นาฬิกาหนึ่งในไอเทมที่ก้าวเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตผู้ชายอย่างเรามากขึ้นทุกวัน เพราะในปัจจุบันมันไม่ได้เป็นแค่อุปกรณ์ที่สวมใส่ไว้บนข้อมือเพื่อบอกเตือนเวลาเท่านั้น แต่กลับถูกพัฒนาให้มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้สวมใส่ ถ้าเรียก Smartphone ว่าอวัยวะที่ 33 ก็ต้องเรียก Smartwatch ว่าอวัยวะที่ 34 ที่ขาดไม่ได้อีกต่อไปในปัจจุบัน ด้วยไลฟ์สไตล์มากมายหลายรูปแบบของหนุ่ม ๆ แต่ละคน ก็ทำให้โจทย์ในการมองหานาฬิกาที่มีความเหมาะสมแตกต่างกันออกไป บางคนต้องการนาฬิกาที่มาพร้อมดีไซน์สวยงาม สร้างความโดดเด่นเมื่อถูกจับมาสวมใส่กับเสื้อผ้าชุดเก่ง บางคนก็อยากได้นาฬิกาที่มีฟังก์ชันครบครัน มาเป็นตัวช่วยให้กิจวัตรประจำวันที่วุ่นวายเป็นไปอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งความแข็งแกร่งก็เป็นอีกเรื่องที่หนุ่มนักทำกิจกรรมทั้งหลายพากันมองหา แต่จะดีแค่ไหนถ้ามีนาฬิกาที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดรวมเอาไว้ในเรือนเดียว เหมือนที่มีใน GARMIN Instinct เรือนนี้ GARMIN Instinct จีพีเอสสมาร์ตวอทช์ มาพร้อมดีไซน์ทันสมัยและสวยงาม ทำให้สามารถเลือกสวมใส่เข้ากับชุดทำงานได้หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นลุค Casual เน้นไปทางความคล่องตัวในวันลุย ๆ หรือเป็นลุค Formal ที่ต้องการความเป็นทางการในวันทำงาน แต่นอกจากความสวยงามที่เข้ากันกับสไตล์อันหลากหลายแล้ว ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ GARMIN Instinct เหมาะสำหรับการสวมใส่ในทุกจังหวะชีวิตคุณ A Personal Assistant For Working Hour ในทุก ๆ อิริยาบถของวันทำงาน แน่นอนว่าชีวิตในแต่ละวันของผู้ชายคนเมืองที่การจัดสรรเวลาให้ลงตัวเป็นเรื่องยาก จนทำให้ไม่มีเวลาในการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเท่าที่ควร
“เคยลองคิดเล่น ๆ บ้างไหมว่ากล้อง GoPro ที่ซื้อมาสามารถใช้กับสถานการณ์ไหนได้บ้าง ?” และคำตอบที่ได้คือกล้อง GoPro นั้นสามารถอยู่คู่กับเจ้าของในทุกกิจกรรมไม่ว่าจะดำน้ำ ขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก เล่นกีฬา หรือกระโดดร่ม แต่ใครจะคิดว่าเจ้ากล้องตัวเล็กนี้จะแข็งแกร่งขนาดทนความร้อนสุด ๆ แม้แต่ลาวาก็ไม่สามารถหยุดการบันทึกภาพได้ เหตุการณ์พิสูจน์ความแข็งแกร่งของกล้อง GoPro เกิดขึ้นเมื่อ Erik Strom ไกด์ท่องเที่ยวของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งได้พาลูกทัวร์ของเขาเดินทางไปชมภูเขาไฟที่ Hawai’i Volcanoes National Park เพราะความสวยงามของลาวาทำให้ผู้คนต่างต้องหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้ ไกด์คนดังกล่าวเองก็เช่นกัน เขาตั้งกล้อง GoPro ไว้ในร่องเขาแคบ ๆ เพื่อเก็บภาพการไหลของลาวา แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาคำนวณทิศทางการไหลของลาวาผิด ทำให้กล้องที่ตั้งไว้จมลงไปในธารความร้อน ลาวาร้อนระอุมีอุณหภูมิสูงถึง 700-1,200 องศาเซลเซียส ทำให้ Housing ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่อิริคใส่ไว้เพื่อป้องกันตัวกล้องโดนเผาไหม้จนหมดทันทีที่สัมผัสกับลาวา รวมถึงบอดี้ของกล้องก็โดนเผาด้วยเช่นกัน “ตอนนั้นกล้องของผมโดนลาวากลบจนมิด แถมยังมีไฟลุกขึ้นมาเล็กน้อยด้วย สิ่งที่คิดในตอนนั้นคือกล้องของผมต้องไม่รอดแน่ ๆ รวมถึงฟุตเทจในกล้องด้วย” นี่คือคำบอกเล่าของอิริค และทุกคนในเหตุการณ์ต่างก็คิดเหมือนกันกับเขาว่ากล้องตัวนี้จะต้องพังจนใช้ไม่ได้อย่างแน่นอน เมื่อความร้อนในธารลาวามีอุณหภูมิลดลง อิริคได้ใช้ค้อนหินธรณีวิทยากะเทาะลาวาและดึงกล้อง GoPro ออกมา พร้อมกับพาซากกล้องของเขากลับบ้านเพื่อตรวจเช็คสภาพถึงแม้จะรู้ดีว่ากล้องตัวนี้ไม่สามารถใช้งานซ้ำได้แน่ ๆ เพราะทั้ง
Compact Gun รูปแบบปืนที่ถือเป็นตัวเลือกชั้นเยี่ยมสำหรับพกไว้ป้องกันตัว ด้วยขนาดกะทัดรัด น้ำหนักที่เบาซึ่งช่วยให้สะดวกต่อการเก็บและพกพา รวมถึงพลังการยิงที่ไว้ใจได้ว่าสามารถสกัดอันตรายก่อนจะเข้ามาถึงตัวอย่างแน่นอน แต่สำหรับหนุ่มที่มองหาพลังการทำลายที่เพิ่มมากขึ้นจากรูปแบบปืนชนิดเดียวกันแล้วล่ะก็ S333 Volleyfire กระบอกนี้ อาจเป็นคำตอบในการป้องกันตัวที่เหมาะสมสำหรับคุณ S333 Volleyfire เป็น Compact Gun จาก Standard Manufacturing ที่ถูกพัฒนางานออกแบบขึ้นมาใหม่ในปี 2017 ก่อนจะเปิดตัวครั้งแรกในงาน SHOT Show 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากนักเลงปืนที่ไปเข้าร่วมงานมากมาย ด้วยจุดเด่นคือการเป็นปืน Revolver สองลำกล้องที่ไม่มีเคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยปืนมาพร้อมขนาดกะทัดรัด ตัวปืนมีการใช้วัสดุแข็งแรงทนทานสูงไม่ว่าจะเป็นส่วนลำกล้องปืนที่ผลิตจากเหล็กกล้า เฟรมผลิตจาก 7075 Aluminum เกรดผลิตอากาศยานและลูกโม่ที่หล่อขึ้นมาจากเหล็กชนิดแข็งแรงพิเศษ และส่วนด้ามจับที่ห่อด้วยวัสดุโพลีเมอร์ซึ่งความแข็งแรงทั้งหมดรวมกันออกมาในน้ำหนักเพียง 18 ออนซ์เท่านั้น แน่นอนว่าไม่พูดถึงไม่ได้คงจะเป็นระบบการยิงเฉพาะตัวของมัน โดย S333 Volleyfire ใช้กระสุนขนาด .22 Win Mag บรรจุสูงสุด 8 นัด พร้อมระบบการยิงแบบ 2 ลำกล้องที่เรียกว่า Double Action Revolver โดยจะมีไกปืนให้ลั่นไกสองส่วนซึ่งสามารถส่งกระสุน 2
เปิดตัวรุ่นพิเศษอย่างเป็นทางการเรียบร้อยอีกครั้งตามธรรมเนียม ที่ทุกครั้งจะต้องมีของให้ชาว Leica ได้สะสมกับ Safari-Edition สี Olive Green และคราวนี้ก็ถึงทีของ Leica M10-P กล้องถ่ายรูประดับเทพที่ประทับร่างด้วย 24MP Full-Frame CMOS Sensor เหมือนใน M10 และมีจุดเด่นกว่ารุ่นธรรมดาเช่น Shutter สุดเงียบสำหรับสายซุ่มสายสตรีท และหน้าจอ 3.0 นิ้ว ความละเอียด 1.04m-Dot Touchscreen LCD สัมผัสได้ โดยผลิตออกมาแบบ limited edition จำนวนจำกัด 1,500 ตัวทั่วโลก สายสะสมเตรียมหาจองกันได้เลย ความเจ๋งของผู้ที่ได้ครอบครอง Leica M10-P Safari นอกจากสีเขียวสุดคูลแล้ว ยังจะได้เลนส์คม ๆ ระยะงาม ๆ Summicron 50 f/2 ในสี Olive Green เช่นเดียวกับตัวกล้อง แน่นอนว่าเลนส์สีพิเศษแบบนี้ย่อมแลกขายได้ราคาดีงามตามท้องเรื่องแน่นอน ราคาแยกขายเฉพาะเลนส์ตัวนี้อยู่ที่ $3,308 หรือราว 100,000 บาท
เปิดตัวไปล่าสุดกับ HUAWEI nova 4 สมาร์ทโฟน Punch Display หน้าจอดีไซน์ใหม่ล่าสุดไร้ติ่ง ขนาด 6.4 นิ้ว สเปคระดับสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปด้วย RAM ถึง 8 GB หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 128 GB ที่มาพร้อม ชิปเซ็ต Kirin 970 ทำงานร่วมกับ AI เพิ่มฟีเจอร์สุดล้ำ กล้อง 3 กล้องที่มีเลนส์ Ultra Wide เก็บภาพมุมกว้าง และฟีเจอร์ถ่ายภาพเซลฟี่มากมายสมฉายา AI Selfie Superstar ด้วยกล้องหน้า 25 MP HUAWEI nova 4 หน้าจอไร้ขอบขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอสูงถึง 86.3% กว้างเต็มตากว่าเดิม สเปคแฟลกชิป ขุมพลัง Kirin 970 ให้ใช้งานได้อย่างเร็ว แรง ไหลลื่น
ปี 2004 โลกได้รู้จักกับ Motorola RAZR โทรศัพท์มือถือพับได้สุดหรูที่เหล่าลูกคุณหนู นักธุรกิจ ดารานักแสดงต่างต้องมีพกพาติดตัวอย่างน้อยหนึ่งเครื่อง ด้วยความหล่อหรูหราในการออกแบบ วัสดุที่บอกถึงความหรูหราได้ด้วยมือสัมผัส และความสามารถในการช่วยฆ่าเวลาหรือแก้เขินด้วยการเปิดปิดรัว ๆ แม้จะตั้งราคาไม่ค่อนข้างสูงในยุคนั้น แต่เสน่ห์ของมันก็สามารถทำยอดขายได้มากถึง 130 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ Smartphone ปัจจุบันไม่สามารถทำให้เราได้ ด้วยจุดเด่นที่ไร้ใครมาเหมือน Motorola RAZR จึงมักจะมีข่าวลือว่ามันจะคืนชีพกลับมาในยุค 4G ก็หลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ยังเคยกลับมาได้จริง ต่างกับข่าวความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดที่ออกมาจากทาง Motorola และบริษัทแม่ Lenovo จับมือกับ Verizon ในอเมริกา เตรียมนำ Motorola RAZR กลับมาแน่ครั้งนี้ในจำนวนจำกัด 200,000 เครื่อง ในราคาแพงมหาโหดถึง $1,500 หรือราว 50,000 บาทเลยทีเดียว แม้มันจะไม่แพงไปกว่าบรรดา Apple XS Max แต่คาดว่าความสามารถของ RAZR น่าจะทำได้ไม่มากเท่าอย่างแน่นอน Paul Pierce ทีมผู้ออกแบบ Motorola
ไม่ว่าจะใช้ iPhone รุ่นแพงหรือใหม่แค่ไหน จะ iPhone XR, XS หรือ XS MAX ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาแบตหมดกลางคันระหว่างกำลังทำธุระได้ จะให้พกสายชาร์จ adapter เดินหารูปลั๊กไฟตามข้างทางไปตลอดก็ดูไม่คูล ดูเหมือนปัญหานี้จะเป็นสิ่งที่ Apple แพลนเอาไว้แล้วเป็นอย่างดี จึงได้มีกำเนิด iPhone Batter Cases สำหรับ iPhone 3 รุ่นใหม่ออกมา iPhone Battery Cases พึ่งจะถูกวางจำหน่ายบน Apple.com ไปหมาด ๆ ด้วยราคา $129 หรือราว 4,000 บาท ไม่ว่าจะเลือก Case สำหรับรุ่นไหนก็ต้องจ่ายราคาเดียวกัน เป็นเคสที่ทำจากซิลิโคน มีให้เลือกสีดำและสีขาว สังเกตได้จากแบตเตอรี่นูนบริเวณด้านหลังเคส แม้จะไม่ได้บอกว่าแบตในเคสมีความจุเท่าไหร่ แต่ก็ได้การันตีว่า Battery Case นี้จะช่วยยืดพลังงานให้ iPhone ของคุณได้ยาวนานถึง 20 ชั่วโมงสำหรับ XS Max, 21
คุณเคยตื่นนอนมาแล้วรู้สึกป่วยมั้ย? เชื่อว่าทุกคนต้องเคยประสบแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม โดยเฉพาะใครที่เป็นภูมิแพ้น่าจะเข้าใจดี อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากเตียงนอนที่ไม่สะอาด มีแบคทีเรียและไรฝุ่น ยิ่งเป็นเตียงนอนตามโรงแรมยิ่งมีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้นักประดิษฐ์หัวใสจึงคิดค้น ‘Cleansebot’ หุ่นยนต์ทำความสะอาดอัจฉริยะขนาดจิ๋วขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว CleanseBot สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ในทุกพื้นผิวด้วยการใช้แสง UV-C นอกจากนั้น CleanseBot ยังผ่านการทดสอบมาแล้วว่าสามารถฆ่าเชื้อ E.Coli ได้ถึง 99.99% พื้นที่ไหนมีเชื้อโรคและแบคทีเรียมากที่สุดในบ้าน? จากการวิจัยของ University of Houston พบว่าพื้นที่ที่มีเชื้อโรคและแบคทีเรียมากที่สุด ได้แก่สวิตช์ไฟ รีโมททีวี และผ้าคลุมเตียง CleanseBot เป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะสำหรับขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ในบ้านเท่านั้น แต่คุณสามารถนำเจ้า CleanseBot ไปทำความสะอาดได้ทุกที่ที่คุณต้องการ โดยเฉพาะห้องพักในโรงแรมที่ถือว่าเป็นแหล่งชุมนุมของเหล่าเชื้อโรคก็ไม่ใช่ปัญหาหนักใจอีกต่อไป CleanseBot มาพร้อมปัญญาประดิษฐ์และเซ็นเซอร์ 18 ตัว โดยใช้หลอด UV-C สี่หลอดเพื่อกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียซึ่งได้ผลถึง 99.99% ในทุกสภาพพื้นผิว ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ใด ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนเตียง เพียงแค่ตั้งค่า CleanseBot และเปิดใช้งานเป็นเวลา 30-60 นาที ระหว่างนั้นคุณอาจจะไปแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่น ๆ หรือออกไปทานอะไรอร่อย ๆ และเมื่อคุณกลับมาก็จะพบเตียงนอนที่สะอาดหมดจดพร้อมทิ้งตัวลงสู่ห้วงนิทรา ไม่ใช่แค่ความสะอาดบนเตียงเท่านั้น แต่แสง UV-C ของ
ดูเหมือนปี 2019 จะกลายเป็นปีที่ดุเดือดแน่นอนสำหรับตลาดของคอมพิวเตอร์พกพาหรือแล็ปท็อป เพราะล่าสุดในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีอย่าง Consumer Technology Association (CES) ได้รวบรวมบรรดา Gadgets ที่น่าสนใจเอาใจมากมายและหนึ่งในนั้นคือ ZenBook S13 แล็ปท็อปรุ่นบางเฉียบซึ่งส่งเข้าประกวดโดยค่าย ASUS การแข่งขันในตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพายังคงร้อนระอุ เมื่อผู้ผลิตค่ายต่าง ๆ ทยอยพัฒนาและเปิดตัวแล็ปท็อปสเปคโคตรโหดในรูปลักษณ์ที่เพรียวบางและกะทัดรัดยิ่งขึ้น ซึ่งล่าสุดเป็นคิวของ ASUS ในการเปิดตัวแล็ปท็อปรุ่นล่าสุดของค่ายกับ ZenBook S13 ซึ่งมากับความโดดเด่นทั้งงานดีไซน์และสเปคเครื่องที่รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย Asus ZenBook S13 มาพร้อมตัวเครื่องที่ทำจากอะลูมิเนียมทั้งชิ้นเรียกว่า CNC-Milled chassis ทนทานสุดในตระกูล ZenBook เท่าที่เคยมีการผลิตมา พร้อมจอแสดงผลขนาด 13.9 นิ้ว พร้อมความบางที่ 2.5 มิลลิเมตรซึ่ง Asus เคลมว่ามีขนาดเล็กลงจากรุ่นก่อนหน้า 12.5 เปอร์เซ็นต์และบางสุดในโลกในตอนนี้ โดยเป็นจอความละเอียด Full-HD 1080p กินพื้นที่ 97 เปอร์เซ็นต์ของขนาดเครื่อง ซึ่งจะรับประกันว่าจะได้มุมมองใช้งานที่สบายตามากขึ้นพร้อมความสวยงามของกราฟิกรับประกันโดย NVIDIA GeForce MX150 สามารถรองรับงานออกแบบได้สบายๆ รวมถึงระบบประมวลผลเป็น 8th Gen
ใครที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์ในวงเหล้า หรืออาจจะไปนาน ๆ ครั้ง ไม่ใช่สายปาร์ตี้คงนึกภาพไม่ออกว่า ‘การเปิดขวด’ นั้นสำคัญขนาดไหน แต่สำหรับเราสายปาร์ตี้ย่อมจำได้ดีว่าในตอนที่เริ่มดื่มใหม่ ๆ แล้วเห็นเพื่อนเปิดขวดเบียร์โดยใช้ขวดเบียร์อีกขวดนั้นเรารู้สึกทึ่งและคิดว่ามันเท่มาก หลังจากนั้นเราก็พยายามฝึกฝนโดยตลอด กว่าจะทำได้สำเร็จเลือดก็อาบมือไปหลายครั้ง แต่บางครั้งการจะเท่ก็ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น เพียงแค่มีที่เปิดขวดเจ๋ง ๆ สักอัน ก็สามารถเปิดเบียร์ทุกขวดที่ขวางหน้าได้ด้วยมือเดียว เท่ได้โดยไม่ต้องเจ็บตัว GrOpener คือชื่อของที่เปิดขวดสุดเจ๋งที่เราภูมิใจนำเสนอในวันนี้ ใครที่กำลังสงสัยว่ามันแตกต่างจากที่เปิดขวดธรรมดาตรงไหน ให้ลองดูคลิปด้านบนเสียก่อน รับรองว่าจะต้องอยากได้ไปใช้สักอันแน่นอน ถึงแม้ว่าในเรื่องประโยชน์การใช้สอยจะไม่ได้มีอะไรพิเศษเปิดได้เฉพาะฝาทรงจีบเหมือนที่เปิดขวดทั่วไป แต่เรื่องความเท่ บอกเลยว่า GrOpener กินขาด แม้ว่า GrOpener จะโดนใจเราในเรื่องความเท่ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ Mark Manger สร้างสรรค์ GrOpener ขึ้นมาลึกซึ้งกว่านั้นมาก เขาเล็งเห็นถึงความลำบากของผู้พิการ ว่าการเปิดขวดด้วยมือเดียวนั้นเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ทุกคนกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย จนปัญหานี้โดนเพิกเฉย อย่างไรก็ตาม Mark ไม่คิดเช่นนั้น เขาลงมือทำตามไอเดียอย่างมุ่งมั่น จนในที่สุดก็สำเร็จออกมาเป็นที่เปิดขวดสุดเจ๋งให้ทุกคนได้ใช้งาน GrOpener สามารถตั้งอยู่บนขวดได้อย่างสบาย ๆ ก่อนจะเปิดมันด้วยการบิดข้อมือเพียงเล็กน้อย ใช้แรงน้อยกว่าที่เปิดขวดทั่วไปมาก ทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในขั้นตอนเดียว ชั่วพริบตาฝาขวดก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย การออกแบบของ GrOpener ทำให้แน่ใจว่าฝาจะไม่โค้งงอหรือบิดเบี้ยวในขณะเปิด ส่วนแม่เหล็กที่อยู่ภายในทำหน้าที่ยึดฝาทันทีที่หลุดออกจากคอขวด ทั้งเท่แถมใช้ง่าย พกพาสะดวกแบบนี้ GrOpener จึงเป็นอีกหนึ่ง