

FASHION
EDITOR’s PICK : เรือนเวลา 10 รุ่น ตัวแทนความสำเร็จตลอด 60 ปีของ OMEGA Speedmaster
By: NTman April 7, 2017 57350
หากผู้ชายอย่างเราจะต้องเลือกนาฬิกาข้อมือคู่ใจสักเรือนหนึ่ง ปัจจัยหลัก ๆ ในการตัดสินใจคงหนีไม่พ้นเรื่องของงานดีไซน์ที่เข้าตา ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ นอกจากนี้ชื่อเสียงและประวัติความเป็นมาของแบรนด์ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่เรามองข้ามไปไม่ได้ เพราะประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ย่อมมีผลต่อความเชื่อมั่นในคุณภาพการใช้งาน อีกทั้งยังส่งผลต่อความภาคภูมิใจหากนาฬิกาบนข้อมือเรานั้นคือผลผลิตจากแบรนด์ที่มีจุดร่วมสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลกมาอย่างยาวนาน
และหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่เราเชื่อว่าต้องเป็นที่รู้จัก เป็นที่หมายปองของเหล่าชายชาตรี คงหนีไม่พ้นแบรนด์ OMEGA และยิ่งเป็นรุ่นที่อยู่ในตระกูล Speedmaster ซึ่งมีเรื่องราวเท่ ๆ มากมายบนหน้าประวัติศาสตร์โลก กับจุดเริ่มต้นในการเป็นนาฬิกาสำหรับนักแข่งรถ และก้าวข้ามไปสู่ภารกิจบนอวกาศ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายแทบทุกคนใฝ่ฝันจะได้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ OMEGA Speedmaster จะถูกเลือกให้เป็นเรือนเวลาที่ประดับอยู่บนข้อมือของใครหลายต่อหลายคน
และเนื่องในโอกาสที่ OMEGA Speedmaster ได้เดินทางผ่านกาลเวลา และประวัติศาสตร์บทสำคัญมาจนครบรอบ 60 ปี UNLOCKMEN จึงขอเลือก 10 รุ่นสุดประทับใจ ที่เรามองว่ามันเปรียบเสมือนตัวแทนความสำเร็จ และเป็นหลักไมล์สำคัญในการพัฒนาของ OMEGA Speedmaster มาแนะนำให้ได้รู้จักเรื่องราวความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาของแต่ละรุ่น หรือใครที่เป็นนักสะสมนาฬิกาตัวยง อยากจะใช้ลิสต์นี้เป็นตัวช่วยในการออกตามล่า Speedmaster รุ่นหายากมาเก็บเอาไว้ในคอลเลคชันส่วนตัว เราก็ยินดี
สำหรับรุ่นแรกที่เราเลือกมาคงจะเป็นเรือนไหนไปไม่ได้ นอกจากต้นกำเนิดตำนานของตระกูล Speedmaster โดยชื่อ “Broad Arrow” นั้นได้มาจากรูปทรงของเข็มนาฬิกาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยหัวลูกศร และนอกจากมันจะเป็นปฐมบทของเรื่องราวแห่ง Speedmaster แล้วก็ยังเป็นนาฬิกาข้อมือ Chronograph แบบแรกที่นำสเกล Tachymeter มาไว้บนขอบตัวเรือน ซึ่งเอื้อต่อการใช้งานให้กับเหล่านักแข่งรถเป็นอย่างมาก ส่วนในเรื่องของมูลค่าราคา และมูลค่าทางจิตใจ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรือนเวลารุ่นนี้น่าจะมีมูลค่าสูงที่สุดในตระกูล Speedmaster จากบทบาทผู้เริ่มต้นการเดินทางอันแสนพิเศษที่ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน
Speedmaster รุ่นนี้คือนาฬิกาแบบแรกที่ผ่านการทดสอบสุดเข้มงวดสำหรับคุณสมบัติด้านการบินจากองค์การ NASA และถือเป็นหนึ่งเดียวที่ผ่านการทดสอบในครั้งนี้ ท่ามกลางนาฬิกาจากหลายแบรนด์ที่ได้ร่วมส่งเรือนเวลาของตนเข้ารับการทดสอบเช่นกัน ทำให้ Speedmaster คือเรือนเวลาที่มีโอกาสได้ร่วมเขียนหน้าประวัติศาสตร์ไปกับภารกิจของยาน Gemini และยาน Apollo ด้วยหน้าที่ในการมอบทั้งความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือสูงสุดให้แก่เหล่านักบินอวกาศ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นเรือนเวลารุ่นแรกที่ได้ร่วมบุกเบิกภารกิจบนดวงจันทร์ และยังคงได้รับความไว้วางใจมาตลอดจนกระทั่งเสร็จสิ้นภารกิจสุดท้ายบนดวงจันทร์ในปี 1972
Speedmaster รุ่นนี้ มีโอกาสร่วมอยู่ในอีกหนึ่งก้าวสำคัญของมวลมนุษยชาติ ได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาแบบแรกที่ถูกสวมใส่บนดวงจันทร์ เมื่อนักบินอวกาศ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ได้ประทับก้าวเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ลงบนผิวของดวงจันทร์ในปี 1969 นับตั้งแต่วันนั้น Speedmaster จึงได้รับใช้ในเกือบทุกภารกิจที่เกี่ยวข้องกับดวงจันทร์มาโดยตลอด ในด้านการดีไซน์ของ Moonwatch นั้นนับเป็น Speedmaster รุ่นแรกที่ถูกออกแบบด้วยตัวเรือนทรงอสมมาตรเพื่อเพิ่มคุณสมบัติการป้องกันที่มากยิ่งขึ้นให้กับทั้งเม็ดมะยมและปุ่มกด และยังถือเป็นครั้งแรกที่มีข้อความ “Professional” ปรากฏอยู่บนหน้าปัดของ Speedmaster
แฟน ๆ อุลตร้าแมน รวมถึงคนเล่นนาฬิกาทั้งหลาย ต่างรู้กันดีว่า Eiji Tsuburaya ผู้สร้างซีรีส์อุลตร้าแมน มักจะสอดแทรกนาฬิกาที่น่าสนใจเข้ามาในผลงานของเขาเสมอ ทำให้ Speedmaster รุ่นหายากที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยเข็มวินาทีสีส้มเรือนนี้ มีโอกาสเผยโฉมผ่านซีรี่ส์ยอดมนุษย์ของญี่ปุ่นอย่าง “The Return of Ultraman” ในปี 1971 ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า Speedmaster รุ่นนี้ เป็น Rare Item ที่นอกจากจะเป็นที่ต้องการของนักสะสมนาฬิกาแล้ว ยังเป็นที่ต้องการของแฟน ๆ อุลตร้าแมนทั่วโลกอีกด้วย โดยในปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อมูลปรากฎเป็นที่แน่ชัดว่า Speedmaster อุลตร้าแมนรุ่นนี้ ยังมีหลงเหลืออยู่อีกกี่เรือน
ภาพเมื่อครั้งเผยโฉมบน “The Return of Ultraman” ในปี 1971
หลังจากเปิดตัวในปี 1971 เรือนเวลา Speedmaster Mark III พร้อมกับตัวเรือนทรง Pilot ได้กลายเป็นนาฬิกา Chronograph แบบแรกของ OMEGA ที่ใช้กลไกอัตโนมัติ Caliber 1040 นับได้ว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของแบรนด์ โดยในโฆษณาช่วงปี 1972 นั้นทาง OMEGA ได้กล่าวอย่างภาคภูมิว่า “หลังจากลงจอดบนดวงจันทร์ถึง 6 ครั้ง มีเพียงสิ่งเดียวที่เราได้สอนให้แก่ Speedmaster นั่นคือการสอนให้เรือนเวลาขึ้นลานเอง” นอกจากนี้ Speedmaster Mark III ยังมาพร้อมเอกลักษณ์อื่นที่โดดเด่น อย่างเช่น เข็ม Chronograph 60 นาทีทรง Cross (ทรงไม้กางเขน) และมีฟังก์ชันระบุช่วงเวลากลางวัน-กลางคืน ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา
Speedmaster 125 เป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาเนื่องในโอกาสฉลองการก่อตั้งครบ 125 ปีของแบรนด์ OMEGA (เริ่มก่อตั้งปี 1848) ซึ่งผลิตเป็นจำนวนจำกัดเพียง 2,000 เรือน มาพร้อมความพิเศษกับการเป็นเรือนเวลา Chronograph ที่ใช้กลไกอัตโนมัติรุ่นแรกของโลกที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับ Chronometer และยังได้ผจญสู่ห้วงอวกาศร่วมไปกับ Vladimir Dzhanibekov ในปี 1978 โดยนักบินอวกาศชาวรัสเซียรายนี้ใช้เวลาอยู่ในอวกาศยาวนานถึง 145 วัน กับอีก 16 ชั่วโมงด้วยกัน
นับเป็นเวลา 20 ปีหลังจากที่ Speedmaster มีโอกาสได้เดินทางมุ่งสู่ดวงจันทร์ จนใน Speedmaster รุ่น “Speedymoon” ดวงจันทร์ที่มนุษย์ใฝ่ฝันจะไปถึงได้ถูกนำลงมาเป็นส่วนหนึ่งของเรือนเวลา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของคอลเลคชัน Speedmaster ที่ได้รับการเพิ่มเติมฟังก์ชันมูนเฟส (Moonphase) ที่ประดับด้วยภาพพระจันทร์ และดวงดาว โดยนาฬิกาในซีรีส์นี้ถูกผลิตออกมาแบบจำกัดเพียง 1,300 เรือนโดย และบางเรือนที่ยังถูกจัดให้อยู่ในระดับ Rare Item สังเกตุได้จากภาพใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของดวงจันทร์
เรือนเวลา Speedmaster อันทรงเสน่ห์รุ่นนี้คือหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นระดับงานฝีมืออันเยี่ยมยอดของ OMEGA ได้อย่างเด่นชัด ด้วยดีไซน์ฉลุเปลือย (Skeletonised) ทั้งบริเวณหน้าปัด และด้านหลัง ซึ่ง Speedmaster Skeleton ถูกผลิตขึ้นมาด้วยจำนวนจำกัดเพียงแค่ 50 เรือนในโลก โดยแรงบันดาลใจในการออกแบบครั้งนี้มาจากวาระครบรอบ 50 ปีของโครงการ 27 CHRO C12 ซึ่งเป็นต้นกำเนิดการผลิตเครื่อง Caliber 321 ที่ถูกติดตั้งอยู่ใน Speedmaster รุ่นแรก ๆ เรียกได้ว่า Speedmaster Skeleton เรือนนี้ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อคารวะจุดกำเนิดของ Speedmaster ได้อย่างสมศักดิ์ศรี
นับเป็นเวลา 25 ปีหลังจากที่ OMEGA Speedmaster ได้อยู่ในหน้าประวัติศาสต์สำคัญอีกครั้ง หลังจากที่ในปี 1970 คอมพิวเตอร์หลักของยาน Apolo 13 เกิดเสียหาย จนไม่สามารถพานักบินลงสู่ดวงจันทร์ได้ OMEGA Speedmaster จึงได้รับบทบาทของอุปกรณ์สุดสำคัญที่ช่วยให้เหล่านักบินอวกาศจากยาน Apollo 13 สามารถคำนวณเวลาเดินทางกลับสู่โลกได้โดยสวัสดิภาพ และเนื่องในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีของการร่วมภารกิจ Omega Speedmaster Apollo 13 จึงถูกผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัดเพียง 999 เรือน และได้รับความนิยมจากเหล่านักสะสมเนื่องจากรูปตราสัญลักษณ์ของ Apollo 13 และยังถือเป็นเรือนเวลารุ่นแรกในซีรีส์ Mission ที่มีการผลิตรุ่นอื่น ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
รุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ตอกย้ำถึงความกล้าหาญที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ และจิตวิญญาณแห่งนักประดิษฐ์ที่ OMEGA สั่งสมมาโดยตลอด Speedmaster Dark Side of the Moon รุ่นนี้ได้นำ Moonwatch ให้เริ่มก้าวเข้าสู่หน้าตำนานบทใหม่อีกครั้ง กับตัวเรือนที่ผลิตขึ้นจากบล็อคเซรามิกแบบชิ้นเดียว ให้ความโดดเด่นด้วยหน้าปัดเซรามิกสีดำที่เข้าคู่กับเข็มนาฬิกาทองคำขาว และสายผ้าไนลอน ด้วยเทคนิคชั้นสูงที่ใช้ในการผลิตทำให้เรือนเวลาเรือนนี้เป็นอีกหนึ่งในตัวแทนความสำเร็จครั้งสำคัญของแบรนด์ OMEGA
สำหรับนาฬิกาทั้ง 10 รุ่นที่เราเลือกมา ยังเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ความสำเร็จตลอด 60 ปี ของ Omega Speedmaster และยังคงมีเรือนเวลาที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรม และเรื่องราวความเป็นมาอันน่าทึ่งอีกหลายเรือน รอให้เราได้ไปสัมผัส ซึ่งใครที่อยากเสพเรื่องราวสุดคลาสสิคจาก Omega Speedmaster รุ่นอื่นๆ สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ www.omegawatches.com