

GADGETs
เปิดตัวครั้งใหญ่ ขนออกมาพรวดเดียว GoPro Hero 5 Black ,Session พร้อมเสริมทัพด้วยโดรนตัวแรก “Karma”
By: unlockmen September 21, 2016 42837
ต้องยอมรับว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่มีข่าวอัพเดทเกี่ยวกับกล้องไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ ล่าสุดค่าย Action Camera ยักษ์ใหญ่อย่าง GoPro เป็นเวลาเกือบ 2ปี ที่ไม่ได้ปล่อยสินค้าออกมาสู่ตลาดเพื่อทดแทนตัว Hero 4 จนกระทั่งมีข่าวลือหลุดออกมาก่อนหน้าแบบกระหน่ำแถมดันเป็นจริงเกือบทุกประการ GoPro เปิดตัว Hero 5 Black , Hero 5 Session และโดรนตัวแรกของค่าย พร้อมกัน 3 รุ่น บวกกับบริการคลาวด์อย่าง GoPro Plus ที่จะเข้ามาเสริม ecosystem ของ GoPro ให้หนักแน่นและน่าสนใจกว่าเดิม
จุดเด่นของ Hero 5 ทั้ง 2 รุ่นที่ปล่อยออกมาคือการกันน้ำได้ลึกถึง 10 เมตร (33 ฟุต) โดยไม่ต้องใส่เคสกันน้ำอีกต่อไป และการถ่ายวิดีโอ 4K ได้สูงสุดที่ 30 เฟรมต่อวินาที ควบคู่กับการถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse พร้อมบันทึกเสียงแบบสเตอริโอและถ่ายภาพนิ่งต่อเนื่องสูงสุดถึง 30 ภาพต่อวินาที แถมยังจัดระบบการสั่นแบบอิเล็กทรอนิกระดับ professional ตัวกล้องยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงได้มากถึง 7 ภาษา (ในตอนนี้)
สำหรับตัว Hero 5 Black มาพร้อมกับกล้องที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สามารถบันทึกภาพเป็นไฟล์ RAW ได้ และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ WDR (Wide Dynamic Range) ถ่ายวิดีโอความละเอียดอยู่ที่ 1440p สูงสุดที่ 80 เฟรมต่อวินาที และความละเอียด 1080p สูงสุดที่ 120 เฟรมต่อวินาที หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 2 นิ้ว และ GPS ส่วนเมนูการใช้งานลดปุ่มกดสั่งงานให้เหลือเพียงปุ่มเดียวเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
สำหรับ Hero 5 Session ที่ตัวเล็ก มาพร้อมกับกล้องที่มีความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 1440p สูงสุดที่ 60 เฟรมต่อวินาที และความละเอียด 1080p สูงสุดที่ 90 เฟรมต่อวินาที แต่ไม่มีความสามารถอื่นๆ เหมือนกับตัว Hero 5 Black
โดรนตัวแรกของบริษัทในชื่อ “Karma”
Karma เป็นโดรนขนาดเล็กที่พกพาง่ายพับใส่กระเป๋าเป้ได้ เน้นความสะดวกในการพกพา มีตัว stabilizer แบบ 3 แกนช่วยให้กล้องเสถียร และสามารถถอดออกจากโดรนไปใช้เป็น stabilizer แบบถือด้วยตัวเองได้ ตัวคอนโทรลเลอร์เป็นตลับ มีจอพับได้ (แนวๆ Game Boy ) ระบบการควบคุมคล้ายจอยเกม ใช้งานง่ายสำหรับทุกคน, มีฟีเจอร์รองรับแอป GoPro Passenger ให้เพื่อนควบคุมกล้องผ่าน iPad หรือ iPhone ในขณะที่เราควบคุมโดรนไปพร้อมๆกัน
แบตเตอรี่ของ Karma มีความจุ 5100mAh 14.6V สามารถบินได้นาน 20 นาทีต่อการชาร์จ 1 ชั่วโมง แบตถอดเปลี่ยนได้ ชิ้นส่วนหลายอย่างทั้งขาตั้งสำหรับลงจอด (landing gear) หรือใบพัด สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายถ้าชำรุด และจัดระบบ No-Fly Zones ช่วยให้โดรนไม่บินเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม อีกทั้งใส่ระบบบินกลับหาผู้ควบคุมอัตโนมัติเมื่อออกนอกระยะการควบคุม การเชื่อมต่อขาดหายไปหรือแม้แต่เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ก็มีระบบ Auto Shot Paths สำหรับการถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยโดรนแบบเก๋ๆให้มาด้วย
อีกส่วนชูโรงที่ได้เปิดให้ใช้กันคือ GoPro นำโซลูชัน GoPro Plus บริการคลาวด์สำหรับการเก็บภาพถ่ายและวิดีโอ ตัวกล้องจะทำการอัปโหลดภาพและวิดีโอโดยอัตโนมัติเมื่อชาร์จแบตเตอรี่ ผู้ใช้จึงจะสามารถเข้าถึงรูปภาพผ่านทางแอพฯ พร้อมปรับแต่งรูปภาพในแอพฯ GoPro ที่รีแบรนเป็น Capture ทั้งในมือถือและเดสก์ท็อป
ทั้งหมดจะเริ่มวางขายในเดือนตุลาคมนี้ โดย Hero 5 Black ราคาอยู่ที่ $399 (14,000บาท) และ Hero 5 Session ที่ $299 (10,400บาท) และ โดรน Karma อย่างเดียว ราคา $799.99 (28,000 บาท) , โดรน Karma พร้อม Hero 5 Black ราคา $1,099.99 (39,000 บาท) , โดรน Karma พร้อม Hero 5 Session ราคา $999.99 (35,000 บาท) ซึ่ง Karma สามารถใช้ได้กับกล้องของ GoPro เท่านั้น โดยรุ่นที่รองรับคือ Hero 5 Black/Session และ Hero 4 Black/Silver ส่วนบริการ GoPro Plus จะเปิดให้บริการในวันที่ 29 กันยายนนี้ พร้อมได้รับสิทธิในการเข้าถึงคลังเพลง ส่วนลด 20% สำหรับการซื้ออุปกรณ์เสริม และเสื้อผ้าจาก GoPro
โดยรวม UNLOCKMEN คิดว่าถึงแม้จะเปิดตัวยกโขยงขนาดนี้ กลับไม่ได้มีอะไรว้าวอลังการหรืออัพเดทมากมายทางด้านฟังก์ชั่น ไม่ถึงขั้นให้คนใช้ตัวเก่าต้องเปลี่ยน แต่สำหรับใครมีมองหา เลือกชื้อตัวใหม่ ก็ยังแนะนำว่าค่าย GoPro มีการันตีคุณภาพความเป็น Action Camera เบอร์ 1 มานานแล้ว และรอบนี้ก็ต้องยกให้ Karma จริงๆ ที่น่าทดลองเลือกจับเลือกใช้กันดู