหาทางหนีทีไล่ให้ไวเลยทีเดียว “แฟนมารับหรือเปล่า ดึกแล้ว กลับคนเดียวอันตรายนะ” วันไหนที่สบโอกาสได้อยู่กับสาวคนที่เล็งเอาไว้แบบสองต่อสองจนดึกดื่น แล้วถึงคราวต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน ประโยคนี้คือประโยคเด็ดที่บ่งบอกว่าเราเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ดึกดื่นขนาดนี้ กลับเองอันตราย
พูดถึงเรื่องเซ็กซ์สะเด็ดสะเด่าหวือหวากระชากใจสาวทีไร ผู้ชายอย่างเราก็มักฝันฟุ้งว่ามันต้องไม่ใช่เซ็กซ์มือเปล่า แต่ต้องมาพร้อมอุปกรณ์หรือการลงทุนบางอย่าง ไหนจะเซ็กซ์ทอยเพิ่มความซาบซ่าน หรือควักเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าห้องดี ๆ หรู ๆ แพง ๆ สร้างบรรยากาศโรแมนติกให้ได้อารมณ์แปลกใหม่ การจะมีเซ็กซ์ซาบซ่านในหัวเราจึงเป็นเรื่องของการลงทุนด้วยเงินล้วน ๆ เท่านั้น แต่ UNLOCKMEN อยากพามา UNLOCK ความเชื่อเดิม ๆ เซ็กซ์ดี ๆ เด็ด ๆ อาจไม่ต้องทุ่มเงินก็ได้ ด้วย 5 วิธีต่อไปนี้จะสร้างอารมณ์เซ็กซ์ดี ๆ และแปลกใหม่โดยไม่ต้องลงทุนอะไรแค่ใช้ของที่มีอยู่แล้ว และความตั้งใจของเราก็พอ เซ็กซ์ไร้เสียง สร้างสำเนียงภายในให้แนบแน่น ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่กิจกรรมบนเตียงก็มักสร้างสุ้มเสียงแห่งความพอใจออกมาจากทั้งตัวเราและสาว ๆ ได้ในรูปแบบของการครางกระเส่า ลมหายใจรุนแรง หรือแม้แต่คำพูดวาบหวามชวนสยิว แต่ครั้งนี้เราจะขอให้สาว ๆ ของเราปฏิบัติภารกิจไปกับเราแบบเงียบเชียบที่สุด รวมถึงตัวเราเองด้วยที่ห้ามส่งเสียงครางใด ๆ ออกมา ความเงียบจะทำให้ประสาทสัมผัสของเราตื่นตัวมากยิ่งขึ้น เราจะดื่มด่ำกับรสสัมผัสจากร่างกายเธอในรูปแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันจึงจะเป็นเซ็กซ์สุดแนบแน่นท่ามกลางความเงียบ บางครั้งภายใต้ความเงียบสนิทนั้น เราแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้นเร่า ๆ ด้วยความเสียวซ่านได้เลยทีเดียว เซ็กซ์ในที่จำกัด มันส์ทะลุขีดจำกัด การได้บรรเลงเพลงรักสุดซาบซ่านของเรามักเป็นไปแบบไม่มีขีดจำกัด
ในวันที่เสน่ห์ของผู้หญิงถูกสังเกตด้วยสายตาด้วยผู้หญิงด้วยกัน เก็บรายละเอียดของส่วนที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ ถ่ายทอดออกมาเป็นลายเส้นที่ละเอียดอ่อนและเป็นเอกลักษณ์ จากสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่น่ารักไม่แพ้ลายเส้นจากปลายดินสอของเธอเลย วันนี้ UNLOCKMEN ขอพาหนุ่ม ๆ มาทำความรู้จักกับสาวน้อยมากความสามารถ อย่าง “ปั๋น ILLUSTRATOR” เจ้าของผลงานลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์อย่างเพจ RIETY ที่มีผลงานมากมาย ทั้งงาน ILLUSTRATION และงานแสดง มาดูกันว่า อะไรที่ทำให้เธอลุกขึ้นมาทำอะไรหลาย ๆ อย่างไปพร้อมกันและทำมันได้ดีทุกอย่าง ถ้าเป็นไปได้อยากจะพาทุกคนมาเห็นความน่ารักของเธอแบบตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าอย่างที่เราได้สัมผัส จะได้เห็นความน่ารัก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่มันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ จนไม่รู้เลยว่าลายเส้นของเธอหรือเธอที่ละมุนมากกว่ากัน เราอาจติดภาพว่าคนสวย ๆ มักจะไม่ได้มีความสามารถมากนัก และจะได้ความสนใจในเรื่องหน้าตามากกว่า แต่มายาคติแบบนั้นต้องทิ้งไปให้ไกล เมื่อเราได้เจอเธอคนนี้ เธอไม่ได้ถูก Pay Attention จากหน้าตาของเธอเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่ทำให้คนรู้จักเธอคือความสามารถที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ผ่านการฝึกฝนและความพยายามของเธอจนออกมาเป็นลายเส้นที่เห็นแล้วต้องนึกถึงเธอทันที จนได้ร่วมงานวาดภาพประกอบให้กับแบรนด์ดังอย่าง Shiseido นอกจากเรื่องงาน ILLUSTRATION แล้ว เธอยังมีงานแสดงโฆษณาอีกหลายชิ้น ที่เราอาจผ่านหูผ่านตากันบ้าง มาดูกันว่าอะไรที่ทำให้สาวนักวาด ได้เข้าสู่หนทางของงานแสดงได้ จากนักวาดภาพประกอบ หันเริ่มงานแสดงจากจุดไหน ? ปั๋น : เริ่มเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว มันมีแคมเปญของ Shiseido
ผู้ชายอย่างเรามักจมอยู่กับความคิดที่ว่าผู้หญิงต้องอ่อนหวาน น่ารัก และปกปิดเรือนร่างตัวเองเพื่อจะดูเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับเรา แต่ถ้าลองคิดทบทวนดูอีกทีการเปิดเผยเรือนร่างของผู้หญิงก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แถมเป็นสิทธิเหนือเรือนร่างที่พวกเธอต้องได้เลือก ได้ตัดสินใจเองด้วยซ้ำ แต่ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังอดขมวดคิ้วสงสัยไม่ได้ว่า “มันจริงหรอวะ?” UNLOCKMEN อยากพาผู้ชายหัวดื้ออย่างคุณมาชมนิทรรศการ This is not cute นิทรรศการครั้งที่ 4 ของ “ปก-ปกฉัตร วรทรัพย์” ช่างภาพสาวที่เลือกจะถ่ายภาพเปลือยผู้หญิง ไม่ใช่แค่นั้นแต่เราจะชวนจับเข่านั่งคุยให้รู้กันไปเลยว่าตกลงผู้หญิงจำเป็นต้องทำแต่อะไรน่ารัก ๆ อย่างที่ผู้ชายคิด หรือจริง ๆ แล้วพวกเธอควรมีสิทธิเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการ อย่างที่ “ปก-ปกฉัตร” เลือกหาญกล้าท้าทายสังคมด้วยการถ่ายภาพ NUDE มาอย่างยาวนานกันแน่ ? จากกล้องคอมแพคสู่การเรียนเพื่อหาตัวตน ปกฉัตรเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ที่กำลังง่วนกับการจัดงานแสดง This is not cute นิทรรศการของตัวเอง แต่ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้น เธอเริ่มถ่ายภาพมาตั้งแต่มัธยม เริ่มต้นจากกล้องคอมแพคเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่น ๆ ถ่ายเล่น ๆ ไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญคือการได้เข้าเรียนคณะสถาปัตยกรมศาสตร์ ภาควิชานิเทศศิลป์ สาขาถ่ายภาพ ซึ่งได้เรียนสารพัดเทคนิคการถ่ายภาพ“เราต้องเรียนเพื่อเป็นพื้นฐาน เพื่อให้ต่อยอดงานไปข้างหน้าได้” เธอบอกกับเราด้วยสายตามุ่งมั่น แต่ดูเหมือนว่าการจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจะทำให้ปกฉัตรค้นพบตัวเองแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น การเรียนต่อปริญญาโทจึงเป็นการค้นหาตัวตนในอีกระดับ