

Entertainment
มาไกลมาก! จากหนังนักซิ่งข้างถนนปล้นเครื่องเล่นซีดีสู่ฮีโร่ผู้พิทักษ์โลกทุนสร้างสูงถึง $250 ล้านเหรียญ
By: unlockmen April 17, 2017 58620
ใครจะไปเชื่อว่าจากหนังแก๊งค์ซิ่งข้างถนนที่ไล่ฉกครื่องเล่นดีวีดีทุนสร้างเพียง $48 ล้านเหรียญสหรัฐจะมาไกลถึงขั้นกลายเป็นทีมผู้ปกป้องโลกอาชญากรที่หวังทำลายล้างโลกด้วยทุนสร้างสูงถึง $250 ล้านเหรียญ ซึ่งสูงเกือบ 4 เท่าตัว เรียกได้ว่าเป็นหนังเฟรนไชส์ที่มาไกลมากๆ เรื่องหนึ่งของวงการอย่าง Fast and The Furious หากไม่นับภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นจากนวนิยายหรือคอมมิก ตำนาน Fast เร็วแรงทะลุนรกก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะมีโอกาสได้ไปรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันมาบ้างแล้ว ส่วนบางคนที่ยังลังเล อาจจะเพราะรู้สึกว่า Fast ได้ทิ้งแก่นเรื่องของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราอยากจะบอกว่าตั้งแต่จบ Fast and The Furious ภาค 4 หนังก็ออกอ่าวตังเกี๋ยกลายสภาพจากหนังแอ็คชั่นแข่งรถเป็นประเภทแนวบู๊ ล้างผลาญ ฮีโร่ปราบวายร้ายไปเสียแล้ว ดังนั้นเลิกหวังที่เราจะได้เห็นฉากแข่งขันที่บ้าระห่ำที่เป็นไฮไลท์ของเรื่องอย่างเช่นภาค 1 ถึง 3 ไปได้เลย และขอโฟกัสกับการดำเนินเส้นเรื่องว่าจะไปจบอย่างไรแทนจะดีกว่า
กลับมาที่ Fast ภาค 8 หรือในชื่อ The Fate of the Furious ความจริงแล้วหนังเรื่องนี้มีปัญหาติดขัดตั้งแต่เริ่มก่อนถ่ายทำแล้ว เพราะตามความต้องการเดิมคือการจบไตรภาคของซีรีย์ตระกูล Fast แต่แล้วจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ซึ่งนำมาสู่การจากไปอย่างไม่มีวันหวนมาของนักแสดงนำอย่าง Paul Walker ทำให้ต้องมีการปรับบทโครงเรื่องเปลี่ยนตอนจบใหม่ตั้งแต่ภาคที่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่เป็นตามแผนที่ Producer และทางค่ายผลิตตั้งใจเอาไว้แต่ทีแรกอย่างแน่นอน
และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้กำกับที่พวกเขาหมายหมั้นจะมาจบงานนี้อย่าง James Wan ขอถอนตัวออกไปหลังจากจบการถ่ายทำภาค 7 และทิ้งปริศนาไว้ว่าใครจะมารับเค้กก้อนโตนี้เพื่อไปทำต่อ แต่แฟนๆ หลายคนจะต้องตั้งข้อสงสัยมากมาย เริ่มจากคำถามง่ายๆ ก่อนเลยว่าเมื่อ Fast ไม่มี Paul Walker ในบท Brain O’connor แล้วหนังจะดำเนินเรื่องไปในทิศทางใด
ซึ่งวันนี้ทีมงานได้รวบรวมความคิดเห็นและทรรศนคติหลังจากได้ชมมาเป็นที่เรียบร้อยว่าเรามีความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้อย่างไรบ้างโดยไม่มีการสปอยล์เนื้อหาหลักของเรื่องอย่างแน่นอน
สิ่งที่เป็นข้อดีของหนังภาค Fast 8 คือการที่เส้นเรื่องยังคงดำเนินต่อจากเดิมแบบไร้มลทินอาจจะไม่ได้เรียบเนียบสมูทและมีความรู้สึกกระตุกๆ ถึงความไม่สมเหตุสมผลสักเล็กน้อยในรายละเอียด แต่ต้องขอยกนิ้วให้กับผู้เขียนบทที่สามารถเชื่อมโยงเรื่องตั้งแต่ภาค 1 มาจนถึงภาค 8 มาได้ไกลถึงเพียงแถมบทต้องมีการเปลี่ยนถ่ายไม่รู้กี่มือต่อกี่มือ ทำได้เท่านี้ก็เก่งแล้วสำหรับเรา
ส่วนที่สองคือการไม่ทิ้งละทิ้งตัวละครใดตัวละครหนึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงตัวประกอบจากภาคก่อนๆ ทุกตัวละครจะมีที่มาที่ไป แม้กระทั้งบทของ Paul Walker (Brian O’connor) ผู้ล่วงลับ ที่สามารถเกริ่นนำถึงให้ผู้ชมสามารถเข้าใจได้
ส่วนสุดท้ายคือการได้ผู้กำกับระดับคุณภาพอย่าง F. Gary Gray ที่มายกระดับบทภาพยนตร์ให้มีความดราม่ามากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ Fast ขึ้นชื่อในเรื่องฉากอันเว่อร์วังอลังการ รถวิ่งข้ามตึกถึงขนาดคนดูพูดว่าทีม Fast สามารถไปสู้กับ Avengers ได้แล้วขนาดนี้ ซึ่งไอ้ความมันส์ระดับ 10 ริกเตอร์เนี่ยอาจจะขาดองค์ประกอบอื่นๆ ของภาพยนตร์ไปได้ แต่ภาคนี้ถือว่าสามารถนำเรื่องดราม่าเข้ามาผสมได้ดีระดับหนึ่งสำหรับการมาจับงาน Fast ครั้งแรกของ F. Gary Gray และไม่ต้องห่วงเพราะความเว่อร์ยังคงมีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
อย่างที่เราบอกหากคุณเป็นคนจ้องจับผิด พยายามหาข้อผิดพลาด คุณจะเจอปัญหาเต็มไปหมดในภาพยนตร์ แต่ถ้าเปิดใจให้กว้างคิดว่ามันก็เป็นเพียงหนังแอ็คชั่นตลาดๆ ที่สร้างออกมาให้คนสามารถดูได้ทุกเพศ ทุกวัย ข้อโต้แย้งหลายๆ ข้อนั้นก็จะหายไปในทันที แต่ในมุมมองของเราถ้าให้พูดถึงสิ่งที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้สำหรับ Fast 8 ก็มีเช่นกัน
อย่างเช่นหนังน่าจะขยี้ปมดราม่าไปให้ไกลกว่านี้ เพราะอย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า Fast จะมีไปอย่างน้อยจนจบภาค 10 แต่ทำไมถึงพยายามคลี่คลายปมปัญหาเร็วจนเกินไป ทั้งทีปูเรื่องมาได้อย่างดีเยี่ยมซึ่งไม่แน่ว่าผู้กำกับท่านนี้อาจจะมีไม้เด็ดซ่อนไว้ในภาคต่อๆ ไปก็เป็นได้
สองคือการนำตัวละครใหม่เข้ามาที่ยังดูผสานกันได้ไม่ค่อยลงตัวเสียเท่าไหร่ ซึ่งมีการเปิดเผยตั้งนมนานแล้วถึงการนำนักแสดงใหม่อย่าง Scott Eastwood มาเสริมทีมในบท Little Nobody แต่เอาตรงๆ เรากลับไม่รู้สึกเห็นถึงความสำคัญสำหรับบทบาทนี้สักเท่าไหร่ ถ้าจะยังคงบทนี้ไว้เราว่าภาคต่อๆ ไปทีมงานอาจจะต้องบาล้านซ์บทให้กับตัวละครนี้เสียใหม่
ข้อสุดท้ายขอเป็นความเห็นส่วนตัวโดยเฉพาะก็แล้วกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่เราได้กล่าวมาก็เป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์จากความคิดเห็นของเราเท่านั้น ชาว UNLOCKMEN ทุกคนต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองในโรงภาพยนตร์ แต่เราขอสปอยล์สักเล็กน้อยว่าทุกฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นที่เราจะได้เห็นแทบจะไม่มีการใช้ cg เลย เป็นการถ่ายจริง ระเบิดจริง ชนจริง เละจริง จนเราเสียดายแทนรถที่พังไปเสียจริงๆ อย่างไรสะก็ถือว่าไปให้กำลังใจพวกเขากันหน่อยสำหรับทีมงาน Fast ไปอุดหนุนพวกเขาถือว่าเป็นการตอบแทนความตั้งใจของผู้สร้างที่ลงทุนอย่างมหาศาล เพราะถ้าเกิดได้เงินไม่ตามเป้าเราอาจจะไม่ได้ดูไปจนจบ Fast 10 ก็เป็นได้