“ไม่ใช่แค่การซื้อห้องหรือคอนโดในหัวหิน นี่คือการซื้อรีสอร์ทตากอากาศ ที่มีบริการระดับเดียวกับโรงแรม Intercontinental ทั่วโลก บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ใจกลางหัวหินติดชายหาดที่สวยและสงบมากจริง ๆ” นี่คือบทสรุปที่เรารู้สึก หลังจากได้เข้าไปดูและทำความรู้จักกับโครงการ Intercontinental Residences Hua Hin “หัวหิน” ตำนานที่เริ่มจากหมู่บ้านชาวประมงริมทะเล ที่มีชายหาดสีขาวสวย สงบ ร่มรื่น ถูกค้นพบระหว่างการสำรวจเส้นทางเพื่อสร้างทางรถไฟ จึงถูกรายงานไปที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงมีคำสั่งให้สร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่ประทับแปรพระราชฐานในฤดูร้อน ในรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มีการสร้างวังไกลกังวล (Far From Worries) ซึ่งมีความหมายที่แสดงถึงความเป็นหัวหินได้ตรงตัว และหลังจากนั้นเหล่าขุนนางตระกูลใหญ่ก็เริ่มตามมาจับจองสร้างที่พักอาศัย ทำให้หัวหินมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความสวยงามของทะเลที่รักษาเอาไว้เนื่องจากประวัติศาสตร์นี้เอง มีหลายโครงการในหัวหินที่บอกว่าตั้งอยู่ริมหาดในตำแหน่งที่ดีที่สุด เราคิดว่าหนึ่งในโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางติดทะเลหัวหิน ในทำเลที่ดีมาก ๆ ก็คือ Intercontinental Residences Hua Hin ที่ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 71 ฝั่งทะเล อยู่ใจกลางหัวหินซึ่งในอดีตเป็นที่ของขุนนางเก่าและตระกูลใหญ่ โรงแรม 5 ดาวจำนวนมาก จึงเลือกยึดพื้นที่หาดที่สวยที่สุดจุดนี้ไว้เช่นกัน ดังนั้นจึงการันตีได้ว่าตำแหน่งนี้ จะมีชายหาดที่สวยสะอาดอยู่เสมอ
ลืมทุกโซฟาที่คุณเคยคิดว่านั่งสบายไปซะ แล้วมาทำความรู้จักกับ Dhyan Chaise Lounge โซฟาที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสงบแบบ Zen ให้กับผู้นั่งได้อย่างลึกซึ้งด้วยน้ำตกและต้นไม้ Dhyan Chaise Lounge ออกแบบโดยบริษัท Karimeen inc. ได้แรงบันดาลใจมาจากความสงบของพุทธศาสนาและความสงบของสวนญี่ปุ่น ผสมเข้ากับ Modern design ที่หรูหรา เพื่อมอบความรู้สึกผ่อนคลายจากภายในที่ลึกซึ้งไปอีกขั้น ด้วยการเชื่อมต่อมนุษย์และธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันผ่านโซฟายาวสไตล์ Chaise Lounge ตัวนี้ โดยสามารถเลือกรูปแบบของโซฟาได้ถึง 3 รูปแบบ คือ standard mode, water-pond mode และ garden mode คำว่า Dhyan (ธนายะ) ของเก้าอี้ตัวนี้มาจากภาษาสันสกฤต มีความหมายว่า ฌาณ หรือการทำสมาธิ ถูกนำมาใช้เป็น design concept หลักของการออกแบบ ไม่ว่าคุณจะเครียดมาแค่ไหนจากภาระหน้าที่ระหว่างวัน เมื่อคุณกลับมาเจอเก้าอี้ตัวนี้ คุณจะพบกับความสงบที่แท้จริง โดยสามารถเลือกรูปแบบความสงบที่ต้องการได้ 3 รูปแบบ เริ่มจาก Standard mode
ผู้ชายสายลุยอาจต้องอดลุยกันมาพักใหญ่ ๆ เนื่องจาก COVID-19 แม้ตอนนี้หลายสถานที่ในประเทศจะเริ่มกลับมาเปิดตามปกติ และการคลายมาตรการบางส่วนทำให้เราออกเดินทางไปต่างจังหวัดได้บ้างแล้ว แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าไม่รู้เมื่อไรเราถึงจะกลับมาผจญภัย ออกเดินทาง หรือมีทริปแบบปกติ ๆ เหมือนก่อน COVID-19 มาเยือนได้อีก UNLOCKMEN เข้าใจหัวอกสายลุยดียิ่งกว่าดี จึงไม่มีอะไรเยียวยาได้ตรงจุดไปกว่า SPACE by Ecocapsule® เพราะนี่คือบ้านแคปซูลขนาดกะทัดรัด ดีไซน์ล้ำ ฟังก์ชันคูลที่ให้ความรู้สึกเหมือนการไปตั้งแคมป์ (แถมจะไปตั้งที่ไหนก็ได้เพราะไม่ง้อไฟฟ้า) ไม่ต้องคอยระวังอะไรเหมือนไปพักตามรีสอร์ทอีกต่างหากว่าเราเผลอละเมิดกฎ New Normal อะไรไปบ้างหรือเปล่า ส่วนใครเบื่อ ๆ บรรยากาศในบ้าน จะเอามาตั้งในสวนแยกตัวมามีเวลาส่วนตัวแบบคูล ๆ ก็ไม่ผิดกติกา เรียกว่าดีต่อใจสายลุยในวันที่ไม่ได้ออกไปลุยมานานได้กริบทุกมิติจริง ๆ วัสดุภายนอก SPACE by Ecocapsule® ทำจากเปลือกไฟเบอร์กลาสหุ้มฉนวนโครงเหล็ก มาพร้อมระบบการผลิตพลังงานที่สายรักษ์โลกก็ต้องรัก ส่วนสายลุยก็ยิ่งชอบเพราะไม่ต้องกังวลว่าจะไปตั้งที่ไหน มีไฟฟ้าไหม? เดินไฟให้วุ่นวายหรือเปล่า? SPACE by Ecocapsule® ใช้ระบบการผลิตพลังงานจากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงติดตั้งบนเสาแบบยืดหดได้ ให้กำลังไฟ 200W ส่วนระบบความร้อนและการระบายอากาศนั้น SPACE by Ecocapsule® ดีไซน์หน้าต่างที่สามารถเปิดเป็นช่องรับลมไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่ไหน
เคยตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกว่างเปล่ากันบ้างไหม? ของบางอย่างที่เคยมี คนใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีหรืออาจจะทั้งชีวิต พอพวกเขาตายจากไปเราถึงเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ดีขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เคยอยู่ด้วยกันมาหลายปี วันหนึ่งกลับคล้ายไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาเคยอยู่ตรงนี้ อย่างเดียวที่ยืนยันการมีอยู่ครั้งหนึ่งได้คงมีเพียงแค่ความทรงจำของเราเท่านั้น จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถเก็บความทรงจำที่สวยงามนั้นไว้ติดตัวเราได้ตลอดเวลา เชื่อว่าหลายคนคงคิดไม่ต่างกัน กระทั่งในที่สุดความคิดนี้ก็เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นจากการสร้างสรรค์ของ Gemories Thailand บริษัทจิวเวลรีไทยย่านสุขุมวิทที่เปลี่ยนอินทรียสารของคนที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นเถ้ากระดูก เส้นผม เส้นใยผ้า ดอกไม้ ฯลฯ ให้กลายเป็นรูปของผลึกพลอยเจียระไนแวววาวพร้อมสวมใส่ วันนี้ UNLOCKMEN โอกาสได้พูดคุยกับ คุณเบนซ์ – คุณปทิตตา หอมจันทร์ Marketing Director และเป็นหนึ่งในผู้บริหาร บริษัท เจมโมรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด แบบเอ็กคลูซีฟและได้เห็นทุกขั้นตอนกระบวนการผลิตที่ทำให้หายข้องใจว่า ส่วนประกอบต่าง ๆ จากคนที่เรารักสามารถแปรเป็นอัญมณีได้อย่างไร และทำไม Gemories ถึงต้องการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ขึ้น บอกก่อนว่าทั้งหมดนี้เรามองในแง่วิทยาศาสตร์ ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องลี้ลับ อย่างไรก็ตามอย่าลืมใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกบรรทัดด้วยนะ ถ้าจะบอกว่าธุรกิจที่นี่มีจุดเริ่มจาก “จุดจบ” ก็คงไม่ผิด คุณเบนซ์เล่าให้เราฟังว่า เดิมคุณพลอย-ภัสสร ภัสสรศิริ ผู้ริเริ่มธุรกิจ Gemories เคยทำธุรกิจเตาเผาไร้มลพิษและ Pet Master
Kinship คือวัฒนธรรมคนเอเชียมักจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านครอบครัวเดียวหรือรวมกันหลายครอบครัว หลาย generation เช่นเดียวกับในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นความท้าทายในการออกแบบ Interior Design บ้านให้ตอบโจทย์หลายครอบครัวในพื้นที่จำกัด และนี่คือตัวอย่างบ้านโดย Ming Architects น่าจะเป็นไอเดียที่ดีสำหรับคนที่ชอบบ้านสไตล์ Modern Industrial Loft กับรายละเอียดโหด ๆ และต้องรองรับสมาชิกครอบครัวใหม่ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต Venus House ไอเดียบ้านสไตล์ Modern สำหรับครอบครัวใหญ่ในสิงคโปร์ที่อาศัยอยู่ด้วยกันหลาย generation โดย layout บ้านทาวน์เฮาส์มีความคล้ายกับในประเทศไทย คือหน้าแคบแต่ลึก ความท้าทายคือการแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน โดยยังคงความเป็นส่วนตัวสำหรับแต่ละครอบครัว ทีมออกแบบจึงแก้ปัญหาด้วยการเจาะเพิ่มชั้นใต้ดินเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในบ้านได้มาอีก 1 ชั้น และเปิดพื้นที่กลางบ้านให้แสงเข้าจากด้านบนผ่าน glass skylight เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้ลงมาอย่างทั่วถึง และยังช่วยเรื่องระบายอากาศ รวมถึงการออกแบบขั้นบันไดให้แสงส่องผ่านได้ แบ่งโซนต่าง ๆ ด้วยโทนสีและวัสดุการตกแต่งเพื่อสร้างความแตกต่างออกจากกันโดยอยู่ในโทนขาว ดำ เทา ตามสไตล์ Modern Industrial Loft แต่ที่เด็ดสุดของบ้านนี้คือสระว่ายน้ำ indoor บริเวณชั้นสองในห้อง Entertainment Room
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อ Khyzyl Saleem, Graphic Designer สาย Vehicle Artist ที่ชื่นชอบรถยนต์ และมักจะมีไอเดียดี ๆ สร้างสรรค์รถยนต์ที่ไม่เคยมีใครจินตนาการถึง ให้เป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยปลายนิ้ว และผลงานเท่ ๆ มากมายก็เคยถูกสื่อทั่วโลกหยิบไปนำเสนอกันมาแล้วนับไม่ถ้วน และเราเองก็เป็นแฟนคลับของ Saleem ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะขอหยิบผลงานล่าสุด ที่เท่และล้ำจนปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ กับการนำเอา Lamborghini Countach มาดัดแปลงใส่สไตล์จนเหมือนหลุดมาจากยุค Blade Runner โดยที่ไม่ได้มีการดัดแปลงโครงสร้างของ Countach เลยแม้แต่น้อย นับว่าเป็น Designer ที่บริษัทรถยนต์ควรจ้างไปร่วมทีมอย่างแท้จริง ทั้งหมดที่ Saleem ทำเพียงแค่เติมไฟ LED เข้าไปบริเวณด้านหน้าและหลัง ส่วนภายนอกมีการดัดแปลง bodyparts พร้อมเลือกใช้สี aluminium ทำให้ดูโหดขึ้นหลายเท่า ให้อารมณ์กลิ่นอายเหมือน Cybertruck กับ Delorean ผสมผสานกันอย่างลงตัว รายละเอียดทั้งหมดทำออกมาได้อย่างสวยงามจนหวังว่าจะมีใครเอาไปปั้นของจริงออกมาเลยทีเดียว แต่ถ้าใครไม่เชื่อว่านี่คือฝีมือการ Retouch ภาพ เรามีตัวอย่างคลิปวีดีโอ MW
ช่วงนี้หลายคนน่าจะได้อยู่บ้านกันยาวนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่หันไปทางไหนก็เจอแต่ผนังกำแพงมุมเดิม ๆ อาจทำให้พวกเราเกิดความรู้สึกหดหู่จากบรรยากาศที่น่าอึดอัด วันนี้เราจะมาแนะนำไอเดีย “การตกแต่งต้นไม้ในบ้าน” ใช้ต้นไม้เป็นเฟอร์นิเจอร์ธรรมชาติ ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้บ้านดูมีชีวิตชีวา และยังช่วยดูดสารพิษ กรองฝุ่น คลายร้อน บรรเทาความเครียดจากการมองและสัมผัสได้อีกด้วย ไปดูกันว่าเราควรเลือกต้นไม้ยังไง และใช้ตกแต่งบ้านวิธีไหนได้บ้าง ลืมความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่าต้นไม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตอนกลางคืนทำให้เสียสุขภาพทิ้งไปก่อน เพราะเราสามารถเลือกพันธุ์ต้นไม้ให้เหมาะสมกับตำแหน่งพื้นที่ใช้งานได้ เช่น พืชตระกูล Crassulacean Acid Metabolism (CAM plant) สำหรับปลูกในบ้าน ที่จะเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้แล้วคายออกซิเจนตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ที่สามารถดูดสารพิษภายในบ้าน อย่างเช่น ฟอร์มาดีไฮต์ ไซลีน เบนซิน ที่มาจากสีทาบ้านหรือควันบุหรี่ได้ อย่างเช่น ต้นยางอินเดีย ไทรใบสัก ลิ้นมังกร ว่านหางจระเข้ เขียวหมื่นปี หรือกระบองเพชร ล้วนเป็นต้นไม้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และยังมีฟอร์มสวยงาม ดูแลง่าย หรือจะเป็นต้นไม้ที่ช่วยดักจับฝุ่นได้ดีจากใบที่ใหญ่ มีความหยาบ หรือมีขน เช่น ต้นสน ปาล์มใบไผ่ แก้วกาญจนา หรือพืชตระกูลเฟิร์น เหมาะกับการปลูกในสวนหรือพื้นที่รอบบ้าน จะช่วยลดการกระจายตัวของฝุ่น และยังช่วยบังแดดให้บ้านร่มเย็นอีกด้วย
โลกมนุษย์คือการเรียนรู้และปรับตัว นอกจากวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal จะทำให้คนเคยชินกับการเว้นระยะห่าง การใส่หน้ากาก การล้างมือ และการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสู่ที่สาธารณะแล้ว เรายังจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านการออกแบบ Interior Design ของร้านค้าหรือร้านอาหาร ที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยลูกค้า และทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยทั้งในแง่ความรู้สึกและการสัมผัส เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าแบบ New Normal ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวจาก Coronavirus ถ้าวันนี้คุณกำลังทำธุรกิจร้านอาหาร หรือมีแผนว่าจะเปิดร้านอาหารเพื่อรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวในอนาคต จากเดิมที่ร้านสวย บรรยากาศดี อาหารอร่อย จะการันตีความสำเร็จของร้านอาหารได้ แต่อนาคตมันจะไม่เพียงพออีกต่อไป และนี่คือเทรนด์การออกแบบ Interior Design เกี่ยวกับ Layout, Spacing และ Experience ในโลกหลัง Coronavirus ที่คุณต้องรู้เอาไว้ การมีระยะห่าง เป็นสิ่งที่จะสร้างความสบายใจในการใช้บริการให้ลูกค้า ปัจจุบันร้านอาหารที่เปิดให้บริการในช่วงใกล้ปลด Lockdown อาจจะทราบดีว่าการใช้ Layout จัดวางโต๊ะแบบเดิม ๆ ที่ต้องเว้นระยะห่าง 1.5 – 2 เมตร ตามมาตรการควบคุมนั้นเป็นการเสียพื้นที่มากเกินไป นั่นเพราะการออกแบบตั้งแต่แรกมีจุดประสงค์เพื่อเน้นจำนวนคนต่อพื้นที่เพื่อให้เกิดรายได้มากที่สุด ดังนั้นร้านอาหาร (รวมถึงร้านค้า)
เริ่มเหมือน Supreme มากขึ้นเรื่อย ๆ กับการขยับเข้าไปหา Lifestyle ของผู้คนมากกว่าแค่เสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็น Exercise Gears หรือสำรับไพ่ แต่ผลงานชิ้นล่าสุดนี้น่าจะออกไปไกลสุด กับโต๊ะโกลสุดหรูที่ดูยังไงก็เอาไว้สะสมหรือประดับบ้านมากกว่า เพราะคงไม่มีใครกล้าหวด Le Babyfoot Foosball Table ราคาเหยียบ 3 ล้านบาทจาก Louis Vuitton แน่นอน เกมคลาสสิกย่อมต้องอยู่คู่กับแบรนด์คลาสสิก นี่คือ Foosball Table หรือที่บ้านเราเรียกว่าโต๊ะโกล ผ่านการสร้างสรรค์อย่างละเมียดระดับ Craftsmanship ผลิตด้วยมือทั้งโต๊ะยันการลงสี เป็นโต๊ะแบบ Made to order ที่ผู้ซื้อสามารถเลือกหนังได้ตามต้องการ ตั้งแต่ monogram, monogram eclipse, Damier Graphite หรือแม้แต่ Epi leather ลายไม้หลากหลานเฉดสีที่พวกเราคุ้นเคยกันดี ก็มีมาหุ้มโต๊ะโกลตัวนี้เหมือนกัน ความประณีตในการสร้าง Trunks หรือกระเป๋าเดินทางทรงหีบซึ่งเป็น Signature มาใช้ในการสร้างโต๊ะโกลของ Louis Vuitton
แม้จะกักตัวอยู่บ้านมานานนับเดือน แต่ฟิตเนสสาขาประจำก็ยังไม่มีวี่แววจะเปิดให้บริการ ทำให้หนุ่มที่ชอบการออกกำลังหลายคนกระสันอยากรีดเหงื่อออกจากร่างกายกันไม่น้อย และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แบบนี้อุปกรณ์อย่าง Forme Mirror Fitness คือสิ่งตอบโจทย์การออกกำลังอยู่บ้านได้อย่างถูกจุดแน่นอน ช่วงเวลานี้หนุ่ม ๆ หลายคนคงกำลังมองหาวิธีออกกำลังกายที่บ้านที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจมีขีดจำกัดทั้งเรื่องความหลากหลายของอุปกรณ์และพื้นที่ภายในบ้าน แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย Forme Smart Mirror กระจกที่มาพร้อมฟังกัชันออกกำลังกายที่ครบครัน Forme Smart Mirror เป็นกระจกออกกำลังแบบ All-in-One ผลงานดีไซน์โดย Yves Behar นักออกแบบชาวสวิตเซอร์แลนด์เจ้าของ Fuseproject บริษัทไลฟ์สไตล์ดีไซน์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 เขาตั้งใจดีไซน์ให้ Forme ออกมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างงานดีไซน์และนวัตกรรมสมัยใหม่ โดยต้องการคิดค้นอุปกรณ์ออกกำลังในบ้านที่ประหยัดพื้นที่ใช้สอย แถมยังสนับสนุนการออกกำลังได้หลากหลายรูปแบบในเครื่องเดียว Forme เป็นกระจกความยาว 6 ฟุตทำหน้าที่เป็นจอแสดงผลที่สามารถแสดงโปรแกรมออกกำลังหรือภาพยนตร์เพื่อให้ผู้ฝึกสามารถดูตัวอย่างและฝึกฝนไปพร้อมกัน ขณะเดียวก็มีอุปกรณ์ออกกำลังติดมากับเครื่องเป็นสาย Aluminum Arms สำหรับดึงซึ่งสามารถฝึกฝนร่วมกับโปรแกรมภายในเครื่องได้เช่นกัน ความเจ๋งอีกอย่างของ Forme คือโปรแกรมการออกกำลังในเครื่องที่มีรองรับตั้งแต่ การยืด-คลายกล้ามเนื้อ, บอดี้เวท, โยคะและชกมวยที่อัดแน่นมาเพื่อเพิ่มหลากหลายในการออกกำลังให้สำหรับผู้ใช้งาน ปัจจุบันทาง Fuseproject กำลังเปิดให้ชาวสหรัฐอเมริกาสั่งซื้อ Forme Smart Mirror
หลังสร้างสถิติใหม่จนเป็นที่พูดถึงอย่างมากในงาน SIHH 2018 กับ “PIAGET ALTIPLANO ULTIMATE CONCEPT” เรือนเวลาระบบกลไกที่บางที่สุดในโลก ที่นอกจากจะเปิดตัวด้วยความหนาเพียง 2 มิลลิเมตรแล้ว แบรนด์ยังผนึกเอานวัตกรรมรอบด้านไว้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความลับด้านโครงสร้างของกลไกและตัวเรือนที่ออกแบบให้ผสานเป็นชิ้นเดียว เม็ดมะยมดีไซน์เฉพาะที่กลมกลืนไปกับตัวเรือนและกระจกที่บางเฉียบ กลไกที่มีกำลังลานสำรองนานถึง 40 ชั่วโมง เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า “เรือนเวลาที่แสนจะซับซ้อนและเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงแบบนี้จะถูกผลิตเพื่อวางจำหน่ายหรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนั้นไอเท็มชิ้นนี้จะเหมาะสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันสักแค่ไหน” คำตอบของเพียเจต์ก็คือ Yes และ Yes นั่นเอง โดยแบรนด์ให้เหตุผลว่า “PIAGET ALTIPLANO ULTIMATE CONCEPT” ไม่ได้เป็นเพียงการเผชิญความ ท้าทายในระดับ Micro engineering อีกต่อไป แต่เป็นการทำงานร่วมกันอย่างหนักของเหล่าทีมนักพัฒนา วิศวกร ช่างนาฬิกา นักออกแบบ เพื่อส่งมอบเรือนเวลาที่เพรียวบางสู่ผู้ใช้งานตัวจริง และนี่คือ เส้นทางสู่ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จที่ทุกคนต่างรอคอย From Drawing Board to Your Wrist ย้อนกลับไปปี 1957 เพียเจต์ก้าวสู่โลกแห่งการปฏิวัติเรือนเวลาด้วยการเปิดตัวนาฬิกาดีไซน์บางเฉียบขึ้น ก่อนพัฒนาออกมาอีกหลายรุ่นจนกลายเป็นนาฬิการะบบกลไกที่บางที่สุดในโลก
ถ้าพูดถึงนาฬิกาที่แข็งแรงทนทานและมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายสิบปี คงจะลืมชื่อ ‘G-SHOCK’ ของ Casio ไปไม่ได้เลย นอกจาก G-SHOCK จะเป็นแบรนด์นาฬิกาจากแดนอาทิตย์อุทัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว รูปลักษณ์ มาตรฐานการผลิต ตลอดจนงานดีไซน์เฉพาะตัวของแต่ละเรือนยังถูกใจหนุ่ม ๆ สายสตรีตอย่างเราเป็นที่สุด เมื่อปี 1995 แบรนด์นี้เคยเปิดตัวนาฬิการุ่น ‘DW-6900’ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วและถือเป็นหนึ่งในนาฬิการุ่นไอคอนิกของแบรนด์ไปโดยปริยาย เรือนนี้ได้รับฉายาว่า “triple graph dial” หรือที่เรียกติดปากกันในประเทศไทยว่า “ไอ้สามตา” บ่งบอกถึงประสิทธิภาพและรูปแบบจอแสดงผลทรงกลมสามชุดบนหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์ของเรือน แถมรุ่น DW-6900 ยังถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานการสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนอื่น ๆ ร่วมกับแบรนด์แฟชั่นอีกมากมาย ในปี 2020 นี้ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) เพิ่งเปิดตัวซีรีส์เรือนเวลา “Metal Face GM6900” จากตระกูลนาฬิกาต้านแรงกระทบกระเทือน (G-SHOCK) เพื่อฉลองครบรอบ 25 ปีของนาฬิการุ่น DW-6900 โดยนำโมเดลรุ่นเก๋ามาปรับโฉมใหม่ ดีไซน์วงกรอบตัวเรือนด้วยสเตนเลสสตีลขัดเงา ใช้หน้าปัดกระจกสุดแกร่ง และถอดแบบหน้าปัดทรงกลมสามชุดของรุ่น ‘DW-6900’ ในตำนานออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน นาฬิกาในซีรีส์นี้ถือเป็นสามรุ่นแรกที่ G-SHOCK นำวงกรอบตัวเรือนสเตนเลสสตีลมาประดับตกแต่ง