

Guide
แชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวกับ AirBnb ที่พักแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
By: Chaipohn December 27, 2015 22023
ปัจจุบันพวกเราค่อนข้างจะใช้ชีวิตกับแบบ Work / Life Balance กันมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือเราทำงานหนัก เราก็อยากจะพักผ่อนให้บ่อยขึ้น ซึ่งข้อดีมีอยู่มากมาย ทั้งการได้ชาร์จพลัง พักผ่อนจากความเครียด และยังอาจจะได้ไอเดียอะไรดีๆติดตัวกลับมาใช้ในการทำงานอีกด้วย ซึ่งในอดีตสิ่งที่วุ่นวายคือการจองที่พัก ทั้งในเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในช่วง High Season รวมถึงทางเลือกที่อาจจะมีน้อย ทำให้เกิดเป็น AirBnb บริษัทที่ให้เราเช่าห้องของใครก็ได้ เช่นคุณมีห้องคอนโดว่างๆ แทนที่จะต้องรอ agent หาลูกค้ามาเช่า ก็สามารถประกาศให้นักเดินทางเช่าพักในระยะเวลาสั้นๆได้เลย
ก่อนหน้านี้เราเองก็ไม่เคยสนใจจะใช้บริการ AirBnb มากนัก แต่เพื่อจะได้ถ่ายทอดประสบการณ์ได้ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไรกันแน่ เราจึงตัดสินใจทดลองเช่าที่พักเป็นเวลา 10 คืนในทริปประเทศญี่ปุ่น และนี่คือสิ่งที่เราอยากถ่ายทอดว่ามันเหมาะกับคุณหรือไม่ เพราะคุณคงไม่อยากจะเสียเงินแล้วต้องอยู่อย่างไม่สบายใจตลอดทั้งทริปแน่นอน
What We Like About It :
ราคาถูกกว่าการเช่าโรงแรมพอสมควร Location ก็เลือกได้ตามใจชอบ
ข้อดีของห้องพักแบบ AirBnb ที่ทำให้หลายคนเลือกใช้คือราคาต่อคืนที่ถือว่าถูกกว่าการพักในโรงแรม เช่นในช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายปี ราคาที่พักใน Agoda ค่อนข้างจะสูงและได้ห้องขนาดเล็ก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น e.g. APA hotel ห้องประมาณ 10 – 12 sq.m. ราคาประมาณ 4,xxx บาทต่อคืน ในขณะที่ห้องพักที่ชินจูกุที่เราเลือกใช้มีขนาด 28 sq.m. ราคาประมาณ 2,600 บาท บน location ที่ใกล้สถานีรถไฟประมาณ 3-5 นาทีเดิน นับว่าไม่แพ้โรงแรมเลยทีเดียว และอีกห้องที่ Namba, Osaka ถ้าพักที่ Swissotel, Nambe จะต้องจ่ายประมาณ 12,000 ราคาต่อคืน แต่เราเลือก AirBnb ห้องขนาด 33 sq.m. ที่ดูค่อนข้างดี ใกล้สถานีแค่ 2 นาทีเดิน กับราคา 5,800 บาท
มี Review ให้ดูประกอบการตัดสินใจ
ถ้าเป็นการเลือกโรงแรมคงไม่มีความเสี่ยงมากเท่าไหร่ แต่การเลือกห้องใน AirBnb ต้องเข้าใจว่าเจ้าของห้องทุกคนย่อมต้องถ่ายรูปให้ดูสวย อาจมีการ Retouch ปรับแต่งเข้าไปอีก วิธีลดความเสี่ยงคือการดู Review ของแต่ละห้อง ซึ่งเป็นข้อดีที่ AirBnb เปิดโอกาสให้ทั้ง Host (เจ้าของห้อง) รีวิวคนเข้าพัก และให้คนเข้าพักรีวิวเจ้าของห้อง สภาพห้อง และอื่นๆประกอบการตัดสินใจ ถ้ารีวิวออกมาดี ก็วางใจได้พอสมควรครับ ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็น Host ใหม่ จะไม่มีรีวิวให้ดู อันนี้เราต้องแบกรับความเสี่ยงเอาเองเต็มๆ ถ้าเลวร้ายสุดๆอาจเจอมิจฉาชีพที่มีอยู่เพียบและจากการหาข้อมูลพบว่า AirBnb มีระบบความปลอดภัยที่ไม่ค่อยเข้มงวดนักในการคัดเลือก Host
มีห้องรองรับแม้จะไปเที่ยวแบบเป็นคณะ
ถ้าการไปเที่ยวเป็นทีมสร้างปัญหาทุกครั้งที่ต้องจองโรงแรม เพราะต้องจองหลายๆห้อง รวมๆกันแล้วเป็นเงินจำนวนมากกว่าจะรับไหว AirBnb สามารถเลือกที่พักแบบรองรับหลายคนได้ ในราคาที่ไม่แพงเกินไป แค่เข้าไปเลือก filter จากนั้นก็ระบุจำนวนห้องนอนทีต้องการเข้าไป หรือจะลองต่อรองกับทาง Host ก่อนก็ยังได้
What We Don’t Like :
เนื่องจากการ confirm ห้องพักกับ AirBnb จะเป็นการจ่ายเงินทั้งหมดก่อนเดินทางเข้าพัก ดังนั้นเมื่อมีปัญหาอะไรก็มักจะยากต่อการแก้ไข และด้วยความที่เป็นเจ้าของห้อง ไม่ใช่โรงแรม เรื่องของการขอความช่วยเหลือแบบทันท่วงที หรือตลอด 24 ชั่วโมงจึงเป็นไปไม่ได้ในกรณีนี้ครับ
ไม่มี Services ต่างๆเหมือนในโรงแรม ความสะอาดของผ้าต่างๆต้องวัดใจ
ในเมื่อเราจ่ายเงินถูกลง ก็ต้องแลกกับการ “ไม่มี” บริการต่างๆที่โรงแรมมักจะมีให้ เช่นในเรื่องการทำความสะอาดห้อง ลองนึกภาพคุณพักที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานาน แล้วไม่มีคนเก็บขยะ ไม่มีคนเปลี่ยนผ้าปู ปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัว อาจจะทำให้หลายคนเสียอารมณ์ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณไปกับสาวๆ หรือไป Honeymoon หรือบริการ Luggage Delivery ที่จะส่งกระเป๋าเดินทางหนักอึ้งให้เราจากที่พักไปรอรับที่สนามบิน เราก็จะไม่สามารถใช้บริการนี้ได้ง่ายๆแบบที่โรงแรมมักจะช่วยกรอกข้อมูลให้เรา ดังนั้นถ้าคุณ Shopping กระเป๋าหนักเต็มขั้น 30 กิโลกรัม บวกกับต้องเข็นกระเป๋าให้สาวอีก 1 ใบ ไปมาบนพื้นที่ขรุขระบ้าง ต่างระดับบ้าง ขึ้นรถไฟบ้าง หนักเอาการอยู่ครับ
นอกจากบริการแล้ว เรื่องของความสะอาดของผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ผ้าปูเตียง พรม ก็เป็นเรื่องที่ต้องเสี่ยงดวงเอาเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นสะอาดมากแค่ไหน อย่างในกรณีห้องที่ชินจูกุ เรารู้สึกคันมากเหมือนผ้าปูเตียงไม่สะอาด บางคนก็เป็นผื่น ซึ่งจุดนี้ต้องระวังให้ดี
การติดต่อสอบถามข้อมูลหรือต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับห้อง ต้องดูอารมณ์ Host
เจ้าของห้อง AirBnb เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ใช่พนักงานโรงแรมที่พร้อมให้ความช่วยเหลือด้วยรอยยิ้มตลอด 24 ชั่วโมง การติดต่อกับ Host AirBnb มักจะติดต่อผ่าน Message ในเว็บ AirBnb เท่านั้น ดังนั้นถ้าเราเจอปัญหาอะไรเกี่ยวกับห้องพักก็ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองไปก่อน อย่างกรณีที่เราเคยเจอคือกลับมาถึงห้องหลังเที่ยงคืน พบว่าประตูอัตโนมัติหน้าบ้านไม่ทำงาน ก็ต้องหาวิธีแก้ ปิดๆเปิดๆด้วยตัวเอง เพราะส่ง Message ไปแล้ว Host ไม่สนใจแต่อย่างใด แถมยังวีนใส่ด้วยว่าโตแล้ว แก้ปัญหาด้วยตัวเอง -_-”
ความเสี่ยงจาก Host ปลอม และ Customer Service ที่ไม่ค่อยดีของ AirBnb โดยเฉพาะการ Refund
อย่างที่เกริ่นไปครับว่า ระบบความปลอดภัยในการเช็ค Host quality ของ AirBnb ค่อนข้างจะอ่อนแอ อาจจะเป็นเพราะความอยากมี Host เยอะๆของทางบริษัทหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่มีข้อมูลมากมายยืนยันว่า แค่เราไปเอารูปห้องสวยๆจาก Internet มาใช้สมัครก็สามารถเป็น Host ได้แล้ว ในบ้านเราเองก็เพิ่งมีกรณีนี้ไปจากการแชร์บน Social Network ช่วงเดือนที่แล้ว และถ้าในกรณีที่มีปัญหาอะไรถึงขั้นต้องขอเงินคืน เช่นที่พักไม่มี ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ โดนหลอก หรือ Host แย่สุดๆจนถึงขั้นน่ากลัว กรณีนี้ถือว่าซวยสุดแน่ๆ เพราะเป็นที่บ่นกันทั้งโลกเกี่ยวกับ Customre Service ที่ตอบสนองช้าสุดๆ และเงื่อนไขการ Refund ที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้ผู้เช่าเอาเสียเลย และก็รอนานสุดๆจนบางกรณีเลยไปสามสี่เดือนก็ยังไม่ได้เงินกลับคืนมา มันจะกลายเป็นทริปที่เซ็งอารมณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตัวอย่างกรณีจากคุณ Nikki Limtanakool
Verdict:
โดยสรุปแล้วถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ห้องน้อยมากๆๆๆ เป็นแค่ที่นอนอย่างเดียว ไม่ต้องมามีบริการอะไรให้ ผ้าอะไรเดี๋ยวพกไปเองได้ AirBnb ก็อาจจะเป็นที่พักที่ช่วยประหยัดเงินค่าโรงแรมให้คุณได้เยอะมากๆ และนับว่าน่าสนใจเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณต้องการไปสร้าง Good Memory กับสาวๆ ซึ่งต้องการการเอาใจใส่ ต้องการความสะดวกสบายให้สมกับการไปเที่ยว ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็เช่นกัน ในกรณีนี้การจองโรงแรมดูจะเหมาะกว่ามาก แน่นอนว่าเราต้องจ่ายแพงกว่า แต่เราต้องการแน่ใจว่าทริปนั้นๆจะไม่มีปัญหาอะไรอย่างเด็ดขาด และถึงมี เราก็ยังมีพนักงานโรงแรมเป็นผู้ช่วยให้อุ่นใจได้เยอะครับ