

Work
Why So Serious ? 3 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเครียดเรื่องงานมากไป ปล่อยวางมันลงซะ !
By: unlockmen January 25, 2018 89709
บางคนบอกว่า “คนที่ตื่นเช้ากว่ามักจะประสบความสำเร็จ”, “ทำมาก ได้มาก” และ “จงเป็นคนแรกที่มาถึงออฟฟิศและเป็นคนสุดท้ายที่กลับบ้าน” ประโยคเหล่านี้ช่วยปลุกใจผู้ชายอย่างเรา ๆ ให้สู้งานแบบลืมตาย และสร้างแรงบันดาลใจได้ดี แต่บางอย่างถ้ามันตึงเกินไปก็อาจทำให้เราสูญเสียความสุขด้านอื่นในชีวิตได้
นักวิจัยจากหลายสถาบันเห็นพ้องต้องกันว่า ด้วยความที่มีการปลูกฝังมาหลายยุคสมัยว่าผู้ชายต้องสตรองกว่าผู้หญิง ทำให้ผู้ชายมักจะซ่อนความู้สึกอ่อนแอเอาไว้ ไม่ค่อยระบายความในใจออกมา ส่งผลให้หนุ่ม ๆ บางคนไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองต้องผ่อนคลายแล้วนะ รวมถึงไม่ค่อยรู้สาเหตุของความเครียด ยิ่งเป็นคนในเมืองใหญ่ยิ่งมีความกดดันแฝงอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องงาน
เคยถามตัวเองบ้างไหม ว่าจริงจังกับการทำงานมากไปหรือเปล่า ? บางทีเราอาจไม่รู้ตัวว่าเราโคตรซีเรียสกับการทำงานจนเป็นชีวิตจิตใจ กว่าจะมองเห็นก็สายไปแล้ว ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีสำรวจตัวเองว่าทุ่มเทกับงานมากไปหรือไม่แบบง่าย ๆ และมีวิธีปล่อยวางที่ทำได้สบาย ๆ มาให้ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ
ถ้าในวันหยุดคุณไม่ได้ออกไปไหนกับใครเลย วัน ๆ นั่งมอนิเตอร์งานอยู่หน้าคอมพ์ตลอด ส่วนวันทำงานก็มักจะปฏิเสธคำชวนออกไปทานข้าวเที่ยงจากเพื่อนร่วมงานเพราะคิดว่าภาระตรงหน้าสำคัญกว่า หรือแม้กระทั่งเทเพื่อนที่ชวนไปดื่มหลังเลิกงานบ่อย ๆ ด้วยความรู้สึกว่ามีเรื่องสำคัญกว่านี้ที่ต้องทำอีกเยอะ แบบนี้ คุณกำลังจริงจังเกินไปแล้วครับ
ทางออก :
คำพูดที่ว่า “แค่ออกไปแฮงเอาท์กับคนอื่น ๆ ซะ” อาจพูดง่ายแต่ทำยากในความเป็นจริงของคนบ้างาน ยิ่งหักดิบด้วยวิธีนี้ยิ่งทำให้กังวลไปใหญ่ ลองดูวิธีง่าย ๆ แบบนี้ดูครับ เวลาเพื่อนร่วมงานชวนไปทานข้าว ลองเริ่มจากการตอบว่า “ไปครับ” ก่อน เดี๋ยวสถานการณ์ก็จะพาตัวคุณลุกจากโต๊ะได้เอง พอตกเย็นเพื่อน ๆ เริ่มชวนกันออกไปชิล ก็ลองถามไปว่าจะไปกินกันกี่โมง ? ที่ไหน ? พอได้ข้อมูลแล้วก็เอามาเป็นอีกหนึ่งแผนในชีวิตวันนี้เลย พักบ้าง แล้วจะรู้ว่าคุณจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
บางทีการทำงานในสภาวะการแข่งขันสูงอาจทำให้คุณมีทัศนคติที่ว่า ยิ่งงานยุ่งยิ่งดูน่าภาคภูมิใจ การที่เพื่อนร่วมงานแซวว่าคุณคือคนที่บ้างานที่สุดในแผนกมันช่างรู้สึกเหมือนได้โล่ แบบนี้ซีเรียสเกินแล้วครับ ลองสังเกตดูดี ๆ ตอนนี้บรรดาเพื่อนร่วมงานของคุณไม่มีใครเต็มใจร่วมทีมกับคุณเพราะว่าคุณจริงจังกับงานตลอดเวลา แบบนี้ควรทบทวนตัวเอง จัดตารางชีวิตใหม่ ลองดูแบบอย่างจากคนที่เขามี work-life-balance ดี ๆ ก็ได้
ทางแก้ :
ถ้าเหตุการณนี้เกิดขึ้นกับคุณบ่อย ๆ ลองปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานและทำแบบที่ทุกคนทำ ดีกว่าบังคับให้คนอื่นตามแนวทางของคุณ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะชอบอยู่ดึกเพื่อลุยโปรเจ็คต์ใหม่ แต่เพื่อนร่วมทีมอาจไม่ได้คิดแบบเดียวกัน คุณต้องเข้าใจว่างานทุกงานมีขอบเขตของมัน และถ้าคนส่วนใหญ่ในทีมคุณเห็นต่างจากคุณในเรื่องการใช้เวลากับงาน ผลที่ตามมาคือความหงุดหงิด ไม่พอใจ หรือทำงานหนักจนน็อคไปเลยก็ได้ มันโอเคนะถ้าขอให้ทุกคนอยู่ดึกในคืนก่อนเดธไลน์งานสำคัญ แต่การที่ขอเพื่อนร่วมทีมอยู่ทำงานดึกในคืนวันวันศุกร์มันก็เกินไป ที่สำคัญควรรู้ว่ากรณีไหนที่ควรจะโทรไปคุยเรื่องงานกลางดึก
สำรวจดูว่าร่างกายของคุณที่พยายามบอกใบ้ว่า “ลูกพี่เครียดจะแย่แล้วนะ” หรือไม่ อาจมาในรูปแบบผมร่วงผิดปกติ น้ำหนักขึ้น–ลงเร็วกว่าปกติ มีปัญหากับการหลับ ปวดท้อง ปวดหัว หรืออาการอื่น ๆ พอเจอแบบนี้หลายคนอาจแก้ด้วยการซื้อยามากินตามอาการ หรือนอนชดเชยในวันถัดไป แต่ก็ไม่ใช้ทางแก้ที่ยั่งยืน
ทางไป :
พอเลย ปิดสวิตช์แล้วทบทวนตัวเอง ลุกไปล้างหน้าล้างตาซะ หาอะไรเย็น ๆ ดื่ม ทำอะไรเพื่อสุขภาพจิตตัวเองเยอะ ๆ อย่าหักดิบความบ้างาน แต่ค่อย ๆ ทำสิ่งที่ดีต่อใจมากขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่งถ้ารู้สึกดีขึ้น แปลว่ามาถูกทางแล้ว ส่วนเรื่องสุขภาพร่างกายแนะนำให้ปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด
การทำงานหนักมากเกินไปจะทำให้คุณหลงลืมที่จะแคร์ความรู้สึกตัวเองและคนรอบข้าง ทีมงาน UNLOCKMEN อยากให้ผู้ชายทุกคนมีความสุขกับชีวิต มีสุขภาพที่ดี มีสังคมที่อยู่แล้วสบายใจ อย่ามัวแต่ทำงานหาเงิน แล้วสุดท้ายต้องเอาเงินที่ได้มารักษาตัวเอง ลองมาใช้ชีวิตแบบ “Work Smart – Play Smart” ด้วยกันดีกว่าครับ