World

MOTIVATHLETE: เรียนรู้วิธีคิดสุดแกร่งของไมเคิล จอร์แดนผ่านสารคดี THE LAST DANCE

By: unlockmen April 29, 2020

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเวลานี้อาจส่งกระทบต่อหนุ่ม ๆ หลายคนและ UNLOCKMEN ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ยืนเคียงข้างให้ทุกคนกลับมามีพลังฮึดสู้อีกครั้งในวันที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ วันนี้คอลัมน์ MOTIVATHLETE จึงอยากเพิ่มแรงกระตุ้นให้ทุกท่านด้วยมุมมองความคิดที่น่าสนใจของยอดนักกีฬาอย่างไมเคิล จอร์แดน ผ่านเรื่องราวในสารคดีที่ชื่อ THE LAST DANCE

basketballforever

THE LAST DANCE เป็นสารคดีกีฬาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทีมบาสเกตบอลอย่างชิคาโก้ บูลล์ในปี 1997-98 ฤดูกาลที่พวกเขาคว้า Three-Peat หรือคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 2 แต่หลังฉากความสำเร็จที่ถูกเผยแพร่ออกมากลับมีสิ่งที่หลายคนไม่เคยรับรู้มาก่อนซ่อนอยู่ โดยเรื่องราวถูกเล่าผ่านตำนานผู้เล่นในทีม ไม่ว่าจะเป็นไมเคิล จอร์แดน, สก็อตตี้ พิพเพ่น, และเฮดโค้ชอย่างฟิล แจ๊คสัน รวมถึงคนดังที่มีส่วนร่วมทั้งในและนอกวงการ พร้อมกับฟุตเทจบางส่วนที่ทีมงานของ ESPN ถ่ายทำเก็บไว้นานกว่า 20 ปี

ปัจจุบัน (27 เมษายน 2563) สารคดีออกอาการไปแล้ว 4 ตอน จากทั้งหมด 10 ตอน ส่วนเนื้อหาที่เราหยิบยกมาพูดถึงจะมาจาก 2 ตอนแรกเท่านั้น และแนวคิดของยอดนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างไมเคิล จอร์แดนที่เราได้เรียนรู้ผ่าน THE LAST DANCE จะมีอะไรบ้าง มาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน

 

เป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น

NBA

พฤศจิกายนปี 1997 วันแข่งขันของนัดเปิดฤดูกาล จุดเริ่มต้นที่ตัวเขาและทีมต้องฝ่าฝันคว้าแชมป์สมัยที่ 6 มาครองให้ได้ ไมเคิลพูดท่ามกลางแฟนของบูลล์นับหมื่นคน ย้อนกลับไปถึงอดีตในวันที่สโมสรดราฟต์ตัวเข้ามาในปี 1984 เมื่อนักข่าวถามว่าเป้าหมายในการเล่นให้ชิคาโก้ บูลส์ ในเวลานั้นคืออะไร คำตอบที่ไมเคิลหนุ่มตอบออกมาคือ

“ผมแค่อยากทำให้ทีมเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับทีมอย่างเลเกอร์ ฟิลาเดลเฟีย 76 หรือบอสตัน เซลติกส์ มันเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ก็เป็นไปได้ และผมหวังว่าพวกเราจะสามารถช่วยกันสร้างให้ความฝันเป็นจริง”

แม้จะเพิ่งเข้าลีกใหม่แต่เป้าหมายของไมเคิลก็ชัดเจนตั้งแต่ต้น คืออยากพาบูลส์ให้ได้รับการยอมรับด้วยการคว้าแชมป์ แต่ใครจะคิดว่าเขาจะพาสโมสรสร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้มากมายถึง 6 สมัย ความสำเร็จทั้งหมดล้วนมาจากจุดเริ่มต้นที่มองความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจนของชายคนนี้

 

ให้โอกาสและคุณค่ากับคนทำงานหนัก

Muscle Prodigy

เรื่องราวของ THE LAST DANCE ตอนที่ 1-2 เผยให้เห็นเบื้องหลังความสำเร็จ ที่ถึงแม้จะสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 5 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่ในสายตาของผู้บริหาร กลับเริ่มต้องการสร้างทีมใหม่ในทันที สิ่งที่ไมเคิลสะท้อนออกมาผ่านบทสัมภาษณ์ของเขาคือทำพูดที่ว่า

“ที่ผ่านมาพวกเราคุยกันว่าถ้าทีมเราล้มเหลว โอเค เรามาสร้างทีมใหม่กัน ซึ่งก็ไม่มีใครรู้เลยว่าจะสำเร็จไหม หรือต้องใช้เวลากี่ปี แต่ถ้ามีบางคนอยากมองกีฬาชนิดนี้เป็นเพียงธุรกิจ ก็ช่วยให้เกียรติคนที่ปูทางสร้างมันขึ้นมาด้วย”

ไมเคิลต้องการพิสูจน์ว่า “ตัวเขาและทีมชุดเดิม” ยังมีดีพอจะคว้าแชมป์ร่วมกันอีกครั้ง แต่สิ่งที่ต้องการยิ่งกว่าคือโอกาสในการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยทีมและโค้ชชุดเดิม เพราะถ้าไม่มีโอกาส ก็ไม่สามารถพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เห็นได้ ในการทำงานก็เช่นกันเราและองค์กรควรรู้จักคุณค่าของกันและกัน สิ่งนี้จะสนับสนุนให้ทุกอย่างสำเร็จได้ดีมากขึ้น

 

เชื่อมั่นและจริงใจกับเพื่อนร่วมทีม

ข่าวลือการสร้างทีมใหม่ที่มีทั้งการปลดโค้ชอย่าง ฟิล แจ๊คสัน รวมถึงสถานการณ์โดยรวมของทีมที่ไม่สู้ดีนัก ไมเคิลรู้ว่าเขายังพอมีอิทธิพลกับฝ่ายบริหารอยู่บ้าง จึงแสดงออกอย่างชัดเจนในการสนับสนุนเพื่อนร่วมงานที่สร้างความสำเร็จมาด้วยกันอย่างยาวนาน “ผมบอกตั้งแต่วันแรกว่าถ้าไม่มี ฟิล แจ๊คสัน มาเป็นโค้ช ผมก็จะไม่สร้างทีมใหม่ด้วย ผมจะไม่เล่นให้กับโค้ชคนอื่น”

หรือในกรณีของ สกอตตี พิพเพ่น ตัวไมเคิลก็ยกเครดิตความสำเร็จทั้งหมดให้เพื่อนร่วมทีมคนนี้อย่างชัดเจนว่า แชมป์ที่เขาคว้ามาได้อาจไม่ได้มีจำนวนมากขนาดนี้ หากไม่มีเพื่อนร่วมทีมอย่าง สกอตตี พิพเพ่น หรือคำพูดที่ว่า “เมื่อไหร่ที่ผู้คนพูดถึงไมเคิล จอร์แดน พวกเขาควรจะพูดถึงสกอตตี พิพเพ่นด้วยเช่นกัน”

 

เรียนรู้และนำคำแนะนำที่ดีไปปรับใช้

Sports Mockery

รอย วิลเลียม ผู้ช่วยโค้ชในสมัยที่ ไมเคิล จอร์แดน ยังเรียนและเล่นให้กับมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา เล่าย้อนหลังให้ฟังถึงสมัยที่ไมเคิลยังเป็นเด็กปี 1 ฝีไม้ลายมือยังไม่แน่นอน แต่ก็มีความมุ่งมั่นอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม วันหนึ่งไมเคิลมาคุยกับเขาและพูดว่า เขาอยากเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดที่เล่นให้กับมหาวิทยาลัย

ในเวลานั้น รอย วิลเลียม แนะนำให้ไมเคิลซ้อมหนักกว่าที่เคยทำ ถ้าอยากทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ถ้าอยากเป็นผู้เล่นที่เก่งกว่าคนอื่น ก็ต้องลงมือซ้อมมากกว่าคนอื่นเช่นกัน

ในเวลานั้นเหมือนหนุ่มน้อยไมเคิลจะรู้ตัว ก่อนตอบโต้อย่างจริงจังกลับมาหาเขาว่า “ผมจะทำให้ดู ไม่มีใครฝึกหนักเท่าผมอีกแล้ว” ไม่ใช่แค่คำพูดเพียงลมปาก เพราะ รอย วิลเลียม รวมถึงเพื่อนร่วมทีมทุกคนต่างมองเห็นพัฒนาการในสนามของไมเคิลตลอดเวลา พัฒนาการที่เกิดจากความขยันหมั่นเพียรในการฝึกซ้อม ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทีมของมหาลัยในเวลาต่อมา

 

ชอบพิสูจน์ตัวเองและต้องการเป็นที่ 1 อยู่เสมอ

ความต้องการเป็นที่ 1 อาจเป็นนิสัยปกติทั่วไปของนักกีฬา แต่สำหรับไมเคิล เรื่องนี้เป็นแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกสนาม เขาไม่ชอบการเป็นรอง เขาชอบการพิสูจน์ว่าตัวเองสามารถทำได้ดีกว่าคนอื่น ๆ เหมือนกับที่ เจมส์ จอร์แดน คุณพ่อของเขาเคยบอกเอาไว้ว่า

 “ถ้าคุณอยากให้ไมเคิลทำให้ดีที่สุด บอกเขาไปเลยว่าเขาทำไม่ได้หรอก คำพูดเหล่านี้จะเป็นความท้าทายที่ไมเคิลจะต้องทำให้สำเร็จ เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่คุณพูดออกมานั้นผิด”

ตั้งแต่วัยเด็ก ไมเคิลมีคู่แข่งในสนามคนแรกเป็นพี่ชายของตัวเอง และต้องพยายามเอาชนะเพื่อให้ได้รับการยอมรับ รวมถึงความผิดหวังจากการคัดตัวเข้าทีมโรงเรียนตอนเกรด 10 ก็เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้เขาพัฒนาตัวเองและก้าวขึ้นมาเป็นยอดนักบาสในเวลาต่อมา

ทั้งหมดคือมุมมองที่เราได้เรียนรู้จากผู้ชายที่ชื่อ ไมเคิล จอร์แดน ผ่านสารคดี The Last Dance กับแนวคิดที่กลายมาเป็นพื้นฐานที่สร้างให้เขาและทีมชิคาโก้ บูลส์ ก้าวขึ้นมาเป็นตำนาน

อย่างไรก็ตามเนื้อหาและความเข้มข้นของสารคดี The Last Dance ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ และคนที่สนใจสามารถหาชมเพิ่มเติมได้ทาง Netflix กับซีรีส์อีก 6 ตอนจาก 10 ตอนที่เหลืออยู่ ถือเป็นสารคดีคุณภาพอีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาดไปในปีนี้

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line