

Entertainment
โดดเดี่ยว แต่ยังไม่ตาย ‘6 หนังมนุษย์เดียวดาย’พาสำรวจความหมายของการอยู่ลำพัง
By: unlockmen April 15, 2020 181955
อยู่คนเดียวมากี่วันแล้ว? โดดเดี่ยวแค่ไหน? รู้สึกเดียวดายบ้างหรือเปล่า? สถานการณ์ COVID-19 บีบคั้นให้ใครหลายคนต้องเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัยอย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางลมหายใจลำพังนั้นบางครั้งเราเผลอพูดกับตัวเอง บางทีหัวเราะท้องแข็งกับโพสต์จากเฟซบุ๊กแล้วจะหันไปแชร์กับใครสักคน แต่ตรงนั้นกลับมีเพียงอากาศว่างเปล่า
หรืออย่างร้ายวินาทีที่เครียด กดดัน ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าคืออะไร น้ำอุ่น ๆ เอ่อไหลออกจากตา อยากหาไหล่ใครสักคนไว้ซับความเศร้า ก็กลับพบเพียงตัวเองกับหมอนใบเดิม
เราเลยตั้งใจเอา ‘6 หนังมนุษย์เดียวดาย’ มาอยู่เป็นเพื่อน ใช่ มันไม่ได้ทำให้โดดเดี่ยวน้อยลง (บางเรื่องอาจเข้าถึงแก่นความโดดเดี่ยวเป็นเท่าทวี) แต่ในทุกเรื่องนี้จะพาเราทุกคนไปสำรวจความหมายของลมหายใจลำพัง ชีวิตโดดเดี่ยว และแต่ละวันอันเดียวดาย ในรูปแบบที่อาจทำให้เรามองความเดียวดายรายวันของเราในอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นได้…
ความโดดเดี่ยวของใครหลายคนในวันนี้อาจชวนให้อึดอัด เพราะเราไม่รู้แน่ชัดว่าเราจะต้องกักตัวเดียวดายไปถึงเมื่อไร? มีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหน? ในทางกลับกัน ถ้าเรารู้ว่าเราต้องโดดเดี่ยวเป็นเวลาเท่าไร และจะได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของทุกคนที่เรารักอย่างปกติ มันจะดีกว่ากันจริงหรือเปล่า?
Moon คือหนังที่ว่าด้วยนักบินอวกาศที่ได้รับภารกิจสำรวจดวงจันทร์ หน้าที่ของเขาก็คือภารกิจ 3 ปีเต็มบนดวงจันทร์ตะปุ่มตะป่ำ แม้จะเดียวดาย แต่ก็รู้แน่ชัดว่าหลังจาก 3 ปี เขาจะได้คืนกลับมาตุภูมิ แต่ความลึกซึ้งของ Moon ไม่ได้พาเราไปสำรวจชีวิตประจำวันของนักบินอวกาศที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียวเป็นเวลานานเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้เราตะลึงพรึงเพริด และชวนให้ขบคิดเรื่องชีวิตของเรา ความเป็นมนุษย์ เทคโนโลยี แม้จะดูหนังจบมาหลายปี คือตอนที่เหลือเวลาอีกไม่กี่อาทิตย์ นักบินอวกาศก็จะครบกำหนด 3 ปี และได้หวนคืนสู่ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ทว่ามีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้น
จุดนั้นเองที่เราจะถามตัวเองหนักหน่วงว่าความเดียวดายคืออะไร? เบื้องหลังความเดียวดายคืออะไร? ถ้าไม่มีใครหรืออะไรรอคอยอยู่หลังความเดียวดายนั้น เมื่อเราเกิดมาอย่างเดียวดายเพื่อจากไปอย่างเดียวดาย เราจะยังเชื่อว่าความเดียวดายคือความทรมานอยู่ไหมนะ? เราอยากชวนไปหาคำตอบพร้อมกันใน Moon
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม นักปรัชญากรีกโบราณอย่างอริสโตเติลบอกเราไว้เมื่อหลายพันปีก่อน นั่นอาจเป็นเหตุหนึ่งที่การกักตัวอยู่บ้านทำให้เราเดียวดายเหลือแสน แต่มนุษย์บางคนอาจเป็นข้อยกเว้น การเข้าสังคมหรือปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอาจเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่เขาต้องการ และนั่นคือสาเหตุให้เขาพาตัวเองออกไปอยู่เดียวดายในธรรมชาติ ไม่ใช่แค่อาทิตย์ เดือน หรือปี แต่เป็นเวลาหลายสิบปี
Alone In the Wilderness คือสารคดีที่ว่าด้วยชีวิตเดียวดายของ Dick Proenneke มนุษย์ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าอันไพศาลแห่ง Alaska ตลอดเรื่องเราจะได้เห็นวิถีชีวิตของเขา ตั้งแต่การสร้างที่อยู่อาศัย การหาอาหารกิน และความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติที่ทั้งงดงามและน่ายำเกรงซึ่งเป็นฉากหลังตลอดเรื่อง
ถึงจุดหนึ่งเราจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่า แต่นี่คือชีวิตเพื่อนมนุษย์อีกคน ที่มีลมหายใจอยู่จริงในอีกซีกโลกหนึ่ง เดียวดายอยู่ในป่า แต่อะไรทำให้เขาเลือกแบบนั้น? เราจะอดถามตัวเองไม่ได้
ท้ายที่สุด Alone In the Wilderness ก็จะชวนเราวกกลับมาสำรวจชีวิตของเรา ว่าท่ามกลางความเดียวดายที่เราเผชิญอยู่นี้ เมื่อโลกกลับไปหมุนในจังหวะเดิม อะไรที่เราเคยคิดว่าสำคัญมันสำคัญจริง ๆ ไหม? แล้วถ้าไม่ อะไรกันแน่ที่สำคัญกับชีวิตมนุษย์อย่างเรากันแน่?
ความลำพังวันนี้ จุดสิ้นสุดแม้ยังไม่รู้แน่ชัด แต่ภาพในหัวเราล้วนชัดเจน หลัง COVID-19 จะชวนเพื่อไปตั้งวงกินหมูกระทะน้ำจิ้มรสเด็ดเจ้าประจำให้หายอยาก จะชวนแฟนไปเที่ยวทะเลใกล้ ๆ ที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของมันให้หนำใจ จะพาครอบครัวไปตะลุยญี่ปุ่นให้คุ้มค่ากับการรอคอย ฯลฯ การติดกับดักความเดียวดายตอนนี้ อย่างน้อยที่สุดเราก็มีภาพปลายทางความสุขไว้คอยหล่อเลี้ยงหัวใจ
ต่างจาก Mark Watney นักบินอวกาศจาก The Martian ที่ออกไปทำภารกิจบนดาวอังคาร และเกิดอุบัติเหตุ จนเป็นเหตุให้ต้องอยู่บนดาวเคราะห์แปลกหน้ากับลมหายใจเดียวดาย พร้อมหาทุกวิถีทางที่จะมีชีวิตรอด และกลับดาวเคราะห์สีน้ำเงินอันคุ้นเคยให้ได้
ในความเดียวดาย ที่ชวนให้กดดัน ลุ้น และต้องคิดถึงมากกว่าเรื่องจะเผชิญความเหงาได้อย่างไร คือเราจะเอาตัวรอดในสถานการณ์สุดขีดนี้ไปได้อย่างไร? อาหารการกิน ยานที่จะพากลับบ้าน น้ำสะอาดที่จะหาดื่ม
ในทางหนึ่งการได้ดู The Martian ในห้วงเวลานี้ทางหนึ่งเราได้สัมผัสความเดียวดายในอวกาศแบบที่ไม่มีปลายทางความสุขหล่อเลี้ยง และอีกทางหนึ่งเราก็ตระหนักไปพร้อม ๆ กันว่ายังมีเพื่อนมนุษย์อีกมากที่ไม่ได้เจอแค่ความเดียวดาย แต่กำลังเข้าไม่ถึงโอกาสเท่ากับเรา และเขาเองก็ต้องปากกัดตีนถีบดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดโดยไม่รู้ปลายทาง เคว้งคว้างไม่ต่างจากการมีชีวิตอยู่ในอวกาศอันดำมืดอยู่เช่นกัน
เคยคิดไหมว่าถ้าเวลาที่เหลืออยู่บนโลกนี้เราจะเจอคนได้อีกไม่เกิน 10 คน (คนที่ไม่อยู่ในรายชื่อ คุณจะไม่มีสิทธิได้เจอพวกเขาอีก) จะเป็นอย่างไร? เราคงสนุกกับการจัดอันดับความสำคัญ เลือกคนที่เรารัก เลือกคนในครอบครัว เลือกเพื่อนที่เราคุยด้วยแล้วสนุกสุด ๆ
แต่ใน The Wolfpack ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้จะพาไปรู้จักมนุษย์ที่ไม่ได้มีสิทธิเลือกว่าจะได้เจอใคร พวกเขาคือพี่น้อง 6 คนที่ถูกขังไว้ในที่พัก และได้เจอเพียงกันและกัน
The Wolfpack เล่าเรื่องราวของพี่น้อง Angulo ผู้เติบโตมาในอพาร์ตเมนต์เก่าคร่ำคร่าในมหานครนิวยอร์ก พวกเขาโตที่นี่ เล่นที่นี่ เรียนหนังสือแบบโฮมสคูลที่นี่ และมีเพื่อนก็คือกันและกันเอง โดยเหตุผลที่พวกเขาต้องถูกกักขังเป็นเพราะว่าพ่อของเขาเชื่อว่าโลกภายนอกนั้นอันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้ลูก ๆ ออกไปเผชิญ
นี่จึงไม่ใช่เรื่องของความเดียวดายที่ “อยู่คนเดียว” แต่เป็นเรื่องจริงของพี่น้อง 6 คน ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่เด็กจนโต โดยมี “หนัง” เรื่องต่าง ๆ จากจอโทรทัศน์เท่านั้นที่ทำให้เขารับรู้เรื่องราวของโลกภายนอก
The Wolfpack พาเราตามติดชีวิต วิธีคิด มุมมองต่อโลกผ่านฟุตเทจเก่า ๆ รวมถึงตอนที่พวกเขาได้ออกไปเป็นอิสระกับโลกกว้าง
ความเดียวดาย (แบบเป็นกลุ่ม) ของพวกเขา ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าการเติบโตมาแบบเดียวดายจะประกอบสร้างเราขึ้นมาเป็นคนแบบไหนกันนะ? พอ ๆ กับที่เราจะครุ่นคิดเรื่องตัวตนของเราว่าสิ่งละอันพันละน้อยบนโลกใบนี้มีส่วนในตัวเราได้มากขนาดนี้เชียวหรือ?
I Am Legend คือหนังว่าด้วย โรเบิร์ต เนวิลล์ มนุษย์หนึ่งเดียวที่ยังมีลมหายใจอยู่กลางมหานครนิวยอร์ก เนื่องจากคนอื่นถ้าไม่ถูกไวรัสคร่าชีวิตไปอย่างเลือดเย็น ก็กลายพันธุ์ไปเป็นร่างคลั่งที่แทบไร้ชีวิต แต่จะออกมาไล่ล่าเมื่อตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วเท่านั้น
การใช้ตัวละครตัวเดียวที่ดำเนินเรื่องราวตลอดเรื่อง ช่วยเพิ่มความกดดันให้เราเห็นสภาวะแห่งความโดดเดี่ยว ชั่วขณะของการไม่มีใครเคียงข้าง โมงยามที่เมืองทั้งเมืองร้างไร้ผู้คน ไม่มีกลิ่นอายของชีวิตและความเคลื่อนไหว ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าหลายครั้งที่เราเหนื่อยหน่ายคนรอบตัว หรือบางครั้งแม้แต่คนที่เรารักที่ทำอะไรก็ขวางหูขวางตาเราไปหมด แต่อย่างน้อยที่สุดการมีพวกเขาใกล้ ๆ ก็อุ่นใจและชวนให้เราเข้าใจว่าเราไม่ได้ทุกข์ทรมานอยู่เพียงลำพัง
โรเบิร์ต เนวิลล์ มีเพียงสุนัขคู่ใจ แต่เขาเองก็ไม่เคยยอมแพ้ แต่ละวันคือการทำให้ชีวิตของตัวเองรอดให้ได้ เขาออกกำลังกาย ใช้ชีวิต พยุงตัวเองเพื่อหาใครสักคนที่มีชีวิตรอดเช่นกันกับเขา ไม่เคยหยุดหวังที่จะหาหนทางรักษาโรคร้ายอันน่าสะพรึง
ชีวิตของเขาทำให้เราพอเข้าใจได้ว่ายิ่งโดดเดี่ยวมากเท่าไร การยึดวิถีชีวิตประจำวันให้แน่น เพื่อไม่ให้เราหลงลืมเวลา และปล่อยตัวปล่อยใจให้พังยวบไปนั้นมีความหมายมากทีเดียว
สารภาพตามตรงว่าถ้าเรารวมบรวมลิสต์หนังมนุษย์เดียวดาย แล้วไม่ใส่ Cast Away ลงไปด้วย ลิสต์นั้นก็คงดูกระพร่องกระแพร่งอย่างอธิบายไม่ถูก แม้ใครหลายคนจะเคยดู Cast Away ไปไม่รู้กี่สิบตลบแล้วก็ตาม แต่เราเชื่อว่าในช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าความโดดเดี่ยวเข้ากัดกินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การวนกลับมาดู Cast Away อีกหน ย่อมไม่เหมือนเดิมแน่นอน
เรื่องราวของมนุษย์ผู้ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก จนติดเกาะอย่างโดดเดี่ยวอยู่หลายปี มีท้องฟ้า ทะเล และลูกบอลที่ตั้งชื่อว่าวิลสันเป็นเพื่อน วินาทีที่ทุกอย่างในชีวิตเคยสำคัญ ก็ไม่เหลืออะไรสำคัญอีกต่อไปนอกจากการเอาชีวิตให้รอดกลับไปหาสิ่งที่เราเคยเชื่อว่ามันสำคัญให้ได้
แต่ท้ายที่สุด ความโดดเดี่ยวและการเอาตัวรอดนั่นเองที่ทำให้เราพบว่าแม้เรากลับมายังจุดเดิมที่เราเคยคิดว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้สำคัญไปหมด ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้วก็เป็นได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร โดดเดี่ยวอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ เราขอให้หนังเรื่องมนุษย์เดียวดายทั้ง 6 อยู่เคียงข้างคุณ แม้จะไม่ได้โดดเดี่ยวน้อยลง แต่ถ้าเข้าใจการอยู่ลำพังมากขึ้น หรือได้ตั้งคำถามกับความหมายบางอย่างของชีวิตมากขึ้น เราเชื่อว่าความโดดเดี่ยวครั้งนี้จะไม่สูญเปล่าแน่นอน