สำหรับแฟนพันธุ์แท้ G-SHOCK รวมถึงใครที่หลงใหลในนาฬิกาพันธุ์แกร่งดีไซน์เท่ พร้อมขึ้นข้อไปด้วยกันได้กับทุกไลฟ์สไตล์ น่าจะเคยประทับใจในโมเดล GA-2100 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นตระกูลแกร่งอย่าง G-SHOCK DW-5000 กับงานออกแบบที่ผสมผสานระหว่างระบบอะนาล็อก และดิจิตอลเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว และต้องบอกว่าความโดดเด่นของ GA-2100 ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ G-SHOCK GM-2110D นาฬิกา G-STEEL ที่ถ่ายทอดทุก DNA มาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของกรอบทรงแปดเหลี่ยม และงานดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่แข็งแกร่ง ขาดไม่ได้กับเทคโนโลยีบอกเวลา 2 ระบบทั้งอะนาล็อก และดิจิตอล พร้อมแสดงข้อมูล World Time ได้มากถึง 31 เขตเวลา ซึ่งใจความสำคัญทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ได้ถูกนำเสนอใหม่ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรูล้ำสมัย ด้วยกรอบสเตนเลสสตีลทรงแปดเหลี่ยมที่ได้รับการหลอมและขัดเงาอย่างพิถีพิถัน เข้ากันได้ดีกับสายโลหะดีไซน์เท่ และแน่นอนว่าตัวเรือนภายใน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความทนทานระดับตำนานนั้นผลิตขึ้นจากเรซินคุณภาพดีเสริมใยแก้วความแข็งแกร่งสูง พร้อมลุยทุกสถานการณ์ด้วยคุณสมบัติกันน้ำลึกที่ระดับ 20 บาร์ (200 เมตร) และถึงแม้จะทนทานขั้นสุด แต่ต้องบอกว่า G-SHOCK GM-2110D นั้นไม่ได้มีบอดี้ที่ใหญ่โตเทอะทะจนเกินไป เพราะนาฬิกาเรือนนี้คือเจ้าของตำแหน่งนาฬิการุ่นผสมของ G-SHOCK ที่บางที่สุด กับความบางเพียง 11.8 มม.
หากตำนานนักแสดงอย่าง Bruce Lee ยังมีชีวิตอยู่ในปีนี้เขาจะมีอายุครบ 80 ปี ซึ่งค่ายนาฬิกาอย่าง Casio ต้องการให้เกียรตินักแสดงผู้ล่วงลับที่มีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้และวัฒนธรรมตะวันออกให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วยนาฬิการุ่นพิเศษของค่าย Casio Bruce Lee Edition มีพื้นฐานมาจากนาฬิการุ่น MRG-G2000 เรือนเวลารุ่นไฮเอนด์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องวัสดุและเทคโนโลยีที่ในการผลิตออกมาเป็น Casio MRG-G2000BL-9A โดยตัวอักษร BL ต่อท้ายรหัสย่อมาจาก Bruce Lee MRG-G2000BL-9A “Bruce Lee Edition” เต็มไปด้วยงานดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากยอดนักบู๊ ตั้งแต่สีที่ใช้สายเรซินสีเหลืองและตัวเรือนสีดำตามสีชุดวอร์มในตำนานของ Bruce Lee ตอนที่แสดงในภาพยนตร์เรื่อง Game Of Death ส่วนของหน้าปัดใช้เป็นสีเหลืองและแดง ตัวแทนของ Jeet Kune do ศิลปะการต่อสู้ที่คิดค้นขึ้นโดย Bruce Lee พื้นผิวขอบตัวเรือนเคลือบด้วย Diamond Like Carbon (DLC) รับรองความทนทานต่อการขีดข่วน แกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาจีน 12 คำหมายถึงหลักการสำคัญ 12 อย่างของศิลปะการต่อสู้ Jeet
ตั้งแต่ปลายปี 2019 มาจนถึงต้นปี 2020 อย่างตอนนี้ นอกจากหลากแบรนด์นาฬิกาจะนิยมนำโมเดลรุ่นไอคอนิกมาต่อยอดและสร้างงานดีไซน์แบบร่วมสมัยแล้ว หลายแบรนด์ยังเริ่มหันมาสนใจการผลิตนาฬิกาทหารมากขึ้นด้วย ล่าสุดแบรนด์นาฬิกายอดนิยมตลอดกาล Casio จับมือกับกองทัพอังกฤษ หรือ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร (The United Kingdom’s Ministry of Defence) เปิดตัว ‘G-SHOCK x The British Army Mudmaster’ นาฬิกาลายพรางที่มีรูปลักษณ์เท่ดุดันแบบทหาร และใช้วัสดุแข็งแรงทนทานเพื่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายหรือท้าทาย นาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นนาฬิกาหนึ่งในสามรุ่นพิเศษของ Casio ที่เปิดตัวในปี 2020 ใช้เคสเรซินเสริมคาร์บอนสามชั้นและ Carbon Core Guard โครงสร้างต้านแรงสั่นสะเทือนที่พัฒนาขึ้นใหม่ นำวัสดุคาร์บอนที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทานมาใช้ ช่วยให้นาฬิกาเรือนนี้ทนต่อแทบทุกสภาพอากาศได้ ขณะเดียวกันผู้สวมใส่ก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องตัว เพราะตัวเรือนมีขนาด 53 มิลลิเมตรและน้ำหนักอยู่ที่ 92 กรัมเท่านั้น เหตุที่หน้าปัดของ G-SHOCK x The British Army Mudmaster ดีไซน์มาเป็นสีดำ เนื่องจากกองทัพอังกฤษต้องการให้ผลิตนาฬิกาที่ไม่ดึงดูดความสนใจขณะสวมใส่มากเกินไป แถมสีดำยังช่วยพรางและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมมากกว่า ตัวหน้าปัดใช้กระจก
ถือว่าเป็นปีที่ร้อนแรงมาก ๆ ของแบรนด์ Kith แฟชั่นสตรีตจากอเมริกาก่อตั้งขึ้นโดย Ronnie Fieg ดีไซเนอร์ชาวผิวสีที่มองว่าการเดินเข้าช็อปแฟชั่นสตรีตสักร้านมันควรจะมีไอเทมทุกอย่างรองรับสุภาพบุรุษสายแฟชั่น ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจับมือปล่อยคอลเลกชันเครื่องแต่งกายสุดพิเศษกับภาพยนตร์มาเฟียในตำนานจากปี 1972 เรื่อง The Godgather และแบรนด์สนีกเกอร์ New Balance ไปหมาด ๆ ล่าสุดไม่รอช้าต่อยอดกระแส ตีเหล็กตอนกำลังร้อนด้วยการจับมือกับแบรนด์นาฬิการะดับตำนานของญี่ปุ่นอย่าง Casio เพื่อสร้างสรรค์เรือนเวลา G-Shock ที่โดดเด่นกว่าใคร มีใครสักคนเคยกล่าวไว้ว่า “นาฬิกา G-Shock อาจเป็นเรื่องไกลเกินตัวที่จะทะยานเข้าสู่วงการไฮเอนด์ฯ” คนที่เอ่ยประโยคนี้อาจมองว่า G-Shock เป็นนาฬิกามหาชน สามารถสวมใส่ได้แทบทุกวัยทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เลยทำให้ G-Shock ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ความหรูหราได้เท่าไรนัก แต่ Kith มีมุมมองแตกต่างออกไป และเจ้าของแบรนด์อย่าง Ronnie Fieg ก็มองว่าความเป็นนาฬิกามหาชนจากแบรนด์ Casio สามารถเติบโตด้วยดีไซน์หรูหราแต่ราคาเอื้อมถึงได้เช่นกัน นาฬิกา G-Shock เรือนพิเศษเกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์ของ Kith x G-Shock ได้ไอเดียจาก Ronnie Fieg ที่ตัดสินใจนำโลหะมาประกอบเข้ากับเรือนเวลารุ่น DW-6900
ต้องยอมรับว่า G-SHOCK ของ Casio เป็นอีกแบรนด์นาฬิกาที่โด่งดังไปทั่วโลก และเชื่อว่าหนุ่ม ๆ สายสตรีตหรือผู้ที่ชอบแต่งตัวแบบ casual style คงหลงรักนาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยแบรนด์นี้แน่นอน เพราะนอกจากคุณภาพตัวเรือนที่ได้มาตรฐาน ยังมาพร้อมงานดีไซน์เอกลักษณ์และมิกซ์แอนด์แมตช์เข้าได้กับแทบทุกชุดของผู้ชายเรา ในปี 1995 Casio เคยเปิดตัวนาฬิกา ‘G-SHOCK DW-6900’ ที่นิยมอย่างรวดเร็วและกลายเป็นรุ่นไอคอนิกของแบรนด์ไปโดยปริยาย แถมรุ่นนี้ยังได้รับฉายาว่า “Third Eye” บ่งบอกถึงประสิทธิภาพสามด้านพื้นฐานของการออกแบบนาฬิกา ปี 2020 นี้ Casio G-SHOCK จึงฉลองครบรอบ 25 ปีของนาฬิการุ่น G-SHOCK DW-6900 พร้อมนำโมเดลดังกล่าวมาปรับโฉมและเพิ่มกรอบโลหะสุดเท่แบบใหม่เข้า ภายใต้ชื่อ ‘G-SHOCK GM-6900 Metal Bezel’ ขณะที่แบรนด์นาฬิกาคลาสสิกจำนวนมากนำเสนอกลไกแอนะล็อก แต่ G-SHOCK GM-6900 Metal Bezel รุ่นนี้กลับใช้กลไกแบบดิจิทัล ที่ไม่เพียงช่วยให้อ่านเวลาได้ง่าย หากยังใช้งานหน้าปัดในรูปแบบอื่น ๆ ได้ ที่ไม่ใช่แค่แสดงวันที่หรือเวลาปัจจุบันเท่านั้น นอกจากนาฬิการุ่นนี้จะใช้หน้าปัดที่ทำจากกระจกเงาสุดแกร่ง ตัวกรอบโลหะยังดีไซน์พื้นผิวแบบด้านมาให้เลือกสามสี ทั้งรุ่น
ถ้าใครเป็นแฟนการ์ตูนหรือแฟนหนังเรื่อง Transformers ก็คงต้องรู้จักผู้นำของกลุ่มออโต้บ็อทส์อย่าง Optimus Prime กันอย่างแน่นอน เขาคือต้นแบบของฮีโร่ผู้เป็นทั้งนักรบ ผู้พิพากษา ศูนย์รวมจิตใจของเหล่าไพร์มที่ทำให้สามารถเอาชนะยูนิครอน แต่เวลาเดียวกันก็มีจิตใจอ่อนโยนและอุทิศตนเพื่อพิทักษ์ทุกสรรพสิ่ง ด้วยความเท่ของ Optimus Prime จึงทำให้แบรนด์นาฬิกาญี่ปุ่นอย่าง Casio สนใจจะนำเรื่องราวของนักรบฮีโร่มาเล่าใหม่ในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งการสร้างสรรค์ผลงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองแล้วที่ Casio ได้ร่วม Collaboration กับ Transformers โดยคราวนี้เติมเต็มความเท่แบบดิบ ๆ จนออกมาเป็นฟิกเกอร์มาสเตอร์เนเมซิส Optimus Prime เคร่งขรึมกว่าที่เคยเป็นมา Optimus ในภาษาละตินจะมีความหมายว่า ‘Best first’ หรือดีที่สุด Optimus Prime จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของ Casio แต่สำหรับโมเดล Optimus Prime มาพร้อมกับนาฬิกาของ G-Shock ไม่ได้ชูสีประจำตัวของเขาอย่างสีน้ำเงินและสีแดงแต่เพิ่มสีดำเข้ามาแทนที่ สื่อให้เห็นอีกมุมหนึ่งของนักรบผู้กล้าหาญก็เคยเข้าสู่มุมมืดไม่ต่างจากใครเช่นกัน ปลุกจิตวิญญาณนักสู้อันแข็งแกร่งให้กึกก้องด้วยฟิกเกอร์มาสเตอร์เนเมซิส Optimus Prime สามารถดัดแปลงได้สองโหมดคือ Nemesis Alter mode รูปทรงยานรบล้ำสมัยถูกออกแบบมาให้เป็นฐานวางนาฬิกา G-Shock ได้พอดิบพอดี ส่วนอีกหนึ่งรูปแบบคือ
แม้ผู้ชายหลายคนจะมองนาฬิกา Baby-G จากแบรนด์ดังอย่าง Casio ว่าเป็นนาฬิกาสำหรับผู้หญิงแต่ก็ยังมีผู้จำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบดีไซน์และขนาดของนาฬิกาตระกูล Baby-G เพราะนี่คือนาฬิกาที่มีหลากหลายสไตล์ ทะมัดทะแมง เรียบง่าย มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์แบบ Unisex แถมระยะนี้ยังไปร่วม collaboration กับภาพยนตร์และการ์ตูนที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ชื่นชอบกันอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่แปลกที่ Baby-G จะได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ในปีนี้ Baby-G ก็เดินทางมากว่า 25 ปี นับตั้งแต่ ค.ศ. 1994 Casio จึงไม่พลาดปล่อยนาฬิกาคอลเลกชันพิเศษเพื่อฉลองการครบรอบโดยตัดสินใจจับมือกับการ์ตูนและเกมที่คนทั่วโลกต้องรู้จักอย่าง Pokemon โดยเลือกตัวการ์ตูนสีเหลืองพลังสายฟ้าอย่าง Pikachu โปเกมอนตัวเอกมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักของเรือนเวลารุ่นพิเศษ สายนาฬิกาสีดำด้านจะถูกแต่งแต้มด้วย Pokeball กับสายฟ้าขนาดจิ๋วหลากสี จากนั้นสลักตัวเลข 0:25 สีเหลืองตามสีขนของ Pikachu ไว้ตรงบริเวณห่วงรัดสายนาฬิกา โดยลวดลายทั้งหมดจะมาในรูปแบบ pixel สไตล์วินเทจเข้ากับรูปทรงของนาฬิกา ส่วนบริเวณหน้าปัดตรงด้านบนมีชื่อการ์ตูน Pokemon รวมถึงดีเทลเล็ก ๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ซึ่งจะเห็นก็ต่อเมื่อกดปุ่มแสงหน้าจอ (เมื่อกด Pikachu จะโชว์ตัวเป็นภาพพื้นหลังของนาฬิกา) แถมฝาหลังจะสลักชื่อการ์ตูนแบบนูนเอาไว้เพื่อย้ำถึงความพิเศษของนาฬิกาคอลเลกชันนี้ คุณสมบัติอื่น ๆ
หากย้อนไปในช่วงยุค 80s หนุ่ม ๆ หลายคนคงพอจำได้ว่า ‘AKIRA’ หรือ ‘อากิระ คนไม่ใช่คน’ การ์ตูนแอ็กชันไซไฟอันโด่งดังได้เข้าฉายและกวาดรายได้ทั่วโลกไปอย่างถล่มทลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของโลกอนาคตอันปั่นป่วนที่มีเด็กหนุ่มชื่อว่า ‘อาริกะ’ เป็นตัวเดินเรื่อง ในภาพยนตร์อ้างถึงเหตุการณ์ที่กรุงโตเกียวถูกทิ้งระเบิดปรมาณูในเดือนกรกฎาคมของปี 1982 ตั้งแต่นั้นไฟสงครามก็เริ่มปะทุขึ้นและสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ทำให้โตเกียวต้องล่มสลายลงในที่สุด ชาวญี่ปุ่นจึงต้องสร้างเมือง ‘Neo-Tokyo’ ขึ้นมาทดแทนเพื่อให้เป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขา Neo-Tokyo ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรมเฟื่องฟูภายใต้ฉากหลังของซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้าง อย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้ยังคงเอกลักษณ์ของแสงไฟหลากสีที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน แบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Casio จึงหยิบอัตลักษณ์ของเมือง Neo-Tokyo มาถ่ายทอดลงในซีรีส์ ‘G-SHOCK Neo-Tokyo’ ที่เลือกโมเดลนาฬิกาดิจิทัลและแอนะล็อกรุ่นยอดนิยมของแบรนด์ ทั้ง GA140, GA700, GAS100 และ DW6900 มาประยุกต์ให้ดูเท่และร่วมสมัยยิ่งขึ้น การดีไซน์ของนาฬิกาแต่ละเรือนจะถูกห่อหุ้มด้วยสี jet black ตั้งแต่ตัวเรือน สายรัดเรซิ่น ไปจนถึงขอบเบเซล ทำให้ง่ายต่อการจับคู่กับเสื้อผ้าหรือมิกซ์แอนด์แมตช์กับเครื่องประดับชิ้นอื่น ๆ บริเวณหน้าปัดของนาฬิกาทั้ง 4 รุ่น จะใช้แสงไฟอิเล็กโทร-ลูมิเนสเซนต์ (Electro-luminescent) ให้ความรู้สึกคล้ายกับแสงนีออนหลากสี เพื่อสะท้อนถึงเมือง Neo-Tokyo
ถ้าพูดถึงนาฬิกาคู่ใจสำหรับผู้ชาย เชื่อว่าคงมีไม่กี่แบรนด์ที่ครองใจหนุ่ม ๆ หลายคนอยู่ตอนนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในไม่กี่แบรนด์นั้นต้องมี G-SHOCK อยู่อย่างแน่นอน แบรนด์นาฬิกาสุดเท่จากแดนอาทิตย์อุทัยรายนี้ได้รับความนิยมมาหลายยุคหลายสมัยจวบจนปัจจุบัน โดยเฉพาะซีรีส์ CASIO ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นทั้งดีไซน์และไม่ทิ้งจุดเด่นของแบรนด์ในด้านความแข็งแรงทนทาน เมื่อไม่นานมานี้ G-SHOCK เพิ่งเปิดตัวโมเดลรุ่นล่าสุดอย่าง ‘CASIO GA-2100’ มาพร้อมตัวเรือนบางเฉียบ น้ำหนัก 51 กรัม และความหนาเพียง 11.8 มิลลิเมตร ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ขึ้นแท่นเรือนเวลาที่บางที่สุดของค่าย G-SHOCK ไปโดยปริยาย สำหรับผู้ชายที่หลงใหลในความเรียบง่าย คมเท่ และรูปแบบงานดีไซน์ที่ไม่หวือหวาจนเกินไป คงต้องบอกว่า CASIO GA-2100 เรือนนี้ตอบโจทย์คุณเป็นอย่างยิ่ง ด้วยตัวเรือนที่ดีไซน์มาเป็น 8 เหลี่ยมพร้อมสายเรซินแบบดั้งเดิม ทำให้นาฬิกาสะท้อนความร่วมสมัย แถมยังแฝงกลิ่นอายมินิมัลผ่าน 3 เฉดสีเรียบเท่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เสริมความแข็งแกร่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ห่อหุ้มตัวเรือน สายเรซินคุณภาพสูง และโครงสร้างป้องกันแกนกลางระดับพรีเมียม ช่วยให้นาฬิกาเรือนนี้ทนทานต่อแรงกระแทกและมีความสามารถในการกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร ภายใต้กระจกมิเนอรัลสุดแกร่งยังซ่อนจอ LED สองชั้น บรรจุไฟ Super Illuminator และ Auto Light
G-SHOCK แบรนด์นาฬิกาเลื่องชื่อแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัยยังคงพยายามเสาะหาสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม และนำมันมาปรุงรส เหยาะแรงบันดาลใจ ใส่ความคิดสร้างสรรค์ จนเกิดเป็นนาฬิกาเรือนเด็ดที่ได้ใจผู้ชายหลาย ๆ คน แล้วหนึ่งในรุ่นล่าสุดอย่าง ‘G-SHOCK GA700SK’ ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ดีไซน์ของตัวเรือนผูกโยงความคลาสสิกและโมเดิร์นเข้าด้วยกัน ออกแบบหน้าปัดเป็นทรงกลมตามรุ่นพิมพ์นิยมของตัวแบรนด์ รอบนอกและสายนาฬิกาห่อหุ้มด้วยเรซินกึ่งโปร่งใสและสีเมทัลลิกทูโทน สะท้อนความอาวองกาค์ (avant-garde) ของโลกอนาคตและกลิ่นอายแอนทีคแห่งยุค 80s ในเวลาเดียวกัน ย้อนไปในปี 1980 เป็นช่วงที่หลากหลายอุตสาหกรรมเริ่มหันมารังสรรค์ผลิตภัณฑ์โปร่งใสเป็นยุคแรก ไม่ว่าจะเป็นแว่นตา โทรศัพท์ หรือแม้แต่เรือนเวลา เคสด้านนอกที่ขาวโปร่งนั้นทำให้เรามองเห็นเนื้อในของวัสดุได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน G-SHOCK จึงหยิบเรซินกึ่งโปร่งใสที่เคยนิยมในยุคก่อนมาใช้เป็นวัสดุหลักในงานดีไซน์ของเรือนนี้ แถม G-SHOCK GA700SK ยังถอดแบบความแข็งแกร่งมาจากรุ่นพี่ G-SHOCK GA-700 ทำให้มันทนทานและสมบุกสมบันเป็นพิเศษ ด้วย mineral glass วัสดุปกป้องนาฬิกาประจำค่าย G-SHOCK ที่มีศักยภาพเหนือกว่าและใสกว่าวัสดุ acrylic ทำให้ G-SHOCK GA700SK เรือนนี้ทนทานต่อรอยขีดข่วน แรงกระแทก และกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร หน้าปัดขนาด 52.68 มิลลิเมตร ถูกดีไซน์มาให้แสดงเลขเวลาทั้งแบบดิจิทัลและแอนะล็อก