

Guide
Explore Durban, KwaZulu-Natal เมืองสุดคูลสำหรับนักผจญภัยใน South Africa
By: Chaipohn April 18, 2017 58358
มันเป็นอารมณ์ที่น่าเบื่อ การทำอะไรซ้ำ ๆ ไปเที่ยวแต่ที่เดิม ๆ ถึงเวลาไปเที่ยวทีไร ก็บินไปซ้ำปลายทางยอดฮิต ไม่ญี่ปุ่น ก็ฮ่องกง ไต้หวัน เรียกว่าพอเพลิน ๆ ได้ แต่อาจจะไม่สามารถจุดไฟข้างในตัวผู้ชายอย่างเราให้ลุกโชนได้มากพอ มีผลวิจัยหลายชิ้นที่บอกไปในทางเดียวกันว่า การไปเจออะไรซ้ำ ๆ ความตื่นเต้นและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์หลักของการไปท่องเที่ยว จะยิ่งลดน้อยลงเรื่อย ๆ ดังนั้นนาน ๆ ที ผู้ชายอย่างเราควรออกไป Adventure ให้ชีวิตมันมีสีสันและความมันส์ ปั้ม Adrenaline ให้มันสูบฉีดไปทั่วร่างกายกันบ้าง
แล้วปลายทางไหนถึงจะได้ฟีล Adventure สะใจ ที่มีทั้งความมันส์ของการลุยป่าซาฟารีแท้ๆ ตามล่าหา Big 5 สัตว์รุ่นใหญ่ตัวเป็น ๆ ไม่ใช่แค่ไล่จับใน Pokemon Go ต้องลุ้นแกะรอยเท้า ส่องตามมุมป่าว่ามันจะเดินโผล่ออกมาให้เห็นหรือไม่ เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปกระโดดเล่น Surf บนทะเลคลื่นขนาดเล็กใหญ่ไปถึงยักษ์ ตบท้ายด้วยปาร์ตี้ nightlife สุดมันส์ตลอดค่ำคืน นี่เป็นโจทย์ที่เรานั่งคิดมานาน ก่อนจะไปลงเจอจุดหมายปลายทางที่เรียกว่า Durban เมืองท่าริมหาดในจังหวัด KwaZulu-Natal เป็นเมืองที่ใหญ่อันดับสามของ South Africa เจริญมากพอที่จะมี King Shaka International Airport เป็นของตัวเอง
เสน่ห์และเหตุผลที่เราเลือกไป Explore เมืองนี้ คงเป็นเพราะมันไม่ค่อยจะเคยมีคนไทยไปมากนัก search หาข้อมูลภาษาไทยก็ไม่เจอ เพราะถ้าพูดถึง South Africa หลายคนจะนึกถึง Joburg ไม่ก็ Cape Town กันมากกว่า จึงนับว่าเป็นปลายทางที่ยังมีความสดซิง น่าไปสัมผัสด้วยมือและตา ตัวเองยิ่งนัก
Durban เป็นเมืองที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทุกปี ด้วยข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ อุณหภูมิที่อบอุ่น มีครบทั้งทะเล ชายหาดล้อมรอบพื้นที่สุดลูกหูลูกตา ป่าไม้ สัตว์ป่า บาลานซ์สมดุลระหว่างธรรมชาติและความเจริญที่ลงตัว
Durban Stadium 2010 FIFA World Cup
Durban Stadium ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Moses Mabhida Stadium
ซึ่งความเจริญนั้นได้ผลบุญจากการที่ South Africa เป็นเจ้าภาพบอลโลก 2010 FIFA World Cup ซึ่ง Durban เป็นหนึ่งในเมืองที่มีสร้างสนาม Durban Stadium สำหรับใช้ทำการแข่งขันด้วย (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Moses Mabhida Stadium) หลายคนน่าจะพอคุ้น ๆ จากนัด Semi-final ระหว่าง Germany vs Spain วันที่ 7 July 2010 โดยนัดนี้มีสถิติคนเข้าดูมากถึง 60,960 คนเลยทีเดียว ด้วยข้อดีทั้งหมดนี้เอง ที่เป็นตัวเร่งให้ Durban มีการพัฒนาในหลายด้านอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2015 ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งใน New7Wonders Cities จากทั้งหมด 1,200 เมือง
รั้วบ้านไฟฟ้าแรงสูงมีให้เห็นเป็นปกติในย่าน central area
ด้วยการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ Durban เป็นเมืองที่มีช่องว่างทางฐานะอยู่พอสมควร การเดินทางไปไหนมาไหนตอนกลางคืนจึงต้องระมัดระวังอยู่บ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับ neighborhood ที่เราไปอยู่ ซึ่งก็เหมือนกับหลาย ๆ ประเทศ แม้แต่ประเทศไทยเองก็ตาม เช่นในบางพื้นที่ เราจะเห็นทุกบ้านล้อมรอบด้วยลวดหนามไฟฟ้า แม้จะตกใจ แต่ก็คงจะให้อารมณ์เดียวกันเวลาชาวต่างชาติมาเห็นเศษขวดแก้วฝังบนกำแพงบ้านเรา
ในขณะบางพื้นที่เต็มไปด้วยโรงแรมหรูริมชายหาด เช่นย่าน Lighthouse Rd, Umhlanga Rocks ที่มี The Oyster Box Hotel โรมแรมระดับ 5 ดาว ที่แพงที่สุดใน Durban ตั้งอยู่ ราคาห้องพัก garden view เริ่มต้นแถว ๆ 20,000 บาท ไปจนถึงห้องพักระดับ Presidential Suite ราคาประมาณ 140,000 บาทต่อคืน เป็นจุดหมายที่บรรดาคนมีชื่อเสียงมากมายต้องแวะมา ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin, นักเตะระดับ Rio-Ferdinand รวมถึงศิลปินนักร้องอย่าง Nicky Minaj, Kendrick Lamar ที่นี่จึงเป็นเหมือนจุดรวมบรรดานักท่องเที่ยว Hi-so มากหน้าหลายตา
แต่จากการสอบถามคนในพื้นที่ทำให้รู้ว่าปัจจุบัน Durban ไม่ได้น่ากลัวอย่างในยุคก่อนพัฒนา คนที่นี่ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะ friendly คุยง่าย อาจจะมีคนเดินมาขอเงินบ้างตามถนนใหญ่ เพราะต้องยอมรับว่าคนจนในเมืองยังมีอยู่เยอะ หรือการเดินสะพายกล้อง กระเป๋าราคาแพงคนเดียวตอนกลางคืน ก็ถือว่าเสี่ยงไม่ว่าจะอยู่ใน Durban หรือ New York ซึ่งจากการที่เราได้สัมผัสมา ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดังนั้นใครที่แพลนว่าจะไปก็สบายใจได้ว่า South Africa ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
มาถึง Durban เมืองที่ขึ้นชื่อโด่งดังว่าเป็น Beachfront City ที่แรกที่เราพุ่งไปจึงต้องเป็น Golden Mile ชายหาดความยาวกว่า 6 กิโลเมตร เป็น attraction ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาให้ได้ ไม่ใช่เฉพาะนัก Surfers ที่หมายจะขี่คลื่นยักษ์ อาบแสงอาทิตย์อบอุ่น นักว่ายน้ำใจกล้าที่กระโดดจากสะพานสูงยื่นลงไปในทะเลสวยงามแม้คลื่นจะดูรุนแรง
ด้านความปลอดภัยถือว่าหายห่วง มี Life Guard ร่างกำยำคอยสอดส่องความเรียบร้อยให้นักท่องเที่ยวตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น มีตาข่ายกั้นฉลามกินบริเวณกว้าง มีครอบครัวมาทำกิจกรรมต่าง ๆ บนหาดทราย เรียกว่าถ้าเห็นบรรยากาศของ Golden Mile คุณจะต้องประทับใจจนลืมข่าวลือความน่ากลัวของเมืองนี้ไปอย่างสนิทใจ
ในฐานะเมืองท่องเที่ยวริมทะเล เรื่องปาร์ตี้ย่อมต้องมีดีไม่น้อยหน้า ถนนที่มีสีสันด้าน Nightlife จะรวมตัวกันอยู่บน Florida road ร้านที่ได้รับความนิยมที่สุดระดับ DND เมืองไทยบนในย่านนี้ได้แก่ Dropkick Murphy คลับสุดมันส์ แหล่งรวมนักท่องเที่ยววัยรุ่นประจำ Durban ถ้าอยากเจอสาวนักท่องเที่ยวล่ะก็ แนะนำที่นี่เลย
หรือถ้าอยากเน้นแนวคน local หน่อย ขอแนะนำเป็น CAPPELLO ร้านนั่งชิวหัวมุมถนน ในบรรยากาศสบาย ๆ ที่นี่ทำให้เราได้รู้ว่าวัยรุ่น Durban ค่อนข้างจะชิวและคุยง่าย ไม่มีพิษมีภัยอะไร
มาถึง Durban กันทั้งที นอกจากใช้เวลาเสพความคูลในเมือง เราต้องไม่พลาดออกไปลุยผจญภัยกันแบบแมน ๆ กิจกรรมขึ้นชื่ออีกอย่างของเมือง KwaZulu-Natal คือการเสพธรรมชาติ นั่งรถ 4×4 เข้าไปล่า Big 5 ที่เรียกว่า Early morning game drive โดยเราต้องนั่งรถออกจากเมือง Durban ไปประมาณ 3 ชั่วโมง จนกระทั่งถึงเมือง Hluhluwe เมืองที่มีภูเขา ป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์
Hluhluwe เป็นจุดหมายยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวในการนั่งรถส่องสัตว์ป่า มี Safari Game Reserve ให้เลือกหลายที่ ทุกที่มักจะมีที่พักคอยให้บริการแบบครบวงจรด้วย ถือว่าเป็นการนอนใกล้ธรรมชาติที่สุดเท่าที่เราเคยสัมผัสมา
สวนที่เก่าแก่ที่สุด สัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดของ Hluhluwe ที่เราแนะนำชื่อว่า Hluhluwe-iMfolozi Game Reserve คนขับก็จะพาเราลุยเข้าไปตามเส้นทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ (ประมาณตี 5 ครึ่ง) แกะร่องรอยอย่างชำนาญว่าตัวอะไรอยู่ตรงไหน ซึ่งความสนุกคือการลุ้นกว่าจะได้เห็น Big 5 ครบหรือไม่ ถ้าใครไปแนะนำให้พกเลนส์ tele 70-200 ไปด้วย จะได้ไม่พลาดช่วงโอกาสสำคัญ
นอกจาก Safari Game Reserve แล้ว อีกจุดหมายที่ต้องไปส่องสัตว์น้ำรุ่นใหญ่ก็คือ iSimangaliso Wetland Park สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอันเก่าแก่ของ KwaZulu-Natal ถูกขึ้นชื่อเป็นมรดกโลกจากความอุดมสมบูรณ์ของป่าและความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต เราสามารถใช้บริการล่องเรือไปตามทะเลสาบ St Lucia เพื่อดูความเป็นอยู่ตามธรรมชาติของสัตว์ต่าง ๆ โดยไกด์บอกเราว่าที่นี่เป็นบ้านของจระเข้กว่า 1,200 ตัว ฮิปโปกว่า 800 ตัว และนกอีกกว่า 526 สายพันธุ์ ขอเตือนว่าอย่าไปปาอะไรยั่วโมโหฮิปโปอย่างเด็ดขาด เพราะเห็นตัวอวบ ๆ แบบนี้ ไกด์บอกว่ามันวิ่งได้เร็วสูสีกับ Usain Bolt เลยทีเดียว
อีกจุดที่เราแนะนำให้ไป เพื่อสัมผัส Zulu Culture ของชนเผ่าพื้นเมืองที่ PHEZULU Safari Park ไฮไลท์ของที่นี่คงเป็นการดูวัฒนธรรม Zulu Dance ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องพิธีกรรมต่าง ๆ ตามวิถีชนเผ่าดั้งเดิม การจีบสาว การแต่งงาน การใช้ชีวิตของชายหญิงชนเผ่า ทำให้เรารู้ว่าผู้ชายในวัฒนธรรม Zulu สามารถมีภรรยากี่คนก็ได้ และที่นี่จะมีเบียร์ craft ของแท้ที่ชนเผ่าทำดื่มกันแบบดั้งเดิมให้ลองชิมด้วย เป็นการเรียนรู้วัฒนธรรม Zulu แบบ Edutainment ที่สนุกสนานดี และวิวของ PHEZULU ถือว่าสวยงามมาก คุ้มค่าที่แวะมาแน่นอน
เนื่องจากเป็นปลายทางที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชิน เราเลยอยากจะแชร์ไอเดียการเดินทางจากกรุงเทพไปถึง Durban สักหน่อย เราบินด้วยสายการบิน Qatar Airways จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปเปลี่ยนเครื่องที่ Doha ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง และบินต่อจาก Doha ไป Durban ใช้เวลาอีกประมาณ 10 – 11 ชั่วโมง
และขากลับเราได้ขอ Transit Visa เพื่อแวะเที่ยวต่อใน Doha อีกหนึ่งต่อ ซึ่งสามารถขอได้ฟรี แวะเที่ยวที่นี่ได้นานถึง 96 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้มีธุระให้รีบกลับบ้าน ก็จองโรงแรมอีกสักคืน แวะไปเดินเล่น ดูดบารากุ จิบกาแฟชิว ๆ ในตลาด Souq Waqif หรือ Islamic Art Museum ซึ่งถ้าใครอยากนอนแบบชิค ๆ ติด Souq Waqif ขอแนะนำให้นอนที่ ARUMAILA Boutique Hotel ที่อยู่ในตลาดนี้เลย
และเนื่องจากทริป South Africa เป็นทริปที่ต้องใช้พลังร่างกายเยอะมาก เราอยากแนะนำให้นั่ง Business Class เพื่อเก็บแรงไว้เดินทาง เพราะที่นั่ง Business Class ของ Qatar นั้นถือว่าสบายสุดยอด อาหารการกินยอดเยี่ยม เครื่องดื่มมีให้เลือกทุกประเภท ตั้งแต่ Champagne, Sparking Wine, Red Wine, White Wine, Beer, Whisy, Cocktails มีแม้แต่โซนบาร์เหล้าบนเครื่อง พร้อม Bartender ประจำการหนึ่งคน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบนอนบนเครื่องบิน เรียกว่าทั้งทริปนี้ ช่วงที่สบายที่สุดก็คือการนั่งเครื่องบินนี่แหละครับ
ความประทับใจใน flight กับ Qatar Airways ที่เรารู้สึกว่าการนั่ง Business Class ช่างคุ้มค่ามาก นอกจากความสบายตลอดทริปแล้ว ความไว้ใจได้ของสายการบินก็ทำได้ยอดเยี่ยม ขากลับจาก Durban ไป Doha เราลืมกล้อง Sony A7 mark ii + เลนส์ zeiss 24 – 70 รวมมูลค่าหลักแสนบาทไว้บนเครื่อง กว่าจะนึกออกก็ตอนเดินเล่นใน Doha แล้วเรียบร้อย ว่าแล้วก็รีบโทรไปประสานงานกับทาง Qatar Airways ทันที และเราก็ได้กล้องใส่ถุงพร้อมมอบคืนให้เสร็จสรรพภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่เราเชื่อว่าแม้จะเป็น Economy seat ก็คงจะได้ผลลัพธ์จากทางสายการบินไม่ต่างกัน (ถ้าผู้โดยสารคนอื่นไม่หยิบไปเอง)
ขอขอบคุณสายการบิน Qatar Airways สำหรับการนำกล้องกลับมาให้ ณ ที่นี้อีกครั้งครับ ใครที่อยากบินครั้งต่อไป เราขอแนะนำให้เข้าไปดูเส้นทางใหม่ ๆ รวมถึงโปรโมชั่นดี ๆ ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/qatarairways/
Website: www.qatarairways.com