

Entertainment
“โรคระบาดทำให้พวกเรากำลังจะตาย”5 หนังสือโลกติดเชื้อที่ทำให้รู้จักความสิ้นหวังมืดหม่น
By: unlockmen February 24, 2020 176479
ครั้งหนึ่งในกาแลคซี่ทางช้างเผือก มนุษย์อย่างเราเคยมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าชีวิตบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้เต็มไปด้วยความหวังมากกว่าดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ดวงอื่น ๆ อีกหมื่นแสนดวง เพราะบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้มีอากาศให้หายใจ มีชีวิต มีการเกิดใหม่ มีความเป็นไปได้ให้เราฝันและหวังไม่สิ้นสุด
แต่ในทางกลับกันเมื่อมนุษย์รวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เชื้อกลายพันธุ์ โรคระบาด ก็สามารถแพร่ไปได้รวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง เมื่อวันนั้นมาถึง โรคร้ายจึงทำให้โลกที่เคยดี กลายเป็น “โลกร้าย” ที่กลิ่นของความตายลอยคละคลุ้ง เมืองพังพินาศ ระบบการจัดการล้มเหลวและผู้คนกำลังจะตาย
ในห้วงเวลาเช่นนั้นมนุษย์จะเผยให้เห็นความสิ้นหวัง ความมืดหม่นแห่งความคิดและจิตใจออกมาได้อย่างชวนขนลุกขนพอง แม้ในความเป็นจริงมวลมนุษยชาติจะยังไม่เคยก้าวไปถึงจุดนั้น แต่เราเชื่อว่าหนังสือว่าด้วยโลกร้าย 5 เล่มนี้จะพาคุณไปรู้จักความสิ้นหวังจากโรคระบาดให้เราได้ดำดิ่ง และเตรียมตัวล่วงหน้าเผื่อวันแห่งหายนะนั้นมาถึง
เพราะดวงตาคือความหวัง คือแสงสว่าง คืออวัยวะที่ช่วยให้มวลมนุษยชาติมองเห็น การสูญเสียการมองเห็นจึงไม่ได้หมายความถึงแค่อวัยวะหนึ่งล้มเหลว แต่หมายถึงมนุษย์จะต้องเผชิญกับความมืดบอดของโลกและอยู่กับความสิ้นหวังที่จะเห็นสรรพสิ่งไปตลอดกาล
“บอด” คือวรรณกรรมผลงานนักเขียนรางวัลโนเบลที่ว่าด้วยโรคลุกลามแพร่ระบาดที่ทำให้มนุษย์มองอะไรไม่เห็นอีกต่อไป! เรื่องเริ่มที่ชายคนหนึ่งขับรถติดไฟแดงอยู่ดี ๆ ฉับพลันดวงตาเขาก็ขาวโพลน ไม่อาจมองสิ่งใดเห็น หลังจากนั้นอาการตาบอดก็แพร่ออกไปจากคนหนึ่ง สู่อีกคนหนึ่ง และอีกคนหนึ่ง ตอนนั้นเองที่ทุกอย่างตกอยู่ในความโกลาหล
วรรณกรรมเรื่องนี้ไม่เพียงแค่พาเราดิ่งลึกลงไปในความมืดบอดและโรคติดเชื้อ แต่มวลมนุษยชาติผู้สิ้นหวัง สับสน รัฐบาลที่แก้ปัญหาอย่างมืดบอดไม่แพ้อาการตาบอดที่แพร่ระบาด ไปจนถึงมาตรฐานศีลธรรมที่ในเวลาปกติเราเคยยึดถือ แต่เมื่อทุกคนกระเสือกกระสนหนีตาย ศีลธรรมก็คล้ายเป็นเพียงลมปากที่ไม่มีความหมายอีกต่อไป
มนุษย์มีเสรีที่จะรัก จะชอบ จะสัมพันธ์ทางใจหรือเรือนร่างกับใครก็ได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากโลกใบนี้มีโรคติดเชื้อชนิดหนึ่งถือกำเนิดขึ้น โรคที่ทำให้มนุษย์โหยหาความสัมพันธ์ทางเพศไม่สิ้นสุดและไม่อาจควบคุมได้ มากไปกว่านั้นมันยังติดต่อและแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าใครจะจินตนาการถึง
“นอนใต้ละอองหนาว” คือวรรณกรรมไทยเล่มพอเหมาะ ว่าด้วยโรคติดเชื้อลึกลับที่ทำให้มนุษย์ควบคุมพฤติกรรมทางเพศตัวเองไม่ได้ การอ่านเล่มนี้ทำให้เราเห็นภาพว่าบางหนโรคติดเชื้ออาจไม่ได้มาในรูปแบบเชื้อทางชีวภาพเท่านั้น แต่อาจมาในรูปแบบพฤติกรรมบางอย่าง ทัศนคติบางแบบที่ถูกตีตราว่าเป็นอันตราย
การอ่าน “นอนใต้ละอองหนาว” จึงไม่เพียงทำให้เราเห็นบรรยากาศโลกติดเชื้อ แต่ยังช่วยให้เราตั้งคำถามกับตัวเองอย่างแยบยลว่าเราเผลอแปะป้ายตีตราคนบางคน ความคิดบางความคิด หรืออะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเราว่าเป็น “ผู้ติดเชื้อ” ไปบ้างหรือไม่?
“เมื่อจิตถูกจองจำในพื้นที่มืดมิดดั่งหลุมศพแล้วจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าคนที่อยู่นั้นเป็นตัวเขาเองหรือคนอื่น?”
ความตายนั้นลึกลับ แต่ก็อาจไม่น่าสยดสยองเท่าการมีชีวิตอยู่ แต่สติสำนึกรู้ถูกขังไว้ในร่างกายที่ไม่อาจขยับหรือเคลื่อนไหวได้ “จิตลวงร่าง” คือวรรณกรรมว่าด้วยโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก ในขณะที่บางคนกลับรอดชีวิตจากโรค แต่โรคระบาดนั้นก็ทำให้พวกเขาไม่อาจขยับตัวได้
แต่ที่ชวนเสียวสันหลังวาบไปกว่านั้นคือผลกระทบจากโรคระบาดนี้ทำให้บางคนมีโครงสร้างสมองเปลี่ยนไป จนควบคุมจิตใจตัวเอง แล้วเปิดร่างกายให้เช่า เพื่อให้จิตใจคนที่เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้มาอาศัยอยู่ในร่างของพวกเขา!
ดังนั้นเราจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าแม่ที่เราพูดคุย รู้จักกันอยู่ทุกวันนั้น คือแม่ของเราจริง ๆ หรือเป็นผู้เช่าคนอื่นที่เอาจิตใจมาอาศัยอยู่ในร่างของแม่กันแน่? โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นคนฆ่า?
ความมืดหม่น สิ้นหวัง ด้านมืดแห่งจิตใจของมนุษย์ ถูกวรรณกรรมเรื่องนี้ชำแหละออกมาอย่างละเอียด นอกจากความตื่นเต้นชวนระทึกแล้ว มันยังเต็มไปด้วยมิติทางการเมืองที่ชวนให้ขบคิดได้ไม่รู้จบ
โรคติดเชื้อที่เผยแพร่ผ่านทางกายภาพ สัมผัส ละอองการไอและจามก็ชวนให้เราระแวดระวังกังวลถึงขีดสุดแล้ว แต่ถ้าโรคติดเชื้อนั้นแพร่ผ่านความฝันและจิตใจแทนล่ะ? เราจะป้องกันการติดเชื้อได้อย่างไร แม้แต่ยามหลับฝันเราก็จะยังรู้สึกกังวลและไม่ปลอดภัยใช่หรือไม่? นั่นคือคำถามที่ “ปาปริกา ผจญแดนฝันมหัศจรรย์” จะพาเราไปหาคำตอบ
“ปาปริกา ผจญแดนฝันมหัศจรรย์” ว่าด้วยโลกในอนาคตที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ประดิษฐ์อุปกรณ์บำบัดผู้ป่วยทางจิตผ่านความฝันขึ้นมาได้ แต่แล้ววันหนึ่งเครื่องมือนั้นกลับถูกขโมยไป และในไม่ช้าผู้คนก็ “ติดเชื้อ” มีอาการป่วยทางจิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โรคระบาดที่ติดกันได้แม้แต่ในฝัน ชวนให้เรารู้สึกสิ้นหวังมากเป็นเท่าทวี เมื่อเราไม่อาจหลับตาได้สนิทแม้ยามล้มตัวนอน
บางครั้งโรคระบาดมาจากการกลายพันธุ์จากเชื้อที่มีอยู่แล้ว บางทีโรคระบาดถูกขุดขึ้นมาจากยุคดึกดำบรรพ์ผ่านน้ำแข็งที่หลอมละลาย แต่บางครั้งโรคระบาดก็เกิดจากน้ำมือมนุษย์ที่ก่อให้เกิดสิ่งปนเปื้อนจนแพร่เชื้อครั้งยิ่งใหญ่กว่าจะรู้ตัวอีกทีพวกเราก็ใกล้สูญพันธุ์กันหมด
“Graduation จดหมายถึงฉันในวันจบการศึกษา” คือเรื่องราวของเด็กสาวอายุ 19 ที่จบการศึกษา และในวันนั้นเธอได้รับจดหมายแจ้งผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่จดหมายอีกฉบับกลับเป็นจดหมายที่แจ้งข่าวซึ่งทำให้ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เชื้อไวรัสที่ “Graduation จดหมายถึงฉันในวันจบการศึกษา” ที่พูดถึงไม่เพียงทำให้ป่วยเท่านั้น แต่ทำให้ร่างกายของผู้ติดเชื้อเปลี่ยนแปลงไป หนังสือเล่มนี้นอกจากชวนให้เห็นความสิ้นหวัง โรคติดเชื้อแล้ว ยังชวนให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรกับโลกใบนี้? และเรากำลังส่งต่อโลกแบบไหนให้กับลูกหลานหรือคนรุ่นต่อไป?
นอกจากมิติทางการแพทย์และการจัดการรับมือกับโรคแล้ว ภาวะวิกฤตที่โรคระบาดแพร่เชื้อยังทำให้มนุษย์มองเห็นด้านที่อ่อนแอที่สุดของตัวเองและผู้อื่นได้ลึกถึงแก่น เราจะได้เห็นว่าผู้คนที่เคยมีน้ำใจอาจเปลี่ยนไปเป็นคนละคนในยามที่ต้องแก่งแย่ง ผู้คนที่เคยจิตใจดีจนอยู่ใกล้เมื่อไรก็อบอุ่นอาจทำให้เย็นจนเสียวสันหลังวาบได้เมื่อยามใกล้ตาย
เมื่อนั้นเองที่เราจะได้รู้จักตัวเองและผู้อื่นจริง ๆ ว่าลึก ๆ แล้วเราเป็นคนเช่นไรกันแน่? และเรายังปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนเดิมแค่ไหนในวันที่หายนะมาเยือน