“จน เครียด กินเหล้า” แท็กไลน์คุ้นหูจากองค์กรหนึ่งที่แม้ผ่านมานานหลายปี คนก็ยังท่องกันได้เหมือนเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ในความเป็นจริงดูเหมือนว่าความจนไม่ได้เป็นตัวแปรหลักในสมการนี้ ทุกฐานะ ทุกอาชีพ ทุกการศึกษาล้วนดื่มแอลกอฮอล์เพื่ออะไรบางอย่างทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อ COVID-19 ลุกลามไปทั่วโลก แม้หลาย ๆ เมือง หลาย ๆ ประเทศผับบาร์ถูกสั่งปิด และบางแห่งห้ามขายแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาด แต่ผู้คนกลับดื่มกินกันมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ใช่แค่ที่ไทยเท่านั้น ผู้คนทั่วโลกต่างก็ดื่มมากขึ้นในห้วงเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ แม้จะเป็นการดื่มอย่างเดียวดายก็ตามที ทำไมยิ่งกักตัวโดดเดี่ยว เรายิ่งดื่ม? ห้ามขายเหล้า ผับบาร์ก็ประกาศปิด แล้วทำไมคนถึงยังดื่มกิน? กิจกรรมผ่อนคลายมีหลากหลายประเภท แต่ทันทีที่กิจกรรมผ่อนคลายหลัก ๆ ถูกปิดประตูตายเป็นอาทิตย์ ๆ หรือเป็นเดือน จากที่เคยไปดูหนังเรื่องโปรดระบบเสียงสะใจที่โรงหนังใกล้บ้านเมื่อใดก็ได้ ก็ต้องหยุด จากที่เคยไปวิ่งออกกำลังกายในสวนหรือเสียเหงื่อเกือบลิตรตามฟิตเนสก็ต้องงด ห้างสรรพสินค้า พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ทุกอย่างปิด จึงไม่แปลกที่คนจะหันมาหนทางผ่อนคลายที่ทำได้แม้อยู่ที่บ้านคนเดียว ไม่เพียงเท่านั้นการดื่มนอกบ้านนั้นเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ เช่น เราอาจต้องคอยดูแลคนอื่นระหว่างดื่มกิน หรือเราต้องขับรถกลับบ้าน ไปจนถึงเวลาที่สถานบริการปิดให้บริการ แต่การดื่มเองที่บ้านนั้นผู้คนไม่ต้องกังวลเรื่องเวลากลับบ้าน ไม่ต้องห่วงเรื่องการขับขี่ยานพาหนะ ปริมาณการดื่มและช่วงเวลาแห่งการเมามายจึงยืดขยายตามไปด้วย เพราะเมาก็แค่คลานเข้านอนไม่เดือดร้อนใคร “ใคร ๆ ก็ดื่มในช่วงเวลานี้ นี่คือเรื่องปกติ”
ตะวันลับฟ้า ดวงอาทิตย์รำไรอยู่ที่เส้นขอบฟ้า หากจะมองหาสถานที่ดื่มแต่ละครั้ง เรามักจะเลือกบรรยากาศที่ตรงใจก่อนเสมอ และอะไรจะดีไปกว่า Rooftop Bar ที่มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของช่วงเวลาแบบนี้ ดื่มสังสรรค์กับเพื่อนก็ได้ ดื่มกับคนรู้ใจใต้ท้องฟ้าและดวงดาวก็ดี แล้วเคยสงสัยไหม ว่าทำไมเราถึงหลงใหลบรรยากาศมองฟ้า มองดาว กระดกเหล้า สังสรรค์กันบนดาดฟ้า UNLOCKMEN จะพาหนุ่ม ๆ มาดูเหตุผลดี ๆ ที่ทำให้เรารักบรรยากาศเหล่านี้ รวมไปถึงเรื่องราวของร้าน Rooftop แบบดั้งเดิม เรื่องราวแรกเริ่มของการดื่มด่ำบนดาดฟ้า สถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่อง Rooftop คงไม่พ้นมหานครนิวยอร์ก ที่ใครไปเยือน เป็นอันต้องได้ไปเมามายกันบน NEW YORK ROOFTOP BARS อันเลื่องชื่อ เดิมทีในปี 1893 ที่นิวยอร์ก Rooftop Bar แห่งแรกเริ่มต้นจาก Casino Theater โรงละครบนถนน Broadway and 39th ที่พลิกโฉม Dinner ของอเมริกันชนด้วยการเปิดพื้นที่ดาดฟ้าให้ได้กิน ดื่ม และเต้นรำ ด้วยบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย มองลงไปข้างล่างเห็นมหานครอันรุ่งเรือง มองขึ้นไปเจอแผ่นฟ้ากว้างไร้ขอบเขต จึงไม่น่าแปลกใจที่หลังจากนั้นมันก็เริ่มแพร่หลายไปเรื่อย
กาแฟหนึ่งแก้ว อาจมีความหมายที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน สำหรับบางคนอาจเป็นเครื่องดื่มรสขมหลายมิติ อาจเป็นแหล่งคาเฟอีนชั้นเยี่ยม อาจเป็นงานศิลปะ และอาจเป็นผลงานมาสเตอร์พีซสักชิ้น แต่สำหรับ “RED DIAMOND CAFE” คืออย่างหลัง กาแฟคือเครื่องดื่มที่ไม่ได้อัดแน่นไปด้วยคาเฟอีนเพียงอย่างเดี่ยว แต่ยังเต็มไปด้วยความประณีต ความพิถีพิถัน ตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการทำกาแฟอย่างการเลือกเมล็ด การคั่ว ไปจนถึงการเสิร์ฟแก้วต่อแก้ว ท่ามกลางบรรยากาศที่ทำให้เราหลงใหลไปกับกลิ่นหอมที่อบอวลเหมือนนั่งอยู่ในโรงคั่วกาแฟ มาเดินทางไปทำความรู้จักที่นี่ไปพร้อมกับเรา แม้คุณจะไม่ใช่คอกาแฟ แต่รับรองว่าจะต้องหลงรักเสน่ห์ของมันเข้าอย่างจัง เราเดินทางไปถึงร้านในช่วงสาย เลี้ยวรถไปจอดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามร้าน ถือว่าสะดวกมากสำหรับการมีที่จอดรถรองรับลูกค้าเป็นของตัวเองแบบนี้ เราสะดุดตาเข้ากับวัสดุสี Copper ภายนอกของร้าน ที่เป็นเหมือนโรงงานอะไรสักอย่าง พอได้ก้าวเข้าผ่านประตูบานใหญ่เข้าไป เราจึงเข้าใจว่านี่คือโรงงานคั่วเมล็ดกาแฟนี่เอง ด้วยกลิ่มหอมกรุ่นที่ปะทะเข้ากับผัสสะทางจมูก ผสมผสานเข้ากับการตกแต่งภายในแบบ Industrial Loft การโชว์ท่อ สายไฟ และการโชว์ Texture แท้ ๆ ของวัสดุนั้น ชั้นล่างมีเครื่องคั่วเมล็ดให้เราได้เห็น ยิ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกว่าที่นี่คือโรงงานคั่วกาแฟจริง ๆ ชั้นบน ค่อนข้างเป็นส่วนตัว พื้นที่ที่ให้ความรู้สึก Homey มากขึ้น ด้วยแสงที่ลอดผ่านหน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์และแมวเจ้าบ้านที่คอยคลอเคลียอาคันตุกะผู้เข้ามาเยี่ยมเยียนพื้นที่ของพวกเขา ชั้นล่างมีทั้งพื้นที่ ทั้งส่วนที่เป็นบาร์ที่เราจะได้พูดคุยกับบาริสต้า ดูกระบวนการของกาแฟแต่ละแก้ว หรือลงมานั่งในพื้นที่เล่นระดับอีกขั้น สามารถเลือกเอาตามความชอบของเราได้ทั้งนั้น
เมนูยอดฮิตของร้านตามสั่งอย่าง “กะเพรา”เป็นอีกเมนูที่รสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทยจึงครองใจคนทุกเพศทุกวัยไปแบบขาดลอย วันนี้เมนูกะเพราไม่ได้เป็นแค่เมนูซิกเนเจอร์ในร้านอาหารตามสั่งทั่วไปอีกแล้ว แต่ยังเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านนั่งดื่มบรรยากาศดีอย่าง “กะเพราผัด รัชบาร์ 32” ที่หยิบเอาเมนูนี้มาขายจนเป็นจานเด็ดของร้านที่ไม่สั่งไม่ได้ แค่กะเพราธรรมดาก็คงจะเหมือนร้านอื่นเกินไป มาลองกะเพรารสเด็ดเผ็ดถึงใจ ด้วยวัตถุดิบที่ตั้งใจคัดมาอย่างดีเหมือนกับทำกินเองของร้านนี้ แกล้มเบียร์เย็น ๆ ในร้านบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองด้านใน หรือจะเป็นสวนด้านนอกที่ร่มรื่น ชวนให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งความหรรษากันแบบ Open Air ลองไปทำความรู้จักกับเมนูเด็ดของร้านนี้ที่มันส์ไม่แพ้เมนูของพวกเขาไปพร้อม ๆ กัน ก่อนที่จะหยิบกุญแจรถออกเดินทางไปพิสูจน์ความเผ็ดร้อนกันในคืนนี้ ร้านนี้ซ่อนตัวอยู่ในซอยรัชดา 36 เดินทางง่ายใกล้ MRT ลาดพร้าว เข้าซอยมาให้มองทางขวามือไว้ จะเห็นบรรยากาศร่มรื่นที่ยื่นออกมานอกรั้วเล็กน้อย นั่นแหละ ถึงร้านแล้ว แม้ชื่อร้านจะชวนให้คิดว่านี่คือร้านอาหาร แต่ความจริงพรั่งพร้อมด้วยเครื่องดื่มบาดคอให้เราได้เมามายไปพร้อมกับบรรยากาศด้วยเช่นกัน บริเวณของร้านแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนด้านในบ้านและสวนด้านนอก ใครสะดวกนั่งตรงไหนสามารถจับจองพื้นที่กันได้ตามใจชอบ เดิมทีร้านนี้เป็นเหมือนร้านที่เพื่อนหลาย ๆ คนหุ้นกันทำ ความตั้งใจแรกคือเปิดร้านขายเฉพาะกะเพรา เพราะทุกคนชอบกินกะเพราเหมือนกันหมด แต่กะเพราเฉย ๆ ก็คงจะเบสิกเกินไป เติมรสชาติจัดจ้านจึงเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของร้าน ความเผ็ดร้อน เข้มข้น ดุเดือด ซ่อนตัวอยู่ในเนื้อฉ่ำ ๆ ทุกจาน ที่สำคัญยังไม่ต้องกลัวว่าปรุงใหม่แล้วรสชาติไม่เหมือนกัน เพราะทางร้านคิดถึงความง่ายและสะดวกจึงคิดค้นซอสกะเพราสูตรลับของร้านที่ปรุงขึ้นมาเองเป็นตัวชูรสขึ้นมาใช้ ส่วนใครที่ไม่สันทัดความเผ็ดระดับปรอทแตกไม่ต้องกังวล
เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองเข้ามาทีไร ผู้ชายอย่างเราเป็นต้องได้เมาหัวราน้ำทุกที ปกติก็เมาอยู่แล้วแต่เมื่อเวลาแห่งความสุขใกล้เข้ามา สารพัดปาร์ตี้ สารพันเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานก็มีแต่จะนัดกันไปดื่มด่ำเมามายจนเรียกได้ว่าเมาทุกวัน! แต่เคยสังเกตไหมว่าเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์แต่ละชนิดให้รูปแบบการเมาที่แตกต่างกัน บางชนิดเมาอึน ๆ เมาช้า ๆ ไหล ๆ บางชนิดเมาแล้วคึกเป็นพิเศษอยากสนุก อยากเฮฮา หรือบางชนิดก็เมาเซ็กซี่ เมายั่วยวนไปเลยก็มี เราไม่ได้คิดไปเองแต่อย่างใด เพราะชนิดของเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ส่งผลต่อรูปแบบการเมาของมนุษย์จริง ๆ “เรื่องเหล้าเราจริงจัง” คตินี้คงไม่ได้มีแค่เราชาวไทยเท่านั้น แต่ Global Drug Survey ก็จริงจังจนสำรวจเรื่องพฤติกรรมและความรู้สึกหลังการกินเหล้าประเภทต่าง ๆ พบว่า Gin คือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ที่กินแล้วหัวร้อนเกรี้ยวกราดมากกว่าเหล้าประเภทอื่น ๆ หนึ่งในสามของผู้ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์รายงานว่าพวกเขารู้สึกหัวร้อน เกรี้ยวกราดเมื่อพวกเขากระดก Gin ในปริมาณมาก โดยมีผู้ดื่ม Gin แล้วเกรี้ยวกราดสูงกว่าผู้ดื่มไวน์และเบียร์ถึง 20% Mark Bellis ศาสตราจารย์ผู้มีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้ระบุว่าในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์ของ Gin Vodka และเหล้ากลั่นประเภทอื่นก็มีเรื่องความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง และการศึกษาครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดไปอีกว่าแม้ในยุคปัจจุบันการดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ประเภทเหล้ากลั่น (Tequila,Vodka, Rum, Gin, Whiskey, Brandy, Liqueur ) ก็ยังเกี่ยวเนื่องกับความรู้สึกเกรี้ยวกราดหัวร้อนมากกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น
บ่ายวันหนึ่งที่อากาศร้อน เรามีโอกาสได้เดินทางไปที่ย่านแบริ่ง ซึ่งเป็นย่านที่ค่อนข้างห่างไกลจากรูทีนประจำวันของเราพอสมควร จุดหมายปลายทางคือคาเฟ่แห่งหนึ่งที่มีคอนเซ็ปต์น่าสนใจ และเป็นร้านที่เจ้าของบอกว่าจะสวยที่สุดในวันที่แดดออกเต็มที่ ชื่อของร้านนี้คือ ‘Black Forest’ คอนเซ็ปต์ของร้านนี้ก็ตามชื่อเลย Black Forest หรือที่เรียกันว่าป่าดำ คือชื่อของป่าแห่งหนึ่งทางตอนใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศเยอรมนีติดกับชายแดนฝรั่งเศส เป็นป่าสนขนาดใหญ่ส่วนที่มาของชื่อป่าดำเนื่องจากป่าแห่งนี้ถ้ามองจากมุมสูงจะเห็นเป็นสีดำเนื่องจากความหนาแน่นของต้นสนที่ปกคลุมกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ด้วยความสวยงามนี้ทางเจ้าของจึงยกมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักของร้าน Black Forest เมื่อมองจากภายนอกเป็นคาเฟ่ที่เท่ไม่หยอก ตัวร้านมีสีดำสนิท โดดเด่นด้วยเส้นโลหะมากมายที่พาดตัดกันไปมาเป็นลวดลายที่ดูดิบ ๆ ไร้การปรุงแต่ง และเมื่อเราเข้าไปในร้านก็เป็นจริงอย่างที่ทางเจ้าของร้านบอก แสงแดดในตอนบ่ายสาดส่องลงมากระทบกับโลหะเกิดเป็นเงาทอดลงมาบนพื้น ทำให้คนที่อยู่ในร้านรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกำลังนั่งอยู่ใต้ร่มเงาต้นสนแห่งป่าดำ แต่ไม่ใช่แค่สไตล์และคอนเซ็ปต์ร้านเท่านั้นที่น่าสนใจ เรื่องอาหารของที่นี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กันเลย ด้วยความที่เดินทางมาไกล ท้องก็ยังไม่มีอะไรหล่นไปถึงเลยตั้งแต่เช้า เราจึงไม่รอช้าบอกกับเจ้าของร้านให้จัดชุดใหญ่มาให้เลย เริ่มที่จานแรกกับ Jaeger สเต็กเนื้อนุ่มลิ้นโรยด้วยใบโรสแมรี่สับละเอียด ทำให้ตอนที่กำลังลิ้มรสอยู่ในปาก นอกจากความนุ่มและหวานตามธรรมชาติของเนื้อแล้วยังจะได้หอมกลิ่นเครื่องเทศบาง ๆ อีกด้วย เป็นการผสมผสานที่ค่อนข้างลงตัว ส่วนมันบดที่เสิร์ฟมาเป็นเครื่องเคียงก็อร่อยตามมาตรฐานเครื่องเคียงที่ดี ไม่ใช่เรายังไม่อิ่ม จริง ๆ แค่ Jaeger จานเดียวก็อยู่ท้องแล้ว เพียงแต่ว่าช่างภาพที่มาด้วยกันเป็นคนไม่ทานเนื้อ เราจึงสั่ง ‘Black Bacon’ ซึ่งจานนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกัน เส้นสปาเก็ตตี้สีดำผัดคลุกเคล้ากับกระเทียมและพริก เพิ่มความอร่อยอีกขั้นด้วยเบคอน สรุปสั้น ๆ ว่าเด็ด! หมดไป 2
ในวันอากาศร้อน โดยเฉพาะอากาศร้อนของประเทศไทยที่ทุกคนน่าจะรู้ถึงความหนักหนาสาหัสของมันเป็นอย่างดี คงไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่าการได้ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ให้ชื่นใจ แต่ก็ใช่ว่าเครื่องดื่มเย็น ๆ จะมีอยู่ทุกที่ จะให้พกตู้เย็นติดตัวไปด้วยยิ่งเป็นไปไม่ได้ วันนี้ UNLOCKMEN จึงมี Gadget เจ๋ง ๆ มาแนะนำ เจ๋งขนาดที่ไม่ว่าเครื่องดื่มคุณจะอุ่นขนาดไหนก็สามารถเนรมิตให้เย็นชื่นใจได้ภายใน 1 นาทีเท่านั้น! The Cup Cooler คือชื่อของเจ้าอุปกรณ์วิเศษนี้ มันไม่ได้ออกมากจากกระเป๋าหน้าท้องโดราเอมอน แต่ออกแบบและสร้างโดย Howar Geng of allocacoc ซึ่งจุดเริ่มต้นของไอเดียเกิดจากการที่เขาอยากดื่มอะไรเย็น ๆ ให้สดชื่นในหน้าร้อน แต่จะให้นำเครื่องดื่มไปแช่ตู้เย็น จากนั้นก็รอเป็นชั่วโมงกว่าจะดื่ม มันนานเกินไป เขาไม่อดทนขนาดนั้น เขาอยากได้อะไรที่มันสามารถสร้างความเย็นได้ภายในเวลาอันสั้นและพกพาได้สะดวก ด้วยแนวคิดดังกล่าว The Cup Cooler จึงถือกำเนิดขึ้น โดยคำนิยามของมันคือเครื่องทำความเย็นขนาดจิ๋ว แต่เป็นจิ๋วแต่แจ๋วเพราะสามารถทำความเย็นได้รวดเร็วกว่าตู้เย็นถึง 6 เท่า นอกจากนั้นด้วยขนาดของมันทำให้สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะออกทริปต่างจังหวัด นั่งทำงานในออฟฟิศ นอนดูหนังอยู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ถ้าคุณมี The Cup Cooler เครื่องดื่มเย็นชื่นใจก็พร้อมเสิร์ฟภายใน 1 นาที ความเจ๋งของ
สูญเสียกันไปเท่าไหร่แล้ว กับวลีที่ว่า “อีกแก้วเดียวกลับ” สุดท้ายแทบหลับคาโต๊ะ แก้วเดียวอะใช่ แต่เติมหลายครั้งเหลือเกิน คืนก่อน หนึ่งในทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสไปพบปะเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนาน ก็เลยดื่มกันจนสะใจ สุดท้ายก็เมาหนักสิครับ (แต่ไม่ได้ขับรถไปนะ เมาไม่ขับแน่นอน) กลับถึงบ้าน ตั้งนาฬิกาปลุก ล้มตัวนอนบนเตียง โลกนี่หมุนคว้างเลย นอนไม่หลับอีก สักพักภาพก็ตัดไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงตั้งปลุกโคตรรำคาญ แถมรู้สึกว่าสังขารไม่ให้ เพราะว่าโคตรแฮ้ง นอนเปื่อยโทษตัวเองอยู่พักนึง เมื่อคืนนี้ไม่น่าหนักเลย แต่ในเมื่อไลฟ์สไตล์ของผู้ชายอย่างเราที่ทุ่มสุดทุกทาง ทั้งเรื่องงาน สังคม คนรอบข้าง และการใช้ชีวิต จะให้มาลดละเลิกกิจกรรมที่สร้างความสุขลงไปก็คงจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด ในเมื่อความเมามันบังเกิด เราก็ต้องหาวิธีทำให้มันสร่าง จะได้พร้อมสู้งานในวันนี้ แน่นอนว่าไม่มียาวิเศษตัวไหนที่จะแก้แฮ้งได้อย่างทันตาเห็น แต่สิ่งที่ช่วยได้คือวิธีการแก้เมาค้างง่าย ๆ เหล่านี้ ที่พวกเราบางคนอาจจะมองข้ามมันไป ดื่มน้ำให้มากที่สุด จัดหนักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาทั้งคืน พอจะนอนก็ทิ้งตัวไปเลย ไม่มีอะไรลงไปเจือจาง รับรองว่าพรุ่งนี้ตื่นมาแฮ้งหมดเรี่ยวแรง วิธีนี้ง่ายมาก แต่มักไม่ค่อยทำกัน ไม่ว่าจะดื่มหนัก หรือดื่มเบา ก็ควรจะดื่มน้ำเยอะ ๆ หลังจากจบงานจนถึงก่อนนอน เพราะว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราเกิดภาวะขาดน้ำ สังเกตดู เวลาเราเมา
พูดถึงเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์สีใสแจ๋วไร้กลิ่นไร้รสแต่ดีกรีแรงอย่างวอดก้าทีไร เชื่อว่าต่อให้เป็นผู้ชายคอแข็งแกร่งแค่ไหนก็แอบหวั่นใจ เพราะกระดกลงคอไปนิ่ม ๆ เพลิน ๆ แต่อาจเมาพับให้อับอายได้ไม่รู้ตัว แต่วอดก้าก็มีข้อดีของมัน รู้ข้อดี 5 ข้อนี้ไว้ ตัดสินใจดื่มครั้งต่อไปอาจเลือกวอดก้ามาซัดเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว ลดความเครียดได้อยู่หมัด แม้สีใส ๆ จะดูไม่น่าไว้ใจว่ากระดกลงคอไปจะทำให้เมาอ้วกพุ่งได้เมื่อไหร่ แต่วอดก้าก็มีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายความเครียดให้เราได้อย่างไม่น่าเชื่อ เราอาจเคยได้ยินมาว่าถ้าดื่มไวน์แดงแล้วจะช่วยลดความเครียดได้ เราบอกเลยว่าถ้าเทียบกับวอดก้าแล้ว ไวน์แดงกลายเป็นเด็กน้อยไปเลย! เพราะงานวิจัยที่ชื่อว่า Red wine is less stress reducing than vodka; no differences in neuroendocrine challenge test เปิดเผยว่าสิ่งที่ช่วยลดความเครียดได้กีว่าไวน์แดงก็คือวอดก้านี่แหละ วอดก้าช่วยให้หัวใจแข็งแรง นอกจากเอาไว้ดื่มดามหัวใจในค่ำคืนที่ถูกสาวเทให้ลืมโลกลืมความเศร้าโศกได้แล้ว วอดก้ายังช่วยเรื่องสุขภาพของหัวใจจริง ๆ เราได้ด้วย เพราะมันช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดซึ่งการที่เลือดสูบฉีดไหลเวียนนั้นก็ช่วยป้องกันโรคลิ่มเลือดอุดตัน รวมถึงโรคหัวใจ นอกจากนั้น (ผลการวิจัยที่ผ่านการทดลองกับสัตว์พบว่า) วอดก้าช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล และถือว่าเป็นเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ที่มีแคลอรี่ต่ำ ดูแลสุขภาพอนามัยในช่องปาก ต้องยกให้เรา ด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้มข้นถึงใจทำให้วอดก้ามีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อไปด้วยโดยปริยาย ที่สำคัญวอดก้าจะช่วยดูแลเรื่องสุขภาพในช่องปากเราได้อย่างแน่นอน โดยมีการทดลองให้ผู้กล้ากินทั้งชีสและอาหารที่อุดมไปด้วยกลิ่นสุดทน แล้วตามด้วยการอัดบุหรี่ลงปอดชุดใหญ่
บุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนอกจากมีพรสวรรค์และความพยายามแล้ว กิจวัตรประจำวันของเขายังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้ชีวิตของเขาประสบความสำเร็จอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความมีวินัย ความขยัน หรืออะไรก็ตาม อาจจะดูเป็นสิ่งที่ยากหากจะทำตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องอาหารคงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกินตามเขาได้ UNLOCKMEN เลยพามาส่องเครื่องดื่มยามเช้าของบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกว่าตอนเช้าเขาดื่มอะไรกัน ? เผื่อเราอยากจะลองดื่มตามแบบ LIKE A BOSS กันบ้างก็ยังได้ Bill Gates น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเขาคนนี้ co-founder แห่ง Microsoft บริษัทที่ทรงอิทธิพลระดับโลก เขาเคยได้รับการจัดอันดับบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกจาก Jeff Bezos CEO ของ Amazon เขาเติมพลังตอนเช้าให้ตัวเองด้วยเครื่องดื่มที่แหวก Traditional เดิม ๆ ไปกระจุยกระจายอย่าง Diet Coke เขาเคยกล่าวไว้ใน Blog ส่วนตัวของเขาว่า “ตอนผมอยู่ในออฟฟิศ ผมดื่ม Diet Coke แบบกระป๋อง นับรวม ๆ ทั้งวันแล้วผมดื่มประมาณสามสี่กระป๋องเลยล่ะ” Howard Schultz เอ่ยชื่อเฉย ๆ อาจจะงง แต่ถ้าบอกเป็น CEO ของแบรนด์ใหญ่อย่าง Starbucks คงจะอ๋อขึ้นมาแล้วสินะ ปูทางมาขนาดนี้แล้ว คิดว่าเขาจะดื่มอะไรล่ะ