

Life
เมื่อความรักขมขื่นจนรู้สึกเหนื่อยล้า วิธีรับมือกับอาการ RELATIONSHIP BURNOUT
By: unlockmen May 7, 2021 199855
ความสัมพันธ์มักเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ในช่วงโปรคู่รักที่คบกัน อาจจะอยู่ในความหวานปานจะกลืนกิน แต่พอเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ก็อาจจะเริ่มจืดชิด เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น และเริ่มไม่เข้าใจกันมากขึ้น พอคู่รักรู้สึกว่าต้องพยายามประคับประคองความสัมพันธ์แบบนี้ยาวนาน อาจนำไปสู่ภาวะ Relationship Burnout ได้ ซึ่งปัญหานี้สามารถทำลายความสัมพันธ์ของคู่รักลงได้ในที่สุด
เรามักได้ยินคำว่า ‘เบิร์นเอ้าท์’ (Burnout ) ในการทำงานมากกว่าความสัมพันธ์ ซึ่งคำนี้จะหมายถึง ภาวะที่เราเครียดเรื่องงานอย่างหนักและสะสมมา จนกระทั่งเกิดเป็นภาวะเหนื่อยล้าและหมดแรงจูงใจในการทำงานขึ้นมา แต่คำว่าเบิร์นเอ้าท์ก็สามารถใช้กับเรื่องความสัมพันธ์ได้เหมือนกัน ถ้าปัญหาที่เราเจอในความสัมพันธ์ ทำให้เราเกิดความเครียดสะสม พร้อมด้วยอาการเหล่านี้ ได้แก่
ความสัมพันธ์มักช่วยเยียวยาจิตใจของมนุษย์ มันทำให้เราไม่รู้สึกเหงา เศร้า หรือ โดดเดี่ยว แต่ถ้าเราเจอปัญหาจนเบิร์นเอ้าท์ขึ้นมา ความสัมพันธ์ก็จะกลายเป็นสิ่งที่กลับมาทำร้ายเราได้ หากคุณรู้สึกว่าการเลิกรายังไม่ใช่ทางออก UNLOCKMEN ขอแนะนำวิธีเอาชนะ Relationship Burnout เพื่อให้ทุกคนสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อใจได้อย่างยาวนาน
หากิจกรรมทำร่วมกัน
เมื่อคู่รัก ขาดความใกล้ชิดซึ่งกันและกัน (lack of connection) ภาวะ Relationship Burnout จะเกิดได้ง่ายขึ้น ปัญหานี้สามารถป้องกันได้โดยการกำหนดกิจกรรมที่คู่รักต้องทำร่วมกันขึ้นมา เช่น กำหนดวันและเวลาออกกำลังกายด้วยกัน ดื่มกาแฟ หรือ กินข้าวด้วยกัน เป็นต้น วิธีนี้จะบังคับให้คู่รักต้องใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดความใกล้ชิดกันมากขึ้น และเกิดภาวะเบิร์นเอ้าท์ยากขึ้น
สัมผัสกันบ่อยขึ้น
ความใกล้ชิดทางกาย เช่น จับมือถือแขน กอดจูบ ฯลฯ อาจส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ และช่วยป้องกันอาการเบิร์นเอ้าท์ เพราะมันเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมนตัวหนึ่งชื่อว่า อ๊อกซี่โทซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยทำให้คู่รักรู้สึกผูกพันกันมากขึ้น และยังช่วยให้มองคนอื่นในแง่ลบน้อยลงด้วย
อย่ากลัวที่จะพูดความต้องการของตัวเอง
ต้องอย่าลืมว่า ความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่คนสองคนต้องพูดคุยและทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมเปิดใจ หรือ บอกความคาดหวังของตัวเอง สุดท้าย เมื่อความต้องการไม่ได้รับการเปิดเผยและตอบสนอง ความสัมพันธ์ก็ทำให้เกิดภาวะเบิร์นเอ้าท์ได้ ทางที่ดีคือ คู่รักควรเปิดใจให้กันและกัน โดยสื่อสารกันเรื่องวามคาดหวังของแต่ละฝ่าย พร้อมหาจุดตรงกลาง เพื่อให้เป็นเป้าหมายที่คู่รักมีร่วมกันและต้องทำเพื่อไปให้ถึง แบบนี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนมากขึ้น
หันมาดูแลตัวเอง
พอเราสนใจความต้องการของอีกฝ่ายมากเกินไป และอีกฝ่ายดูไม่สนใจความต้องการของเราเลย มันก็ทำให้เกิดภาวะเบิร์นเอ้าท์ได้ง่าย ๆ เหมือนกัน เพราะเหมือนแรงที่เราลงไปไม่คุ้มค่ากับที่ได้กลับมา ถ้าใครกำลังอยู่ในภาวะนี้ เราขอแนะนำให้ถอยออกมาหนึ่งก้าว หันมาดูแลความต้องการของตัวเองบ้าง เช่น ถ้าปกติเราอยู่กับแฟนตลอดเวลา เราอาจลดเวลาตรงนั้นลง และเอาเวลาที่เหลือมาใช้ในการทำกิจกรรมที่เราชอบบ้าง
อย่าพยายามเปลี่ยนคู่รักของตัวเอง
สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหา และทำให้เราเบิร์นเอ้าท์ได้ง่าย ๆ เลย คือ ความคิดประเภทที่พยายามเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ มันเป็นปัญหาเพราะว่า คนเราไม่สามารถเปลี่ยนกันได้ง่าย ๆ แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ หากความคิดประเภทนี้คงอยู่ มันก็อาจบังคับให้คู่รักไม่เป็นตัวของตัวเอง เกิดความไม่จริงใจ และเบิร์นเอ้าท์ในที่สุดได้ สิ่งที่ควรทำ คือ หันมาปรับความเข้าใจและหาทางใช้ชีวิตร่วมกันดีกว่า
อย่างไรก็ดี Relationship Burnout ก็เป็นสัญญาณบอกถึงเวลาที่ต้องออกมาแล้วเหมือนกัน หากเราพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ได้ การเลิกราอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ให้เวลาตัวเองได้เยียวยาจิตใจ ฟื้นฟูบาดแผลจากรักครั้งเก่า แล้วค่อยมองหารักครั้งใหม่ เมื่อเราพร้อม