Game Of Thrones ถือเป็นซีรีส์ที่มาแรงที่สุดแห่งยุคด้วยจำนวนทั้งหมด 8 ซีซั่น เป็นเวลากว่า 8 ปี และปีนี้ก็ดำเนินมาถึงบทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวอันแสนยาวนานแล้ว ทำให้สารพัดแบรนด์ไม่ว่าจะแบรนด์แฟชั่น เครื่องดื่ม ไปจนถึงเครื่องดนตรีต่างก็นำเรื่องราวของมหากาพย์ GOT มาประดับไว้บนผลงาน แบรนด์ Fender ถือว่าเป็นผู้ผลิตกีตาร์สัญชาติอเมริกาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ครั้งนี้ Fender ไม่รอช้าจับมือกับ D.B. Weiss หนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ซีรีส์เพื่อดึงเรื่องราวของ 3 ตระกูลใหญ่แห่งดินแดนเวสเทอรอสจากเรื่อง Game Of Thrones มาอยู่บนกีตาร์คอลเลกชันพิเศษ HOUSE STARK (TELECASTER) Stark ตระกูลใหญ่จากแดนเหนือที่มีสัญลักษณ์ประจำตระกูลสุดเท่อย่างหมาป่าไดร์วูฟ ตระกูลผู้เป็นเจ้าของวลี “Winter is Coming” ที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง แถมยังโดดเด่นด้วยเครื่องแต่งกายและนัยน์ตาสีเทา จึงทำให้กีตาร์ทรง Telecaster ที่เป็นรุ่นแรก ๆ ของแบรนด์ Fender ถูกออกแบบให้มีสีเทาด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นลวดลายบนตัวกีตาร์ถูกออกแบบให้คล้ายกับแผ่นไม้ พร้อมสลักหมาป่าไดร์วูฟเอาไว้ตรงกลาง และวางจำหน่ายในราคา 25,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 800,000
Casio ถือว่าทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็น G-Shock คอลเลกชัน Gundam หรือนาฬิกาที่รับแรงบันดาลใจจากสายรุ้ง และครั้งนี้ในงานนาฬิการะดับโลก Baselworld 2019 ที่ผ่านมา Casio ก็ยังเรียกเสียงฮือฮาอย่างต่อเนื่องด้วยนาฬิการุ่นพิเศษที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของซามูไร คล้ายกับว่าเป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับ Casio กับงาน Baseworld เพราะในปี 2017 และ 2018 เปิดตัวนาฬิกา G-Shock ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีให้เข้ากับวัฒนธรรมสไตล์ญี่ปุ่นรหัส MRG G2000HA-1A ที่นำขั้นตอนการผลิตดาบของ Biho Asano ช่างตีดาบรุ่นที่สามของตระกูลผู้ผลิตดาบซามูไรมาปรับใช้สำหรับผลิตนาฬิกาข้อมือ ทำให้ราคาพุ่งสูงเกือบสามแสนบาท สำหรับ G-Shock MR-G ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของซามูไรในปี 2019 ก็เรียกความสนใจของเหล่าผู้ชื่นชอบนาฬิกาได้เป็นอย่างดี โดยรุ่นรหัส MRG G2000G-1A จะใช้สีหลักคือสีม่วง ผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกับไทเทเนียมและทำให้พื้นผิวของโลหะเป็นลายเฉพาะตัว จากนั้นชุบด้วย AIP (Arc lon Plating) ซึ่งเป็นการเคลือบผิวแบบเดียวกับเครื่องบินเจ็ต ตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีล หน้าปัดนาฬิกาจะใช้โทนสีเข้มเป็นหลัก จากนั้นใช้สีแดง-ขาว แบบเดียวกับที่อยู่บนธงชาติญี่ปุ่นแต้มตรงขอบ ขีดบอกเวลา และเข็มวินาที โดดเด่นด้วยสีแดงสดให้ง่ายต่อการดูเวลา กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทนทานต่อรอยขีดข่วน
“HAMILTON PREVIEW 2019” งานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่รวบรวมเรือนเวลากว่า 30 เรือน ที่จะวางจำหน่ายภายในปีนี้จัดให้ได้ชมอก่อนใคร ภายใต้คอนเซปต์ “At the Heart of Cinema” รวมถึงนาฬิกาหลายรุ่นสุดคลาสสิคที่ถูกสวมใส่ในภาพยนต์ชื่อดังมากมาย โดยมีไฮไลท์อย่าง Khaki Field Murph จากภาพยนตร์สุดล้ำระดับบล็อคบัสเตอร์อย่าง Interstellar และ Ventura Skeleton ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Spider–Man Homecoming รวมไปถึง Ventura รุ่นคลาสสิคที่ถูกสวมใส่ใน MIB International ที่จะเข้าฉายในเดือนมิถุนายนนี้อีกด้วยพร้อมคอนเสิร์ตเพลงแจ๊สสุดคลาสสิกสะท้อนถึงความงดงามเหนือกาลเวลาของนาฬิกาจาก Hamilton ที่ครองใจผู้คนมาทุกยุคทุกสมัยท่ามกลางวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนราม่า เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองปีแห่งภาพยนตร์ซึ่งแบรนด์ Hamilton ถูกเรียกได้ว่า Hollywood watch จากการมีส่วนร่วมในภาพยนตร์มามากกว่า 450 เรื่อง และส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์ระดับมาสเตอร์พีซที่มี ‘เวลา’ เป็นตัวเดินเรื่องสำคัญ โดยมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1951 จากภาพยนตร์เรื่อง The Frogmen ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย รวมไปถึงภาพยนตร์ชื่อดังอีกมากมาย อาทิ 2001:
“คิดจะพัก คิดถึงสีฟ้า” ประโยคนี้ไม่ใช่ประโยคโฆษณาร้านอาหารอีกต่อไป แต่เรากำลังหมายถึง “สีฟ้า” ที่เป็นสีจริง ๆ เพราะ G.F. Smith. บริษัทผลิตกระดาษเขาเพิ่งประกาศให้สีฟ้าเฉด “Navy Blue” เป็นสีที่สร้างอารมณ์ผ่อนคลายมากที่สุดในโลกรองจาก เทอร์ควอยส์ และสีชมพู ความจริงที่ว่าสีสัมพันธ์กับอารมณ์ พูดไปแล้วฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา ใครก็คงรู้ เพราะถ้าเข้าคลาสศิลปะเขาก็สอนเรื่องทฤษฎีสีมานานแล้วว่า สีแบ่งเป็นสีร้อน สีเย็น โทนสีเย็นก็เป็นสีที่ทำให้ผ่อนคลาย เหมาะจะเอามาตกแต่งบ้าน แต่ภายในกลุ่มสีเย็นก็มีอีกหลายสี ทั้งเขียว น้ำเงิน หรือม่วงและเหลืองที่อยู่ในโทนสีกลางระหว่างสองฝั่ง แต่สีไหนล่ะที่ทำให้เราผ่อนคลายที่สุด เรื่องนี้เรายังไม่เคยเห็นใครลุกมาวิจัยหาเฉดสีกันจริงจัง G.F. Smith. ร่วมมือกับ University of Sussex ค้นหาเฉดสีที่ให้ความสงบผ่อนคลายกับมนุษย์มากที่สุด โดยกำหนดผู้เข้าร่วมการศึกษาวิจัยครั้งนี้ไว้มากกว่า 26,000 คนจากหลายประเทศ ทำแบบสอบถามเพื่อวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่สัมพันธ์กับสีที่มองเห็น ด้วยการสอบถามเกี่ยวกับสีที่พวกเขาชื่นชอบ อย่างเช่น เราชอบสีขาว เขาก็จะทำแบบสอบถามรื้อหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงชอบมันและรู้สึกอย่างไรกับมัน Anna Franklin ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก University of Sussex กล่าวถึงการวิจัยว่าสีมักสัมพันธ์กับอารมณ์ เชื่อมโยงกับความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้อื่น ๆ อย่างความสงบ
เป็นเวลากว่า 20 ปี แล้วที่แบรนด์ของเล่นตัวต่อชื่อดัง Lego ร่วมงานกับภาพยนตร์อวกาศ Sci-fi Fantasy ในตำนานอย่าง Star Wars และเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองจึงทำให้ทาง Lego เผยรายละเอียดตัวต่อคอลเลกชันพิเศษและวันวางจำหน่ายของชุดตัวต่อยานอวกาศ Tantive IV ออกมาเป็นที่เรียบร้อย แฟนคลับภาพยนตร์ Star Wars จะต้องเคยเห็นยานอวกาศที่รูปทรงคล้ายกับฉลามหัวค้อนที่ชื่อว่า Tantive IV กันแน่นอน ฉากที่น่าจดจำคือการปรากฏตัวในฉากแรกของ Star Wars: A New Hope ที่ฝ่ายจักรวรรดิได้บุกเข้ามาจับตัวเจ้าหญิงเลอา คุณสมบัติของ Tantive IV สามารถทำความเร็วในชั้นบรรยากาศสูงสุด 950 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมเกราะสะท้อนแบบหนา และมี Hyperdrive Class 2.0 เร็วเท่ากับยาน Star Destroyer ของฝ่ายจักรวรรดิและสร้างขึ้นโดยบริษัทเดียวกันกับยาน Millenium Falcon ของ Han Solo ยานอวกาศ Tantive IV ไม่ได้มีไว้สำหรับกองกำลังฝ่ายต่อต้านเท่านั้นแต่ทางฝั่งจักรวรรดิก็นำยานนี้ไปติดอาวุธเพิ่ม รวมถึงกลุ่มโจรสลัดอวกาศ นักลอบขนสินค้าเถื่อน
นอกจากงานออกแบบใหม่และนวัตกรรมสมัยใหม่ในรองเท้าที่ค่อยขับเคลื่อนวงการสนีกเกอร์ในพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องแล้ว มนต์เสน่ห์จากรองเท้ารุ่นเก๋าในอดีตก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ชายผู้รักรองเท้าทั้งหลายหลงใหลไม่แพ้กัน ทั้งจากรูปทรง ดีไซน์ และเรื่องราวเฉพาะตัวที่มีอยู่ในรองเท้าแต่ละคู่ ย้อนเวลากลับไปในช่วงทศวรรษ 1990 เป็นเวลาเดียวกันกับที่บริษัทอย่าง Apple ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแสดงผลแบบจอสีออกมาวางขายเป็นครั้งแรก ครั้งนั้นพวกเขาเฉลิมฉลองมันด้วยการออกแบบรองเท้าจากวัสดุหนังสีขาวล้วน ที่ตกแต่งด้วยโลโก้สีรุ้งของบริษัทไว้ในส่วนลิ้นและด้านข้างของตัวรองเท้า จากนั้นได้นำไปผลิตและแจกจ่ายให้เฉพาะในกลุ่มพนักงานของบริษัท ทำให้มันกลายเป็นแรร์สนีกเกอร์ที่ไม่เคยมีใครเคยมีโอกาสสัมผัสมาก่อน แต่ภายหลังรองเท้าคอลเลคชันนี้จำนวน 1 คู่ถูกขายต่อให้กับ BitRebels และถูกประกาศขายบนเว็บไซต์ eBay ในปี 2007 ในราคาเพียง 79 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 2,500 บาทเท่านั้น แม้รองเท้าตำนานของ Apple จะหายไปพร้อมกับ BitRebels ด้วยราคาเพียงไม่ถึง 3,000 ในยุคนั้น และเริ่มซาความนิยมในวงการสนีกเกอร์ แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา (2017) การหวนกลับมาคืนจอประมูลอีกครั้งใน Beverly Hills ด้วยสภาพสุดเนี้ยบ สะอาดหล่อและยังขาวใส ก็เด้งราคาเริ่มต้นการประมูลของมันขึ้นมาจากตอนประกาศขายใน eBay ถึง 190 เท่า (15,000$) ก่อนแย่งกันเคาะแล้วปิดลงด้วยราคาถึง 30,000$ หรือประมาณ 950,000 บาทเลยทีเดียว ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในต้นแบบรองเท้าที่คนตามหามากที่สุด จนล่าสุดมีงานออกแบบรองเท้าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมันอีกด้วย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความคิดและจินตนาการของเด็กมักสร้างสรรค์สิ่งที่ผู้ใหญ่อย่างเราคิดไม่ถึงขึ้นมาบ่อยครั้ง ไม่ต่างจากครั้งนี้ที่เกิดขึ้นในวงการนาฬิกา เมื่อเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เริ่มตั้งคำถามง่าย ๆ จนทำให้เกิดคอนเซ็ปต์ดีไซน์นาฬิกาแบรนด์ Rolex ที่รับแรงบันดาลใจจาก Sprite น้ำอัดลมชื่อดังมาอยู่บนนาฬิกาข้อมือ แฟนคลับนาฬิกา Rolax คงไม่มีใครไม่รู้จักกับนาฬิกาข้อมือตระกูล GMT ที่โดดเด่นด้วยสีสันของขอบนาฬิกาไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน-แดง จนทำให้หลาย ๆ คนเรียกนาฬิการุ่นดังกล่าวว่า Pepsi นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น GMT-Master II ที่ใช้สีดำ-แดง ตกแต่งบริเวณขอบและถูกเรียกว่ารุ่น Coke Hodinkee เว็บไซต์ที่คล้ายกับเป็นแหล่งนัดพบของผู้หลงใหลนาฬิกาจากทั่วโลกได้แนวคิดที่น่าสนใจจากเด็กชายอายุ 8 ขวบที่ชื่อว่า Zahid Ali โดยเด็กคนนี้คือลูกชายของผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ของ Hodinkee ที่สงสัยว่าเมื่อ Rolex มี Pepsi กับ Coke แล้วทำไมถึงไม่ดึงสีสันสดใสของน้ำอัดลมกลิ่นมะนาวมาอยูบนนาฬิกาข้อมือบ้าง เมื่อเด็กน้อยคิดได้อย่างนั้นเขาจึงไม่รอช้า วาดภาพออกมาให้คนอื่นเข้าใจมากยิ่งขึ้นโดยการร่างแบบนาฬิกาพร้อมแต้มสีที่เขาต้องการลงบนกระดาษ และผลที่ออกมาต่างก็ทำให้นักออกแบบของ Hondinkee ถูกอกถูกใจไอเดียของ Zahid และดีไซน์ให้ดียิ่งขึ้นจนเห็นภาพจริง ๆ ครึ่งบนใช้สีเขียวมะนาวและครึ่งล่างใช้สีเหลืองของเลม่อน จับคู่กับหน้าปัดสีดำวาวที่ส่งให้สีตรงขอบนาฬิกาโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมกับจุดบอกเวลาสีขาว และก้านเข็มวินาทีจะใช้เขียวที่มีส่วนหัวลูกศรเป็นสีเหลืองเหมือนกับขอบนาฬิกา ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนาฬิกา Rolex ที่ถูกเรียกว่า Sprite
เราทำอะไรกับรองเท้าที่ซื้อมาสวมใส่กันบ้างหลังจากที่มันหมดสภาพใช้งานไปแล้ว วางทิ้งไว้ ส่งซ่อมหรือซื้อคู่ใหม่มาทดแทนเพราะยังไงตลาดรองเท้าที่ขยายใหญ่มากขึ้นทุกวัน ก็ทำให้หนุ่ม ๆ มีสนีกเกอร์มากมายให้เลือกสรรเป็นคู่ใหม่ แต่จะดีแค่ไหนถ้ามีรองเท้าที่สามารถนำไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาทำรองเท้าคู่ใหม่ได้โดยไม่ต้องใช้วัสดุที่มีผลกับธรรมชาติ รองเท้าหลายหมื่นคู่ทั่วโลกหลังใช้งานและกลายสภาพเป็นขยะที่ไม่มีใครต้องการ ถูกกำจัดด้วยวิธีฝั่งกลบไม่ก็เผาทำลายซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นด้านขยะมูลฝอยและมลพิษในอากาศ เรื่องราวเหล่านี้เองที่ทำให้แบรนด์กีฬาอย่าง Adidas หันมาผลิตรองเท้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดในชื่อ FUTURECRAFT.LOOP ซึ่งเป็นรองเท้าในสายการผลิตใหม่ล่าสุดจาก Adidas ที่วันนี้พวกเขาไม่ได้มานำเสนอระบบรองเท้าใหม่ แต่เป็นการผลิตรองเท้าที่สามารถนำทุกชิ้นส่วนกลับมารีไซเคิลได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับผลิตรองเท้าคู่ใหม่ได้อีกด้วย แนวทางของ FUTURECRAFT.LOOP คือการผลิตรองเท้าหนึ่งคู่จากวัสดุชิ้นเดียวไม่ว่าจะเป็นส่วนอัปเปอร์ มิดโซล เชือกและพื้นรองเท้า โดยทั้งหมดทำจากวัสดุที่เรียกว่า Thermoplastic Polyurethane (TPU) ที่ทางแบรนด์พัฒนาร่วมกับ BASF ซึ่งมันถูกผลิตจากขยะพลาสติกในทะเล ก่อนจะทำมาประกอบให้กลายเป็นส่วนต่าง ๆ ในรองเท้าคู่สมบูรณ์โดยไม่มีการใช้กาวเชื่อมต่อแม้แต่หยดเดียว นอกจากนี้ผู้สวมใส่สามารถส่งรองเท้าหลังจากไม่ต้องการใช้งานแล้วให้แบรนด์ ก่อนพวกเขาจะนำมาหลอมด้วยความร้อนและแปรรูปเป็นวัสดุสะอาดและสดใหม่สำหรับผลิตรองเท้าคู่ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามแม้วัสดุทั้งหมดที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์จะเป็นสัดส่วนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของรองเท้าคู่ใหม่เท่านั้น แต่การพัฒนาในครั้งนี้ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับวงการรองเท้าและคนที่รักรองเท้าด้วย เพราะต่อไปทางค่ายรองเท้าทั่วโลกอาจหันมาใช้วัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นซึ่งผลประโยชน์ก็ตกมาอยู่ที่พวกเราทุกคน SOURCE 1
ในยุคที่แบรนด์นาฬิกาต่างผลิต Smartwatch ออกมามากมาย แต่แบรนด์นาฬิกาสัญชาติอเมริกาอย่าง Nixon เลือกที่จะผสมผสานของสไตล์วินเทจกับแฟชั่นสมัยใหม่อย่างปัจจุบันเข้าด้วยกัน จนทำให้เกิดนาฬิกาข้อมือสุดแหวกที่ส่งเสียงบอกเวลาด้วยปุ่มกดพิเศษชื่อว่า The Dork Too Nixon รุ่น The Dork Too อาจไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถพูดคุยหรือเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือคู่ใจได้เหมือนกับนาฬิกาอัจฉริยะโดยให้มาแค่ปุ่มกด 3 ปุ่มเท่านั้น ถึงจะเป็นนาฬิกาข้อมือวินเทจแต่ The Dork Too สามารถให้ความสนุกสนานด้วยเสียงแจ้งเตือนที่จะสร้างสีสันได้ตลอดทั้งวัน Nixon The Dork Too ตัวเรือนทำจากสเตนเลส พร้อมกับหน้าจอแสดงผล LCD แบบดิจิทัลทำให้เราสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยมีฟังก์ชั่นเด่น ๆ อย่างไฟพื้นหลังแบบ EL ที่จะเพิ่มแสงสว่างทั้งพื้นหลังและหน้าปัด การแจ้งเตือนวันที่ ถึงแม้จะมีดีไซน์วินเทจแต่ระบบแบตเตอรี่จะทันสมัยขึ้นด้วยช่อง micro-USB บริเวณด้านซ้ายของตัวเรือนสำหรับชาร์จแบตเตอรี่โดยไม่ต้องนำนาฬิกาไปเปลี่ยนถ่านที่ร้านให้เสียเวลา นอกจากการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ย้อนยุคที่โดดเด่นแล้ว เสียงแจ้งเตือนคืออีกหนึ่งไฮไลต์ที่ Nixon ภูมิใจนำเสนอ เมื่อกดปุ่มตรงจอแสดงผลก็จะส่งเสียงบอกเวลาแปลก ๆ รวมถึงสีของตัวเรือนที่มีให้เลือกถึง 4 สี ทั้งสีเงิน สี rose gold
Casio สร้างปรากฎการณ์ของแวดวงนาฬิกาในประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่นใหม่ล่าสุดจากตระกูล Edifice สองคอลเลกชันด้วยกันทั้ง Edifice Scuderia Toro Rosso รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน 2019 และ Edifice Countdown Bezel Series พร้อมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ Alexander Albon นักแข่งรถ Formula 1 สัญชาติไทยจากทีม Scuderia Toro Rosso Edifice ตระกูลนาฬิกาสปอร์ตโครโนกราฟสำหรับผู้ชายรุ่นใหม่ ในคอลเลกชันล่าสุดอย่าง Edifice Scuderia Toro Rosso Limited Edition 2019 และ Edifice Countdown Bezel Series ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ดีไซน์ที่เน้นความโฉบเฉี่ยว ความเร็วของรถแข่ง และความชาญฉลาดที่เที่ยงตรงแม่นยำ ร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นาฬิกาในตระกูล Edifine แข็งแกร่งตอบโจทย์ทุกความต้องการ ด้วยดีไซน์ทันสมัยและบอกเวลาได้อย่างแม่นยำที่สุด นอกจากความพิเศษเหนือระดับกับนาฬิกา Edifine ทาง Casio ได้เพิ่มความพิเศษยิ่งกว่าด้วยการดึงนักแข่งรถสายเลือดไทยของสนามแข่ง Formula 1
‘ศิลปะ’ คือหนึ่งในคำที่มีความหมายกว้างที่สุดในโลก ไม่มีคำนิยามตายตัว มีมากมายหลายแขนง บ้างก็มีไว้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ บ้างก็มีไว้เพื่อสื่อความหมายอะไรบางอย่าง บ้างก็มีไว้เพื่อตีความ แต่ศิลปะแขนงที่เราจะพูดถึงวันนี้ไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น เพียงแต่ต้องใช้ความสามารถขั้นสูงของศิลปินผู้สร้างสรรค์ ‘Hyper Realistic’ คือศิลปะที่มุ่งเน้นความสมจริง เน้นรายละเอียดทุกรูขุมขน จนยากที่จะแยกออกว่ามันคือภาพวาดหรือภาพถ่าย ศิลปะแขนงนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากยุค 70 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและภาคพื้นยุโรปโดยศิลปินผู้บุกเบิกคือ Carole Feuerman, Duane Hanson, และ John De Andrea บนหลักการแห่งสุนทรียศาสตร์ของแสงเสมือนจริงเพื่อแสดงออกถึงความเคลื่อนไหวของศิลปินหัวขบถสมัยใหม่ วันนี้ UNLOCKMEN มีภาพตัวอย่างบางส่วนมาให้ดู รับรองว่าเห็นแล้วตกตะลึงแน่นอน Pencil Drawings by Diego Fazio Acrylic Paintings by Jason de Graaf Oil Paintings by Pedro Campos Oil Paintings by Robin Eley Sculptures by Ron Mueck Oil Paintings by
ถือว่าเป็นปีทองของการ์ตูนขวัญใจเด็กผู้ชายอย่าง Gundam จริง ๆ เพราะปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 40 ปีนับตั้งแต่การ์ตูนกันดั้มออกฉายครั้งแรก นาฬิกาสารพัดแบรนด์ต่างก็ออกคอลเลกชันพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันครับรอบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่น Casio แบรนด์จากสวิสเซอร์แลนด์อย่าง Tissot และล่าสุดคอลเลกชันพิเศษสุดหรูจาก Seiko ที่ออกนาฬิกาสวย ๆ ทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน Gundam Limited Edition สำหรับนาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่อยู่ในคอลเลกชัน Gundam จะใช้นาฬิกา LX Line คอลเลกชันล่าสุดมาปรับแต่งใหม่ โดยแต่งเติมเรื่องราวของ Mobile Suit รุ่น RX-78-2 สุดคลาสสิกเข้าไป ทำให้ตัวเรือนมีธีมสีแสนคุ้นตาทั้งสีขาว สีน้ำเงิน สีเหลือง และสีแดง ขอบหน้าปัดครึ่งบนแต้มด้วยสีนำ้เงิน ส่วนครึ่งล่างใช้สีขาว ขีดของหมายเลข 12 จะดัดแปลงจากเส้นหนึ่งเส้นเปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์เสาอากาศส่วนหมวกของรุ่น RX-78-2 ทั้งยังแถมสายนาฬิกาหนังจระเข้สีขาวมาให้อีกหนึ่งเส้น ราคาของ Gundam Limited Edition จะอยู่ที่ 630,000 เยน คิดเป็นเงินไทยราว 180,000 บาท