เหล่า STONER อยากรู้หรือไม่ ‘Marijuana’ที่สูบไปทำปฏิกิริยาอย่างไรกับร่างกายคุณบ้าง?

สวัสดีสหายสายเขียวทุกท่าน ก่อนอื่นเราคงต้องขอกล่าวคำว่า เสียใจด้วย ที่พืชเฮฮา หรือ Marijuana ยังคงเป็นวัตถุผิดกฏหมายในบ้านเรา แตกต่างจากหลาย ๆ ประเทศที่ทำการปลดล็อค ให้ Marijuana กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย สามารถซื้อขายได้เป็นที่เรียบร้อย

แม้หน่วยงานปปส.ของอเมริกา กำลังจริงจังกับการหาประโยชน์ที่มีอยู่ในตัวพืชเฮฮานี้ เพื่อที่อาจนำมาใช้งานเชิงอื่น ๆ ได้ในอนาคต และ ปปส. เองก็เห็นด้วย กับการละเว้นข้อบังคับเพื่อให้ปลูกมันเพื่อใช้ในการวิจัยได้ โดยให้นักวิทยาศาสตร์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัย ปลูกมันไว้เพื่อการทดลอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ University of Mississippi คือ หน่วยงานเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกเพื่อการค้นคว้าวิจัย

อย่างที่เรารู้กันว่า ตอนนี้ได้มีการละเว้นทางกฎหมายให้ ซื้อ-ขาย และ สูบ Marijuana ได้อย่างเสรีกันแล้ว ในบางรัฐของสหรัฐอเมริกา อย่างเช่น โคโลราโด วอชิงตัน และผู้ถือบัตรอนุญาตในดูดปุ๊นได้ถูกกฎหมาย ในรัฐแคลิฟอร์เนีย หลายคนจึงเริ่มสงสัยว่า ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งผิดกฏหมายมาอย่างยาวนาน ทำไมอยู่ ๆ ถึงยอมยกเลิกมันกันแน่?

หรือจริง ๆ แล้ว มันมีผลดีมากกว่าผลเสีย? วันนี้เราจึงนำเอาผลวิจัย จากห้องแลปที่ได้รับอนุญาตให้วิจัยกัญชาโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา มาให้ดูกันว่า ผลของการสูบมันเข้าสู่ร่างกาย จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ตกลงมันสามารถช่วยลดความเจ็บปวดได้จริงหรือ? แล้วทำไม…เราถึงรู้สึกอยากกินนั่นกินนี่ตลอดเวลา? แต่ละสายพันธุ์ส่งผลกับร่างกายขอเราแตกต่างกันไหม? และ แท้จริงแล้วมันส่งผลกับสมองของเราอย่างไรกันแน่? ทุกคำถามที่คุณมี จะได้รู้คำตอบที่ถูกต้อง และชัวร์ที่สุด

Short-Term Changes

สารออกฤทธิ์หลักในกัญชานั้น มีชื่อเรียกว่า Tetrahydrocannabinol (THC) เมื่อสูบควันของมันเข้าสู่ร่างกาย โดยสารดังกล่าว จะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว และไปกระตุ้น ระบบประสาทระบบหนึ่งของเราที่ชื่อว่า Endocannabinoid ซึ่งบางครั้ง มันอาจจะส่งผลให้คุณต้องเจอกับ อาการเกิดภาพหลอน และลดความวิตกกังวลลงอย่างรวดเร็ว ส่วนในบางคน มันอาจทำให้เกิดความรู้สึกในทางลบ เช่น เครียด, วิตก, หดหู่ และรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ ยังมีอีกสารหนึ่งก็คือ Cannabidiols (CBD)​​ ซึ่งมีส่วนในการช่วยคลายความกังวล Dr. Joe McSherry นักประสาทวิทยาแห่ง The University of Vermont และผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยกัญชา ได้อธิบายเอาไว้ว่า สาร 2 ตัวนี้ คือ ส่วนผสมทางการแพทย์ที่ดีที่สุด เพื่อรักษาอาการทางประสาท เพราะพวกมันจะไปช่วยยกระดับ สิ่งที่ระบบประสาทของเราสามารถทำได้อยู่แล้ว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และส่งผลโดยตรงไปกระตุ้นให้ร่างกายต่อสู้ กับความวิตก และกลับมากระชุ่มกระชวยได้เอง

McSherry กล่าวว่า การวิจัยไม่ได้บ่งบอกแน่ชัดว่า ทำไมปุ๊นถึงมีผลต่อการรับรู้เกี่ยวกับเวลา หรือสาเหตุที่ทำให้อยากอาหารมากขึ้น แต่อาจเป็นเพราะว่า การลดระดับลงของ THC ในกระแสเลือด จึงก่อให้เกิดความอยากอาหารขึ้นมาก็เป็นได้ ประเด็นสำคัญของการใช้กัญชาในระยะสั้นนั้นอยู่ตรงที่ McSherry ได้ย้ำว่า การสูบกัญชา ไม่มีผลกระทบโดยตรงที่ทำอันตรายกับสมองแต่อย่างใด

Long-Term Use

มีงานวิจัยหลายชิ้น ที่พยายามจะเตือนเหล่ากัญชาชนว่า การสูบติดต่อกันเป็นระยะเวลานานแรมปีนั้น มีผลต่อสติปัญญา โดยเฉพาะหากใครที่ใช้มันอย่างหนักในช่วงวัยรุ่น

นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาหนึ่งที่เคยตีพิมพ์ใน Proceedings of the National Academy of Sciences เมื่อปี 2012 ระบุเอาไว้ว่า ในกลุ่มทดลองทั้งหมด 1037 คน ที่เกิดในช่วง 1972-1973 และใช้กัญชาอย่างเป็นประจำนั้น พวกเค้ามีผลการตรวจพบไปในทางด้านลบต่อระดับสติปัญญาอย่างแรง การใช้มันอย่างหนักหน่วงในช่วงวัยรุ่นนั้น ส่งผลให้ IQ ของเราลดลงไปได้ถึง 8 จุด เลยทีเดียว

แต่ในทางกลับกัน ผลการวิจัยที่ชวนเซอร์ไพรส์มากกว่าเดิม สำหรับคนในกลุ่ม Long-Term Use โดย McSherry คนดีคนเดิม ได้ทำการวิจัย และเฝ้าศึกษาชาวอังกฤษที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม รวมกว่า 6,000 คน ซึ่งทุกคนเกิดอยู่ในช่วงปี 1958-1970

ผลสรุปที่ได้นั้น ออกมาตรงกันว่า ผู้ที่มี IQ สูงกว่า มีความชื่นชอบที่จะใช้ยามากกว่า และดันใช้ชีวิตได้มีประสิทธิภาพมากกว่าอีกด้วย การวิจัยนี้ไม่ได้มุ่งเป้าแค่ปุ๊น แต่ยังรวมยาอีกหลาย ๆ อย่างชนิด ไม่ว่าจะเป็น โคเคน ยาอี และแอมเฟตามีน

McSherry ชี้ว่า ผลสรุปนี้ไม่ได้หมายความว่าการใช้ยาจะทำให้ฉลาดกว่าหรือประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ดูเหมือนว่า กลุ่มคนที่มีการศึกษาสูง และคนที่มีแนวโน้มว่าจะมี IQ ที่สูงกว่าคนทั่วไป รวมไปถึงคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ก็ใช้ยาเช่นเดียวกัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป หรือมันอาจจะเป็นเพราะพวกเขามีเงินมากกว่า แล้วก็เข้าถึงยาได้ง่ายกว่า จึงทำให้คนเหล่านี้ มีแนวโน้มมากกว่าคนทั่วไปอยู่มากเลยทีเดียว

สำหรับผลในระยะยาว McSherry กล่าวว่า การวิจัยทั้งหลาย ยังไม่มีอันไหนที่บอกว่ากัญชานั้นอันตราย “การลดจำนวนผู้ใช้ยาเป็นเป้าหมายขั้นสูง ผมไม่ต้องการสนับสนุนให้ใครใช้ยา บางครั้ง เหล้าก็สามารถฆ่าเด็กที่เมาแล้วขับได้ คุณคงนึกออกใช่มั้ย แต่ผมยังไม่เคยเห็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือตัวไหนเลย ที่บ่งชี้ว่า กัญชานั้นส่งผลโดยตรงกับสมอง เหล้ายังโหดร้ายกว่าด้วยซ้ำไป” แต่ปัญหาของพวกวัยรุ่นที่สูบกัญชากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ก็ไม่ควรถูกละเลย จริง ๆ เราน่าจะไปโฟกัสกันที่ทำไมพวกเค้าถึงอยากจะลองมันในครั้งแรกของชีวิตจะดีกว่า จะได้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง

The Promise of Medical Pot

กัญชา ในทางการแพทย์นั้น ถือว่าเป็นยารักษาที่สร้างเสียงฮือฮาในวงการมายาวนาน  มันสามารถรักษาอาการเจ็บปวดเรื้อรัง และมะเร็งได้จริง มีการวิจัยแบบเฉพาะเจาะจงเมื่อนานมาแล้ว บ่งบอกว่า กัญชา สามารถออกฤทธิ์มุ่งเป้าไปที่เนื้องอกในสมอง ที่เรียกว่า Gliomas ได้อย่างแม่นยำ

ในขณะที่นักวิจัยกำลังต่อยอดไปสู่ การรักษาโรคพิษสุนัขบ้า บาดทะยัก และโรคลมชัก แต่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในขณะนี้ McSherry กล่าวว่า “กัญชา ส่งผลดีกับกลุ่มผู้สูงอายุอย่างไม่น่าเชื่อ มันช่วยในเรื่องของการนอนหลับ ลดความวิตกและลดการอักเสบ แต่นั่นก็ยังเป็นการวิจัยเชิงทฤษฎีซะส่วนใหญ่ ในโลกของการวิจัยพืชเฮฮาในวันนี้ ยังมีคำถามมากกว่าคำตอบ รอให้เราเรียนรู้อยู่อีกมาก”

และนี่ก็เป็นผลวิจัยเกี่ยวกับ Marijuana หรือ กัญชา ซึ่งเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งในบ้านเรา ที่วิทยาศาสตร์ได้ตอบคำถามที่หลายคนสงสัยว่า เมื่อสูบมันเข้าสู่ร่างกายแล้ว มันเกิด Effect อะไรกับตัวเราบ้าง ก็อย่างที่นักวิจัยได้ทิ้งท้ายบอกกับเราเอาไว้ว่า มันยังมีอะไรมากมาย ที่ยังคงต้องค้นหากันต่อไป เกี่ยวกับพืชชนิดนี้

ถึงแม้ว่า ผลการวิจัยที่เราได้นำมาให้ดูกันในวันนี้ จะมีหลายข้อ ที่บอกว่ามันไม่อันตราย แต่มันก็ยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศที่เราอยู่อาศัยอยู่ดี เราจึงขอใช้โอกาสนี้ บอกกับทุกคนที่กำลังจะไปเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวข้องกับมันอยู่ก็ดี ถ้าเลิกข้องแวะกับมันได้น่าจะดีกว่า กับทั้งตัวคุณเอง และคนรอบข้าง จะได้ไม่ลำบาก หากเกิดโดนจับขึ้นมา รับรองได้เลยว่า จะให้เสพไปขนาดไหนก็คงจะฮาไม่ออกแน่นอน

SOURCE