มนุษย์กรุงเทพฯ คนไหนที่เบื่อความแออัดและการใช้ชีวิตในเมือง อยากหันหน้าเดินทางเข้าสู่ชีวิตแบบธรรมชาติ แต่ก็ยังรักไลฟ์สไตล์แบบลักซูรี เราคิดว่าไอเท็มนี้น่าจะตอบโจทย์ Jupe เชลเทอร์ขนาดเล็กแบบพกพาไปที่ไหนก็ได้ ซึ่งรังสรรค์โดยอดีตดีไซนเนอร์จากบริษัทที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Tesla และ SpaceX Jupe เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นที่อยู่อาศัยแบบเคลื่อนย้ายได้ และสามารถกางออกพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ตัวเชลเทอร์จะมีเสาโครงอลูมิเนียมที่มีความทนทาน ประกอบกับผืนผ้าใบที่มีคุณสมบัติทนทานกันน้ำกันไฟด้วยดีไซน์ภายนอกที่มีความมินิมอลล้ำยุค เหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟ ให้คุณพร้อมย้ายตัวเองจากความวุ่นวายไปหาธรรมชาติได้โดยไม่ขาดปัจจัยสำคัญด้วย WiFi Router และแผงโซลาร์ ระบบแบตเตอรี่ขนาด 200 Ah, ไฟ LED ส่องสว่าง รวมถึงอุปกรณ์ Smart home อย่าง Sonos speaker และ Alexa ภายในมีความกว้างขวางด้วยพื้นที่ถึง 10 ตารางเมตร สามารถนำเตียงขนาดควีนไซส์ โต๊ะ เก้าอี้ ใส่เข้าไปข้างในได้แบบสบาย ๆ เหมือนเป็นบ้านขนาดเล็กเลยทีเดียว ส่วนหน้าสามารถเปิดรับชมวิวภายนอกได้แบบเต็มตา ส่วนพื้นไม้ก็สามารถเปิดใช้เป็นช่องเก็บของได้มากพอที่จะเก็บกระเป๋าเดินทางได้ถึง 10 ใบเลยทีเดียว Jupe Urban Escape Pod
ท่ามกลางความวุ่นวายของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน การให้รางวัลกับตัวเองด้วยออกไปพบกับโลกที่เราทุกคนสามารถเลือกดื่มด่ำไปกับรูปแบบชีวิตที่พิถีพิถัน ถือเป็นการพักผ่อนชาร์จพลังให้ชีวิตด้วยอีกขั้นของไลฟ์สไตล์ซึ่งเราขอนิยามด้วยคำว่า ‘Live High’ การมีความสุขกับสิ่งที่ใช่ซึ่งช่วยเติมเต็มวิถีชีวิตยุค New Normal ให้มีความสุข เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ในทุก ๆ วัน และในวันนี้ UNLOCKMEN ร่วมกับ YAMAHA Grand Filano Hybrid จะชวนผู้อ่านทุกท่านออกไปค้นพบพิกัดเติมความสุขกับสิ่งที่ใช่ในวิถี ‘Live High’ ใช้ชีวิตอย่างมีคลาสกับ 3 กิจกรรม จาก 3 สถานที่ไม่ใกล้ ไม่ไกล สามารถจัดโปรแกรม One Day Trip มีเวลาว่างแค่วันเดียวก็สามารถออกไป ‘Live High’ ได้ครบทุกโลเคชั่น เพราะแต่ละที่นั้นล้วนแล้วแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสช่วงเวลาแห่งความสุขสุดพิถีพิถันด้วยตัวเอง สำหรับพิกัดใช้ชีวิตแบบ ‘Live High’ ที่แรก คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การเริ่มต้นวันใหม่ภายใต้บรรยากาศดี ๆ ที่ The Hub Cafe and Eatery คาเฟ่เรือนกระจกที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยพระรามเก้า 41 ซึ่งโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโมเดิร์นชั้นเดียว หลังคาทรงจั่วประกอบแผ่นไม้สีเข้มเข้ากับกระจกบานใหญ่
สำหรับใครที่ชื่นชอบเล่นกีฬาท้าทายความสามารถ ค่อนข้างจะผาดโผน และที่สำคัญคือต้องเปียก วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปรู้จัก Skim Cafe สถานที่จิบกาแฟ Hang Out พบปะผู้คนเจ๋ง ๆ ที่มีพื้นที่เล่นกิจกรรมมันส์ ๆ อย่าง Skim Board เอาไว้รองรับมาฝากกัน บอกเลยว่า สำหรับคนที่กำลังมองหากีฬาใหม่ ๆ ที่ได้ออกแรงทุกส่วนของร่างกาย แถมยังได้ความเร้าใจห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ก่อนอื่นเรามารู้จักกับกีฬา ‘Skim Board’ ที่ว่ากันนี่ก่อนเลยดีกว่า โดยคุณโจ้เจ้าของร้าน Skim Cafe เล่าว่า “จริงๆ แล้ว Skim Board เริ่มต้นครั้งแรกที่ Laguna Beach, California โดยเริ่มจาก Lifeguard (ยามชายฝั่ง) ใช้แผ่นไม้ทรงกลม ๆ หรือวงลี เป็นพาหนะไถเรื่อย ๆ ในการตรวจตราตามหาด ส่วนในประเทศไทยเนี่ย จริง ๆ ก็มีมาประมาณ 10 ปีแล้ว และเหมือนจะได้รับความนิยมมาช่วงนึง แต่มันก็ไม่ได้มีการโปรโมทจริงจัง”
วันหนึ่ง Kyle Burgess ชาวสหรัฐฯ ในรัฐยูทาห์ ได้ออกจากบ้าน เผื่อมาวิ่งบนภูเขา วันนั้นน่าจะเป็นวันที่เขาได้ออกกำลังกายชิลๆ ถ้าไม่เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันซะก่อน! เมื่อเขากำลังวิ่งในหุบเขา Slate Canyon ที่อยู่ใกล้เมือง Provo ของรัฐยูทาห์ โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เขาก็โดนสิงโตภูเขาเพศเมีย หรือที่เรียกกันว่า คูการ์ (cougar) ไล่ตามเป็นเวลากว่า 6 นาที ซึ่งเขาได้ถ่ายคลิปตอนที่เผชิญหน้ากับมันไว้ด้วย “Go away! I’m big and scary!” ถ้อยคำที่ Burgress พูดใส่ cougar เพื่อขู่ให้มันเลิกตามเขา ซึ่งในขณะที่เขาโดนมันไล่ตาม เขาก็เดินถอยหลัง เพื่อเผชิญหน้ากับมันตลอดเส้นทางโดยที่ไม่หันหลังให้มันเลย สุดท้าย เมื่อเขาเห็นว่ามันไม่ได้ผล จึงได้รวบรวมความกล้า และปาหินใส่สิงโตตัวเมียตัวนั้น และมันก็วิ่งหนีไปในที่สุด UNLOCKMEN เห็นว่าเหตุการณ์นี้น่าสนใจ เลยอยากพูดถึงวิธีการเอาตัวรอดจาก cougar ที่ถูกต้องซะหน่อย เพื่อให้ทุกคนสามารถเอาชีวิตรอด เวลาไปเที่ยวบนภูเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย cougar ดุร้ายแค่ไหน? Cougar เป็นคำเรียกสิงโต หรือ
จะมีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ดีไปกว่าการได้พักผ่อนกลางแจ้งท่ามกลางบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ออกไปสูดอากาศสดชื่นสักหน่อย เพลิดเพลินกับพื้นที่โล่งกว้าง และดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ ซึ่งผลการสำรวจของ Booking.com เผยว่าทริปที่ทำให้ผู้เดินทางได้กลับไปใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกครั้งเป็นทริปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 เมื่อสามารถออกเดินทางได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง* พักสายตาจากภาพอันคุ้นตาผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม มาเป็นทิวทัศน์อันงดงามของหมู่ดาวในท้องฟ้ายามราตรี และถือโอกาสเชื่อมสัมพันธ์อีกครั้งกับคนที่คุณรัก สัมผัสอากาศรอบตัวที่สดชื่น และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ลืมภาพการพักในเต็นท์บนโคลนเปียก ๆ ต้องคอยกังวลเวลาฝนตก หรือการเดินทางไปตั้งแคมป์บนพื้นที่ห่างไกลไปได้เลย เพราะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้วงการแคมป์ปิ้งได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เข้าพักได้ใกล้ชิดธรรมชาติในเต็นท์ที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และหากใครยังไม่รู้จะหาที่พักเพื่อออกแคมปิ้งได้จากไหนล่ะก็ Booking.com ได้ค้นหาตัวเลือกที่พักที่มีอยู่กว่า 29 ล้านรายการ รวมถึงที่พักประเภทแคมป์ แกลมปิ้งสุดหรู ที่พักสไตล์เต็นท์ และหมู่บ้านพักตากอากาศที่มีเกือบ 2 ล้านรายการ เพื่อแนะนำที่พักแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ให้ผู้เดินทางได้ออกไปสัมผัสธรรมชาติได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง ในระหว่างที่พักผ่อนและคลายความเครียดไปกับประสบการณ์ตั้งแคมป์ที่ยอดเยี่ยม Lala Mukha Tented Resort Khao Yai Lala Mukha Tented Resort เต็นท์รีสอร์ททางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ เพราะถูกโอบล้อมไปด้วยทิวเขาสุดตระการตา และเพื่อให้ผู้เข้าพักได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่โอบล้อมได้ดียิ่งขึ้น ที่พักได้นำเสนอสระว่ายน้ำกลางแจ้งและเต็นท์ที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันเหมาะสำหรับผู้มาตั้งแคมป์ครั้งแรก ให้ผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง นอกจากนั้นผู้เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินไปกับการทำบาร์บีคิวหรือทำอาหารในเวลาว่าง หลังจากใช้เวลาเอกเขนกไปกับคาเฟ่ภายในที่พัก
น้อยคนที่จะไม่รู้จักอาคารเก่าแก่ 3 ชั้นใกล้หัวลำโพงอายุนับ 100 ปี ที่เคยเป็นทั้งธุรกิจโรงพยาบาล ธนาคาร และอาบอบนวดอย่าง “Mustang Blu” หรืออีกชื่อยอดฮิตที่พูดแล้วต้องร้องอ๋อชี้พิกัดถูกว่ามันคือ “คลีโอพัตรา” ซึ่งปิดกิจการไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา MANCAVE ครั้งนี้ UNLOCKMEN จึงขอชวนคุณเดินทางไปที่นี่อีกครั้งในวันที่ไม่มีคลีโอพัตราอาบอบนวด แต่แทนที่ด้วยห้องพักสวย ๆ พร้อมให้ Booking ค้างคืน สัมผัสเสน่ห์วินเทจแท้ของสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอายุนับศตวรรษที่ทั้งขลังทั้งมีเสน่ห์ หรือถ้ามีเวลาไม่มาก การแวะมาเยี่ยมเยือนชั่วคราวชื่นชมความสวยงามของโครงสร้างข้างในระหว่างจิบเครื่องดื่มและละเลียดเมนูอร่อย ๆ ชั่วคราวในคาเฟ่ก็ถือว่าคุ้มค่า เรียกง่าย ๆ ว่า ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือค้างคืน ถ้าไปเยือนแล้วที่นี่จะเป็นที่ ๆ คุณติดใจอยากจะมาพักใหม่ บอกตามตรงว่าก่อนจะเปลี่ยนมือจากอาบอบนวดมาเป็นโรงแรมและคาเฟ่สไตล์โคโลเนียลเหมือนปัจจุบันที่คนแห่แหนกันต่อคิวเข้าไป พวกเราเองยังไม่เคยมีโอกาสย่างกรายเข้าไปใช้บริการมาก่อน แต่ทันทีที่ก้าวพ้นประตูเข้ามาในอาคาร แม้จะไม่รู้ว่าสภาพดั้งเดิมเคยเป็นอย่างไรมาก่อน แต่ก็รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่อีกพื้นที่หนึ่งทันที บรรยากาศคอนทราสต์กับด้านนอกชัดเจน เพราะการตกแต่ง บรรยากาศ และเสียงเพลงสไตล์บทกวีอาหรับที่กล่อมเกลาไปทั่วทั้งอาคาร ทุกองค์ประกอบที่เราเห็นเหล่านี้คือผลงานการสร้างสรรค์ของ คุณจอย อนันดา สไตลิสต์และโชว์ไดเรกเตอร์ชื่อดังในวงการแฟชั่น โปรเจกต์ The Mustang Blu
วันหยุดพักผ่อนมักลวงตาให้เราต้องกระเสือกกระสนเดินทางไปต่างจังหวัด ทั้งที่กลางกรุงเองก็มีสถานที่พักผ่อนอัดแน่นวัฒนธรรม มีอาหารดี ๆ มีที่ให้นอน แม้ในมุมที่เป็นย่านการค้าพลุกพล่านอย่างเยาวราชตอนนี้ก็เริ่มผุดทั้งคาเฟ่และโฮมสเตย์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจขึ้นมา 350 STATION CAFE & HOMESTAY คือคลาสสิกคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งใหม่ย่านเยาวราชที่เกิดขึ้นจาก คุณต๊ะและคุณแลม คู่หูนักเดินทางที่รักการเดินทางด้วยรถไฟ ฝันอยากสร้างที่พักเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง จนกระทั่งได้ตึกแถวสไตล์ลูกครึ่ง จีนผสมชิโน-โปรตุกิส (Sino-Portuguese) ซึ่งเคยเป็นอดีตร้านขายอะไหล่มอเตอร์ไซค์ใกล้วงเวียน 22 มารีโนเวต จึงปรับพื้นที่ด้านล่างเป็นคาเฟ่และด้านบนเป็นที่พักสไตล์โฮมสเตย์ ด้านหน้าร้านตกแต่งสไตล์วินเทจด้วยประตูบานเฟี้ยมโบราณ มีต้นไม้สีเขียวสบายตา ใครเดินผ่านไปมาจะรู้สึกคล้ายเป็นโอเอซิสบนถนนมังกร ชวนให้อยากเดินเข้าไปพักดื่มเครื่องดื่ม แต่อาคารพาณิชย์ 2 ชั้นแห่งนี้มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก้าวเข้าไป เพราะทำให้เรารู้สึกเหมือนเดินเข้าพิพิธภัณฑ์จากการเก็บโครงสร้างดั้งเดิมของผนังที่กร่อนตามกาลเนื่องจากเจ้าของร้านสั่งให้ช่างเคลือบร่องรอยทั้งหมดไว้เพื่อให้คงความสวยงาม 350 station สถานีคลายความเหนื่อยล้า ชื่อร้าน 350 Station & Homestay มาจากคอนเซ็ปต์ “ยุครถไฟรุ่งเรือง” เพราะเจ้าของตั้งใจให้ที่นี่เป็น “สถานีหมายเลข 350” สำหรับพักกายใจของนักเดินทาง จากเหตุผลที่ลงตัวระหว่างความชอบเดินทางด้วยรถไฟ เอกลักษณ์ของการเดินทางด้วยรถไฟที่ค่อนข้างช้าไม่เร่งรีบเหมาะให้สโลว์ไลฟ์ ประกอบกับโลเคชั่นของร้านตั้งอยู่ในย่านสถานีรถไฟหัวลำโพงซึ่งจะปิดทำการและเปิดให้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ส่วนตัวเลข 350 นั้นมาจากเลขบ้านเลขที่ของคาเฟ่และโฮมสเตย์แห่งนี้ แต่ความประณีตที่ทำให้
“ไม่ใช่แค่การซื้อห้องหรือคอนโดในหัวหิน นี่คือการซื้อรีสอร์ทตากอากาศ ที่มีบริการระดับเดียวกับโรงแรม Intercontinental ทั่วโลก บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ใจกลางหัวหินติดชายหาดที่สวยและสงบมากจริง ๆ” นี่คือบทสรุปที่เรารู้สึก หลังจากได้เข้าไปดูและทำความรู้จักกับโครงการ Intercontinental Residences Hua Hin “หัวหิน” ตำนานที่เริ่มจากหมู่บ้านชาวประมงริมทะเล ที่มีชายหาดสีขาวสวย สงบ ร่มรื่น ถูกค้นพบระหว่างการสำรวจเส้นทางเพื่อสร้างทางรถไฟ จึงถูกรายงานไปที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงมีคำสั่งให้สร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่ประทับแปรพระราชฐานในฤดูร้อน ในรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีการสร้างวังไกลกังวล (Far From Worries) ซึ่งมีความหมายที่แสดงถึงความเป็นหัวหินได้ตรงตัว และหลังจากนั้นเหล่าขุนนางตระกูลใหญ่ก็เริ่มตามมาจับจองสร้างที่พักอาศัย ทำให้หัวหินมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความสวยงามของทะเลที่รักษาเอาไว้เนื่องจากประวัติศาสตร์นี้เอง มีหลายโครงการในหัวหินที่บอกว่าตั้งอยู่ริมหาดในตำแหน่งที่ดีที่สุด เราคิดว่าหนึ่งในโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางติดทะเลหัวหิน ในทำเลที่ดีมาก ๆ ก็คือ Intercontinental Residences Hua Hin ที่ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 71 ฝั่งทะเล อยู่ใจกลางหัวหินซึ่งในอดีตเป็นที่ของขุนนางเก่าและตระกูลใหญ่ โรงแรม 5 ดาวจำนวนมาก จึงเลือกยึดพื้นที่หาดที่สวยที่สุดจุดนี้ไว้เช่นกัน ดังนั้นจึงการันตีได้ว่าตำแหน่งนี้ จะมีชายหาดที่สวยสะอาดอยู่เสมอ
ธนาคารกสิกรไทย ปล่อยแคมเปญ “รวมใจเที่ยวไทย” ชวนคนไทยเที่ยวทั่วไทยไปทุกที่อย่างปลอดภัย เปิดให้ลูกค้าร่วมสนุก กติกาแสนง่าย เพียงโพสต์และแชร์ภาพเที่ยวไทยแบบไหนก็ได้ที่อยากบอกให้โลกรู้ว่าเที่ยวไทย แล้วติด #รวมใจเที่ยวไทย ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับที่พัก และบัตรเติมน้ำมันกว่า 20 รางวัล พิเศษสุด ๆ ด้วยการรวมดีลท่องเที่ยวสุดคุ้มให้ช้อป บน K+ Market ในแอป K PLUS ด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 80% ทั้งที่พัก บริการนวดสปา รถเช่า จากผู้ให้บริการชั้นนำกว่า 30 ราย ไม่ว่าจะเป็น Kalima Resort & Spa Phuket ลดสูงสุด 80%, Ao Prao Resort Koh Samed ลดสูงสุด 60%, Katathani Phuket Beach Resort ลดสูงสุด 50%, Sense a Rosewood Spa
ประเทศไทยอยู่กับช่วงเวลาล็อกดาวน์มาเป็นเวลา 3 เดือนกว่าแล้ว คิดว่าผู้ชายหลาย ๆ คนคงอยากจะเที่ยวเต็มแก่ เอาหน้าไปปะทะลมทะเล ออกไปยืดเส้นยืดสายด้วยการเดินป่าขึ้นเขา เอาตัวไปตากแดดให้ผิวซีด ๆ กลับมามีสีแทนอีกครั้ง แต่ดูจากสถานการณ์แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองออกไปทำแบบนั้นได้อีกตอนไหน อีกทั้งเงินในกระเป๋าก็ดูจะไม่อำนวยให้ออกทริปสักเท่าไร วันนี้ UNLOCKMEN มีไอเดียแก้ขัดให้คุณหายอยากกันไปพลาง ๆ ก่อน คือ การเที่ยวโดยใช้ “Google Street View” แอปคุ้นหูที่ถูกหลงลืมในชีวิตประจำวัน เพราะส่วนใหญ่มักจะใช้Google Maps ในการค้นหาเส้นทางการเดินทางเสียมากกว่า แต่ในเมื่อคุณออกเดินทางไปไหนไม่ได้ งั้นลองปัดฝุ่น “Google Street View” ขึ้นมาอีกครั้ง ใช้เป็นค่าผ่านทางแทนตั๋วเครื่องบินกันดีกว่าไหม อย่างที่ทราบกันดีว่าฟีเจอร์ “Google Street View” ถูกแยกออกจาก Google Maps เป็นอีกแอปหนึ่งโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถเปิดดูถนน ตรอกซอกซอยต่าง ๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดใช้แผนที่บน Google Maps ให้ยุ่งยาก อีกทั้งใน Google Street View ผู้ใช้ทั่วไปยังสามารถแชร์รูป Panorama
ชีวิตคือการปรับตัวให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หลัง COVID-19 มีหลายสิ่งในชีวิตที่ผู้ชายอย่างเราต้องปรับตัวครั้งใหญ่ “การเดินทางโดยเครื่องบิน” เองก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องเปบี่ยนแปลงมหาศาลทั้งในแง่อุตสาหกรรมการบิน การรักษาความปลอดภัย รวมถึงเรื่องความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ ครั้งหนึ่งการเดินทางโดยเครื่องบินนั้นอาจถูกจำกัดไว้เฉพาะผู้โดยสารที่มีสภาพคล่องทางการเงินเท่านั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินยังกระจุกตัวและมีต้นทุนสูง ก็ไม่แปลกที่ค่าโดยสารจะยังแพงลิบเกินคนทั่วไปจะเอื้อมถึง จนกระทั่งมาถึงยุคสายการบินต้นทุนต่ำที่ทำให้การบินลัดฟ้านั้นแสนสะดวก เข้าถึงง่าย บางทีนึกอยากไปไหนพรุ่งนี้ กดจองตั๋ววันนี้ พรุ่งนี้เดินตัวปลิวขึ้นเครื่องก็ยังไหว การเดินทางโดยเครื่องบินจึงกลายเป็นอีกตัวเลือกแรก ๆ ที่หลายคนใช้เมื่อต้องการไปติดต่อธุรกิจสำคัญ หรือพักผ่อนหย่อนใจ อย่างไรก็ตาม COVID-19 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำให้สายการบินทุกสายต้องขยับตัว หลังเหตุโศกนาฎกรรม 911 กฎการบินก็เข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น จนเพิ่มหลายขั้นตอนในการตรวจสอบความปลอดภัย จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า อุตสาหกรรมและกฎการบินหลัง COVID-19 นี่จะต้องเปลี่ยนแปลงมากกว่าหรือน้อยกว่าเหตุการณ์การก่อการร้ายครั้งนั้น? ผู้เชี่ยวชาญระบุตรงกันว่านี่อาจเป็นคราวที่อุตสาหกรรมและกฎการบินต้องปรับตัวครั้งใหญ่ที่สุด UNLOCKMEN รวบรวมผลกระทบคร่าว ๆ ที่ผู้โดยสารอย่างเราต้องรับมือในวันที่หลายอย่างเปลี่ยนแปลง เช็กอิน 4 ชั่วโมง: เครื่องบินอาจไม่ใช่การเดินทางที่รวดเร็วดังใจอีกแล้ว ข้อดีอันดับต้น ๆ ที่เราเลือกโดยสารเครื่องบินเป็นหลักคือความสะดวกรวดเร็ว เราสามารถบินตรงสู่เชียงใหม่หรือภูเก็ตได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ยิ่งถ้าเช็กอินออนไลน์ และไม่มีกระเป๋าต้องเอาโหลดใต้เครื่อง เราสามารถนับเวลาตั้งแต่เหยียบสนามบินต้นทางจนถึงสนามบินปลายทางภายในเวลาสองชั่วโมงกว่า ๆ สามชั่วโมงเท่านั้น แต่ COVID-19 จะทำลายความรวดเร็วดังกล่าวไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย
“ถ้าเราเหนื่อยล้าจงเดินเข้าป่า” เนื้อเพลงท่อนฮิตที่ฮิตติดลมบนอยู่หลายเดือนท่อนนี้คงยังติดหูใครหลายคนมาจนถึงตอนนี้ ที่เศร้ากว่าตอนนั้นก็คือ ไม่ว่าเราจะเหนื่อยล้าแค่ไหน ตอนนี้อย่าว่าแต่เดินเข้าป่า เข้าเขา เข้าทะเลที่ไหน เข้าร้าสะดวกซื้อใกล้บ้านก็ยังมีเวลาจำกัด (เพื่อความปลอดภัย) จึงไม่แปลกที่มนุษย์สายเที่ยว หรือแม้แต่สายไม่เที่ยวจะนั่งหน้าเหี่ยวหมดอาลัยตายอยากกันไปหมด แต่ทุกปัญหาต้องมีทางออกสินะ? ทำไมเหนื่อยล้าต้องเดินเข้าป่า? ธรรมชาติเยียวยาเราจริงไหม บางทีก็สงสัยใครรู้ว่าเหนื่อยล้าแล้วเดินเข้าป่าแล้วจะหายอย่างที่เพลงร้องเอาไว้จริงไหม? แต่หลาย ๆ ครั้งเวลาได้ไปเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติทีไร หัวใจก็พองโตทุกที ก็ไม่รู้ว่าพองเพราะธรรมชาติ เพราะอากาศดี หรือเพราะได้หยุดงานไปเริงร่ากันแน่? แต่เมื่ออยู่บ้านนาน ๆ (ออฟฟิศก็ไม่ต้องไป รถติดก็ไม่ต้องฝ่า) เรากลับพบว่าผนังห้อง เตียงนุ่ม หรือการดูซีรีส์ทั้งวันมันไม่อาจเยียวยาเราได้ขนาดนั้น ธรรมชาติจึงอาจช่วยเยียวยาเราได้จริง นักวิจัยจาก Stanford ทำการทดลองที่แบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งให้เดินผ่านพื้นที่ในเมือง ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งให้เดินผ่านพื้นที่ที่มีธรรมชาติ ผลออกมาว่าคนที่เดินผ่านพื้นที่สีเขียว สมองส่วนที่เชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลทำงานลดลง ยิ่งไปกว่านั้นการออกกำลังกายในพื้นที่ธรรมชาติยังเกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มขึ้นของการยอมรับนับถือตนเองและมีอารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้บึ่งรถไปเขาใหญ่หรือขึ้นเครื่องบินไปดอยอินทนนท์ นักวิจัยจะว่ายังไงเรื่องนี้? งานวิจัยที่ชื่อ Principles of Neural Science หาคำตอบรอไว้ให้แล้ว โดยสรุปนั้นแม้เราจะไม่ได้ไปเดินป่าจริง ๆ ไม่ได้ไปดื่มด่ำธรรมชาติของแท้ แต่การได้ดูภาพของต้นไม้หรือป่าอันอุดมสมบูรณ์ผ่านหน้าจอก็ช่วยส่งเสริมระบบประสาทส่วนกลางที่ส่งผลทำให้เกิดความสงบได้ ดังนั้นแม้เราจะพากายหยาบออกไปท่องโลกกว้างไม่ได้ แต่มั่นใจได้เลยว่าด้วยตาสองดวง และหนึ่งสมองที่เต็มไปด้วยจินตนาการของเรา