เมื่อแบรนด์ ‘เศรษฐสิริ’ ของ Sansiri กลับมาตอกย้ำภาพของความเป็นโครงการบ้านเดี่ยวแบบ “Portrait of Success” ความลักซ์ชัวรีที่จะตอบโจทย์กับความสำเร็จของกลุ่มลูกค้า Success Younger อย่างภาคภูมิแบบยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ใน โครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ – พรานนก (SETTHASIRI RATCHAPRUEK – PHRAN NOK) มันทำให้เราตั้งคำถามต่อทันทีเลยว่า ภาพที่ใช้คำว่า ‘ความสำเร็จ’ ของโครงการบ้าน ราชพฤกษ์ – พรานนก นั้นจะต่างจากบ้านอื่นของโครงการเศรษฐสิริอย่างไร เช็คลิสต์ไหนบ้างที่โครงการนี้จะเข้ามาเติมเต็มชีวิตของผู้อยู่อาศัยที่มองหาทั้งความสงบพร้อมความสะดวกของการใช้ชีวิต .. แต่สงสัยได้ไม่นาน แสนสิริตอบคำถามของเราด้วยภาพและ Benefits ทั้งหลายของโครงการ PRIME LOCATION WITH BEST BENEFITS AREA โลเคชั่นของ โครงการเศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ – พรานนก สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งจากถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 และถนนราชพฤกษ์ ทำให้สามารถเดินทางเขาถนนสายหลักได้หลายเส้น
ช่วงนี้ก็จะได้ยินเพลงของ Bakery Music บ่อยหน่อยเนาะ เพราะว่าโปรเจกต์ Back To The Bakery VOL.2 ที่เพิ่งปล่อยออกมาทั้ง 9 เพลงนั้น มันชวนให้รู้สึกเหมือนกับว่าเข็มเวลาที่เคยหยุดไปของเพลงในช่วงเวลา 90s ได้กลับมาเดินอีกครั้ง เพลงที่ยังคงดังอยู่ในหัวใจของชาว Bakerian เสมอทุกครั้งที่เปิดฟัง วงการเพลงไทยไม่เคยเหมือนเดิมตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1994 ของการก่อตั้งค่ายเบเกอรี่ เบื้องหลังความสำเร็จของค่ายเพลงไทยที่ทำอะไรไม่เหมือนใคร และตามใจตัวเองสุด ๆ (อ้างอิงจากคำพูดของป๋าเต็ด) มีเพื่อนสำคัญคนหนึ่งที่สามารถใช้เนื้อเพลงของวง PAUSE “เพื่อนฉันคนนี้นั้นไม่มีวันห่าง และไม่มีวันจากไปไหน” นิยามได้ เขาคนนั้นคือ ‘ไฮเนเก้น’ แบรนด์ที่ซัพพอร์ตเบเกอรี่มาตั้งแต่วันแรก ๆ เพราะเชื่อว่าความแตกต่างคือเชื้อเพลิงสำคัญที่จะขับเคลื่อนวงการเพลงไทยให้วิ่งต่อไปข้างหน้าได้ .. และการที่ Bakery Music ได้ส่งแรงบันดาลใจมากมายให้กับวงดนตรีไทยมาจนถึงยุคปัจจุบัน ก็ตอบได้อย่างชัดเจนว่าไฮเนเก้น คิดถูกต้อง ด้วยความรักที่มีให้กับ Bakery Music และความชื่นชมที่มีให้กับสิ่งที่ไฮเนเก้นทำ UNLOCKMEN ขอใช้โพสต์นี้เล่าช่วงเวลาที่หอมหวานที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย ผ่านเรื่องราวความผูกพันระหว่างค่ายเล็ก ๆ ค่ายหนึ่งที่ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่ออย่างแรงกล้า กับแบรนด์ที่เชื่อมั่นในความตั้งใจตรงนั้นไม่ต่างกัน การร่วมมือที่ทำให้วงการเพลงไทยไม่เหมือนเดิมอีกเลย เชื่อว่าทุกคนรู้จัก
#ThrowBack งานจบแต่ความมันส์ยังไม่จบ UNLOCKMEN ก็เลยขอรวบรวมภาพเก็บตกความประทับใจจาก ThaiGP 2024 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 25 – 27 ตุลาคม มาฝากกัน 📸 ✨ งานนี้ Thai Honda ได้ชวนเราไปสัมผัสความดุเดือดของการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการ PT Grand Prix of Thailand 2024 กันแบบใกล้ชิดครบทุกมิติ ทำให้เราได้รู้เลยว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตที่เน้นการขับเคี่ยวชิงชัย แต่ภายในงานต้องเรียกได้ว่าเป็น Festival ดี ๆ ที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นแฟนพันธุ์แท้วงการสองล้อ หรือใครก็ตามที่กำลังอยากหาอะไรสนุก ๆ ทำในช่วงสุดสัปดาห์ ก็สามารถแวะมาจอยกันได้ เพราะงานนี้ Honda จัดเต็มกิจกรรมมากมายให้ได้ร่วมสนุกภายใต้บรรยากาศความยิ่งใหญ่ของมหกรรมกีฬาระดับโลกที่วนมาจัดในบ้านเราเพียงปีละครั้ง เริ่มต้นก้าวเท้าเข้างานก็ได้พบกับความเร้าใจ ในโซน Honda Test Riding เปิดโอกาสให้ได้ลองขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ Honda หลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถบิ๊กไบค์ CBR Series รวมถึงรถจาก
Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE สดุดีแต่โลกและดวงจันทร์ ซึ่งรุ่นนี้ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันบอกดิถีของดวงจันทร์เท่านั้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ยังมาพร้อม ฟังก์ชันบอกดิถีของโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการการประดิษฐ์เรือนเวลาอีกด้วย ทำให้ Swatch พลิกแพลงวาทะอันโด่งดังของกาสิเลโอ “แต่โลกก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป!” (And yet it moves!”) และเย้าหยอกว่า “แต่โลกและดวงจันทร์ก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ต่อไป!” ส่วนฟังก์ชันบอกดิถีของโลก หากคุณดูตรงหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่งสิบนาฬิกา ก็จะได้ดื่มด่ำกับการโคจรของโลกเราเมื่อมองจากดวงจันทร์ มีการแต่งแต้มสีสันให้กับฟังก์ชันบอกดิถีของโลกที่จดสิทธิบัตรแล้วเพื่อสดุดีแด่ความหลากหลายและความงดงามของโลกสีครามของเรา คุณจะมองเห็นก้อนเมฆ รวมถึงสีสันที่ตัดกันของมหาสมุทร ป่าไม้และผืนทะเลทราย นอกจากนี้ ยังมีการเคลือบหมึกพิมพ์ยูวี (เปล่งแสงสีฟ้า) ที่มองเห็นเมื่อโดนแสงยูวีเท่านั้นตรงมหาสมุทรเพื่อเพิ่มความล้ำทะลุจักรวาลเข้าไปอีก รุ่น Bioceramic MoonSwatch MISSION TO EARTHPHASE จะวางจำหน่ายทั่วโลกที่ร้านค้าของ Swatch ที่ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนเป็นต้นไป และเช่นเดียวกับนาฬิกาทั้งหมดในคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch ก็จำกัดสิทธิ์ในการซื้อ 1 เรือน/ 1 สาขา/ 1 คน/ 1 วันเท่านั้น
MacBook Pro M4 ความทรงพลังล่าสุดจาก Apple ด้วยชิปตระกูล M4 ทั้ง M4, M4 Pro และ M4 Max ขุมพลังขับเคลื่อนประสิทธิภาพให้ทำทุกอย่างได้เร็วยิ่งขึ้น มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงขึ้น เมื่อรวมเข้ากับตัวเร่งความเร็วด้านการเรียนรู้ของระบบใน CPU, GPU ที่ล้ำสมัย และ Neural Engine ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย พร้อมเสริมความสามารถให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีกด้วย Apple Intelligence ช่วยให้โมเดลการเรียนรู้ภาษาขนาดใหญ่ (LLM) และโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่อื่นๆ ทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้ทุกรุ่นยังมาพร้อมจอภาพ Liquid Retina XDR ที่ดียิ่งขึ้น พร้อมตัวเลือกจอภาพ Nano-texture แบบใหม่หมดที่ลดแสงสะท้อนและภาพสะท้อนรบกวนสายตาลงได้มาก และในสภาพแสงที่สว่าง MacBook Pro ใหม่ยังสามารถแสดงคอนเทนต์ SDR ที่ความสว่างสุงสุด 1,000 นิต และยังคงแสดงคอนเทนต์ HDR ที่ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดสูงถึง 1,600 นิต ซึ่งทั้งหมดนี้จะพลิกโฉมประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงกล้อง 12MP
ช่วงเวลาแห่งความดุเดือดในโลกแห่งความเร็ว หลัง McLaren พึ่งจะเปิดตัว W1 ออกมาได้ไม่นาน ด้าน Porsche ก็เตรียมเปิดตัว hypercar รุ่นใหม่เร็ว ๆ นี้ ฝั่ง Ferrari ก็ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ออกมาในชื่อ F80 เป็น flagship ที่จะมาสานต่อตำนานความยิ่งใหญ่ของ LaFerrari ด้วยขุมพลัง 3.0-liter V6 turbocharge Hybrid 900 แรงม้าจากเครื่องยนต์ พ่วงพลังงานจาก Tri-motor AWD ให้กำลังรวมเกือบ 1,200 แรงม้า เคลมตำแหน่ง “The Most Powerful Ferrari” ที่เคยผลิตออกจากโรงงานจนถึงวันนี้ สามารถทำความเร็วถึง 100 km/h ได้ภายใน 2.15 วินาที และถึง 200 km/h ใน 5.75 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุด 350 km/h
6lur (เบลอ) อัลบั้มที่ 6 ของ Slur เป็นเหมือน ‘สายลม’ ที่พัดพาช่วงเวลา ความรู้สึก ไปพร้อมกับการกักเก็บความทรงจำของคนฟังเอาไว้อยู่ในมวลอากาศ จะเปิดฟังแบบที่ไม่ต้องโฟกัสก็ได้ แต่ในวันที่เปิดฟังจริงจังก็ยิ่งรู้สึกมากเหลือเกิน โดยเฉพาะพาร์ทของเพลงเศร้าที่ทำให้เราคิดย้อนกลับไปถึงวันที่ฟังอัลบั้มแรก Boo! ในมุมที่ว่า ‘ความ Youth Power แบบ Slur มันโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกครั้งแล้วว่ะ’ พลังวัยรุ่นในวันนั้นมันถูกเคี่ยวจนงวดเป็นความมันส์ด้วยท่าทีที่สุขุมขึ้น เศร้าอย่างเข้าใจ และซ่าแบบที่ลิมิตจะไปถึง การได้ฟังเพลงในอัลบั้มนี้หลาย ๆ รอบเพื่อเขียนถึง ทำให้เข้าใจความเป็น Slur หลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยมองเห็นเหมือนกันนะ อย่างเนื้อร้องของพี่เย่ที่เลือกเพียงคำที่ทำงานกับความรู้สึกจริง ๆ ไลน์กีตาร์ของพี่เฮาส์ดีไซน์ให้มีความเย็น ๆ ซนแต่ไม่ซ่าจนเกินไปก็เข้ากับความเป็น Slur ในยุคหลังได้ถูกต้องที่สุด ไลน์เบสของพี่บู้ที่มีความแฟชั่นดีไซน์ไม่ตีกรอบอยู่เสมอ และริทึ่มกลองของพี่เอมที่หวดแบบวิ่ง ๆ สับ ๆ ริทึ่มที่เป็นมากกว่าให้จังหวะแต่ยังเป็นเหมือนเมโลดี้คุมตัวตนความซนของ Slur ในทุกเพลง Next Cover, Same Mood ตอนล่าสุดเลือกหนังและซีรีส์สำหรับคนที่มูฟออนจากเพลงหลากอารมณ์ในอัลบั้ม 6lur ไม่ได้
“คุณเคยดูหนังโฆษณาน้ำมันเชื้อเพลิงมาแล้วกี่ชิ้น?” คำถามนี้คงยากจะให้คำตอบเป็นจำนวนที่แน่ชัด แต่เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อพูดถึงโฆษณาน้ำมัน ภาพในหัวของใครหลายต่อหลายคน คงหนีไม่พ้นภาพจำซ้ำ ๆ เดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพปั๊มน้ำมัน หรือภาพ CG กระบอกสูบ, เครื่องยนต์กำลังทำงาน ปิดท้ายด้วยภาพรถยนต์พุ่งทะยานไปบนท้องถนน แต่ ณ ขณะที่เรากำลังเขียนบทความนี้ น่าจะมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่ได้รับชมหนังโฆษณาน้ำมันตัวใหม่ล่าสุดของ ‘บางจาก’ ที่ไม่ได้ใหม่แค่เพราะเพิ่งถูกเผยแพร่ แต่มันคือความใหม่ และแปลกตาในแง่ของงานภาพและเนื้อหา ที่น่าจะไม่เคยมีใครได้สัมผัสผ่านหนังโฆษณาน้ำมันมาก่อน ซึ่งความแปลกและแตกต่างที่เกิดขึ้น มีต้นทางมาจากแนวคิดของแบรนด์บางจากที่เชื่อมั่นในการ “สร้างสรรค์พลังไม่รู้จบ” กับเป้าหมายในการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองเทคโนโลยียานยนต์ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง สู่การพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิง Bangchak Hi Premium อย่าง Bangchak Hi Premium 97 และ Bangchak Hi Premium Diesel S ยืนหนึ่งในความเป็นพลังสะอาด ที่มาพร้อมความแรง และสามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ 100% ในทุกจังหวะที่เหยียบคันเร่ง การันตีประสิทธิภาพได้จากความเชื่อมั่นของ บริษัท AAS AUTO SERVICE ตัวแทนจำหน่าย PORSCHE, BENTLEY
การคอลแลบระดับตำนานที่ทุกคนรอคอยได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อแบรนด์รถมอเตอร์ไซต์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งท้องถนนของโลกอย่าง Harley-Davidson โคจรมาพบกับ โซดาสิงห์ เครื่องดื่มดีเอ็นเอแห่งความซ่าเบอร์ 1 ในใจคนไทย กับแคมเปญ “RIDE YOUR WAY” ซ่า…ให้สุดทาง ด้วยจุดประสงค์เพื่อผลักดันวัฒนธรรม 2 ล้อของฮาร์ลีย์ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจและซัพพอร์ตทุกเส้นทางของทุกคนให้มั่นใจทำสิ่งที่รักให้สุดทาง ! วันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา UNLOCKMEN ได้ไปพรีวิวความมันส์ในโปรเจกต์ระหว่าง Singha Soda กับ Harley-Davidson ในครั้งนี้ เราเลยขอเอามาเล่าต่อ และจะบอกว่าทำไมคนรักฮาร์ลีย์และแฟนโซดาสิงห์ทุกคนไม่ควรพลาดทั้งงาน และ Merchandise ในครั้งนี้กัน “หนึ่งในความยิ่งใหญ่ของโปรเจกต์ครั้งนี้คือการที่โซดาสิงห์เป็นแบรนด์เครื่องดื่มแรกในเอเชียที่ได้ทำงานกับ Harley-Davidson” ในฐานะที่ UNLOCKMEN เป็นแฟนคลับของทั้ง 2 แบรนด์อยู่แล้ว เราไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่โปรเจกต์นี้เกิดขึ้นได้ เพราะไม่ว่าจะด้วย Heritage Story / Brand Character หรือจะ Goal Of Brand ที่นิยามออกมาได้ด้วคำว่า ‘มันส์’ และ