“Safeplanet” ความหมายของมันคือการเป็นที่ปลอดภัยของพวกเรา เราอยากมีที่ที่เป็นจุดยืนของเราได้ เป็นเหมือนกับแกลเลอรีเล็ก ๆ ที่จะวาดหรือระบายอะไรลงไปในนั้นก็ได้ โดยที่ไม่มีใครมามองว่ามันถูกหรือผิด” ความหมายของชื่อวงดนตรีที่เกิดจากความหลงใหลเสียงเพลงของ เอเลี่ยน-ฐิติภัทร อรรถจินดา (ร้องนำ-กีตาร์) ดอย- อภิวิชญ์ คำฟู (กลอง) และ ยี่-ชยปัญญ์ จันทรานุสนธิ์ (เบส) จนเกิดเป็นวงดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสียงกีตาร์ลีดและจังหวะเครื่องเคาะ รวมไปถึงเนื้อร้องและทำนองที่ทั้ง 3 คนกลั่นกรองออกมาเป็นเพลงที่พวกเขาเรียกกันว่า “แนวเซฟ” นับตั้งแต่ “กล่องดำ” เพลงแรกที่ปล่อยออกมา จนมาถึง “ข้างกาย” ซิงเกิ้ลล่าสุด พวกเขาต้องลองผิดลองถูกกับอะไรมาบ้างกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้และอะไรคือสิ่งที่ทำให้ทั้งสามยังคงยึดถือแนวทางและตัวตนในการเล่นดนตรีแบบ Safeplanet อยู่เสมอ มาทำความรู้จักกับศิลปินวงแรกของ UNLOCKMEN “GARAGE : Live Session” งานดนตรีสดสุดมันส์ แต่บรรยากาศอบอุ่นชิดใกล้เหมือนฟังเพลงที่หลังบ้านใครสักคน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Safeplanet ให้ฟังหน่อย ดอย : จุดเริ่มต้นของเราเริ่มจากเมื่อก่อนผมกับเอเคยทำวงดนตรีด้วยกันมาก่อน ตอนนั้นใช้ชื่อว่า Shadow Snare ครับ ทำกันมาได้สักระยะมาถึงจุดหนึ่งที่ความคิดไม่ตรงกันวงก็เลยแตกไป ทำให้เหลือกันอยู่สองคน ตอนนั้นเราชอบสไตล์ดนตรีที่เหมือนกัน เอก็เลยชวนผมเริ่มทำวงใหม่ เอเลี่ยน : เริ่มจากที่ดอยเล่ามาครับ ผมกับดอยมาตั้งเป็น Safeplanet ส่วนยี่เป็นรุ่นน้องที่มหิดล
เป็นอีกครั้งที่ UNLOCKMEN ได้แวะเวียนไปเยี่ยมชายคา What The Duck โดยที่ผ่านมาเรามีโอกาสพูดคุยกับศิลปินจากค่ายนี้มากมายหลายคน แต่คราวนี้คนที่อยู่ตรงหน้าคือศิลปินน้องใหม่ของค่ายอย่าง ‘BOWKYLION’ หรือ โบกี้-พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ หลายคนอาจติดตามเธอพร้อม ๆ กับผู้ติดตามอีกกว่า 5 แสน 2 หมื่นคนทาง YouTube หลายคนอาจรู้จักเธอผ่านการประกวด The Voice Thailand จะว่าเราเป็นแฟนคลับเธอก็ไม่เชิงนัก เรียกว่าเติบโตมาด้วยกันดีกว่า ด้วยช่วงวัยที่ใกล้เคียงกัน เคยฟอร์มวงประกวด Hotwave Music Awards ต่างกันที่วงเธอเข้ารอบ วงเราตกรอบ เท่านั้นเอง แต่ด้วยคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนของโบกี้ ทำให้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ยังจดจำเธอได้เป็นอย่างดี ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้สนทนากับเธอ เรื่องราวจากจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอหลงรักการร้องเพลงจนถึงตอนนี้ เส้นทางที่ผ่านมาเป็นอย่างไรและจะมุ่งไปทางไหนในอนาคต เริ่มรู้ตัวตอนไหนว่าชอบร้องเพลง? จริง ๆ ก็รู้ตัวตั้งแต่ตั้งแต่ยังไม่รู้ตัว เพราะว่าเริ่มร้องเพลงได้ตั้งแต่พูดได้ ในความรู้ตัวก็มีความไม่รู้ตัวอยู่ เอาจริง ๆ ก็จำไม่ได้แล้วว่าตอนไหน เพราะเราได้รับอิทธิพลจากครอบครัวด้วยหรือเปล่า ? เพราะคุณแม่เป็นนักร้องเหมือนกัน ถือว่ามีอิทธิพลมาจากครอบครัวเหมือนกันเพราะคุณแม่เล่าให้ฟังว่าตอนที่อุ้มท้องอยู่ก็ร้องเพลงตลอด อยากให้ลูกร้องเพลงได้ ตอนที่จะเรียนดนตรีที่มหิดลก็ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะเลือกการร้องเพลงเป็นอาชีพเลยไหม? จริง ๆ ตอนนั้นก็ไม่มั่นใจนะคะ เข้ามั่ว ๆ เลย ตอนแรกที่เข้ามหิดลก็คือ เห็นเขาบอกว่ามีเอก
ดนตรีกับแฟชั่นมีความคล้ายคลึงกันในเรื่องการสร้างสุนทรีย์และแรงบันดาลใจ UNLOCKMEN ได้พบกับวงดนตรีอินดี้-ป๊อปร็อก วงหนึ่งที่นำดนตรีและแฟชั่นร้อยเรียงออกมาเป็นบทเพลงเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ สิ่งที่ทำให้เราสนใจวงดนตรีที่มีชื่อว่า De Flamingo มีหลายอย่างทั้งบทเพลงที่หนักแน่นสื่ออารมณ์ เนื้อเพลงที่เล่าเรื่องราวกินใจ รวมถึงแฟชั่นที่จัดจ้านของสมาชิกแต่ละคนไม่ว่าจะเป็น โบนัส (ร้องนำ), จา (เบส), ปอม (กีตาร์) และ บีม (กลอง) แต่ละคนมีสไตล์ที่ไม่เหมือนกันแต่มารวมวงกันเพราะคำว่าดนตรี เมื่อเราได้นั่งพูดคุยกับพวกเขาพักใหญ่ก็ทำให้รู้ว่านอกจากเพลงและแฟชั่นแล้ว De Flamingo เป็นวงดนตรีมีที่อะไรมากกว่าที่เราเห็น ในวันที่เพลงร็อกมีแต่สีดำ De Flamingo กลับปรากฏตัวพร้อมกับสีชมพู มารวมตัวกันได้อย่างไร ? โบนัส: จุดเริ่มต้นการทำวงของเราเกิดขึ้นเพราะเราเรียนที่ดุริยางคศิลป์มหิดลเหมือนกัน ผมกับจายังไม่รู้จักใครมาจึงรวมวงกันแค่สองคนก่อน จากนั้นก็หาสมาชิกไปเรื่อย ๆ ตอนแรกมีนักร้องนำเป็นผู้หญิงแล้วก็ทำวงจนจะจบปีสี่วงก็แตกไป หลังจากวงแตกแล้วเกิด De Flamingo ขึ้นมาได้อย่างไร ? โบนัส: ตอนแรกเคว้งกันอยู่ช่วงหนึ่งเพราะเราตั้งใจทำวงนี้มาก ๆ แต่ด้วยสมาชิกมีความฝันกันคนละอย่าง บางคนออกจากวงเพื่อไปทำตามฝัน บางคนตัดสินใจจะเดินทางต่อด้วยสมาชิกที่เหลือ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่จากนักร้องนำหญิงที่เป็นคนเล่าเรื่องก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นผู้ชาย วันที่กำลังปรึกษากันผมดันพูดขึ้นมาว่า De Flamingo ก็เลยได้ชื่อวงแบบไม่ได้ตั้งใจ ทำไมต้อง De Flamingo ? โบนัส: ผมเป็นคนชอบดูนิตยสารแฟชั่นครับ
ณ ที่แห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา UNLOCKMEN มีสนทนากับ ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ ศิลปินมาดเท่จากค่าย ME Records ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ในขณะที่คุณฮิวโก้กำลังเดินเลียบเจ้าพระยาพร้อมกีตาร์คู่ใจ ขณะที่กำลังยืนมองเขาจากด้านหลังความคิดหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัวเรา ทางเดินเลียบเจ้าพระยาที่ร้อนระอุด้วยแสงแดด แออัดด้วยผู้คน ก็เปรียบเหมือนเส้นทางบนถนนสายดนตรีที่ยาวนานของเขา และแน่นอนว่ามันไม่ได้มีแค่ความราบรื่น หลังจากถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่เราจะได้นั่งละเลียดสนทนากับเขา เดินทางบนถนนสายดนตรีมากี่ปีแล้วครับ? “ถ้าเป็นทางการก็น่าจะประมาณ 19 ปีครับ” แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ดนตรีของคุณฮิวโก้มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปอย่างไรบ้าง? “มันน่าจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัยมากกว่า เพราะว่าสิ่งที่เราต้องการหรือสิ่งที่เราชอบมันเปลี่ยนไปตามอายุ ความก้าวร้าวของวัย 20 กับ 30 ปลาย ๆ มันไม่เท่ากัน การเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราสนใจ ก็ต่างกัน เสียงที่เราได้ยินก็เปลี่ยนไป แต่มันก็มีแกนบางอย่างที่ไม่เปลี่ยน เป็นธรรมดาของพัฒนาการมนุษย์ ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงแต่ก็ยังเหลือแก่นความเป็นตัวตนอยู่” 19 ปีถือว่านานมาก อะไรที่ทำให้คุณฮิวโก้ยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้? “อธิบายยาก มันเป็นความรู้สึกตอนที่เราฟัง ความรู้สึกตอนที่เราร้อง หรือตอนที่เราแสดงกับวง มันเป็นอะไรที่ผมยังหาสิ่งอื่นมาแทนไม่ได้ในความสะใจ ความสบายใจนี้ ความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีต่อหน้าคนดู มันไม่มีอะไรจริงกว่านี้แล้ว โอกาสที่จะพลาด แรงกดดัน ความคาดหวังของคนดู ตัวเราเอง และเพื่อน ๆ
คอเพลงป็อปพังก์มีหรือที่จะไม่คุ้นเคยกับเพลงของ Blink-182 ที่ไม่ว่าอัลบั้มไหนเป็นอันต้องมีเพลงฮิตติดหูเราอยู่เรื่อย ๆ เริ่มกันตั้งแต่ Cheshire Cat เมื่อปี 1994 ที่แม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยงแต่ก็ยังซ่อนเพลงเจ๋ง ๆ เอาไว้อยู่หลายเพลง เรื่อยมาจนถึงอัลบั้มแจ้งเกิดอย่าง Enema of the State ปี 1999 ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องจดจำปกพยาบาลสุดจี๊ดจ๊าดนี้ได้ นำทัพด้วยเพลงฮิตอย่าง All The Small Things, Adam’s Song และ What’s My Age Again ต่อเนื่องความฮิตกันที่ Take Off Your Pants and Jacket ปี 2001 อย่างเพลง First Date เรื่อยมาจนถึงอัลบั้มล่าสุดอย่าง California แม้จะมีการสับเปลี่ยนสมาชิกในวงอยู่บ้างแต่วงก็ยังคงมีแฟนเหนียวแน่นอยู่เหมือนเดิม มารำลึกถึงความฮิตในวันวานสมัยขาสั้นเสื้อตัวโคร่งไปกับ 20 เพลงจาก Blink-182 ที่เราคัดมาให้ ทั้งเพลงฮิตติดหูและเพลง B-Side ที่อาจไม่คุ้นเคยแต่เราอยากแนะนำ ใครที่สะดวกฟังจาก Spotify เราจัด Playlist ไว้ให้แล้วแบบครบถ้วนทุกเพลง กด Play
วงการดนตรีในแต่ละยุค มีจุดวัดความสำเร็จที่เปลี่ยนไปตามยุคนั้น ตั้งแต่ยุคล้านตลับจนมาถึงยุคล้านวิว ความสำเร็จที่เปลี่ยนแปลงหน้าตาอยู่เสมอทำให้เราไม่อาจมีสิ่งชี้วัดตายตัว สำหรับกลุ่มคนดนตรีอย่าง Summer Dress ผู้มองว่าตัวเองไม่ได้ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจเอาเสียเลย แต่ก็พอใจที่ตัวเองประสบความสำเร็จในด้านศิลปะแล้ว มีอัลบั้มของตัวเอง มีแฟนเพลงที่ร้องเพลงตามได้ มาพูดคุยกับพวกเขาในเรื่องราวเหล่านี้ไปพร้อมกันกับเรา เพราะบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนในวันนั้น เราจึงต้องนั่งพูดคุยกันในบ้านหนึ่งในสมาชิกของวง บ้านที่เป็นทั้งพื้นที่รวมตัว พูดคุย ทำกิจวัตรประจำวันและซ้อมดนตรีที่ห้องซ้อมด้านบน เราเลือกนั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น สมาชิก Summer Dress นั่งพิงโซฟาตัวยาว ที่พอจะนั่งได้เกือบทั้งวง เรียงกันตั้งแต่ แน็ต กีต้าร์, โป้ว เบส, แปม กลอง, เต๊น ร้องนำ กีต้าร์ และ ปอนด์ คีย์บอร์ด แล้วเราเริ่มพูดคุยกันท่ามกลางเสียงหยาดฝนโปรยปรายและ Lullaby อ้อยอิ่งตามแรงลม About Summer Dress สมาชิกทั้งหมดเริ่มต้นวงดนตรีเหมือนวัยรุ่นคนอื่นที่อยากจะมีวงดนตรีเป็นของตัวเอง รวมตัวกันตั้งแต่สมัยเรียน ทำให้พวกเขามีความสนิทสนมในอินเนอร์ของเพื่อนที่เป็นเพื่อนในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน หรือสมาชิกในวง (สังเกตได้จากการกวนตีนกันเองตลอดการพูดคุย) พวกเขายังคงชื่นชอบและรักในงานอดิเรกนี้ เพลงแพ้ทอมคงจะเป็นเพลงแรกที่เราได้ยินชื่อของพวกเขา จนกำเนิดอัลบั้มมาให้พวกเราได้ฟังแล้วถึงสองอัลบั้ม และกำลังจะมีอัลบั้มที่สามตามมาเร็ว ๆ นี้ โป้ว: เล่นด้วยกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนดุริยางค์ ศิลปากรด้วยกัน ตอนแรกมีเต๊น มีผม มีแน็ต แล้วก็เพื่อนอีกคน
เวลาเราซุ่มทำบางอย่าง กลั่นกรองความคิดให้มันตกตะกอนออกมาเป็นไอเดียที่เข้าท่า ลงมือทำด้วยทักษะที่เรามี แต่พอถึงเวลาที่ต้องงัดของมาเรียกแขก มักมองไม่เห็นลู่ทางที่ชัดเจนหรือแตกต่างจากสิ่งเดิม ๆ มากนัก ได้แต่เดินทางเดิม ตามสิ่งที่คนอื่นเคยทำมาแล้ว จนของที่เราตั้งใจทำกลายเป็นของที่จมอยู่ท่ามกลางของชิ้นอื่น ไม่มีวี่แววที่จะโดดเด่นขึ้นมาได้ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับ “คุณวิน – วินัย กิจเจริญจิรานนท์” ที่มองลู่ทางในการนำเสนอผลงานของตัวเองในรูปแบบอื่น ๆ ในคติที่ว่า “กล้าทำก็กล้าขาย” กับผลงานเพลง Nerd Pop ของเขาในชื่อ “The Dumbs” เมื่อทุกอย่างที่สร้างมาด้วยสมอง ทำไมเราถึงไม่กล้าขายด้วยสองมือของเรา พูดคุยกับเขาในประเด็นการมองหาโอกาสและลงมือทำในสิ่งที่รักในตอนที่ยังมีเวลา เห็นชื่อ Garage มาอาจมองหาเรื่องราวดนตรีเน้น ๆ แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องราวการทำเพลงเพียงเท่านั้น เพิ่มโฟกัสเรื่องความพยายามในการทำเพลงแบบไม่มีค่าย หรือแม้แต่ทำการตลาดด้วยตัวเองด้วย คุณวิน ทำงานเป็น Content Creator เพจ TypeThai ไม่ได้มีดนตรีเป็นอาชีพหลักมาตั้งแต่แรก เป็นเพียงแค่งานอดิเรก แต่เขาเลือกที่จะทำมันในตอนที่เขายังมีโอกาส เขาลงมือทำสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจอย่างดนตรี ออกมาเป็น “The Dumbs” ที่มี 5 แทร็กออกมาให้เราได้ฟังกัน จากคนฟังเปลี่ยนเป็นคนทำดนตรี ตอนทำเพลงเองคนเดียวเนี่ย ส่วนมากได้แรงบันดาลใจจากไหน ? “โดยส่วนตัวชอบดนตรีอยู่แล้ว แต่ส่วนมากจะเป็นคนฟัง บวกกับเล่นดนตรีได้นิดหน่อย
THE GARAGE : EPISODE 0 ก่อนอื่นต้องท้าวความถึงคำว่า ‘GARAGE’ ที่ใช้โปรยหัว Article นี้เสียก่อน เพราะไอ้คำว่า ‘GARAGE’ มันมีที่มาจากการเปิดตัวที่ทำงานใหม่ของพวกเราทีมงาน UNLOCKMEN ซึ่งพวกเราเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า ‘THE GARAGE’ กับความมุ่งมั่นที่จะให้มันเป็นโรงรถเล็ก ๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดั่งเช่นบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Google, Microsoft และอีกมากมายที่ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากการคิด และลงมือทำผลงานสุดสร้างสรรค์ขึ้นในโรงรถเล็ก ๆ ข้างบ้านเพียงเท่านั้น ‘THE GARAGE’ สำหรับ UNLOCKMEN จึงเป็นทั้งที่ทำงาน รวมถึงเป็น Inspiring Area สำหรับเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็น Content ดี ๆ และที่นี่จะเป็นศูนย์รวมผู้คนที่น่าสนใจ มีงาน Workshop ที่ช่วย Unlock Potential ของผู้ชาย หรือแม้แต่ปาร์ตี้มันส์สุดเหวี่ยงมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป และงานปาร์ตี้ OPEN HOUSE เปิดบ้านใหม่ของ UNLOCKMEN จึงกลายโปรเจ็คต์แรกของ ‘THE