ในโลกที่เทคโนโลยีกับแฟชั่นกลายเป็นเรื่องเดียวกัน UNLOCKMEN ขอแนะนำให้ทำความรู้จักกับ 5 Smartwatch จากแบรนด์ไฮเอนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ การออกแบบที่พิถีพิถัน สรรค์สร้างเป็นนาฬิกาอัจฉริยะที่มีมากกว่าแค่การบอกเวลา ผลงานการสร้างสรรค์จากแบรนด์สุด Craft ที่แม้แต่นาฬิกา Digital ก็ยังคงความหรูหราที่ละเอียดอ่อนไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง LOUIS VUITTON TAMBOUR HORIZON Louis Vuitton แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสเจ้าแรกที่เข้าสู่ตลาด Smartwatch ด้วยการส่ง Tambour Horizon นาฬิกาอัจฉริยะระบบปฏิบัติการ Android Wear 2.0 หน้าจอสัมผัสแบบ AMOLED มุมมองกว้าง สีสันสดใส มาพร้อมความละเอียด 390 x 390 pixcel กระจกหน้าและหลังใช้วัสดุ Sapphire ขนาด 1.2 นิ้ว RAM 512MB พื้นที่เก็บข้อมูล 4GB แบตเตอร์รี่ความจุ 300mAh สามารถลงน้ำลึกได้ 30 เมตร พร้อมกับแอปพลิเคชั่นที่พัฒนาโดย LV คือ My Flight
ผู้ชายอย่างเราคงไม่มีใครไม่รู้จักรองเท้าโมเดลในตำนานอย่าง Stan Smith เพราะตลอดเวลากว่า 5 ทศวรรษที่ผ่านมา มันคือหนึ่งในรองเท้าที่มียอดขายดีที่สุดของค่ายสามขีด ทั้งยังคงความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงยุคปัจจุบัน ที่แม้ตลาดรองเท้าจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยล้าสมัยในสายตาของเหล่า Sneakerhead เลย ความสำเร็จทั้งหมดทำให้ Adidas ตัดสินใจตอบแทนชายผู้เป็นแรงบันดาลใจให้รองเท้าคู่นี้ นั่นคือ Stanley Roger Smith เจ้าของใบหน้าบนลิ้นรองเท้าที่คุ้นเคยกันดี ด้วยสัญญาตลอดชีวิตที่เป็นเหมือนการการันตีว่าเราจะได้เห็นรองเท้าคู่นี้ต่อไปอีกนานอย่างแน่นอน ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของ Adidas และ Stan Smith คงต้องย้อนกลับไปในปี 1965 เมื่อ Adidas ตัดสินใจเปิดตลาดรองเท้าเทนนิสขึ้นมา โดยรองเท้าคู่แรกได้ใช้ Robert Haillet มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก่อนเขาจะประกาศวางมือไป ช่องว่างตรงนั้นเองทำให้พวกเขามองหาตัวตายตัวแทนนักเทนนิสชื่อดัง ซึ่งหวยก็มาตกที่ Mr. Stan Smith ซึ่งกำลังอยู่ในยุครุ่งเรืองของอาชีพ ณ ขณะนั้น โดยเจ้าของแชมป์ Grand Slam 2 สมัยคงยังไม่รู้ว่า ตัวเองกำลังจะกลายมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของรองเท้าระดับ Iconic ซึ่งต่อมามีอิทธิพลต่อทั้งวงการแฟชั่นรวมถึงกลายเป็น Pop-Culture ทั่วโลกในเวลาต่อมา ด้วยดีไซน์การออกแบบของ Classic Stan Smith อันเรียบง่ายแต่มีจุดเด่นที่ส่วน
Patek Philippe แบรนด์นาฬิกาสุดหรูที่มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปี ใครได้ยินก็ต้องรู้จักและอยากมีเก็บไว้เป็นของตัวเองซักเรือน ซึ่งการรักษาคุณภาพและชื่อเสียงของแบรนด์ให้อยู่มาอย่างยาวนานได้ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย UNLOCKMEN พร้อมไขคำตอบว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ Patek Philippe สามารถคงความหรูหราและมูลค่ามีระดับมาได้จนถึงปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของแบรนด์นาฬิกาชื่อก้องโลกเริ่มต้นขึ้นใน ค.ศ.1839 อังตวน นอร์เบิร์ด เดอ ปาเต็ก ดีไซน์เนอร์ยอดฝีมือกับเพื่อนของเขา ฟรองซัวส์ ซีซาเปค ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทนาฬิกาขึ้นในเมืองเจนีวา โดยใช้ชื่อว่า Patek, Czapek & Cie ผลิตนาฬิกาคุณภาพยอดเยี่ยมเป็นเวลากว่า 6 ปี จนกระทั่ง ซีซาเปค ได้แยกตัวออกมา ทำให้ปาเต็กได้คุมบังเหียนของบริษัท ต่อมาในช่วงเวลาใกล้กันใน ค.ศ. 1844 ช่างทำนาฬิกานามว่า ฌอง เอเดรียน ฟิลิป ก็ได้สร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาจากการบุกเบิกเทคโนโลยีนาฬิการะบบกลไกแบบไม่ต้องใช้กุญแจ หรือ Keyless stem-winding system ได้สำเร็จ เพราะแต่เดิมการตั้งเวลาจะต้องใช้กุญแจเพื่อแกะด้านหลังของนาฬิกา ทำให้ฝุ่นหรือไอน้ำเข้าตัวนาฬิกาอยู่บ่อยครั้ง แถมในบางทีก็ทำกุญแจหายอีก สิ่งที่ฟิลิปคิดค้นขึ้นนั้นสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา ด้วยสิ่งที่เรียกว่า เม็ดมะยม ที่ตั้งเวลาได้โดยไม่ต้องมานั่งแกะตัวเรือนให้เสี่ยงต่อความชื้นและฝุ่นละออง และในรายละเอียดเล็ก ๆ นี้เองที่ส่งผลในเรื่องของความสะดวกสบายอย่างเหลือเชื่อ ทำให้ผลงานของฟิลิปได้รับรางวัลชนะเลิศจากเวที Products
หนุ่มวัยเก๋าและแฟน ๆ ของเครื่องเกมคอนโซลสุดคลาสสิกอย่าง PlayStation 1 ถ้าได้ฟังข่าวนี้คงจะดีใจกันแน่นอน หลังจากล่าสุด Sony ได้วางขายเครื่องเกมคอนโซล PlayStation Classic All-In-One ซึ่งไม่ต้องพึ่งพาการใช้แผ่น รวมถึงมีขนาดที่กะทัดรัด เหมาะกับการพกพาไปเล่นกับที่ไหนก็ได้ในวันหยุดพักผ่อน ถ้าจะบอกว่า PlayStation 1 คือตำนานแห่งเครื่องเกมคอนโซลในยุค 90’s ก็คงไม่ผิดนัก เพราะนับตั้งแต่มันถูกวางขายสู่โลกครั้งแรกในปี 1994 ซึ่งในยุคแรกเริ่ม PS 1 นั้นทำให้หนุ่ม ๆ ทั่วโลกต้องใช้เวลาไปกับการเซฟเงินค่าขนมตัวเอง เพื่อนำมาจ่ายค่าแผ่นเกมของแท้ที่ราคาแสนจะแพง รวมไปถึง Memory Card สำหรับใช้เชฟเกม ส่วนคนที่มีเงินถุงเงินถังก็หิ้วมานั่งเล่นอยู่บ้านคนเดียวแบบสบายใจกันไปเลยก็มี และความสำเร็จดังกล่าวก็ส่งผลให้มีเครื่องเกมรุ่นพัฒนาตามออกมาอีกมากมาย อย่างที่เราเห็นกันมาตลอด 25 ปี โดยล่าสุด PlayStation 5 ก็กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาเพื่อรอจังหวะวางขายอย่างเหมาะสม ทำให้หลายคนต้องอดใจรอกันไปก่อน ซึ่งทางผู้ผลิตอย่าง Sony ก็เสนอทางเลือกระหว่างรอด้วยการนำรูปแบบในตำนานของ PS1 กลับมาอีกครั้งในระบบการเล่นที่ไม่ต้องพึ่งพาแผ่นเหมือนวันวาน PlayStation Classic All In One เปิดตัวพร้อมขนาดที่เล็กลงกว่ารุ่นคลาสสิกถึง 45%
“Changing Men’s Lives for the Better” แคมเปญที่ได้สานต่อโครงการระดับโลกที่รณรงค์สนับสนุนให้สุภาพบุรุษตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพที่จะ “เปลี่ยนชีวิตสุภาพบุรุษให้ดียิ่งขึ้น” โดย โทรคาเดโร กรุ๊ป (Trocadero Group) ได้จับมือกับ ทรูฟิตต์ แอนด์ ฮิลล์ (Truefitt & Hill) บาร์เบอร์สุภาพบุรุษสไตล์อังกฤษ โดยได้เปิดตัวแคมเปญ “เปลี่ยนชีวิตสุภาพบุรุษให้ดียิ่งขึ้น : Changing Men’s Lives for the Better” ที่ร้าน Truefitt & Hill เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ในโครงการเพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างนาฬิกาโอริส และมูลนิธิโมเว็มเบอร์ (Movember Foundation) องค์กรการกุศลชั้นนำของโลกในด้านการดูแลสุขภาพของบุรุษ โดยในครั้งนี้ได้จัดทำนาฬิการุ่นพิเศษ Oris Movember Edition “โอริส โมเว็มเบอร์ อิดิชั่น” เพื่อนำรายได้ร่วมสมทบทุนโครงการต่าง ๆ ของมูลนิธิฯ สองผู้บริหารใหญ่ เตย มหาดำรงค์กุล และ ศกร
เรานั่งสนทนากันในวันที่แสงแดดดี ไม่มีกลิ่นอายความเศร้า แต่เอ่ยถึง “ความตาย” กันเหมือนเรื่องปกติสามัญเรื่องหนึ่งไม่ต่างจากเรื่องเล่าข่าวเช้า หรือเรื่องเล่าพูดคุยธรรมดาช่วงบ่าย พี่ที่คุ้นเคยกันคนหน่ึงกล่าวว่าช่วง 25-35 คือวัยที่เราทยอยไปงานแต่งอย่างบ้าคลั่ง แต่หลังจาก 40 เป็นต้นไป งานศพจะเป็นงานที่เราไปบ่อยที่สุด คนที่เรารักจะทยอยจากไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การพบ พราก จาก ลา และแสดงความอาลัยต่อสิ่งที่จากคือธรรมดาของโลก สิ่งที่น่าสนใจคือในทุกงานศพมักมีวัฒนธรรมการแสดงความอาลัยต่อเจ้าของงานอย่างการมอบพวงหรีดดอกไม้ที่เรารู้สึกเคยชินกับการให้ แต่ไม่เคยมองว่าปลายทางของมันจะจบลงอย่างไร จนกระทั่งได้พบกับรูปแบบหรีดใหม่อย่าง “หรีดหนังสือ” ที่ช่วยกระตุกต่อมคิด เราจึงพบว่าแท้จริงแล้วความเศร้ามันสามารถส่งต่ออะไรให้กับคนอื่นได้มากมาย ทั้งผู้วายชนม์ คนที่ยังอยู่ และสังคม แถมหรีดนี้ยังได้รับการดีไซน์ออกมาสไตล์มินิมัลสมเกียรติ เหมาะแก่การส่งต่ออีกด้วย เพื่อติดตามเบื้องหลังความคิดสร้างสรรค์นี้ UNLOCKMEN จึงมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้คิดโครงการและผู้เกี่ยวข้องกับหรีดหนังสือเหล่านี้ ดอกไม้สด ลูปความเศร้าที่จบไม่สวย ถ้าพูดถึงหรีดงานศพ “ดอกไม้สด” จะเป็นสิ่งแรกที่เราคิดถึง ธรรมดาแล้วเรามักจะคิดว่าเป็นวัสดุธรรมชาติเดี๋ยวก็คงย่อยได้ แต่จากสถิติปลายปีที่แล้วเฉพาะเทศกาลลอยกระทงบริเวณลุ่มน้ำปิงพบว่ามีขยะกระทงจำนวนถึง 120 ตันภายในวันเดียว แล้วสำหรับงานศพที่เกิดขึ้นทุกวัน เฉลี่ยทั่วประเทศวันละ 1,200 งาน คงไม่ต้องบอกว่าเราจะพบกองหรีดเป็นพะเนินขนาดไหน บวกการสร้างคาร์บอนฟุตปริ้นท์ปริมาณสูงถึง 359 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ ยังไม่นับรวมฟอร์มาลีนที่นำมาฉีดเพื่อคงความสดให้พวกเราต้องสูดเข้าไปซึ่งจะสร้างอันตรายอีกมากมาย ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้คุณสุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ริเริ่มดำเนินการโครงการอย่างจริงจัง
เกมคอนโซลและรองเท้าผ้าใบ นับเป็นไอเทม 2 ชนิดตลอดกาลที่สามารถสร้างความสุขให้กับผู้ชายอย่างเราได้เสมอ เพราะต่อให้เวลาผ่านไปสักแค่ไหน เราก็ยังหลงเหลือความชอบในพวกมันอยู่ไม่มากก็น้อยและดูเหมือนว่าแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่อย่าง NIKE จะเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี เลยจัดการการตอบสนองความต้องการของเหล่า Sneakerhead ทั่วโลกด้วยการส่งโมเดลรองเท้าล่าสุดอย่าง PlayStation x NIKE PG 2.5 ออกมาให้ต้องเก็บเงินพร้อมเคลียร์ตู้รองเท้ากันอีกแล้ว PlayStation x NIKE PG 2.5 คือรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นประจำตัวของ Paul George นักบาสเกตบอลจากทีม Oklahoma City Thunder ในลีก NBA โดยรองเท้ารุ่นแรกของเขาอย่าง NIKE PG 1 ถูกส่งออกมาเป็นครั้งแรกในปี 2017 และด้วยกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยม ทำให้ Nike เดินหน้าพัฒนาแนวทางของมันจนออกมาเป็นรองเท้ารุ่นล่าสุด ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเครื่องเกมคอนโซลในตำนานอย่าง PlayStation 1 และพื้นฐานความชื่นชอบในการเล่นเกมของ Paul George PlayStation x NIKE PG 2.5 มาในโทนสีหลักคือ Wolf Grey โดยมีการใส่รายละเอียดจากเครื่อง PlayStation Classic
ทิสโซต์ (TISSOT) เรือนเวลาแห่งความแม่นยำของนวัตกรรมจากสวิส เปิดตัวนาฬิกาใหม่ Tissot Seastar 1000 (ทิสโซต์ ซี สตาร์ 1000) คอลเลกชั่นที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตแต่ยังคงความทันสมัย เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬาทางน้ำเป็นพิเศษ ด้วยคุณสมบัติพิเศษสามารถกันน้ำลึกได้ถึง 30 บาร์ หรือ 1000 ฟุต ประกอบด้วยตัวเรือน 316L สเตนเลสสตีล เคลือบด้วยพีวีดี มีให้เลือกทั้งสายสเตนเลสสตีลเกรด 316L พร้อมบานพับซ่อน และสายยางพร้อมหัวเข็มขัดมาตรฐาน สัญลักษณ์บอกเวลาเคลือบสารซูเปอร์ลูมิโนวา ที่ช่วยให้มองเห็นชัดเจนในความมืด หน้าปัดโดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดเซรามิกปรับหมุนเพื่อวัดระยะเวลาในการดำน้ำ เพิ่มลูกเล่นด้วยการไล่สีน้ำเงินคล้ายสีของมหาสมุทร ทั้งระบบออโตเมติก ที่มีขนาดหน้าปัด 43 มิลลิเมตร (ราคา 26,000 บาท) นอกจากนั้นยังมีระบบควอทซ์ ที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นโครโนกราฟ ขนาดหน้าปัด 45.5 มิลลิเมตร (ราคา 19,700 บาท) นับเป็นก้าวใหม่แห่งเรือนเวลาของทิสโซต์ที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ร่วมสัมผัสเรือนเวลาแห่งนวัตกรรมสวิสได้แล้วที่ ร้านทิสโซต์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 02- 613-
นอนดูหนังที่บ้านยาม Weekend คงจะเป็นกิจกรรมในใจของผู้ชายหลายคน ที่เบื่อกับการออกไปพริ้วไหวนอกบ้านแล้ว จอกี่นิ้วก็ดูเหมือนจะสนอง Need เราได้ไม่พอ อยากจะได้ใหญ่ขึ้นอีกเรื่อย ๆ แต่ไม่ใช่ว่าของเล่นทุกชิ้น ราคามันจะอยู่ในหลักที่เราเอื้อมได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะทีวีจอยักษ์ที่รุ่นท็อปหน่อยก็ไปแตะที่หกหลักกันแล้ว ลองเปลี่ยนมู้ดจากจอใหญ่ยักษ์มาเป็น Feel แบบโรงหนังด้วย Home Projector กันดูบ้าง ได้ยินอย่างนี้บางคนรีบส่ายหน้าหนีให้กับความเทอะทะของกล่องโปรเจ็กต์เตอร์สี่เหลี่ยม ดีไซน์เชยระเบิด UNLOCKMEN อยากให้ลืมโปรเจ็กต์เตอร์แสนเชยแบบนั้นไป แล้วมาทำความรู้จักกับ Home Projector ของ “PHOS” ที่มาในดีไซน์สวยล้ำ ตั้งตรงไหนก็ช่วยให้ดูเท่ขึ้นเป็นกอง ผลงานการออกแบบจาก Jacopo Mauro ผู้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดื่มด่ำช่วงเวลาอันมีค่าของการดูภาพยนตร์ที่บ้าน ว่าควรได้รับประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกที่ดีไม่แพ้การไปดูที่โรงภาพยนตร์ เลยได้มาเป็นเจ้าตัวนี้ ที่ออกแบบมาเน้นทั้งดีไซน์และฟังก์ชั่นให้ไปควบคู่กัน ดีไซน์ที่สวยล้ำจนเราแทบเดาไม่ออกว่านี่คือโปรเจ็กต์เตอร์อย่างที่เราเคยรู้จัก ทุกอย่างออกมาในรูปแบบที่เรียบง่าย สะอาดตา ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตเสียบสายอะไรให้เกะกะตา เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน หรือเมื่อใช้งานเสร็จก็สามารถวางไว้เป็น Gadget ล้ำ ๆ ไม่ต้องคอยยกเก็บ ยกเข้ายกออกอย่างเคย วัสดุจากโลหะพ่นทรายให้ผิวสัมผัสแบบด้าน พร้อมฐานวางหินอ่อน ยิ่งทำให้ดูเป็นของตกแต่งบ้านเข้าไปใหญ่ ด้วยทรงกระบอกที่สามารถหมุนใช้งาน 180 องศา เราจึงสามารถควบคุมองศาของการฉายภาพได้แบบตามใจเราที่แท้จริง พร้อมการใช้งานที่รองรับ Wireless
ถ้าหากมีโอกาสได้ลองไปเปิดกรุสมบัติของเหล่านักสะสมนาฬิกา แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อ OMEGA รวมอยู่ในคอลเลคชันเรือนเวลาสุดรักเป็นแน่แท้ ด้วยคุณภาพและเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 170 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาที่เมือง La Chaux-de-Fonds ประเทศ Switzerland เมื่อปี 1848 โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ศตวรรษ OMEGA ได้สร้างสรรค์นาฬิการะดับตำนานออกมามากมาย และ OMEGA Seamaster Diver 300m ก็เป็นหนึ่งในตำนานแห่งเรือนเวลาจาก OMEGA ที่เหล่าคนรักนาฬิกาทั้งหลายต่างหลงใหล ย้อนไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นเมื่อครั้งที่นาฬิกา Seamaster Professional Diver 300m ปรากฏโฉมขึ้นมาเป็นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 1993 เครื่องบอกเวลาชิ้นนี้ก็ประสบความสำเร็จในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน จากความหลงใหลที่มีต่อการออกแบบตัวเรือน รวมถึงกลไกประสิทธิภาพสูง ผ่านระยะเวลาเพียงไม่นาน เรือนเวลาก็ได้ไปอยู่บนข้อมือของเหล่านักดำน้ำ นักกีฬา นักวิจัย ไม่เว้นแม้แต่ในภาพยนตร์สายลับชื่อดัง และในวันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ทุกคนไปย้อนสัมผัสเหตุการณ์ที่เป็นหมุดไมล์สำคัญของช่วงเวลา 25 ปี การเดินทางก้าวแรกสู่ตำนานของ OMEGA Seamaster Diver 300M HOW THE SEAMASTER
นั่งไทม์แมชชีนย้อนสู่ยุค 90 ยุคที่เรายังฟังเพลงจาก Walkman ไม่ใช่ Spotify ยุคที่เรายังดูภาพยนตร์จากวิดิโอหรือซีดีไม่ใช่ Netflix ยุคที่เรายังสื่อสารกันผ่านเพจเจอร์ ไม่ใช่ Facebook แต่แน่นอนว่าพวกเราทุกคนไร้ซึ่งพลังพิเศษ ไม่อาจหวนสู่คืนวันเหล่านั้นได้อีก เช่นเดียวกับ Thomas Ollivier ดีไซน์เนอร์ไอเดียเจ๋งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดเหล่านี้ จนนำไปสู่ผลงานการออกแบบที่เห็นแล้วต้องหลงรัก โดยเฉพาะกลุ่ม Gen-X ตอนปลาย Gen-Y ตอนต้นที่ชีวิตช่วงวัยรุ่นอยู่ในยุค 90 ปัจจุบันบริการ Online Streaming ต่าง ๆ คือช่องทางหลักที่เราใช้เสพสิ่งบันเทิงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนัง, ซีรีส์ หรือเพลง เมื่อเป็นเช่นนี้ Thomas Ollivier จึงจับ Spotify หนึ่งใน Music Online Streaming ยอดฮิตมาอยู่ในเครื่องเล่นเทปซึ่งเป็นตัวแทนแห่งการฟังเพลงเมื่อยุคสมัยนั้น เช่นเดียวกับ Netflix หนึ่งใน Online Streaming ที่รวบรวมความบันเทิงไว้มากที่สุดในปัจจุบัน ถูกจับแปรสภาพกลายเป็นเครื่องเล่น VCD ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ Y2K โทรศัพท์มือถือยังราคาแพงหูฉี่ ดังนั้นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นคงหนีไม่พ้นเพจเจอร์ ตรงกันข้ามกับปัจจุบันที่การสื่อสารทำได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วจิ้ม นอกจากนั้นยังรวบรวมข่าวสารจากทั่วทั้งโลกมาไว้ภายใต้ตัว F และพื้นหลังสีฟ้า เช่นเดียวกันกับการถ่ายรูปที่ในปัจจุบันทุกอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึง 1
เหลือเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้นก่อนจะจบปี 2018 สำหรับปีนี้หนุ่ม ๆ หลายคนคงจะเต็มอิ่มกับรองเท้านับร้อยคู่ที่ถูกปล่อยหมุนเวียนกันออกมาเรียกเงินในกระเป๋าเราตลอดทั้ง 10 เดือน แต่สำหรับคนที่พลาดก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะเดือนพฤศจิกายนเองก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะตั้งเป้าหมายการซื้อเอาไว้ เพราะรองเท้าแต่ละคู่ที่จะปล่อยออกมาวางขายในเดือนนี้สวยจนอยากเป็นหนี้แน่นอน Adidas Yeezy BOOST 350 V2 “Zebra” RE-STOCK กลับมาอีกครั้งสำหรับ Adidas Yeezy BOOST 350 “Zebra” สีที่เคยมีราคาแตะหลักครึ่งแสนมาแล้วในไทยเมื่อตอนเปิดตัวครั้งแรกซึ่งต้องมาดูกันว่ารอบนี้จะปล่อยออกมาเพียงพอกับความต้องการของเหล่า YEEZY MANIA เมืองไทยหรือเปล่า โดยจะวางขายพร้อมกันทั่วโลกวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายนนี้ สำหรับหนุ่มไทยสามารถหาซื้อได้ตามช็อป Adidas Brand Center , Adidas Original Store Siam Center หรือผ่านช่องทางออนไลน์ในเว็บไซต์ adidas.co.th ส่วนเงื่อนไขการซื้อคงต้องรอฟังต่อไป หรือถ้าใครอยากลุ้นมันส์ ๆ ทาง Carnival Store ก็มีการขายแบบจับฉลากด้วยเหมือนกัน ราคาป้ายของเจ้าม้าลายอยู่ที่ประมาณ 8,800 บาท ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามจำนวนที่ถูกปล่อยเข้ามาในประเทศ เพราะเริ่มมีพ่อค้าคนกลางบางร้านเปิด Pre-order กันแล้วในราคาประมาณ 11,xxx -12xxx