ถ้าจะหาร้านนั่งดื่มสังสรรค์กัน UNLOCKMEN เชื่อว่าคงมีให้เลือกกันมากมาย เพราะเดี๋ยวนี้ร้านเปิดใหม่เยอะดั่งดอกเห็ด ร้านดี ๆ ก็มีเยอะ แต่หลายร้านดูจะขาดจุดเด่น ไร้คาแรคเตอร์ประจำตัว วันนี้เราจะขอแนะนำร้านเก๋า ๆ กันสักร้าน เพราะเชื่อเถอะว่ามาตราฐานของเราไม่ได้วัดกันที่ความใหม่เก่า เหมือนของดีถ้ามันมีค่า ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน มันก็เชิดฉายบารมีดึงดูดคนให้แวะเวียนกันไปได้อยู่ตลอด เหมือนกับร้าน TUBA Design Furniture & Restaurant แห่งนี้ที่เราภูมิใจนำเสนอ ชื่อ TUBA อาจทำให้หลายคนคุ้นหูกันดี โดยเฉพาะคนวัยเก๋ารุ่นใหญ่ วัยรุ่นสายอาร์ต หรือนักดื่มย่านสุขุมวิท ไปจนถึงนักสะสม Furniture สาย Vintage น่าจะรู้จักกันเกือบหมด เพราะถ้านับอายุตั้งแต่เปิดจนถึงตอนนี้ ก็ขึ้นปีที่ 12 เข้าไปแล้ว ถ้าเปรียบเป็นคน TUBA คงเป็นผู้ชายรุ่นใหญ่ที่ประสบความสำเร็จอย่างดี คนที่รู้จักต่างนับหน้าถือตา โดยไม่เคยอวดอ้างสรรพคุณของตัวเอง ประมาณนั้นเลย ต่างจากร้านสมัยใหม่ที่มาเร็วไปเร็ว ชื่อเสียงของ TUBA ไม่ได้มาจากการโหมโฆษณาหรือโปรโมท แต่อาศัยเสียงบอกต่อจากความประทับใจที่แต่ละคนได้รับแบบปากต่อปาก ถ้าคุณเป็นอีกคนที่พอจะคุ้นชื่อร้าน แต่ไม่เคยแวะเข้ามา เราเชื่อเหลือเกินว่าถ้าคุณได้มาครั้งหนึ่งแล้ว คุณจะต้องติดใจกลายเป็นขาประจำเช่นเดียวกับหลายๆ คนอย่างแน่นอน มาดูกันดีกว่าว่าทำไมถึงต้องลองไป “TUBA”
นอกเหนือจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย นาฬิกาก็ถือเป็นอีกไอเทมที่สามารถบ่งบอกสไตล์ของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี และสำหรับผู้ชายสายครีเอทีฟทั้งหลาย ที่ดำรงอาชีพเป็นนักคิด นักเขียน ช่างภาพ กราฟิก สถาปนิก ผู้กำกับ นักออกแบบ ฯลฯ เราเชื่อว่ามีอยู่จำนวนไม่น้อย ที่นิยมชมชอบในวิถีมินิมัลและแสดงออกมาผ่านเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ที่มีดีไซน์เรียบง่าย สีสันไม่ฉูดฉาด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความง่ายในการหยิบจับมาสวมใส่ ดูดีได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เป็นการเซฟพลังสมองเอาไว้ใช้คิดงาน สร้างสรรค์ไอเดีย แทนที่จะต้องมาเหนื่อยวุ่นวายมิกซ์ แอนด์ แมทช์ เสื้อผ้าสำหรับการแต่งตัวในแต่ละวัน ซึ่งในวันนี้เราก็มีไอเทมแนะนำ สำหรับประดับลงบนข้อมือของผู้ชายสายมินิมัล กับ ISSEY MIYAKE GLASS WATCH นาฬิกาดีไซน์เรียบ แต่ไม่ง่าย ด้วยขั้นตอนการผลิตออกแบบที่ซับซ้อน จากวัสดุโปร่งแสง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Glass Blog อีกทั้งยังเป็นการร่วมงานครั้งล่าสุดระหว่างแบรนด์ ISSEY และ Tokujin Yoshioka ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง ที่ฝากฝีไม้ลายมืองานออกแบบกับแบรนด์ระดับโลกมาแล้วมากมาย และมีผลงานร่วมกับ ISSEY มายาวนานกว่า 20 ปี โดยจุดเด่นในการสร้างงานของเขา คือการที่เขามักจะเลือกนำเอาสิ่งต่าง ๆ ใกล้ตัว มาเพิ่มความน่าสนใจโดยมุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกของมนุษย์เป็นหลัก
งานโฆษณาไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับลูกค้า ถ้าชิ้นงานนั้นถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ มันก็จะกลายเป็น CONTENT นึงที่คนยินดีเสพ ซี่งในประเทศไทยก็ขึ้นชื่อเรื่องความคิดสร้างสรรค์ไม่แพ้ใคร โดยเฉพาะใน APAC ถ้าใครติดตามการประกวด CANNES LIONS ก็จะรู้ว่า มีชื่อคนไทยคว้ารางวัลใหญ่เพิ่มมากขึ้นทุกปี ซึ่ง UNLOCKMEN ก็มักจะนำ Creative ดี ๆ มาแนะนำเป็นไอเดียอยู่เสมอ เช่นเดียวกับผลงาน CREATIVE BILLBOARD ชิ้นล่าสุดของ VOLVO S90 ใหม่ ที่ทำได้เท่โดนใจจนต้องพูดถึง ป้ายโฆษณาที่ว่านี้ ถูกออกแบบใส่ความ INNOVATION จากธรรมชาติ ใช้สายฟ้าฟาดมาโชว์ประสิทธิภาพของสินค้า โดยที่ไม่มีข้อความอะไรให้ต้องเสียเวลาอ่านมากมาย ก็สามารถสื่อสารให้พวกเราเห็นถึงพลังงานที่ยิ่งใหญ่ของ VOLVO S90 และความเป็นมิตรกับธรรมชาติได้อย่างชัดเจน THE LIGHTING BILLBOARD หรือ บิลบอร์ดสายฟ้าฟาดชิ้นนี้ เป็นผลงานการโฆษณาของ Volvo ที่ต้องการพูดถึงสมรรถนะความแรงของเครื่องยนต์ S90 T8 TWIN-ENGINE PLUG-IN HYBRID พละกำลัง 407 แรงม้า สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (PURE ECO DRIVE
สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นโมเม้นต์ชวนปวดหัวของคนมีบ้าน หากไม่นับถึงเรื่องของการกำหนดงบประมาณ เลือกทำเล เลือกแบบบ้านที่ใช่ รวมถึงขั้นตอนตรวจรับงาน ที่ต้องส่องหา Defect แทบทุกซอกทุกมุมแบบละเอียดยิบ คงหนีไม่พ้นการออกแบบตกแต่งภายใน เพราะจะโยนความรับผิดชอบให้สถาปนิก หรือมัณฑนากรออกแบบมาให้เสร็จสรรพก็อาจไม่โดนใจเท่าไหร่นัก มันต้องมีขั้นตอนการพูดคุยตกลงความต้องการให้เข้าใจตรงกันทั้งเจ้าบ้าน และทีมออกแบบเพื่อการสื่อสารที่สามารถเห็นภาพ สร้างความเข้าใจได้ชัดเจนที่สุด ความวุ่นวายจึงตกมาอยู่กับการหา Reference ที่ถูกใจ ซึ่งใครที่มีภาพชัดเจนในหัวอยู่แล้วว่าต้องการให้สถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายในบ้านออกมาเป็นแบบไหนคงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ แต่สำหรับใครที่มืดแปดด้าน ยังหารูปแบบการแต่งบ้านแสนรักของตัวเองไม่เจอ เรามีแนวทางที่น่าสนใจมานำเสนอ กับการเอาบ้านเท่ ๆ จากหนัง Hollywood มาเป็นไอเดียต้นแบบในการแต่งบ้านกันซะเลย กับบ้าน 4 หลังจากหนัง 4 เรื่องที่เราเลือกมา เชื่อว่าสามารถทำให้เห็นภาพ เห็นบรรยากาศ คุมโทนในการแต่งบ้านได้ชัดเจนขึ้นอย่างแน่นอน IRON MAN เริ่มต้นด้วยคฤหาสน์โคตรหรูซึ่งตั้งอยู่บนผาสูงริมทะเลที่มาลิบู ของมหาเศรษฐี Tony Stark หรือ Iron Man ซูเปอร์ฮีโร่อีโก้จัด ที่มีฝีปากกล้าไม่แพ้ความสามารถด้านวิศวกรรมอันโดดเด่นเข้าขั้นอัจฉริยะ ซึ่งปกติวัน ๆ เขาจะหมกตัวอยู่ที่ห้องทำงานสุดไฮเทคอุปกรณ์เพียบในชั้นใต้ดิน แต่ในวันสบาย ๆ เขาก็มักจะเลือกขึ้นมาพักผ่อนยังโถงนั่งเล่นที่เน้นความโปร่งโล่ง และเรียบง่าย เพื่อผ่อนคลายจิตใจพักผ่อนสมองจากความวุ่นวายในชีวิตทั้งเรื่องธุรกิจ และการปกป้องโลก
เมื่อพูดถึงวิถีคนเมืองในปัจจุบัน นอกจากความเรื่องของความสะดวกสบายทันสมัย เราเชื่อว่าสิ่งแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงคือความเร่งรีบที่ต้องเผชิญเป็นกิจวัตร ที่อยู่อาศัยทำเลดีมีจำกัดและราคาสูง ด้วยอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วของชุมชน ก่อให้เกิดสิ่งปลูกสร้างมากมายเพื่อรองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และการเพิ่มขึ้นของประชากรที่หลั่งไหลกันเข้ามาทำงาน ศึกษาต่อ ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งโอกาส แต่ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นอีกมากมายแค่ไหนก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าเราทุกคนต่างก็ยังคงต้องอยู่รวมกันภายใต้พื้นที่ซึ่งมีอาณาเขตทางภูมิศาสตร์ที่ตายตัวไม่สามารถขยายพื้นที่ออกไปได้ตามอำเภอใจ ซึ่งข้อจำกัดทางด้านพื้นที่เหล่านี้ คือโจทย์สำคัญของดีไซน์เนอร์ในการออกแบบให้สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่อันจำกัดได้สูงสุด และโจทย์ข้อนี้คือสิ่งที่จุดประกายให้กับ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือกับ FABRICA (แฟบริก้า) ดีไซน์สตูดิโอชื่อดังจากประเทศอิตาลี นำเสนอวิธีคิดในการออกแบบพื้นที่แห่งอนาคต และร่วมคิดค้นนวัตกรรมพื้นที่ที่สาม ที่เกิดจากการทับซ้อนทางดีไซน์จนเกิดเป็นพื้นที่ซึ่งมีมิติของประโยชน์ใช้สอยที่มากขึ้น นำไปสู่วิถีการอยู่อาศัยแห่งศตวรรษใหม่ โดยนำเสนอผ่านโปรเจคต์พิเศษเพื่อสังคมที่ชื่อว่า AP SPACE SCHOLARSHIP ซึ่งถือเป็นครั้งแรกกับการให้ทุนการศึกษาที่เป็น ‘ที่พักอาศัย’ พร้อมจัดแสดงแนวคิดงานดีไซน์ที่ทำลายกรอบความคิดการออกแบบเดิม ๆ ให้ผู้ที่สนใจในงานดีไซน์ได้สัมผัสในนิทรรศการ ‘Spaces within Space, A Vision of Co-Living Generation’ ซึ่งจัดขึ้นที่ Wolf Pack Space ศาลาแดง เมื่อวันที่ 22 – 26
หากพูดถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนาฬิกา OMEGA กับองค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกาอย่าง NASA เชื่อว่าสาวกเรือนเวลาแทบทุกคนคงจะเคยรับรู้ถึงกิตติศัพท์ของตำนาน Moonwatch กับการที่นาฬิกา OMEGA Speedmaster ได้ถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือนักบินอวกาศในการลุยภารกิจพิชิตดวงจันทร์กันมาบ้างแล้ว แต่เมื่อมีชื่อของอีกหนึ่งตัวละครหลักอย่าง Snoopy ตัวการ์ตูนสุนัขบีเกิ้ลที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมักจะปรากฎตัวอยู่ในเรือนเวลารุ่นพิเศษรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA และ NASA เข้ามาร่วมด้วย งานนี้คงมีอีกหลายคนนึกสงสัยในใจว่าเหตุใด Snoopy ถึงได้มีบทบาทในวาระสำคัญต่าง ๆ ของ OMEGA และ NASA มาโดยตลอด และในวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจถึงที่มาที่ไปของความความผูกพันระหว่าง SNOOPY, NASA และ OMEGA ที่มีมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษให้ชาว UNLOCKMEN และเหล่าผู้หลงใหลในเรือนเวลา ที่อาจยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ได้กระจ่างกัน SNOOPY ไอคอนแห่งโลกการ์ตูน สู่สัญลักษณ์ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ และรางวัลแห่งเกียรติยศ ถ้าจะต้องเล่าเรื่องราวสายสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่าง Snoopy และ NASA คงต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60 เมื่อ Charles M. Schulz ได้วาดการ์ตูนที่มีสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนาม Snoopy สวมชุดอวกาศพร้อมเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการ Apollo
ถ้ามีการทำกราฟแสดงระยะเวลาที่มือของเราใช้งาน Smartphone ในแต่ละวัน เชื่อว่าแท่งกราฟคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสองสามเท่าตัวถ้าเทียบกับในสมัยก่อน ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางการใช้ชีวิต ที่ยกทุกอย่างไปไว้ใน Smartphone ให้เราใช้ชีวิตได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแม้แต่ท่านั่ง รวมถึงการเสพติดเรื่องราวบนโลกออนไลน์ ทำให้ทุกวันนี้เรามีการสัมผัส Smartphone มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะยามยืน เดิน นั่ง โดยที่เราไม่รู้ตัว ผลเสียของการเสพติด Smartphone มากเกินไปนั้นมีอยู่มากมายอย่างที่เรารู้กันบ้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมาธิที่สั้นลง ความเครียดจากการเห็นชีวิตดีเกินจริงของคนอื่น ผลเสียทางประสาทสัมผัสจากท่านั่ง การโน้มคอ ข้อนิ้ว สายตา ออกห่างจากสังคม การนอนหลับ และอื่น ๆ อีกมากมาย นี่จึงเป็นสาเหตุและเหตุผลที่งาน Design ต้องเข้ามามีบทบาท เพราะโดยพื้นฐานแล้ว Design ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่การแก้ปัญหาการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ก็เป็นหน้าที่ของการออกแบบด้วยเช่นกัน KLEMENS SCHILLINGER นักออกแบบชาว Vienna เมืองหลวงของประเทศ Austria มองว่า Smartphone Acciction ก็เป็นอาการเสพติดไม่ต่างกับยาเสพติดชนิดอื่น ถ้าเสพมากเกินไปก็ทำให้เกิดผลเสียรุนแรงได้ จึงเกิดไอเดียที่จะบำบัดอาการเสพติดนี้ ด้วยการสร้างโปรเจค Substitute
โอเมก้า (OMEGA) สุดยอดแบรนด์นาฬิกาหรูระดับโลก สัญชาติสวิสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 169 ปี เปิดตัวเรือนเวลาสุดพิเศษ โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ 38 มม. “ออร์บิส” (OMEGA Speedmaster 38 mm “Orbis”) ซึ่งโอเมก้าผลิตขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือองค์กรระดับโลกอย่าง Orbis International โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ 38 มม. “ออร์บิส” มาในตัวเรือนและสายสเตนเลส สตีล และขอบตัวเรือนประดับสเกลทาคีมิเตอร์บนวงแหวนอลูมิเนียมสีน้ำเงิน พื้นหน้าปัดซันบรัชสีน้ำเงินถูกเติมเต็มด้วยสามหน้าปัดย่อยรูปไข่แนวนอนสีฟ้าอ่อน และช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เสริมความโดดเด่นด้วยอินเด็กซ์บอกเวลาเคลือบโรเดียม เข็มบอกเวลาเคลือบโรเดียมหรือสีฟ้าเคลือบเงา ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกโอเมก้า โค-แอ๊กเซียล คาลิเบอร์ 3330 (OMEGA Calibre 3330) สนนราคา 169,000 บาท ตั้งแต่ปี 2011 โอเมก้า และองค์กรไม่แสวงผลกำไรอย่าง Orbis International ได้ร่วมแชร์ความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือรักษาภาวะตาบอดและโรคทางตาในประเทศที่ยากไร้และประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกเสมอมา โดยมอบการรักษาที่มีประสิทธิภาพและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่าน Flying
ไม่ว่าใครก็มีสิ่งที่ตัวเองหลงใหลมากกว่าหนึ่ง และถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากทำให้สิ่งที่หลงใหลนั้นรวมเข้าด้วยกันได้ จะถือว่าเป็นที่สุดของการใช้ชีวิต เจเรมี่ มอนแทโร (Jeremy Monteiro) นักดนตรีชื่อดังระดับโลก ก็เป็นอีกคนที่สามารถนำเอาสิ่งที่ตนเองหลงใหลมารวมอยู่ด้วยกัน นั่นก็คือ J. Monteiro แบรนด์นาฬิกาที่มี DNA จาก Music และ Timepiece ซึ่งสามารถไปด้วยกันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ Jeremy Monteiro เป็นนักเปียโนแจ๊สที่มากไปด้วยความสามารถระดับต้น ๆ ของเอเชียคนหนึ่ง เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่นักเปียโนที่เก่งกาจ แต่เขายังเป็นนักแต่งเพลง นักร้องและโปรดิวเซอร์ที่ศิลปินนานาประเทศอยากร่วมงานด้วยจนได้สมยานามว่า “Singapore’s King of Swing” “ดนตรีแจ๊สไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่เจเรมี่หลงใหล เครื่องบอกเวลาอย่างนาฬิกา ก็เป็นสิ่งที่เขาหลงใหลด้วยเช่นกัน” ย้อนกลับไปในอดีต เขาได้รับนาฬิกาข้อมือเป็นของขวัญวันเกิดจากคุณพ่อตอนอายุ 16 ปี หลังจากที่ได้รับของขวัญชิ้นนั้น มันทำให้เขาเริ่มก้าวเข้ามาศึกษาเรื่องของกลไกลบอกเวลาควบคู่ไปกับการสั่งสมประสบการณ์ทางด้านดนตรีจนกลายมาเป็นนักเปียโนแจ๊สระดับโลก วันหนึ่ง Jeremy ไปเยี่ยมสตูดิโอของนักดนตรีแจ๊สท่านหนึ่งที่ร่วมงานด้วย ทำให้ได้เห็นโครงร่างของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ สิ่งนั้นเหมือนเป็นการจุดประกายแรงบันดาลใจครั้งใหม่ให้ Jeremy มันทำให้ต่อมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และภาพนาฬิกาที่เดินตามจังหวะดนตรีก็ปรากฏขึ้นในหัวทันที วินาทีนั้นเขารู้แค่ว่าอยากทำให้ภาพในหัว ณ ตอนนั้น เกิดออกมาเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และทั้งหมดนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของเรือนเวลาที่ชื่อ “J. Monteiro” “J. Monteiro”
จากความสำเร็จของ “รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์” (Royal Oak Frosted Gold) เวอร์ชั่นสำหรับเวิร์กกิ้งวูแมน ที่เปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจเมื่อพฤศจิกายน 2016 ก็ถึงคราวที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ส่งผ่านประณีตศิลป์อันแสนท้าทายให้กับเหล่าสุภาพบุรุษสุดเนี้ยบกันบ้าง กับเรือนเวลา “รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น” ล่าสุด บนตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัต ขนาด 41 มิลลิเมตร จับคู่สายนาฬิกาวัสดุเดียวกับตัวเรือน โดดเด่นด้วยดีเทลระยิบระยับดุจประกายจากเพชร ผลลัพธ์ล้ำค่าด้วย “ฟลอเรนทีน เทคนิค” (Florentine technique) โดยการตีเนื้อทองด้วยสลักหัวเพชรลงบนพื้นผิวตัวเรือนและสายนาฬิกาเพื่อให้เกิดรอยประทับขนาดเล็ก เทคนิคเก่าแก่ที่นิยมใช้ในการออกแบบจิวเวลรีแบบดั้งเดิม ก่อนต่อยอดสู่ความตื่นเต้นครั้งใหม่ของเรือนเวลาระดับมาสเตอร์พีซได้อย่างลงตัว คงลุคที่เฉียบขาดด้วยพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินในลวดลายกรองด์ ตาปิสเซอรี่ (Grande Tapisserie) พร้อมด้วยกระจกฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ และเข็มบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสง ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 3120 กันน้ำลึก 50 เมตร ผลิตจำกัดเพียง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะได้มีโอกาสพูดคุยกับ เจสัน เพทรี่ (Jason Petrie) นักออกแบบ ที่ทำงานสร้างสรรค์รองเท้าบาสเกตบอลร่วมกับซูเปอร์สตาร์อย่างเลอบรอน เจมส์ (LeBron James) มานานกว่าหนึ่งทศวรรษ ถึงจุดเด่นของรองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนรุ่นล่าสุด ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้นวัตกรรมเส้นใยไนกี้แบทเทิลนิต (Nike BattleKnit) ที่ช่วยเสริมให้รองเท้าบาสเกตบอลเลอบรอน 15 โดดเด่นไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเพทรี่กับเจมส์ได้ร่วมพัฒนารองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนหลายรุ่นตั้งแต่รุ่นเลอบรอน 7 (LEBRON 7) รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ตระกูลเลอบรอนโซลเยอร์ (LEBRON Soldier series) และยังคงพัฒนาสุดยอดรองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนมาถึงรุ่นที่ 15 (LEBRON 15) ที่พวกเขาก้าวข้ามขีดจำกัดไปอีกขั้น รองเท้าบาสเกตบอลตระกูลเลอบรอนออกวางจำหน่ายมาจนถึงรุ่นที่ 15 แล้ว มีกฎในการสร้างสรรค์ใดบ้างที่คุณต้องปฏิบัติตามอย่าเคร่งครัด และมีกฎข้อใดหรือไม่ที่คุณเลิกให้ความสำคัญไปแล้ว? เรามีกฎสำคัญในการสร้างสรรค์ 3 ข้อ ได้แก่ 1. “ทำให้เท้ามั่นคงเพื่อเอื้อต่อการกระโดด – Lock me down so I can fly” ซึ่งเป็นคำขอของเลอบรอนโดยตรง 2. “ลดการบาดเจ็บได้ – Protect me
นับตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ชาวไทยทั้งแผ่นดินก็ตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า เราล้วนมีวิธีการจัดการความโศกเศร้าที่แตกต่างกันไป บ้างก็เลือกน้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้รู้สึกว่าพระองค์ท่านยังประทับอยู่ในใจเราเสมอ แต่ แจม-เจกิตาน์ โตนิติ บัณฑิตสาวจากรั้วจามจุรี เลือกการลงมือทำด้วยการร่วมถวายงานครั้งสุดท้ายอย่างสมเกียรติ ในการเป็นจิตอาสาปั้นประติมากรรมประดับพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่๙ โดยผู้รับผิดชอบหลักในการปั้นประติมากรรมครั้งนี้คือ สำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของศิลปะไทย ได้เปิดรับสมัครจิตอาสาช่วยงาน ผู้ที่สมัครจะต้องผ่านการคัดเลือก และทดสอบฝีมือก่อน มีคนให้ความสนใจสมัครเป็นจำนวนมาก และแจมก็เป็นหนึ่งในจิตอาสาที่ได้เข้าร่วมปั้นหุ่นต้นแบบ เพื่อนำไปใช้เป็นแม่พิมพ์หล่องานปั้น หรือประติมากรรมประดับตกแต่งรอบพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ล้วนเป็นต้องใช้ความละเอียดประณีตทุกขั้นตอน เรามีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับเจกิตาน์ โตนิติ หรือ แจม เกี่ยวกับการร่วมเป็นจิตอาสาและเบื้องหลังงานรังสรรค์ศิลป์แห่งการประดับพระเมรุมาศ เจกิตาน์ โตนิติ หรือ แจม เรียนจบจาก คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาทัศนศิลป์ เอกประติมากรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชอบวาดนู่นนี่ตั้งแต่เด็ก สนใจรูปภาพสีสัน เลยเลือกเรียนศิลปะ ส่วนประติมากรรมพึ่งมาชอบตอนที่ได้ลองทำจริงในการเรียนในมหาวิทยาลัยช่วงปี 1 เลยค้นพบว่าตัวเองชอบอยู่กับสิ่งที่ได้ลงมือลงแรง ได้ขยับ มันสนุกดีเลยเลือกเรียนเป็นเอกประติมากรรม ตอนปี 3 พูดถึงการเริ่มต้นเรียนด้านศิลปะหน่อยว่ามีที่มาอย่างไร ที่บ้านให้การสนับสนุนดีมาก อยากให้เราเรียนในสิ่งที่มีความสุขตลอด เพียงแค่เขาขอให้เราตั้งใจทำ สิ่งที่ชอบให้ดีที่สุด ให้กำลังใจในเวลาท้อตลอดมา ล่าสุดมีโอกาสได้เข้ามาเป็นช่างจิตอาสาในการทำงานศิลป์ประดับพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง ร.๙ ฝ่ายประติมากรรม