กาแฟหนึ่งแก้ว อาจมีความหมายที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน สำหรับบางคนอาจเป็นเครื่องดื่มรสขมหลายมิติ อาจเป็นแหล่งคาเฟอีนชั้นเยี่ยม อาจเป็นงานศิลปะ และอาจเป็นผลงานมาสเตอร์พีซสักชิ้น แต่สำหรับ “RED DIAMOND CAFE” คืออย่างหลัง กาแฟคือเครื่องดื่มที่ไม่ได้อัดแน่นไปด้วยคาเฟอีนเพียงอย่างเดี่ยว แต่ยังเต็มไปด้วยความประณีต ความพิถีพิถัน ตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการทำกาแฟอย่างการเลือกเมล็ด การคั่ว ไปจนถึงการเสิร์ฟแก้วต่อแก้ว ท่ามกลางบรรยากาศที่ทำให้เราหลงใหลไปกับกลิ่นหอมที่อบอวลเหมือนนั่งอยู่ในโรงคั่วกาแฟ มาเดินทางไปทำความรู้จักที่นี่ไปพร้อมกับเรา แม้คุณจะไม่ใช่คอกาแฟ แต่รับรองว่าจะต้องหลงรักเสน่ห์ของมันเข้าอย่างจัง เราเดินทางไปถึงร้านในช่วงสาย เลี้ยวรถไปจอดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามร้าน ถือว่าสะดวกมากสำหรับการมีที่จอดรถรองรับลูกค้าเป็นของตัวเองแบบนี้ เราสะดุดตาเข้ากับวัสดุสี Copper ภายนอกของร้าน ที่เป็นเหมือนโรงงานอะไรสักอย่าง พอได้ก้าวเข้าผ่านประตูบานใหญ่เข้าไป เราจึงเข้าใจว่านี่คือโรงงานคั่วเมล็ดกาแฟนี่เอง ด้วยกลิ่มหอมกรุ่นที่ปะทะเข้ากับผัสสะทางจมูก ผสมผสานเข้ากับการตกแต่งภายในแบบ Industrial Loft การโชว์ท่อ สายไฟ และการโชว์ Texture แท้ ๆ ของวัสดุนั้น ชั้นล่างมีเครื่องคั่วเมล็ดให้เราได้เห็น ยิ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกว่าที่นี่คือโรงงานคั่วกาแฟจริง ๆ ชั้นบน ค่อนข้างเป็นส่วนตัว พื้นที่ที่ให้ความรู้สึก Homey มากขึ้น ด้วยแสงที่ลอดผ่านหน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์และแมวเจ้าบ้านที่คอยคลอเคลียอาคันตุกะผู้เข้ามาเยี่ยมเยียนพื้นที่ของพวกเขา ชั้นล่างมีทั้งพื้นที่ ทั้งส่วนที่เป็นบาร์ที่เราจะได้พูดคุยกับบาริสต้า ดูกระบวนการของกาแฟแต่ละแก้ว หรือลงมานั่งในพื้นที่เล่นระดับอีกขั้น สามารถเลือกเอาตามความชอบของเราได้ทั้งนั้น
ปัจจุบันต้องยอมรับว่า ‘กาแฟ’ มีบทบาทในชีวิตประจำวันของเหล่าคนเมืองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเพราะหลงใหลในรสชาติหรือเป็นสถานการณ์บังคับให้ต้องดื่มก็ตาม กาแฟจึงได้กลายเป็นศาสตร์ ๆ หนึ่งไปแล้ว เพราะมีคนที่หลงใหล มีแพสชั่น และศึกษามันอย่างจริงจัง วันนี้เราจึงขอพาทุกคนไปยังคาเฟ่ที่รับรองว่าถ้าใครหลงรักกาแฟจะต้องชอบ เพราะที่นี่นอกจากเป็นคาเฟ่ขายเครื่องดื่มแล้ว ยังเป็นโรงคั่วกาแฟเล็ก ๆ คัดสรรเมล็ดกาแฟอย่างดีเพื่อนำมาคั่วก่อนจะเสิร์ฟลูกค้า นอกจากนั้นยังเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจที่น่าจะถูกใจหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN Pompano Roasted Cafe คือคาเฟ่เล็ก ๆ แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง ตั้งอยู่ในย่านจตุจักรภายในโครงการ The Camp – Vintage Flea Market ตลาดนัดขายของวินเทจที่จำลองมาจากโรงจอดเครื่องบิน อย่างที่บอกไปว่าความพิเศษของที่นี่คือนอกจากจะเป็นร้านกาแฟแล้ว ยังมีโรงคั่วและร้านเฟอร์นิเจอร์ภายในตัว ดังนั้นเมื่อเราเปิดประตู้เข้าไป กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟก็โชยมาเตะจมูกเราทันที ตัวร้านมี 2 ชั้น ชั้นบนจะค่อนข้างเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนชั้นล่างก็เหมาะกับการนั่งทำงานหรือพูดคุยพลางจิบกาแฟในบรรยากาศสบาย ๆ แต่ไม่ว่าจะมุมไหนของร้าน ทุกตารางนิ้วอัดแน่นไปด้วยความวินเทจ มีเฟอร์นิเจอร์มากมายให้เราเลือกดูอย่างเพลิดเพลิน และถ้าเราถูกใจชิ้นไหนก็สามารถซื้อติดมือกลับบ้านไปได้เลย หรือจะแค่ใช้เป็นพร็อพถ่ายรูปเพิ่มความเท่ทางร้านก็ไม่ว่ากันแต่อย่างใด สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยเมื่อมาเยือน Pompano Roasted Cafe ก็คือ ‘กาแฟ’ โดยที่นี่จะคั่วและเบลนด์เมล็ดเอง โดยตัว HOF
กินกาแฟตอนน้ีจะดีดตอนไหน เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนาธรรมเพราะส่วนมากจะบอกเฉพาะตัวเลขคร่าว ๆ ไม่เจาะจงเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่ทำให้ผู้ชายเราหยุดเสพกลิ่นหอมของคาเฟอีน กับรสขมคั่ว อมเปรี้ยวตัดปลายในบางพันธ์ุของเมล็ดกาแฟได้ ล่าสุดมีคนอยากแก้ปริศนาให้กระจ่างยิ่งกว่าโคนัน เลยสร้างเว็บฯ เอาใจคอกาแฟทุกคน ไม่ว่าคุณจะกินเพื่อตื่น กิ่นเพื่อดื่มด่ำ ทุกหยดที่กินของมันมีประสิทธิภาพกันแบบเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน โดยเว็บนี้จะทำการคำนวณช่วงเวลาที่คุณดื่ม ว่ามันจะทำให้คุณดีดตอนไหน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่นับเวลาแบบส่ง ๆ แต่นับกับแบบลงลึกเพื่อตัวคุณคนเดียว เพราะคุณต้องกรอกข้อมูลทั้งเรื่องการนอน จำนวนช็อตกาแฟ ฯลฯ ของตัวเอง Coffee Kick Calculator วิธีคำนวณ 1. ระบุตัวเลขการพักผ่อนของคุณ นอนหลับสนิทตลอดคืนไหม หรือนอนแล้วผวาตื่นงัวเงีย 2. เลือกสิ่งที่เราต้องการดูจากกราฟ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาตื่นตัวเต็มที่ เวลาตอบสนอง ช่วงที่รู้สึกผ่อนคลาย ความแผ่วจากการดื่ม และการตอบสนองอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่ากราฟจะมันจะมีทั้งขาขึ้นและขาลง 3. ใส่ช่วงเวลาที่คุณตื่นขึ้นมา 4. อธิบายลักษณะกาแฟที่ดื่ม ทั้งปริมาณและเวลาที่ใช้ดื่มหรือคุณจะ custom ละเอียดกว่านั้นถ้าสามารถป้อนลงไปได้ในระดับมิลลิกรัม ยิ่งละเอียดยิบแค่ไหนก็วัดได้แม่นขึ้นเท่านั้น 5. ทุกครั้งที่เรากรอกข้อมูลลงไป ไม่ว่าจะเป็นวันไหน แต่ช่องอื่นก็จะได้รับการประมวลผลให้ปรากฏขึ้นมาด้วย 6. กราฟด้านล่างสุดจะแสดงประสิทธิภาพทั้งช่วงที่ดีและช่วงที่ลดลง ใครลองไปเล่นแล้วลองมาพิสูจน์กันว่าตรงจริงอย่างที่เว็บมันคำนวณไหม เราเองก็ว่าอยู่ระหว่างทดลองเช่นกันเพราะจะได้
ทุกวินาทีที่วิ่งผ่านเข้ามาในชีวิต ผลักดันให้เราเติบโตขึ้นอย่างน้อยก็ในจำนวนของอายุ ในแต่ละวันที่เราห่างไกลช่วงวัยที่เราเคยมีความสุขกับมัน ของใช้ในบ้านที่ประกอบกันออกมาเป็นบรรยากาศที่แสนคุ้นเคย อาหารกลิ่นหอมกรุ่น เครื่องดื่มแก้วโปรด หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เราเคยเดินเข้าออกอยู่ทุกวัน แม้ว่ามันจะเคยเจิดจ้าอยู่ในความทรงจำของเราขนาดไหนก็ตาม เราอาจจะหลงลืมเรื่องราวหลายอย่างไป แต่ไม่ใช่กับที่นี่ ‘HEI JII’ คาเฟ่ที่ประกอบเอารายละเอียดจากความทรงจำที่แสนอบอุ่น ให้เหมือนเราได้นั่งจิบกาแฟอยู่ในบ้านหลังเดิมอีกครั้ง จากปากซอยเจริญกรุง 43 เข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว เราจะสังเกตเห็นร้าน ‘HEI JII’ ที่กลมกลืนอยู่กับชุมชนย่านนั้น แต่ไม่ได้จมหายลงไป ยังคงโดดเด่นด้วยไฟสีเหลืองอบอุ่นภายในร้าน ตัดกับประตูไม้บานเฟี้ยมสีดำได้อย่างลงตัว ด้านในผนังทั้งสองด้านจะโชว์ความดิบของปูนเปลือยและอิฐมอญแบบเก่า ล้อไปกับเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นของเก่าทุกชิ้น ไม่ใช่เป็นของใหม่จากโรงงานที่วินเทจเพียงดีไซน์อย่างแน่นอน ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในร้าน เสียงช้อนกระทบแก้วจากการชงเครื่องดื่ม ดังก้องอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีเมโทรนอมให้จังหวะอยู่ตลอดเวลา นั่นหมายความว่า เครื่องดื่มทุกแก้ว จะถูกชงใหม่ทุกครั้งด้วยความตั้งใจ ไม่รีบร้อน ตวงกันแก้วต่อแก้ว เปี่ยมไปด้วยความละเมียดละไม ราวกับทุกแก้วคือผลงานมาสเตอร์พีซ เสียงพูดคุยกับลูกค้าที่ผ่านไปมา ที่เป็นเหมือนการส่งต่อพลังบวกให้กันมากกว่าการซื้อขายสินค้า บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นนี้ทั้งหมดนี้ มาจากไอเดียของ “คุณมิก ประภาส ระสินานนท์” หนึ่งในหุ้นส่วนจากทั้งหมด 7 หุ้นของที่นี่ ได้เล่าถึงเรื่องราวของร้านนี้ว่า มาจากความประทับใจของเขาเมื่อครั้งไปเยือนคาเฟ่แห่งหนึ่งในเมือง Seattle เลยอยากจะมีสถานที่ไว้ส่งต่อความสุขแบบนี้บ้าง จึงเลือกเป็นทำเลที่อยู่ท่ามกลางชุมชนมากกว่าทำเลทองในที่อื่น ๆ เพราะอีกสิ่งที่เป็น Passion สำคัญในการผลักดันให้เขาหยิบจับแต่ละอย่างเข้ามาประกอบกันเป็นร้านนี้คือ ความทรงจำในวัยเด็ก ที่ใครหลายคนอาจหลงลืมมันไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน ‘กาแฟ’ มีบทบาทต่อคนเมืองรุ่นใหม่เป็นอยากมาก กลายเป็นเหมือนสารเสพติดอีกชนิดที่เราขาดมันไปไม่ได้เสียแล้ว บางคนอาจจะเสพติดฤทธิ์ของมันที่ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า บางคนเสพติดกลิ่นหอมของมัน บางคนถือมันเป็นศิลปะแขนงหนึ่งและศึกษามันอย่างจริงจัง หนึ่งในประเภทกาแฟที่มาแรงที่สุดในขณะนี้คือ ‘Cold Brew’ หรือ ‘กาแฟสกัดเย็น’ ที่ความพิเศษคือเราจะได้รสชาติเมล็ดกาแฟที่เข้มข้นมากขึ้น และแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือราคาที่แพงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่จะดีแค่ไหนถ้าหนุ่ม ๆ อย่างเราสามารถทำกาแฟสกัดเย็นไว้ดื่มเองที่บ้านได้ นอกจากจะประหยัดขึ้นแล้วยังสามารถเลือกรสชาติได้ตามใจชอบอีกด้วย Dripo คือชื่อของเจ้าอุปกรณ์วิเศษที่จะทำให้หนุ่ม ๆ อย่างเราชงกาแฟสกัดเย็นดื่มเองได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีขนาดเล็ก จับพอดีมือ ทำให้คุณสามารถพกพามันไปได้ทุกที่ นอกจากนั้นวิธีการใช้ก็แสนง่ายดาย ขอแค่เพียงคุณมีเมล็ดกาแฟบดละเอียดและน้ำแข็งเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว โดยสามารถดูขั้นตอนและวิธีการทำได้ในวีดีโอด้านล่างนี้ได้เลย ไม่ใช่เพียงแค่กาแฟ Cold Brew เท่านั้น เพราะเจ้า Dripo นี้สามารถช่วยให้คุณทำกาแฟ Iced-drip ได้อีกด้วย นอกจากนั้นอีกหนึ่งสิ่งที่ยอดเยี่ยมคือเมื่อคุณชงกาแฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว Dripo ก็จะเปลี่ยนร่างเป็นภาชนะใส่กาแฟที่เก็บความเย็นได้ยอดเยี่ยม ให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับกาแฟถ้วยโปรดได้นานยิ่งขึ้น สำหรับราคานั้น เครื่องทำกาแฟอัจฉริยะเครื่องนี้สนนอยู่ที่ 29 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น เรียกว่าถูกมาก ๆ แค่ค่ากาแฟนางเงือกเขียว 5 แก้วก็แพงกว่าแล้ว นอกจากความประหยัดที่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตแล้ว Dripo ยังช่วยให้คุณได้ดื่มกาแฟรสชาติถูกปากอีกด้วย เนื่องจากคุณเป็นคนชงจึงสามารถออกแบบรสชาติได้ตามใจชอบ และด้วยขนาดเล็กหยิบฉวยง่ายของมัน คุณจึงสามารถพกพามันไปได้ทุกที่ เติมความสดชื่นได้ทุกเวลา ใครสนใจสามารถสั่งซื้อได้
เวลาเราไปคาเฟ่สักที่อาจจะเขิน ๆ ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วมันช่างเป็นคาเฟ่หวานแหวว มองไปมุมไหน ทั้งการออกแบบภายใน การตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่เมนู ทุกอย่างมันดูฟรุ้งฟริ้งไปเสียหมด ซึ่งนั่นมันก็ไม่ผิด แค่ผู้ชายอย่างเราคงไม่อินกับสไตล์นี้เท่าไหร่นัก และดูจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสาว ๆ เสียมากกว่า ถ้าหากหนุ่ม ๆ คนไหนเจอกับปัญหานี้บ่อย ๆ และกำลังมองหาพื้นที่เท่ ๆ เอาไว้นั่งชิลล์ในวันหยุด หรืออยากจะพาสาวไปรีแลกซ์ในบรรยากาศที่แฮปปี้กันทั้งคู่ UNLOCKMEN ขอแนะนำ “NOXX CAFE” พระราม 9 ที่รวมเอาความเรียบง่ายของ Minimal และความแข็งแรงดุดันของ Industrial มาไว้ด้วยกัน จะออกมาเจ๋งแค่ไหน มาดูกัน จากแบรนด์เสื้อผ้าสู่คาเฟ่ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับคุณ “วสุ มโนมัยพิบูลย์” เจ้าของคาเฟ่และไอเดียเจ๋ง ๆ ที่เราจะได้เห็นในคาเฟ่นี้ โดยก่อนจะมีคาเฟ่แห่งนี้ คุณวสุได้มีแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองในชื่อเดียวกัน และพอแบรนด์เสื้อผ้าเริ่มอยู่ตัว จึงอยากขยับขยายแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงเปิดเป็น “NOXX CAFE” นี้ขึ้นมา ด้วยความตั้งใจที่ต้องการให้เป็นคาเฟ่ที่เหมาะกับคนทุกไลฟ์สไตล์ เป็นพื้นที่ Unisex เหมาะกับทุกเพศ Custom
หนุ่ม Urban อย่างเรา ๆ เครื่องชงกาแฟคงเป็นอะไรที่มีกันทุกบ้านอยู่แล้ว เพราะกาแฟแก้วโปรดในตอนเช้าคงเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ เหมือนร่างกายที่ต้องการคาเฟอีนมาปลุกพลังในตัวเองในทุกวัน แอลกอฮอล์ก็เช่นกัน หากกาแฟคือเครื่องดื่มในตอนเช้า คราฟต์เบียร์เจ๋ง ๆ สักแก้วก็คงจองที่ประจำในตอนเย็นหลังจากกลับมาจากออฟฟิศเหนื่อย ๆ ทั้งสองอย่างนี้เป็นของประจำตัวที่ขาดไม่ได้ UNLOCKMEN ชวนมาดู Innovation เจ๋ง ๆ ที่เป็นเครื่องชงกาแฟและคราฟต์เบียร์ได้เช่นกัน ไม่ต้องมีเครื่องมืออะไรมากมาย ไม่ต้องเสียเวลาให้วุ่นวาย มันทำงานยังไงนั้นมาดูกัน Brew Everything PicoBrew จริง ๆ มีหลากหลายรุ่น สารพัดฟังก์ชั่นให้เราได้เลือกใช้ตามสะดวก จุดเด่นที่เขาภูมิใจนำเสนอก็คงจะเป็นการทำคราฟต์เบียร์ได้ด้วยตัวเองที่บ้านนี่แหละ แถมเจ้าเครื่องนี้ยังทำเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ ชา เครื่องดื่มที่มีนมเป็น Base และอีกสารพัดอย่าง แล้วแต่รุ่นของมัน ความเจ๋งของมันคือมันช่วยให้เราทำเครื่องดื่มที่ดื่มเป็นประจำได้เองที่บ้าน สะดวกอีกต่างหาก อยากจะกินอยู่บ้านก็ยังได้ ไม่ต้องถ่อออกไปหาร้านกินเมื่อกระหายแอลกอฮอล์ขึ้นมา แถมยังเป็นเครื่องชงกาแฟให้เราในตอนเช้าก่อนไปทำงานได้อีกด้วย Pico U เจ้าตัวที่อยากนำเสนอวันนี้คือ Pico U ถ้ามันเป็นผู้ชายสักคน มันคงเป็นผู้ชายที่ฉลาด Muti-Tasking คนนึงเลยล่ะ และในหน้าที่ของเครื่องชงมันทำได้หลายอย่างเหมือนกัน
คอกาแฟ (และคนทั่วไปด้วยนั่นแหละ) คงไม่มีใครไม่รู้จัก “Starbucks” เพราะถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จระดับโลกที่อีกแบรนด์หนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยคุณภาพของเมล็ดกาแฟ วัตถุดิบ เมนูแปลกใหม่ตามเทศกาล หรือจะเป็นสินค้าพรีเมียมจากแบรนด์นี้ ล้วนเป็นสิ่งหวานหอมยั่วยวนให้เหล่าคอกาแฟต้องขอลิ้มลองกันสักแก้วในชีวิต (บางคนก็แก้วที่นับไม่ถ้วนไปแล้ว) แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างพิศวงในแบรนด์ Starbuckss คงไม่พ้น “ชื่อไซส์” ที่ไม่เหมือนแบรนด์อื่น แล้วยังให้ขนาด tall มาเป็นขนาดเล็กสุดซะอีก นี่มันยังไงกัน วันนี้ UNLOCKMEN มีคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว ที่มาที่ไปของ Starbucks แบบคร่าว ๆ ขอเล่าถึงความเป็นมาของ Starbucks แบบไว ๆ กันสักนิด เพื่อที่เวลาจะเล่าอะไรต่อไปจะได้เห็นภาพกันมากขึ้น เริ่มต้นเลยนั้น Starbucks เป็นแค่ร้านกาแฟเล็ก ๆ ในซีแอตเทิล จน Howard Schultz ได้มาโดนกาแฟไปหนึ่งแก้วแล้วเกิดประทับใจในร้านเล็ก ๆ นี้ขึ้นมา จนภายหลังจากนั้นหนึ่งปี เขาได้เข้ามาร่วมธุรกิจกับ Starbucks ปีต่อมาเขาได้ไปเที่ยวอิตาลี แล้วเกิดประทับใจในบรรยากาศของร้านกาแฟที่นั่นมาก จนเกิดแรงบันดาลใจให้ไปเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองในชื่อ “Il Giornale” และออกจาก Starbucks ไปในระยะเวลาไม่กี่ปี
UNLOCKMEN กล้าพูดเลยว่ามีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่พอหอบงานไปทำที่ร้านกาแฟแล้วดันโฟกัสกับงานที่ตัวเองทำได้มากกว่าทำที่ออฟฟิศตัวเอง หรือผู้ชายสายฟรีแลนซ์ก็ไม่เว้นกับเขาด้วย พอจะทำงานที่บ้านก็เกิดอาการเตียงดูดให้นอนอยู่กับที่เสียอย่างนั้น แต่พอกระเด้งตัวไปร้านกาแฟแถวบ้านทีไรงานพุ่งเป็นไฟทุกที งานนี้เราไม่ได้คิดไปเองเพราะมันมีเหตุผลเบื้องหลังอยู่จริง ๆ งานนี้บอกเลยว่าความเข้าใจเรื่องเสียงของเรา ๆ ที่เคยถูกสอนสั่งมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวน้อย ๆ ว่าความเงียบทำให้เกิดสมาธิอาจจะต้องถูกพับเก็บเอาไว้ก่อน เพราะงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นออกมาบอกว่าเจ้าเสียงที่อยู่โดยรอบเราอย่าง Ambient Noise ที่เหมาะแก่การคิดงานอย่างสร้างสรรค์ให้พุ่งกระฉูดหรือการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพชนิดไฟพุ่งนั้นไม่ใช่เสียงเงียบ ๆ อย่างที่เราเคยเข้าใจ แล้วเสียงแบบไหนหรือระดับไหนกันแน่ที่เป็นมิตรแก่การทำงานของเรา? ก็เหมือนว่าเราจะรู้ดีทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อ่านงานวิจัยถึงได้เลือกร้านกาแฟเป็นที่สิงสถิตย์เพราะร้านกาแฟมีเสียงรบกวนในระดับปานกลางประมาณ 70 เดซิเบล (ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเราได้ดีกว่าเสียงที่เงียบกว่านี้เมื่อเปรียบเทียบกับเสียงประมาณ 50 เดซิเบล) ดังนั้นในร้านกาแฟที่มีเสียงรบกวนหน่อย ๆ แต่ไม่มากเกินพอดีจึงส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพการทำงานของเราได้มากกว่าการทำงานในออฟฟิศหรือห้องสมุดที่ทุกคนต่างพากันเงียบสนิท จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกวันนี้มีเว็บไซต์จำนวนมากที่ทำเสียง Ambient Noise เลียนแบบเสียงร้านกาแฟออกมาเพื่อให้เรากดเปิดฟังได้แม้อยู่ในที่ทำงานหรือที่บ้านเพื่อสร้างบรรยากาศหลอกร่างกายของเราว่า เฮ้ย นี่ฉันกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟในเสียงที่เหมาะสมจริง ๆ เพราะฉะนั้นตั้งใจทำงานและสร้างสรรค์อะไรดี ๆ ออกมาได้แล้ว ถ้าชาว UNLOCKMEN อยากลองว่ามันได้ผลเท่ากับการไปนั่งร้านกาแฟจริงไหมก็ลองกดเปิดฟังไป ทำงานไปดู (ฟัง Ambient Noise) อย่างไรก็ตามเรื่องเสียงก็ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่ทำให้เราตั้งใจหรือโฟกัสกับงานได้มากกว่าปกติที่ร้านกาแฟ แต่การได้ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ก็เป็นอีกผลหนึ่งที่ท้าทายให้เราอยากแสดงศักยภาพออกมาให้คนอื่นได้เห็น (แม้จริง ๆ
กาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่มักตกเป็นผู้ต้องหาอยู่เสมอ โดนหาว่าเป็นของสิ้นเปลืองบ้าง โดนบอกว่าถ้าไม่กินกาแฟเป็นเวลา 10 ปีจะเอาไปซื้อบ้านซื้อรถได้บ้าง แต่กาแฟก็มีข้อดีของมันเหมือนกัน นอกจากทำให้ตื่นตัวในบ่ายอันชวนง่วงจนแทบจะหลับคาโต๊ะทำงานแล้ว ล่าสุดงานวิจัยยังบอกด้วยอีกว่ากาแฟทำให้เราอายุยืน! งานวิจัยที่ที่พูดถึงมีชื่อว่า Higher coffee consumption associated with lower risk of early death โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 20,000 คนที่อาศัยอยู่แถบเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งดื่มกาแฟอย่างน้อย 4 แก้วทุก ๆ วัน คำถามที่พวกเขาใช้สำรวจก็เป็นคำถามเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ สุขภาพ นิสัยการดื่มกาแฟ ทั้งนี้พวกเขาก็ไม่ได้สำรวจกันสั้น ๆ แต่ตามสำรวจกันถึง 10 ปี กลุ่มตัวอย่างจำนวน 20,000 คนมีอายุเฉลี่ย 37 ปี และระหว่าง 10 ปีที่มีการติดตามสำรวจมี 337 คนที่เสียชีวิต ทีมวิจัยพบว่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ หรือดื่มน้อย คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตก่อนวัย ต่ำกว่าถึง 64% การดื่มกาแฟเพิ่ม 2 แก้วต่อวันมีความสัมพันธ์ต่อการเสี่ยงที่จะเสียชีวิตลดลง 22% นอกจากนั้นประโยชน์ของกาแฟจะส่งผลดีที่สุดกับคนที่อายุมากกว่า 45