เชื่อว่าในตอนนี้หากจะให้พูดถึงเรือนเวลาขั้นสุดของ Seiko หลายคนคงยกให้ GS หรือ Grand Seiko ยืนหนึ่งในมวลหมู่ Seiko ทั้งหลาย แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้ Seiko คงรู้กันดีว่าในอดีตยังมีอีกหนึ่งรุ่นตำนานอย่าง King Seiko ที่ตีคู่ขับเคี่ยวโชว์ศักยภาพความเป็นเรือนเวลาชั้นยอดมาโดยตลอด เรื่องของเรื่องต้องย้อนไปในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งถือเป็นทองยุคแห่งความก้าวหน้าของ Seiko ทั้งในด้านการพัฒนาเชิงเทคนิคกลไกและความคิดสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ จนได้มีการพัฒนา Grand Seiko รุ่นแรกออกมาในปี 1960 ก่อนที่จะส่ง King Seiko ตามมาในปี 1961 ซึ่งเรือนเวลาทั้ง 2 รุ่น ที่มาจาก 2 แหล่งผลิต (Grand Seiko ผลิตที่ Suwa Seikosha / King Seiko ผลิตที่ Daini Seikosha) ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการเป็นสุดยอดเรือนเวลาของ Seiko แม้ตอนนี้จะเหลือเพียง GS ที่ครองตำแหน่งแบรนด์เรือนเวลาเรือธงจาก Seiko แต่เสน่ห์ความเป็นนาฬิกาจักรกลที่ได้รับการออกแบบและขัดแต่งอย่างสวยงามประณีต
นับเป็นข่าวที่ทำให้นักสะสมรองเท้าตื่นเต้นกันไปพร้อม ๆ กัน เมื่อ Sotheby’s บริษัทจัดการประมูลในยุโรปกำลังจะเปิดประมูลสนีกเกอร์ Air Force 1 สีใหม่ที่ออกแบบโดย Virgil Abloh ตำนานดีไซน์เนอร์ผู้ล่วงลับ เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่รองเท้าคู่นี้ปรากฎตัวครั้งแรกในงาน Louis Vuitton SS22 “Amen Break” ที่จัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2021 พร้อมกับรองเท้าคู่อื่นอีก 40 กว่าคู่ มันก็สร้างความ hype ให้กับชาวอินเทอร์เน็ตที่ติดตามข่าวอย่างมาก เพราะมันเป็นรองเท้าคู่หนึ่งที่ผสานความเป็นโอตกูตูร์ของ Louis Vuitton และความเป็นสตรีทแวร์ของ Nike ให้ออกมาเท่ลงตัวมาก สำหรับงานประมูลครั้งนี้ทาง Louis Vuitton ได้ร่วมมือกับทาง Nike และ Sotheby’s นำรองเท้าสีพิเศษมาปล่อยให้คนทั่วไปได้เสนอราคา ซึ่งมีการนำรองเท้า 200 คู่ที่ผลิตใน Fiesso d’Artico ประเทศอิตาลีมาเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย รองเท้าแต่ละคู่จะมีความโดดเด่นในเรื่องของ Upper ที่มีลวดลายซิกเนเจอร์ของ LV และทำจากผ้าคุณภาพระดับพรีเมียม และมีขนาดให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 5
ยิ่งบ้านน่าอยู่มากเท่าไหร่ เรายิ่งอยากใช้เวลาอยู่บ้านนานขึ้นเท่านั้น และมากกว่าการเป็นที่อยู่อาศัย บ้านยังสะท้อนถึงตัวตนและไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้านอีกด้วย เพื่อเติมเต็มรายละเอียดในชีวิตให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น Unlockmen เลยอยากแนะนำ 6 บริษัทอินทีเรียชื่อดัง เพื่อเป็นตัวเลือกให้ทุกคนที่อยากเปลี่ยนโฉมบ้านใหม่ให้พื้นที่ในฝันกลายเป็นจริง PIA Interior อยู่บ้านยาว ๆ ทั้งทีขอมุมพักผ่อนที่อลังการสักหน่อย ใครอยากมีโซนในฝันและอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองหรือชวนเพื่อน ๆ มาสังสรรค์ ดูหนัง หรือปาร์ตี้ใช้ทุกซอกทุกมุมแบบนี้ เราขอแนะนำบริการของ PIA Interior เพราะผลงานของที่นี่ทรงพลัง หรูหรา และกล้าหาญ เก๋าด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี ให้บริการออกแบบมาครบทั้งที่อยู่อาศัยส่วนตัว โรงแรมและรีสอร์ทระดับไฮเอนด์ สำนักงาน ฯลฯ PIA Interior เน้นการตกแต่งที่สร้างสรรค์ ดึงเอกลักษณ์ความแตกต่างสร้างดีไซน์ไม่จำเจจากคอนเซ็ปต์ที่ผู้อยู่อาศัยต้องการถ่ายทอดลงรายละเอียดออกมาได้ครบทุกอณู หนุ่ม ๆ คนไหนที่ต้องการความเท่แบบยูนีคต้องปักหมุดไว้ Facebook: @PIAinterior Website: www.piainterior.com Hyper-Haus ถอดตัวตนของเจ้าของบ้านออกมาในทุกมุม ทำให้บ้านเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีเสน่ห์ตลอดกาล นี่คือคอนเซ็ปต์การทำงานของ Hyper-Haus ที่พร้อมดีไซน์บ้านให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ Hyper-Haus ให้บริการระดับ Ultra-Luxury แบบ One
การขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ สามารถบ่งบอกรสนิยมความชอบและสไตล์ของแต่ละบุคคลได้ ไม่ต่างจากแฟชั่นเสื้อผ้าหรือแนวเพลงที่ชอบฟัง บางคนชอบความโมเดิร์น ตามกระแส ตามเทรนด์ ต้องทันยุคทันสมัย แต่บางคนกลับชอบว่ายน้ำทวนกระแส หันไปหลงใหลความวินเทจย้อนยุคราวกับว่าต้องการพาตัวเองย้อนเวลากลับไปหาความรุ่งเรืองในอดีต และถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนแบบนั้น แถมยังชื่นชอบการขับขี่จักรยานยนต์ ก็ไม่ควรพลาดที่จะมาทำความรู้จักกับ “Nmoto Golden Age BWW C400X Scooter” สำหรับรูปทรงดั้งเดิมของ BWW C400X Scooter ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นสุดล้ำราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ Sci-Fi แต่ด้วยไอเดียสุดบรรเจิดของทาง Nmoto บริษัทคอสตอมรถของทาง BWW จึงจัดการพลิกโฉมด้วยชุดแต่งในชื่อ Golden Age ให้มันกลายเป็นสกู๊ตเตอร์สไตล์วินเทจแบบที่ไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้ได้นึกถึงกันเลย การออกแบบชุดแต่งตัวนี้มีความสะดุดตาเป็นอย่างแรงด้วยรูปทรงโค้งมนดูอวบอิ่ม ดูมีน้ำหนักมาก แต่นั่นมันเป็นเพียงสิ่งที่สายตาภายนอกได้ตัดสิน เพราะความจริงแล้วตัวบอดี้ถูกผลิตมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีน้ำหนักเบา แถมยังครอบคลุมทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งคันด้วยส่วนประกอบเพียง 7 ชิ้นเท่านั้น อีกทั้งยังมีหลายเฉดสีให้ได้เลือกจับคู่ได้ตามความชอบ Nmoto Golden Age BWW C400X Scooter ยังโดดเด่นด้วยไฟหน้าขนาดใหญ่ระบบ LED พร้อมทั้งมีไฟเลี้ยวในตัว เติมความสมบูรณ์แบบสไตล์วินเทจด้วยเบาะหนังคู่ที่ถูกสั่งทำพิเศษ ซึ่งเหมาะกับคนรู้ใจให้ได้ซ้อนร่วมเดินทางกันไป อีกทั้งยังอุ่นใจได้กับระบบเบรกแบบ ABS ที่มาพร้อมกับระบบทรงตัวแบบอัตโนมัติ
เข้าสู่ช่วง Festive แบบนี้ เชื่อว่าหลายคนคงได้รับหน้าที่ทั้งการเป็นผู้ให้ และเป็นผู้รับของขวัญส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันภายใต้บรรยากาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่อบอวลไปด้วยมวลแห่งความสุข และล่าสุดเราได้รับของขวัญที่น่าสนใจอย่าง CHANG ESPRESSO CELEBRATION SET ซึ่งมัดรวมไอเทมมาให้แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น Tote Bag, หมวก, เสื้อยืด ซึ่งมาพร้อมลวดลายสุดคลาสสิกจาก CHANG ESPRESSO เอาไว้ไปใส่เที่ยวปีใหม่ได้แบบโก้เก๋ เท่ไม่เหมือนใคร ใน CHANG ESPRESSO CELEBRATION SET นี้ไม่เพียงแค่เป็นสิ่งแทนใจในการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ แต่ยังเป็น CELEBRATION SET สำหรับการเฉลิมฉลองความสำเร็จส่งท้ายปีที่น่าภาคภูมิใจของสินค้าสัญชาติไทย Chang Espresso Lager กับการคว้ารางวัลการันตีความคราฟต์เพิ่มเติม ทั้งทางด้านรสชาติและดีไซน์มาประดับตู้โชว์เพิ่มเติมอีกถึง 3 รางวัล จาก 2 เวทีด้วยกัน ซึ่งตลอดปีนี้ Chang Espresso Lager เครื่องดื่มของไทยที่ได้เดินสายกวาดรางวัลระดับโลกมามากมายหลายสถาบัน เพราะก่อนหน้านี้ก็สามารถคว้าเหรียญเงินทางด้านรสชาติจากเวที AIBA 2021 และยังเดินหน้าคว้ารางวัลจากการประกวด World Beer Awards
ชวนทุกคนมานับถอยหลังสู่ปี 2022 ทบทวนการใช้ชีวิตในปีนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเหล่าศิลปินดังทั้ง 4 คนที่เราคุ้นเคยผลงานอย่าง P7, Benzilla, Rukkit และ Lolay พร้อมพูดคุยถึงมุมมองก้าวต่อไปของศิลปะที่กำลังสร้างความท้าทายใหม่อย่างวงการ NFT และโลก Metaverse ในสายตาของพวกเขาที่อยู่ในวงการศิลปะมายาวนาน อะไรบ้างที่ต้องรู้ ต้องปรับตัว และต้องยืนหยัด…เพราะศิลปะไม่ได้มีแค่เทคนิคแต่เชื่อมโยงไปถึงจิตใจ P7 P7 ศิลปินสตรีทอาร์ตที่มีผลงานมากมายได้รับการยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ เขาเคยฝากผลงานน่าสนใจเข้าร่วมเทศกาลศิลปะดังอย่าง BAB 2020 และได้ร่วมโปรเจกต์กับหลายแบรนด์ดังนับไม่ถ้วน ด้วยเอกลักษณ์ผลงานที่ผลิตไม่เคยซ้ำและมุมมองการสร้างสรรค์งานสุดคอนทราสต์ “จริง ๆ ช่วงโควิดไม่ได้เจออุปสรรคอะไรเลยนะ มีแค่อย่างเดียวคือการทำโครงการข้างนอกที่เขาจะจ้างเราไปทำอาร์ตดีไซน์หรืออาร์ตตกแต่ง มันอาจจะทำไม่ได้เพราะว่าเป็นช่วงโควิดเราก็เลยขอเลื่อนไปก่อน แต่ระหว่างที่เลื่อนเรามีงานส่วนตัวอยู่แล้วคือเพ้นท์ติ้งเพราะมีนักสะสมจองคิวภาพ พี่ก็วาดเพ้นท์ติ้งที่สตูดิโอตอนช่วงโควิดทุกวัน วาดแบบสไตล์พี่คือวาดไม่ซ้ำเลย แล้วก็ทำคิดแบบการทำประติมากรรมไปด้วยเพราะช่วงโควิดเราไม่ได้เข้าโรงปั้น ก็แทบจะไม่กระทบอะไรเลย” NFT คือความมันและการร่วมโปรเจกต์กับคนรู้ใจ “พี่เป็นคนชอบงานแฮนด์เมด ไม่เก่งคอมฯ และพี่ไม่คิดจะเรียนรู้คอมฯ ด้วยเพราะพี่สนุกกับการทำงานด้วยมือ พอ NFT มา มันก็เป็นอีกมีเดียนึง เรื่อง NFT แม้มันสามารถจะผลิตชิ้นเดียวที่ทำออกมาแล้วไม่ซ้ำในรูปแบบดิจิทัล แต่ว่า สำหรับพี่มันก็คืองานดิจิทัล มันก็เป็นอีกแขนงนึง เด็กก็มีโอกาสที่จะทำงานคอมพิวเตอร์ทางอาร์ตได้ มันก็เปิดกว้างดี แต่ส่วนตัวพี่ยังไม่ได้อินขนาดนั้น
ความฝันและแรงบันดาลใจ เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนให้ผู้คนนำความชอบออกมาใช้เป็นไอเดียสร้างสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญ โดยเฉพาะในโลกแห่งการ custom ที่แต่ละสำนักต่างใช้ความชอบที่ติดตรึงใจในอดีตของแต่ละคน นำมาใช้ดีไซน์รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่มีรูปแบบแตกต่างกันออกไป เป็นลายเซ็นที่ดึงดูดผู้คนที่มีความชื่นชอบเหมือนกันเข้าหากัน ในหมู่นักสะสมและวงการมอเตอร์ไซค์คลาสสิก จะมีคำพูดติดปากกันอยู่ว่า “รถเลือกคน” ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ คุณสัน สรวิศิษฎ์ บรรจงลักษมี แห่ง SMITHS VINTAGE CLUB ชายผู้หลงใหลในเสน่ห์ความสวยงามของ BMW R50 ที่จอดอยู่ในร้านตั้งแต่แรกพบ แม้ในตอนนั้นราคา 75,000 บาท จะสูงจนเกินเอื้อมสำหรับวัยรุ่นที่พึ่งจะเริ่มใช้ชีวิต แต่มันก็กลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้คุณสันพยายามทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ และแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ภาพของมอเตอร์ไซค์ถังดำก็ไม่เคยเลือนหายไป ซึ่งคุณสันก็ไม่ลืมที่จะกลับมาไล่ตามความฝันในการครอบครอง BMW Motorrad คันแรกของตัวเอง สไตล์ความเท่และเสน่ห์ของ BMW Vintage ทำให้คุณสันเดินหน้าเก็บสะสมมอเตอร์ไซค์คลาสสิกได้จำนวนนึง ก็ตัดสินใจเปิดคลับเพื่อใช้ในการรวบรวมเหล่า Biker คอเดียวกันเอาไว้ในพื้นที่ ๆ ตั้งชื่อว่า “SMITHS VINTAGE CLUB“ สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ออกมาผ่าน BMW Motorrad รุ่นคลาสสิกมากมาย เสื้อผ้า รวมถึงแผ่นเสียงที่สะสมไว้ตั้งแต่วัยรุ่น ซึ่งเกี่ยวกับที่มาของชื่อคลับนี้ด้วยเช่นกัน ชื่อ “SMITHS VINTAGE
ถ้าพูดถึงเรื่องสูทกับผู้ชายไทย ดูจะเป็นชุดความรู้ที่เข้าใจผิดกันมานมนานหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่ง UNLOCKMEN พอจะเข้าใจว่าด้วยสภาพอากาศ และโอกาสที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยต่อการสวมใส่เสื้อสูทสักเท่าไหร่ ส่งผลให้หนุ่ม ๆ ไทยไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมนี้เท่าที่ควร พอนำมาสวมใส่ก็จะดูเคอะเขิน ไม่มั่นใจกันไปอีก แต่วันนี้พวกเราอยากจะเปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับการใส่ชุดสูทเพิ่มมากขึ้น เมื่อได้รับโอกาสอันดีจากคุณ ศิรพล ฤทธิประศาสน์ (กาย) และ คุณ วรงค์ ภัทรชัยกุล (บอล) เจ้าของร้าน The Decorum จุดนัดพบสำหรับสุภาพบุรุษ ในการแนะนำข้อมูลแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับชุดสูทแบบจัดเต็ม ซึ่งก่อนที่เราจะไปเจาะลึกเรื่องสูท เป็นธรรมเนียมที่จะต้องพูดคุยเกี่ยวกับที่มาของร้านว่าทั้งคู่มาเริ่มต้นจับธุรกิจ Tailor Made ได้อย่างไร อะไรที่จุดประกายความคิดจนอยากจะเปิดร้าน The Decorum ขึ้นมาด้วยกัน ? คือเราสองคนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้วชอบอะไรที่เหมือน ๆ กัน ใส่เชิ้ตยี่ห้อเดียวกัน แล้วก็มีคนมาถามเยอะ ว่าเราใช้ของอะไร หามาจากไหน จึงคิดว่าอยากจะทำร้านขึ้นเพื่อให้เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์เหมือนกับเรา ก็เลยรู้สึกว่าอยากเอาสินค้าที่ตัวเองชอบและใช้อยู่แล้วมาทำตลาดที่นี่ครับ โดยสินค้าส่วนใหญ่ในร้านจะเป็นที่เราก็ใส่เองด้วย ส่วนเรื่องของช่างตัดสูทที่ทางร้านนำเข้ามาก็เป็นช่างที่พวกผมตัดกับเขาประจำอยู่แล้ว เป็นเพื่อนกัน สุดท้ายมาถึงจุดที่ว่า ตลาดเมืองไทยยังไม่มีอะไรแบบนี้ อยากจะให้คนไทยมีโอกาสได้ลองเหมือนกับเรา
“เธอกลับมา…เพื่อหมุนเข็มนาฬิกาให้เดินกลับหลัง” เนื้อเพลงจากเพลงดังในอดีตที่ไม่แน่ใจว่าได้ฟังครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่บทเพลงนี้จะดังก้องในหัวทุกครั้งที่ได้เห็น Azimuth Back In Time นาฬิกาจากแบรนด์ Azimuth รุ่น Back In Time หรือเรียกได้อย่างสั้นๆว่า BIT เป็นเรือนเวลาที่มีกลไกอันซับซ้อนและเรียกร้องความสนใจจากผู้พบเห็นได้ดีเหลือเกิน ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะนาฬิการุ่นนี้เธอเดินถอยหลังนั่นเอง (anti clockwise) และไม่ได้มีแค่กลไกบอกเวลาแบบทวนเข็มนาฬิกาเท่านั้น ตำแหน่งของตัวเลขบอกเวลาก็ยังถูกวางในรูปแบบทวนเข็มนาฬิกาและกลับตาลปัตรจากจารีตเดิม ๆ เช่นกัน Azimuth BIT ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ. 2009 มีทั้งเวอร์ชันเข็มเดี่ยวและสองเข็ม ด้วยรูปทรงไพลอตและหน้าตาอันแสนจะเรียบง่าย สีหน้าปัดและเข็มบอกเวลาที่ได้รับการคุมโทนมาอย่างตั้งใจ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเกินเลยหรือแปลกแยกผิดแผกไปจากกัน หากมองทะลุความเรียบง่ายเหล่านี้ไปและพินิจพิจารณาไปที่กลไกบอกเวลา จะรับรู้ได้อย่างไม่ยากเลยว่าผู้ผลิตไม่ได้ปฏิวัติแค่ความคิด แต่ต้องปฏิวัติเทคนิคในการสร้างกลไกสำหรับบอกเวลาด้วยเช่นกัน เพราะทุกอย่างถูกตั้งอยู่บนความขบถ ผู้ผลิตจึงต้องออกแบบและสร้างชุดเกียร์พิเศษขึ้นมาใหม่ นำไปติดตั้งคั่นกลางระหว่างชุดขับเคลื่อนและเข็มบอกเวลาจึงจะทำให้การเดินถอยหลังนั้นเกิดขึ้นได้จริงและสมบูรณ์แบบที่สุด ตลอดระยะร่วมทศวรรษที่ Azimuth Back In Time ได้รับการพัฒนาและนำเสนอซีรี่ย์ใหม่ ๆ เรื่อยมา แม้จะมีคำวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้งานได้ยาก ดูเวลาได้ไม่สะดวก ใครจะต้องการนาฬิกาเดินถอยหลังกันไปเพื่ออะไร แต่ BIT ก็ยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในไอคอนของแบรนด์ จนได้รับการสั่งผลิตรุ่นลิมิเต็ดและถูกผูกโยงไปกับหน้าบันทึกของประวัติศาสตร์โลกอย่างเนือง ๆ ซึ่งหาได้ยากจากนาฬิกาทั่วไป
ศิลปินแต่ละคนมีสไตล์ที่ชัดเจนและมักมีภาพผลงานสำเร็จในหัวที่ชัดเจนยิ่งกว่า ตัวตนและงานศิลปะคือหัวใจของศิลปิน แต่ยิ่งพวกเขารู้จักและเข้าใจตัวเองได้ดีก็ยิ่งง่ายกับการปฏิเสธผลงานที่ไม่ใช่สไตล์ตัวเองได้เร็วขึ้นเท่านั้น ทำให้หลายปีที่ผ่านมาแม้จะมีกระแสเรียกร้องผลงานของ ‘RUKKIT – รักกิจ ควรหาเวช’ ศิลปินสตรีทอาร์ตแถวหน้าของวงการในรูปแบบ 3D มากขนาดไหน ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็นชิ้นงานประติมากรรมที่ถอดแบบผลงานบนกำแพงจริง ๆ ของเขามาก่อน กระทั่งล่าสุด รักกิจปล่อย ‘Hunter’ ผลงานประติมากรรมชิ้นแรกที่ร่วมมือกับ PATIMA Design ในโปรเจกต์ BOO_X_ Rukkit ออกมาสู่สายตาทุกคนและผลงานชิ้นนี้เขาพูดกับเราอย่างเต็มปากว่า “ผมว่าอันนี้เป็นงาน 3D ที่ใกล้เคียงกับงาน 2D สมบูรณ์แบบ 100% ชิ้นแรกเลย” จึงเป็นที่มาที่ทำให้ UNLOCKMEN ต้องหาโอกาสบุกมาเยือน PATIMA Design เพื่อนั่งพูดคุยกับเขาในครั้งนี้ ‘HUNTER’ อิสระและสัญชาตญาณนักล่าของ RUKKIT ก่อนจะเริ่มพูดคุยกัน เราเดินวนเวียนอยู่รอบ ‘Hunter’ ประติมากรรมลอยตัวผลิตจากไฟเบอร์กลาสขนาด 75 ซม. รูปสุนัข ยกกล้องมือถือส่องเทียบระหว่างภาพถ่ายกับผลงานจริงอยู่นาน แต่ภาพในจอเทียบไม่ได้กับของจริงที่เรากำลังยืนมองและสัมผัสอยู่ตอนนี้ทั้งรูปทรง สีสันและความรู้สึกมีชีวิตชีวาอัดแน่นไปด้วยพลัง รักกิจเล่าที่มาของการทำงานชิ้นนี้ว่าช่วงโควิดที่ผ่านมาเขาได้รับการชักชวนจากพี่บุ๋ม Patima Design ผู้ริเริ่ม BOOxProject
Street Art ผลงานศิลปะข้างถนนที่หลายคนอาจจะมีมุมมองด้านลบกับมัน รู้สึกกับมันเป็นเพียงสิ่งที่สร้างความเลอะเทอะให้กับสังคม แต่แท้จริงแล้วผลงาน Street Art เช่นในสายของ Graffiti กลับมีความหมายหลาย ๆ อย่างซ่อนอยู่ในผลงานศิลปะข้างถนนเหล่านั้น มีทั้งความฝัน แรงบันดาลใจที่ใส่ลงไปในกระป๋องสเปรย์และถูกถ่ายถอดออกมาลงบนผืนกำแพงในที่รกร้าง และลวดลายเหล่านั้นมันมีส่วนช่วยให้พื้นที่ต่าง ๆ ในสังคมมีความหมายมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น Temporary West คือหนึ่งในกลุ่มที่สร้างสรรค์ผลงาน Street Art ที่เริ่มต้นจากความชอบจนต่อยอดไปสู่การพัฒนาชุมชนทั่วไป รวมไปถึงในพื้นที่บ้านเกิด จนได้รับการยอมรับจากสังคม พวกเขามารวมตัวกันได้อย่างไร? อะไรคือเป้าหมายในการสร้างผลงานศิลปะที่ไร้ขอบเขต? มาทำความรู้จักพวกเขาไปพร้อม ๆ กันครับ TEMPORARY WEST การรวมตัวของเพื่อน “พวกเราเป็นกลุ่มเพื่อนที่ชวน ๆ กันมาทำงานครับ มารวมตัวกันช่วงทำโปรเจกต์ Art Town ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่มันไม่สนุกถ้าทำคนเดียว ก็เลยชวน ๆ เพื่อนกันมารวมตัวกัน พอรวมกันเยอะๆ มันรู้สึกคลิกกัน ก็เลยตัดสินใจรวมกันเป็นกลุ่ม หลังจากนั้นก็ทำกันมาเรื่อย ๆ เลยครับ” “ส่วนชื่อกลุ่มได้มาจากในกรุ๊ปไลน์ครับ ที่ตั้งว่า ‘Temporary West’ เพราะว่าเราได้ไปทำกิจกรรมกันที่ประจวบคีรีขันธ์
เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งเรือนเวลา คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของแบรนด์ Longines (ลองจินส์) อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของนวัตกรรมเวลาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยืนหยัดมายาวนานเกือบ 190 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาในปี 1832 ที่เมือง Saint-Imier ก่อนที่จะใช้ชื่อ Longines ซึ่งเป็นการนำเอาชื่อบริเวณที่ตั้งโรงงานมาใช้เป็นชื่อแบรนด์อย่างเป็นทางการ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ชื่อของ Longines และโลโก้นาฬิกาทรายติดปีกได้กลายเป็นที่รู้จักและจดจำของผู้คนทั่วโลก กับเรื่องราวของประสิทธิภาพการบอกเวลาที่แม่นยำ, ความแข็งแรงทนทาน รวมไปถึงเทคโนโลยีแบบฉบับดั้งเดิมที่ทำให้ Longines ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของนักบุกเบิกและเหล่าผู้กล้าจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Amelia Earhart, Elinor Smith, Paul-Emile Victor และ Howard Hughes ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต่างมอบความไว้วางใจให้เรือนเวลาของแบรนด์นาฬิกาทรายติดปีกนี้เป็นเพื่อนคู่ใจเคียงข้างตลอดการผจญภัยอันเหลือเชื่อมากมาย ทั้งการบุกป่าฝ่าดงผ่านสภาพอากาศอันสุดเหวี่ยง, ล่องเรือท่ามกลางความเหี้ยมโหดของมหาสมุทร อีกทั้ง Longines ยังมีบทบาทในการเปิดเส้นทางเดินอากาศใหม่ ๆ รวมถึงการบันทึกสถิติการเดินทางอากาศอีกด้วย นอกจากนี้ Longines ยังได้ทำการถ่ายทอดจิตวิญญาณของนักบุกเบิก และเรื่องราวอันมหัศจรรย์จากโลกแห่งการบิน ผ่านเรือนเวลาคอลเลกชั่น Longines Spirit ซึ่งหลายคนคงมีโอกาสสัมผัสความงามที่เต็มไปด้วยเรื่องราวซึ่งเปรียบเสมือนการสดุดีแด่สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษผู้หาญกล้าแห่งประวัติศาสตร์กันมาแล้ว และล่าสุดคอลเลกชั่น Longines Spirit ยังได้ก้าวไปอีกขั้นกับ Longines Spirit Titanium ซึ่งยังคงได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งการบินอันเป็นจุดกำเนิดของคอลเลกชั่น พร้อมทะยานสู่ยุคแห่งนวัตกรรมใหม่ด้วยเรือนเวลาที่ผลิตจากไทเทเนียมซึ่งเรากำลังจะพาชาว