เรามักจะจดจำนักแสดงนำเมื่อมีชื่อของเขาโชว์หราอยู่บนโปสเตอร์ ใบหน้าอันแสนหล่อเหลา ความสมาร์ตที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหน หรือชื่อผู้กำกับที่มีเอกลักษณ์อันชัดเจน สไตล์ภาพยนตร์ที่ใช่ ทั้งหมดนี้อาจเชิญชวนให้ใครสักคนเลือกหนังเรื่องนั้นขึ้นมาดู แต่จะมีสักกี่คนที่จดจำตัวประกอบและเลือกหนังเรื่องนั้นเพราะต้องการดูตัวประกอบคนนี้วาดลีลาการแสดง UNLOCKMEN ขอแนะนำเรื่องราวของ Steve Buscemi ตัวประกอบที่เราคุ้นหน้ากันดีในบทบาทของ Mr. Pink จาก Reservoir Dogs เราอาจเห็นเขาเป็นตัวประกอบหน้าตายียวนคนหนึ่ง แต่สำหรับผู้กำกับหลายคน เขาคือนักแสดงมากความสามารถชนิดที่สร้างบทขึ้นมาใหม่เพื่อให้มีเขาในภาพยนตร์เรื่องนั้นกันเลย มาดูเรื่องราวของเขา กว่าจะก้าวเข้ามาเป็นตัวประกอบที่ใคร ๆ ก็ต้องการตัว ตัวประกอบที่เราคุ้นเคย เชื่อว่าคอหนังคงคุ้นเคยใบหน้ายียวนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Steve Buscemi ที่มักจะได้รับบทเป็นตัวประกอบที่มาสร้างสีสันให้กับเรื่องนั้น ๆ ด้วยคาแร็กเตอร์อันโดดเด่นอยู่เสมอ บทบาทที่ส่งให้เขากลายเป็นที่รู้จักมากที่สุดคงจะเป็น Mr. Pink จาก Reservoir Dogs ของผู้กำกับตัวแสบ Quentin Tarantino ต่อจากนั้นเรื่อยมา เขาก็ยังคงได้บทตัวประกอบ (ที่แสนจะโดดเด่น) ในภาพยนตร์ยอดฮิตอย่าง Pulp Fiction, Con Air, Fargo, Armageddon และอีกสารพัดหนังอินดี้รายชื่อยาวเป็นหางว่าว แต่สิ่งที่พีคที่สุดในชีวิตวงการจอเงินของเขาคงจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง Trees Lounge ที่เขากำกับเอง เขียนบทเอง
หนังแอ็กชั่นความสนุกของมันอยู่ที่เรื่องราวของการได้ไล่ล่า หลบหนี ลี้ภัย เลยทำให้พล็อตยอดฮิตอย่างการหนีออกมาจากที่ไหนสักที่อย่าง คุกมหาโหด โรงพยาบาลสุดเพี้ยน เกาะนรก โรงงานหุ่นยนต์ อะไรพวกนี้ยังคงมีความสนุกที่ได้วางแผน หลบหนี และที่สำคัญคืออย่าให้ถูกจับได้ หากวันนี้ยังไม่มีหนังในใจ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 หนังชวนหนีสุดมันส์ ให้เราได้ลุ้นกันว่าจะพ้นเงื้อมือของอีกฝั่งได้หรือไม่ The Next Three Days (2010) Director : Paul Haggis เมื่อเมียรักติดคุกไปด้วยการเป็นแพะรับบาปจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด John Brennan (Russell Crowe) ผู้ที่เชื่อว่าภรรยาของเขาเป็นแพะในเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสืบต้องเห็นเมียเดินเข้าตารางไป เขาจึงไม่อาจอยู่เฉย ๆ รอวันพ้นโทษได้ เขาจึงเริ่มวางแผนอันแยบยล หาทางพาภรรยาสุดที่รักให้รอดพ้นจากวังวนคนกลายเป็นแพะนี้ให้ได้ แม้เนื้อเรื่องจะดูน้ำเน่า แต่ถ้าได้ดูจริง ๆ หนังเอาคนดูอยู่มาก แผนของพระเอกแม้จะดูตื้นเขินแต่มันจะมีประโยชน์ในทุกครั้ง เพราะนั่นคือแผนที่คิดมาแล้ว มาช่วยกันลุ้นว่าพ่อหนุ่มคนนี้จะสามารถพาภรรยาสุดที่รักหนีออกมาได้หรือไม่ Cool Hand Luke (1967) Director : Stuart Rosenberg หลังจากเข้าคุกไปเพราะความห้าวของตัวเอง Luke (Paul Newman) ก็ยังคงความห้าวไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ดูกันแล้วอาจจะคิดว่าถ้าทำตัวแบบนี้ไปตลอดแม่งต้องทำให้เขาโดนตีนเข้าแน่ ๆ
มาถึงตอนที่ 2 กันแล้วสำหรับซีรีส์ 2019 Oscars Predictions ของ UNLOCKMEN หลังจากตอนที่แล้วเราได้ฟันธงลงความเห็นไปแล้วว่านักแสดงนำชายที่จะคว้าตุ๊กตาทองไปนอนกอดในปีนี้คือ Christian Bale ที่ยอมลงทุนเพิ่มน้ำหนักหลายสิบปอนด์เพื่อรับบท Dick Cheney อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ใครที่ยังไม่ได้อ่านบทวิเคราะห์ของเราสามารถย้อนไปอ่านได้ที่ 2019 OSCARS PREDICTIONS: ช็อตต่อช็อต นักแสดงนำชายออสการ์ใครจะคว้าตุ๊กตาทองไปครอง ส่วนตอนนี้เราจะพูดถึงรางวัลนักแสดงนำหญิงกันบ้าง ด้วยข้อมูลที่มากขึ้น เพราะล่าสุด Golden Globe รางวัลที่เปรียบเสมือนออสการ์ของฝั่งอังกฤษได้ประกาศผลออกมาเรียบร้อยแล้ว ภาพของ 5 นักแสดงหญิงที่มีลุ้นเข้าชิงตุ๊กตาทองสาขานักแสดงนำหญิงจึงค่อนข้างชัดเจนขึ้น แต่จะมีใครกันบ้าง และใครจะเป็นผู้ชนะ ไปอ่านบทวิเคราะห์จากเราได้เลย Emily Blunt – Mary Poppins Returns นักแสดงสาวเจ้าบทบาทจาก The Devil Wears Prada และ Edge of Tomorrow ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวังกับการรับบทบาทเป็นตัวละครที่ทุกคนคิดถึงอย่าง Mary Poppins ในภาพยนตร์เรื่อง Mary Poppins Returns ซึ่งถือว่าเป็นภาคต่อจาก Mary Poppins ในปี 1964 ภาพยนตร์ระดับตำนานที่กวาดรายได้มหาศาลในยุคนั้น Emily Blunt สานความยอดเยี่ยมของ Julie Andrews Mary Poppins คนก่อนได้อย่างไร้รอยต่อ เธอแสดงให้เห็นว่าตัวละครพี่เลี้ยงผู้มีเวทมนตร์คนนี้เป็นตัวละครที่ไร้กาลเวลา เรียกว่าแทบจะแบกหนังทั้งเรื่องไว้บนบ่า เอาเป็นว่าทุกคนที่ได้ดู Mary
เอ่ยชื่อ Tim Burton ขึ้นมา ความดาร์กก็เข้าปกคลุม (เหมือนสภาพอากาศในตอนนี้ไม่มีผิด) ความแฟนตาซีของตัวละคร คาแร็กเตอร์อันแปลกประหลาด เข้ามาสร้างสีสันในฉากอันหม่นหมอง ทำให้ภาพยนตร์ของเขามัน Weird มากขึ้น จนเราติดภาพว่ามันเป็น Trademark ของเขาไปแล้ว ภายใต้ความแฟนตาซีแบบดาร์ก ๆ เหล่านั้น ยังมีเรื่องราวพลังบวกและข้อคิดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอย่างแยบยล UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาเสพความดาร์กของหนัง Tim Burton 5 เรื่องที่เราคัดมาให้ Big Fish (2003) Will Bloom (Billy Crudup) ผู้เบื่อหน่ายพ่อตัวเองเต็มที เพราะ Edward Bloom (Albert Finney/Ewan McGregor) ผู้เป็นพ่อนั้นชื่นชอบการเล่าเรื่องในวันวาน สมัยที่เขายังเป็นหนุ่มแน่น แต่เรื่องราวเหล่านั้นช่างแฟนตาซีจนเกินที่จะเชื่อว่ามันคือความจริง ผู้คนที่ได้ฟังต่าง Hype ไปกับเรื่องราวเหล่านั้นหมด ยกเว้นลูกชายอย่าง Will นี่แหละ ที่ไม่เคยเชื่อว่าพ่อของเขาจะมีชีวิตวันวานที่แฟนตาซีขนาดนั้น จนถึงขั้นที่อยากจะพิสูจน์ความจริงกับสิ่งที่พ่อเขาเล่าให้ฟัง เพราะอยากจะให้พ่อของเขาเลิกโม้เสียที มาดูกันว่าสุดท้ายแล้วไอ้ที่พ่อเขาโม้ ๆ ไว้นั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโม้กันแน่ Edward
กระแส Cyberpunk ที่กลับมาแรงแซงโค้งในวงการหนังอีกครั้งช่วงนี้ ชัดเจนสุด ๆ ก็ต้อง Blade Runner 2049 ที่แฟน ๆ แนว Sci-Fi ต่างประทับใจและยกให้เป็นหนังขึ้นหิ้งในดวงใจกันเป็นแถบ (แม้หนังจะไม่ทำเงินก็ตาม) ทำให้เราได้กลับมาเห็นความ Sci-Fi ในแวดวงบันเทิงอีกครั้ง เมือง Dystopia ยานพาหนะหน้าตาสุดล้ำ โฮโลแกรม และไฟนีออนสีสันแสบตา แต่คุณภาพชีวิตสุดแสนจะห่วยแตก สวนทางกับเทคโนโลยีที่ไปไกลเกินกว่าเราจะคาดถึง เรื่องราวเหล่านี้จะกลับมาให้หนุ่ม ๆ อย่างเราได้เติมเต็มความบันเทิงแบบอิงวิทยาศาสตร์กันอีกครั้ง UNLOCKMEN ชวนมาดูหนัง Sci-Fi มันส์ ๆ กับ 5 หนังยุคดิสโทเปีย เมื่อมนุษย์ในโลกอนาคตต้องมาใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีอันไฮเทคแต่คุณภาพชีวิตต่ำเตี้ยเรี่ยดิน Children of Men (2006) Director : Alfonso Cuarón โรคระบาดในปี 2027 ที่คร่าชีวิตทารกทั่วโลกและทำให้ผู้หญิงกลายเป็นหมันกันหมด นั่นหมายความว่าโลกใบนี้จะไม่มีทารกอีกต่อไป ท่ามกลางความวุ่นวายของการเมือง สภาพสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจนไม่อาจกู้คืนได้ ประเทศอังกฤษเป็นประเทศเดียวที่ยังคงยืนหยัดกับปัญหาเหล่านี้ได้ จนทำให้เหล่าผู้ลี้ภัยแห่แหนกันมาที่นี่ แต่พวกเขากลับไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนัก ชีวิตของพวกเขาเป็นเพียงผักปลา จนเกิดกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลที่นำทีมโดย Julian (Julianne Moore) ต้องการพาหญิงสาวต่างด้าวหลบหนีออกจากอังกฤษ จึงจำต้องขอความช่วยเหลือจาก Theo Faron
นับตั้งแต่ When Marnie Was There เข้าฉายในปี 2014 เป็นเวลากว่าเกือบ 5 ปีแล้วที่เราไม่ได้เห็นผลงานใหม่จาก Studio Ghibli อีกเลย ตามนโยบายพักการผลิตที่ทางสตูดิโอเคยประกาศออกมา แม้ตอนนี้จะมีข่าวเกี่ยวกับ How Do You Live? ผลงานเรื่องใหม่ออกมา แต่ทุกอย่างก็ยังดูคลุมเครือ มีเพียงชื่อของ ฮายาโอะ มิยาซากิ นั่งแท่นผู้กำกับ และจะเข้าฉายในปี 2020 เท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้หายคิดถึง วันนี้กีค Studio Ghibli อย่างเราจะมาเขียนถึง 5 แอนิเมชันในความทรงจำจากสตูดิโอในตำนานนี้ จะมีเรื่องไหนกันบ้างและจะตรงใจชาว UNLOCKMEN หรือเปล่า My Neighbor Totoro (1988) Directed by ฮายาโอะ มิยาซากิ ต่อให้คุณจะไม่ใช่แฟนหรือไม่แม้จะรู้จัก Studio Ghibli เลยด้วยซ้ำ แต่เชื่อว่าทุกคนน่าจะคุ้นตากับเจ้าสัตว์สีเทาร่างกลมยักษ์ที่ต่อมาได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของทางสตูดิโออย่างแน่นอน เป็นข้อพิสูจน์ชั้นดีว่าแอนิเมชันเรื่องนี้ประสบความสำเร็จขนาดไหน แต่ภายใต้รูปลักษณ์น่ารักแบบนี้ ถ้าใครเคยดู My Neighbor Totoro น่าจะทราบดีว่ามันแฝงไปด้วยความละมุนและลึกซึ้งขนาดไหน ผลงานแอนิเมชันลำดับที่ 3 ของ Studio Ghibli เรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัว ๆ หนึ่งที่จำเป็นต้องย้ายจากเมืองใหญ่สู่ชนบทอันห่างไกลเนื่องจากปัญหาสุขภาพของผู้เป็นแม่
ช่วงก่อนหน้านี้ เมื่อมีหนังฟอร์มใหญ่ที่แสดงนำโดย Leonardo DiCaprio ออกมาทีไร เขามักเป็นที่จับตามองอยู่เสมอ ไม่ใช่เพื่อลุ้นว่าเขาจะสามารถเข้าชิงออสการ์ได้หรือไม่ เพราะบทบาทและการแสดงของเขา นอนมาแบบไม่ต้องลุ้นก็ว่าได้ แต่เป็นลุ้นว่าเขาจะชวดรางวัลเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ต่างหาก จนเขาและออสการ์ที่ไม่เคยมาถึงกลายเป็น Meme บนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย (พอ ๆ กับหน้ายิ้มของ Nicolas Cage จากเรื่อง Con Air) แต่ในที่สุดเมื่อปี 2015 อาถรรพ์เรื่องนี้ก็ต้องจบลง เมื่อ The Revenant พาให้เขาไปถึงฝั่งฝัน ได้ตุ๊กตาทองติดมือกลับบ้านไปในที่สุด DiCaprio เอง เป็นนักแสดงที่เราคุ้นหน้ามาตั้งแต่สมัยวัยกระเตาะใน The Basketball Diaries หรือหนุ่มนักรักที่จุดประกายชื่อเสียงในวงการให้เขาอย่าง Romeo + Juliet ลองลืมภาพของเขาในลุคหนุ่มหน้าใสในวันวานกันไปก่อน UNLOCKMEN ชวนมาดู 5 หนังดราม่ารสเข้ม ในช่วงก่อนที่เขาจะได้ออสการ์ไปครอง Blood Diamond (2006) Director: Edward Zwick อัญมณีที่ส่องประกายวิบวับยามเป็นเครื่องประดับล้ำค่าอย่างเพชรเม็ดงาม ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังของสิ่งล้ำค่าเหล่านี้ต้องแลกมาด้วยเลือดอาบแผ่นดิน Sierra Leone แผ่นดินที่กำลังลุกเป็นไฟเพราะผลประโยชน์ของเหมืองเพชร ที่ทำให้เกิดกลุ่มกบฏเอาปืนจ่อหัวชาวบ้านให้เป็นแรงงานในเหมืองเพชร Danny Archer (Leonardo DiCaprio) อดีตทหารรับจ้างที่แสวงหาผลประโยชน์จากการค้าเพชรสีเลือดเหล่านี้ จับพลัดจับผลูไปรู้ว่า Solomon
เคยมีคำพูดที่ฟังดูน่ากลัวกว่าวไว้ว่า วันนึงธรรมชาติจะคัดสรรผู้รอดชีวิตเอง ในวัยเด็กเราอาจจะฟังไม่เข้าใจ แต่ตั้งแต่มี Social Media ขึ้นมาบนโลก ทำให้เราได้เห็นเทรนด์กระแสการท้าทายประหลาด ๆ ที่หลายคนทำตามกันแบบไม่มีสาเหตุ ซึ่งหลายครั้งมันก็อันตรายจนคนปกติต้องสงสัยว่า “ทำไปได้ไง” อยู่เสมอ ตั้งแต่กระแสกินน้ำยาปรับผ่านุ่ม Tide Pod challenge ไปจนถึงกระแสการจุดไฟเผาตัวเอง คือ…. ไม่ต้องฉลาดมากนักก็พอจะรู้ว่ามันอันตรายถึงชีวิต ไม่คุ้มเลยสักนิดที่จะเสี่ยงตายแลก View และ Like ซึ่งในจุดนี้ต้องบอกว่าฝรั่งเค้ายอมเสี่ยงมากกว่าคนไทยหลายเท่า มาถึงกระแสการท้าทายล่าสุดที่ฮิตขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีต้นเหตุมาจากซีรีส์ดังของคนห้ามมอง “Bird Box” บน Netflix ที่สร้างสถิติมีสมาชิกดูมากถึง 45 ล้านบัญชีอย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน ซึ่งถือเป็นที่สุดของสถิติจาก Netflix เลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Bird Box มันคือซีรีส์ที่ว่าด้วยอาการแปลกประหลาดจากผีปีศาจที่มองไม่เห็น เพราะถ้าใครเห็นก็จะเกิดอาการฆ่าตัวตายโดยไม่มีสาเหตุจนโลกวุ่นวายไปหมด วิธีรอดก็ตรงตัวคือการไม่มอง โดยครอบครัวตัวเอกของเรื่อง Sandra Bullock และลูก ๆ ที่ใช้ผ้าปิดตาเอาตัวรอดนอกบ้านระหว่างเดินทางไปหาที่ปลอดภัย ไม่นานนักหลังจากที่ซีรีส์เข้าฉาย ก็มี Memes จาก Social Media
ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือภาพยนตร์ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการทำตามสูตรสำเร็จกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ก็ตาม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรถ้าไม่ได้ยกมาเลียนแบบทั้งโครงเรื่อง และจากกระแสซีรีส์ฮิตบน Netflix ที่เป็นตัวกำหนดเทรนด์การเขียนเนื้อเรื่องได้บ้างว่าต้องทำยังไงถึงจะสร้างยอดรับชมได้ถล่มทลายหลายล้านครัวเรือน หนึ่งในหลักสูตรนั้นคือการสร้างความตื่นเต้นอัดอั้นใจให้ผู้รับชมต้องใจจดจ่อเพื่อติดตามเรื่องราวที่ห้ามใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อความอยู่รอด ไปดูกันว่าจะเป็นอย่างไรถ้าหากสิ่งต่าง ๆ ที่เคยทำเป็นปกติในชีวิตกลับกลายเป็นสิ่งต้องห้าม กับภาพยนตร์และซีรีส์ 5 เรื่อง 5 สไตล์ ที่เมื่อดูจบแล้วจะทำให้เราฉุกคิดได้ว่า ถ้าต้องอยู่ในสภานการณ์แบบเดียวกัน เราจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เหล่านั้นได้อย่างไร ห้ามมอง : Bird Box (2018) แค่ปิดตามเดินไม่กี่ก้าวยังน่ากลัว แล้วถ้าหากวันหนึ่งเราไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อย่างเคยทั้งที่ตาก็ไม่ได้บอด แต่เพราะเหตุผลบางอย่างที่ทำให้มองไม่ได้ พร้อมหาคำตอบการเอาชีวิตรอดในโลกที่ห้ามมองเห็นไปพร้อมกับ Bird Box ซีรีส์ของ Netflix ที่เล่นกับดวงตาและความกลัวของมนุษย์ได้อย่างเหนือชั้น เพราะเมื่อเปิดตามองแล้วจะเห็นสิ่งที่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือตัวอะไร และเมื่อมองเห็นมันจะกลายร่างเป็นสิ่งที่เรากลัวที่สุด ซึ่งภาพหลอนดังกล่าวจะสร้างความปั่นป่วนให้กับทั้งโลกเพราะทุกคนจะอยากฆ่าตัวตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นทางรอดเดียวก็คือการห้ามเปิดตาอย่างเด็ดขาด Bird Box เป็นซีรีส์ที่ทำลายสถิติ Netflix อย่างถล่มทลายด้วยจำนวนผู้รับชมถึง 45 ล้านบัญชีแม้จะไม่มีใครเห็นหน้าตาของผู้ร้าย หรือแม้แต่เหตุผลว่ามันเกิดขึ้นเพื่ออะไร และจบลงด้วยความหมายอะไร แต่ก็ฮิตพอที่จะมีวัยรุ่นนำไปทำเป็น Bird Box Challenge จน Netflix
หลายคนคงเคยมีความรักที่สวยงาม เป็นเหมือนภาพอบอุ่นแสนประทับใจที่ยังคงฝังลึกอยู่ในความรู้สึก แต่ด้วยชีวิตที่การเติบโตบังคับให้เราเลือกทางที่ถูกต้องมากกว่าถูกใจ จึงจำต้องทิ้งใครบางคน สิ่งบางสิ่งไว้ข้างหลัง ไม่เว้นแม้แต่คนรักของเราเอง UNLOCKMEN ชวนหนุ่ม ๆ มาดูเรื่องราวของตัวละครเหล่านี้ ที่ถูกบีบบังคับให้เลือกระหว่างความฝันและความรัก เมื่อทั้งสองสิ่งอาจไม่ใช่สิ่งสามารถเดินไปได้บนทางเดียวกัน มาดูกันว่าพวกเขาจะตัดสินใจกับเส้นทางของชีวิตเขายังไง Match Point (2005) Director : Woody Allen เรื่องราวของ Chris Wilton ครูสอนเทนนิสที่พยายามไต่เต้าตัวเองด้วยการเข้าหาสาวในสังคม Upper-Class อย่าง Chloe Hewett เมื่อความทะเยอะทะยานผลักดันให้เขาใช้ความรักเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อถีบตัวเองให้สูงขึ้น เมื่อความรักที่ไม่ได้เริ่มจากรักตั้งแต่แรกจึงทำให้เขาไปพัวพันกับสาวอื่นจนเกิดเรื่องยุ่งขึ้นมา เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปิดเรื่องนี้ไว้ เพื่อไม่ให้โดนถีบหัวส่งออกจาก Upper-Class ที่กระเสือกกระสนขึ้นมาได้ มาดูกันว่าเขาจะเลือกหนทางไหนระหว่างชีวิตที่มั่นคงหรือความฝันอันแสนหวานที่มีสาวเซ็กซี่คอยมอบความสวาทให้ทุกเมื่อเชื่อวัน รับประกันความเจ็บแสบของหนังด้วยชื่อของ Woody Allen ที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง แล้วมาดูกันว่าคนเรามันจะเห็นแก่ตัวได้สักแค่ไหนกัน Revolutionary Road (2008) Director : Sam Mendes เมื่อความรักและความฝันมันไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เราจะเลือกทางไหน ? โปรยมาแบบนี้เราอาจจะคิดถึงเรื่อง La La Land กันเป็นเรื่องแรก แต่ขอบอกว่าไม่อยากให้มองข้ามเรื่องนี้เลย เพราะนอกจากเนื้อหาที่เข้มข้นแล้ว เราจะได้ดูนักแสดงนำคู่บุญ Kate Winslet และ Leonardo DiCaprio
สำหรับช่วงเวลาเทศกาลคริสต์มาสปีใหม่ ไม่รู้จะออกไปเที่ยวที่ไหน จะไป Iconsiam รถก็ติดสะบั้นเหลือเกิน ถ้าไม่รู้จะทำอะไรในวันว่าง การนั่งดูหนังอยู่บ้านก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 หนังสุดโหดที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีใหม่ ที่จะเปลี่ยนวันแห่งความสุขให้กลายเป็นเรื่องสยองขวัญ บู๊สะใจจนลืมเรื่องเครียด ๆ ที่สะสมไว้ให้หายไปสิ้น Silent Night (2012) จะทำอย่างไรเมื่อฆาตกรสุดโหดสวมชุดซานต้าออกมาไล่ฆ่าคนในวันคริสต์มาส Silent Night คือภาพยนตร์รีเมคจากหนังสยองขวัญในปี 1984 เรื่อง Silent Night, Deadly Night ที่ในภาพยนตร์ฉบับสร้างใหม่นี้ได้นักแสดงอย่าง Jaime King จากเรื่อง Sin City และ The Spirit มารวมสร้างความระทึกขวัญกันหนังซานต้าสุดโหดนี้ พร้อมกับพล็อตหนังทริลเลอร์คลาสสิกกับเอาตัวรอดในการวิ่งหนีฆาตรสุดโหดที่ดูเมื่อไหร่ก็ยังคงตื่นเต้นได้ทุกครั้ง P2 (2007) หนังสยองขวัญที่มีชื่อไทยว่า “ลานสยอง จ้องเชือด” เมื่อนางเอกของเรื่องอย่างแองเจลล่าที่ทำงานจนดึกดื่นในคืนคริสต์มาสอีฟ เธอลงมาที่ลานจอดรถกลับพบว่ารถสตาร์ทไม่ติด โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองโดนขังอยู่ในตึกปิดตายด้วยฝีมือของยามรักษาความปลอดภัยโรคจิต ทำให้เธอต้องติดอยู่ในลานจอดรถโซน P2 แองเจลล่าจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกจากตึกปิดตายให้ได้ก่อนที่ยามโรคจิตจะตามหาเธอเจอ ซึ่ง
“การเดินทาง”สำหรับผู้ชายหลายคนไม่ได้มีความหมายแค่การพาร่างกายออกไปเปลี่ยนที่หายใจ แต่หมายถึงการพาร่างกาย สมองและหัวใจไปดู ไปรู้ ไปเห็น ไปตามหาความหมายของอะไรบางอย่างในชีวิต บางคนเดินทางตามหาความฝันที่หลบซ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่ง บางคนตามหาแรงบันดาลใจที่หายไป บางคนตามหาสาระสำคัญของชีวิตที่พวกเขาไม่อาจหาเจอเมื่อหยุดนิ่งอยู่กับที่ หลายคนจึงเริ่มออกเดินทาง หนัง 5 เรื่องต่อไปนี้ก็เช่นกัน ตัวละครล้วนแต่ออกเดินทางเพื่อความหมายบางอย่างทั้งสิ้น บางเรื่องอาจเป็นแรงกระตุกให้เราอยากก้าวเดินในจังหวะของเรา ในขณะที่บางเรื่องสร้างจากเรื่องจริงที่จะช่วยให้เรารู้สึกถึงเสียงหัวใจของตัวเองว่าออกเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาสักครั้งในชีวิตก็คงดีไม่น้อย Into the Wild หนังการเดินทาง ภาพสวย เนื้อเรื่องดี มีความหมาย แถมมีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง! ผู้ชายที่กำลังตามหาความหมายของชีวิต หลังจากจบการศึกษาเขากลับไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้ามันใช่อย่างที่เขาต้องการจริงไหม และความคิดที่ว่าการมีชีวิตสำคัญกว่าการแค่หาเงินแล้วตายจากไปมันแน่วแน่พอหรือเปล่า ดูจบ เราจะนั่งนิ่ง ๆ ไปสักพัก ก่อนจะทบทวนตัวเองว่าสิ่งที่เราเชื่อ อุดมการณ์ของเรามันเป็นไปได้แค่ไหนในชีวิตจริง การออกเดินทางอาจจะตอบคำถามนี้ให้เราได้ หรืออาจพาเราไปไกลกว่าคำถามที่เราตั้งไว้ ดูเรื่องนี้เถอะ มันอาจไม่มีคำตอบตายตัวเรื่องการเดินทางและชีวิตให้ แต่รับรองว่าจะคิดอะไรเกี่ยวกับชีวิตตัวเองได้อีกเยอะเลย The Motorcycle Diaries หนัง Road trip อีกเรื่องที่จะปลุกจิตวิญญานขบถในตัวผู้ชาย แถมได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของ Che Guevara นักปฏิวัติชื่อดังที่เรามักเห็นภาพเขาจากท้ายรถบันทุก เด็กหนุ่มนักศึกษาแพทย์ออกเดินทางตามหาความหมายของการหายใจอยู่บนโลกใบนี้ด้วยมอเตอร์ไซค์และเพื่อนสนิทของเขาไปทั่วทวีปอเมริกาใต้ หนังเรื่องนี้จะทำให้เราเห็นทั้งการเดินทางทั้งในฐานะเด็กหนุ่มที่กำลังว้าวุ่น พร้อม ๆ กับการเห็นตัวตนของ Che