ชั่วโมงนี้ต้อง GD เท่านั้น สุดยอดแฟชั่นไอคอนที่เปรียบได้กับ Michael Jackson ของชาวเอเชีย

ควอน จี ยง หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม G-Dragon ลีดเดอร์คนสำคัญจากวงบอยแบรนด์อันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้อย่าง Big-Bang ที่สะสมประสบการณ์ทำงานในวงการเพลงมากกว่า 20 ปี และปัจจุบัน G-Dragon ไม่ได้โด่งดังเฉพาะผลงานเพลง เพราะในเรื่องของสไตล์แฟชั่นเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกแฟชั่นคนหนึ่งจากการจัดอันดับของ Time , Forbes , Hypebeast

G-Dragon เปรียบเสมือนแฟชั่นไอคอนของเอเชีย หลังจากที่โลดแล่นในอุตสาหกรรมดนตรีมากว่า 10 ปี ด้วยวัฒนธรรมโลกที่เปิดกว้างขึ้นเริ่มมีการ crossover ระหว่างวัฒนธรรมแฟชั่นตะวันตก และตะวันออก GD จึงได้มีโอกาสไปร่วมงาน Paris  Fashion Week ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ ทำให้เขาได้ไปร่วมงานกับ Hedi Slimane , Jeremy Scott โดยทั้งคู่เล็งเห็นว่า G-Dragon มีความสามารถในการผลักดันแฟชั่นให้ก้าวไปยังทั่วโลกได้

ย้อนกลับไปยังความหลงใหลในด้านแฟชั่นของตัว GD เริ่มขึ้นตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ เนื่องจากในสมัยก่อน ตอนที่เขายังคงเป็นศิลปินฝึกหัด G-Dragon ไม่ได้มีคนดูแลเสื้อผ้าเหมือนกับปัจจุบัน ทำให้คนที่รับหน้าที่ดูแลเครื่องแต่งกายนั่นคือแม่ของเขา ซึ่งเมื่อเขาย้อนกลับไปดูรูปภาพเหล่านั้น GD ก็บอกกลับตัวเองว่าโคตรเจ๋งเลย

“ตอนผมเด็ก ๆ ผมค่อยข้างได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น และก็อินกับหนังจีนพอสมควร ซึ่งนั่นทำให้ผมเรียนรู้หลากหลายวัฒนธรรมของเอเชีย เช่นเดียวกับในอเมริกา หรือยุโรป ที่ได้เรียนรู้ คนเกาหลีเป็นพวกเรียนรู้เร็ว และมีความอยากเจริญก้าวหน้า สำหรับผมแล้ว เกาหลีไม่ใช่  Minimalism หรือ Aesthetic อีกต่อไป สไตล์ของผมคือ Energy” – G-Dragon 

หลังจากที่ G Dragon เดบิ้วท์กับ Big Bang พวกเขาก็ได้เปลี่ยนซีนของวงการเพลง K-Pop ไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากสไตล์การแต่งตัวที่แตกต่างจากวงบอยแบรนด์อื่น ๆ Big Bang มีการนำวัฒนธรรมสตรีทแวร์อเมริกันเข้ามาผสมผสานจนเกิดเป็นสไตล์แปลกใหม่ในอุตสาหกรรมดนตรีเกาหลี และ G Dragon ก็ฉายแววความเป็นแฟชั่นไอคอนตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา

แต่ด้วยความแอนตี้ที่แม้ชาวเอเชียยังร้องยี้ในสไตล์แฟชั่นของบอยแบรนด์ G-Dragon ก็พยายามฉีกกฎเกณฑ์หลุดจากกรอบของสไตล์อีกครั้ง ด้วยการนำ Sub-culture ทั้งหลายมาประยุกต์เข้ากับตัวเอง  ไม่ว่าจะเป็น Punk , Mods , Teddy Boy และ Hiphop จนเกิดเป็นแนวทางการแต่งตัวใหม่ ๆ ขึ้น  ซึ่งก็มีบ้างที่เสื้อผ้าของ GD ดูหลุดโลก และโดนล้อเลียน แต่เขากลับไม่สนใจ หรือแยแส

“มันมีอยู่บ้างที่ตัวผมรู้สึกอายเกี่ยวกับรูปลักษณ์การแต่งตัวของผมเอง แต่อย่าไปกลัว เพราะมันไม่มีคำว่าถูกผิดอยู่แล้วสำหรับแฟชั่น” – G Dragon

แม้ว่าจะมีข้อถกเถียงอยู่เป็นจำนวนมากว่า แท้จริง G-Dragon มีอิทธิพลต่อการแต่งตัวของคนเกาหลีมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าหากคุณเคยไปประเทศเกาหลีใต้ ก็จะพอทราบว่าในปัจจุบัน แฟชั่นในเกาหลีมีความหลากหลายขึ้น ทุกคนเริ่มพยายามค้นหาแนวทางของตัวเองเหมือนกับ G-Dragon ไม่ใช่เพียงการแต่งตัวตามไอดอลแบบที่เคยเป็นมา

เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้เป็นตัวแทนรับเชิญไปตามงานแฟชั่นต่าง ๆ ทั่วโลกอย่างแน่นอน ความพิเศษในตัวของ G-Dragon ไม่เพียงเตะตาดีไซน์เนอร์ระดับโลกอย่าง Karl Lagerfeld  และ Giuseppe Zanotti จนมีโปรเจ็คร่วมกัน หากว่าเขาไม่แน่จริง Karl Lagerfeld คงไม่กล่าวชื่นชม G-Dragon เกี่ยวกับเซ้นท์ทางด้านแฟชั่นว่า

“ในอนาคตอันใกล้นี้โลกแฟชั่นจะหมกหมุ่นอยู่กับประเทศเกาหลีใต้ และตัวของ G-Dragon” – Karl Lagerfeld

หลังจากที่รันวงการแฟชั่นมาเกือบ 10 ปี ก็ถึงเวลาที่ G-Dragon จะปล่อยของ ด้วยการสร้างแบรนด์ของตัวเองชื่อ Peaceminusone โดยจะเน้นขายเสื้อผ้า หมวก ดีไซน์แปลกตา อาทิ การนำคลิปหนีบกระดาษไปไว้ที่หมวก Bucket Hat  ผ่านช่องทางออนไลน์ แต่กลับกลายเป็นความต้องการที่เกินกว่าสินค้าผลิต จนทำให้ล่าสุด Peacemunusone บุกตลาดทั่วโลกด้วยการส่งสินค้าไปวางขายยังร้าน Dover Street Market โดย GD เคยให้สัมภาษณ์กัดจิกคนที่ชอบด่าเขาเรื่องสไตล์การแต่งตัวว่า

“เขาก็เป็นเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไปที่ชอบเสื้อผ้า สนุกกับการแต่งตัว พวกเราอาจจะมีตัวเลือกในการแต่งกายที่ต่างกัน บางคนอาจจะไม่ชอบสไตล์การแต่งตัวของอีกคน แต่การจะไปตัดสินว่าคนอื่นแต่งตัวไม่ดีนั้น ผมว่าคุณควรเอาเวลาไปส่องกระจกพัฒนาตัวเองจะดีกว่า”  – G Dragon

หากจะพูดว่าในตอนนี้สื่อต่าง ๆ พยายามยกยอปอปั้นให้ G-Dragon เป็น Michael Jackson ของชาวเอเชีย เพราะเขาคือ Phenomenon ที่จุดประกายให้คนทั่วโลกรู้จักกับแฟชั่นของประเทศเกาหลี รวมถึงเอเชียก็คงจะไม่ผิดเพี้ยน

source , source 2  , souce 3 , source 4