

Girls
A Girl We Love : ทำความรู้จัก Jelly Rocket 3 สาว dream pop ผู้สร้างทุกอย่างด้วย 2 มือ
By: unlockmen August 16, 2016 40100
เมื่อประมาณสัก 1 ปีก่อน เราได้ดูหนังโฆษณาที่ชื่อว่า “Lalin” เรื่องราวของเด็กสาวที่ต้องการปกปิดตัวตนที่แท้จริงเพื่อหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ยังประเทศญี่ปุ่นที่ไม่มีคนรู้จัก ซึ่งต้องยอมรับว่าภาพ และการนำเสนอเรื่องราวทำออกมาได้ดี แต่อีกหนึ่งจุดสำคัญที่สะกดเราให้ต้องกลับดูซ้ำอีกรอบ คือเพลงประกอบหนังโฆษณาชุดนี้ กับท่อนเนื้อร้องเสียงใสๆ ที่ว่า “How Long, I Haven’t seen you for a While”
เพลงนี้ทำให้เราต้องอุทานออกมาว่า “นี้มันเพลงอะไรกันวะ โคตรดี” ทั้งสำเนียงการร้อง ซาวด์ดนตรีที่แตกต่าง เมโลดี้ที่ติดหูอย่างง่ายดาย ทำให้เราไม่รอช้าที่จะไล่ลงไปตรงช่อง Comment ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าใครเป็นเจ้าของเพลงนี้ และก็เป็นไปตามที่เราคิด มีหลายคนสงสัยเหมือนกับเราว่า เพลงนี้คือเพลงของใคร สุดท้ายก็มีผู้ใจดี นำคำตอบมามอบให้กับพวกเราว่า นี่คือเพลงจากศิลปินไทยที่มีชื่อว่า “Jelly Rocket” เราจึงเข้าไปค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเธอ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักกับ 3 วัยรุ่นสาวน้อย (น้อยกว่าที่เราได้จินตนาการไว้เสียอีก) หลังจากนั้นเราก็เริ่มติดตามผลงานของพวกเธอเรื่อยมา
วันนี้ UNLOCKMEN เพิ่งจะมีโอกาสได้บุกไปถึงห้องซ้อม เพื่อพูดคุยกับ 3 สาว ภัค, โม และ ปั้น สมาชิกวง Jelly Rocket เพื่อทำความรู้จักกับตัวตนที่แท้จริง และมุมมองของพวกเธอ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน
อะไรคือจุดเริ่มต้นที่มาสนใจเรื่องดนตรี ทำไมถึงเลือกเล่นเครื่องดนตรีที่เล่นอยู่ และการเริ่มก่อตั้ง Jelly Rocket?
ภัค : “ถูกที่บ้านบังคับให้ไปเรียนเปียโน พอเรียนไปสักพักก็รู้สึกสนุกดี ก็เลยเล่นเรื่อยมาจนกลายเป็นความชอบ”
โม : “จุดเริ่มต้นมาจากความชอบเล่นกีตาร์ และอยากเล่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เลยศึกษาต่อเนื่องอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เรียนจบมหาวิทยาลัยสาขาดนตรี”
ปั้น : “ชอบร้องเพลงตั้งแต่สมัยเรียนที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย จึงได้เข้าร่วมวงคอรัสของโรงเรียน แต่ความฝันที่จะเป็นศิลปิน เริ่มมาเป็นรูปเป็นร่างตอนที่ได้มาเจอกับ พี่โม และพี่ภัค”
Jelly Rocket : “อยากให้ทุกคนมองว่า Jelly Rocket คือการรวมตัวของคนสามคนที่บังเอิญมาเจอกัน แล้วมีความชอบ และความฝันที่เหมือนกัน จึงมีโอกาสได้ทำงานด้วยกัน ไม่อยากให้คำว่า Girl Band มาจำกัดแนวทางในการทำดนตรีของพวกเรา”
การเป็นวงหญิงล้วน เคยโดนคนโดนวิจารณ์หรือสบประมาทไหม?
Jelly Rocket : “ยังไม่เคยเจอคำวิจารณ์ด้านลบเรื่องนี้เลยนะ กลับเป็นข้อดีที่ทำให้คนจำพวกเราได้ ทำให้คนให้ความสนใจว่าเป็นวงผู้หญิงล้วนหรอ ดนตรีจะเป็นแนวไหนกันนะ แปลกใหม่ดีนะ อะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากให้คนเอาเรื่องนี้มามองว่าสิ่งนี้เป็นจุดขายของพวกเรานะ เพราะเราไม่อยากถูกจำได้เพราะเราเป็นวงที่มีสมาชิกเป็นผู้หญิง แต่เราอยากให้คนจำเราได้จากการฟังดนตรีที่พวกเราทำจริงๆ และได้ยินสิ่งที่พวกเราต้องการจะสื่อสารออกไปจริงๆ มากกว่า”
Drake / Dev Hynes
มีใครเป็น Idol ในการเล่นดนตรี?
ปั้น : “จริงๆ แล้วจะชอบเพลงแนว Hip-Hop, RnB, EDM จะเลือกฟังจากคนที่เสียงเป็นเอกลักษณ์แบบ Drake หรือนักร้องจาก Youtube ที่ทำเพลงเอง ปั้นรู้สึกว่าคนเหล่านี้คือ Inspiration ที่ใช้ความสามารถในการทำให้ตัวเองดัง โดยไม่ต้องพึ่งสื่ออะไรมากมาย”
โม : “Dev Hynes นักร้องวง Blood Orange ชอบที่เขามีความสามารถหลายอย่างทั้งเป็น Producer ให้หลายวง และก็เป็นนักร้อง เลยรู้สึกชื่นชอบในตัวผลงานของเขาด้วย”
ภัค : “คุณครูเปียโนคนแรก ชื่อว่าครูนุช เพราะครูนุชสามารถสอนให้เด็กทุกคนรู้สึกสนุกและมีความสุขกับการเล่นดนตรีได้ ทำให้อยากเป็นอย่างครูนุช จะได้ส่งต่อความสุขไปให้คนอื่นผ่านเสียงดนตรี”
ไปเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ที่ญี่ปุ่นมาแบบไม่มีใครคอยช่วย มีประสบการณ์อะไรที่ประทับใจและแปลกสุดๆ บ้าง?
Jelly Rocket : “เป็นทริปที่มีความยุ่งเหยิงนิดหนึ่ง เพราะเราก็มีกันอยู่สามคน ไม่ได้มีผู้จัดการดูแล จะทำอะไรก็ต้องจัดการกันเองหมด ตั้งแต่เริ่มคุยงานที่อยู่ดีๆ ก็มีอีเมล์เข้ามาชวนให้ไปเล่น เราก็ไปคุยกับทีมงานญี่ปุ่นเอง ทำให้รู้ว่าคนญี่ปุ่นคุยงานกันจริงจังมาก ก็เกิดความวุ่นวายนิดหน่อยตั้งแต่ก่อนไป แต่พวกเราก็สามารถแก้ไขมันได้ด้วยดี”
“การไปเล่นครั้งนี้ Jelly Rocket ได้ไปเล่นทั้งหมดสองที่ ที่แรกคือ Shibuya เราได้ไปเล่นเป็นวงเปิดให้ Yellow Fang ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ต้องขอบคุณวง Yellow Fang มากๆ ส่วนอีกที่เป็นเวทีหลักที่ทางงานติดต่อวงเราให้ไปเล่น คือที่เมือง Hammamatsu ในงาน Asia Music Festival ความพีคคือเราไม่มีผู้จัดการหรือคนดูแลให้ อย่างภัคกับโมก็ต้องหิ้วอุปกรณ์ดนตรีขึ้นรถไฟฟ้าไปด้วยทุกเมืองเองแบบไม่มีคนช่วยยก”
“แต่มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี จริงๆ แล้วมันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน เพราะพวกเราก็เป็นวงเล็กๆ จากประเทศไทย ที่ไม่คิดว่าผลงานของเราจะไปไกลถึงต่างประเทศ แล้วก็ประทับใจในทีมงานญี่ปุ่น เพราะเขาทำให้เรารู้สึกเป็นคนสำคัญและพิเศษมากๆ ส่วนแฟนเพลงที่ญี่ปุ่นก็น่ารักมาก เขามีอารมณ์ร่วมกับดนตรีมากจริงๆ ยืนฟังกันอย่างตั้งใจ ทั้งทีหลายคนอาจจะไม่ได้รู้จักเรา พอเราขอให้เขาทำอะไรเขาก็ทำตาม เป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากๆ”
ถ้าเกิดต้องไปเล่นที่ต่างประเทศอีกหนึ่งครั้ง แล้วเจ้าภาพของให้โชว์ความเป็นไทยแท้แบบสุดๆ Jelly Rocket จะเลือกโชว์อะไร?
Jelly Rocket : “เนื่องจากเราเป็นวงดนตรีคงจะเลือก Cover ลูกทุ่ง เพราะจริงๆ แล้วทุกคนในวงมี Inner ลูกทุ่งแบบเต็มตัว สามารถเล่นได้เลย หรือไม่แน่อาจจะให้ โม กับ ภัค เล่นนำไป ส่วน ปั้น ก็เอาครกมารำไทยก็ได้ เพราะยังไงก็ไม่มีคนรู้จักเราอยู่แล้ว อะไรที่แสดงความเป็นไทยได้ เราก็สามารถทำได้หมด”
นอกจากเล่นดนตรี ตอนนี้ทำอะไรอย่างอื่นอีกไหม?
ภัค : “ก็มีเป็น Freelance รับทำเพลงประกอบโฆษณา เพราะเรียนสายดนตรีมาโดยตรง ทำอย่างอื่นคงไม่ถนัด”
ปั้น : “ตอนนี้อยากโฟกัสให้กับวง แต่อาจจะหาอะไรเสริมที่สามารถทำไปด้วยกันได้”
โม : “แต่ตอนนี้ ปั้น รับหน้าที่ในวงหนักมาก ถ้าให้เปรียบก็เหมือนผู้จัดการวง เป็น AR (Artist Relation หรือผู้ดูแลศิลปิน) คอยอัพเดตทุกอย่าง แล้วก็แผนกตอบอีเมล์ ทุกอย่างคือ ปั้น”
ปั้น : “ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แต่อะไรที่ปั้นรู้สึกว่าช่วยแบ่งเบาภาระเพื่อนได้ ปั้นก็อยากจะทำ ส่วนนอกเหนือจากงานวง ก็มีสอนร้องเพลงด้วย”
โม : “โมเป็นคนเดียวในวงที่ทำงานประจำ รับราชการเป็นตำรวจ”
ความคาดหวังต่อตัวเองเปลี่ยนไปไหม หลังจากที่วงเริ่มมีชื่อเสียง
Jelly Rocket : “ตอนแรกก็อาจจะหวังน้อย ขอแค่มีคนฟังเพลงเราก็พอแล้ว แต่ตอนนี้เราคาดหวังอยากจะทำเพลงออกมาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำอัลบั้มออกมาให้สุดความสามารถของตัวเอง และอยากให้เพื่อนๆ ทุกคนชอบมัน เหมือนกับที่เราชอบมันด้วย เพราะนอกจากครอบครัวและเพื่อนๆ แฟนเพลงทุกคนก็คือคนสำคัญที่ทำให้พวกเรามีทุกวันนี้”
Urboy TJ ที่สาวๆ Jelly Rocket อยากทำงานร่วมด้วย
ถ้าเกิดมีโอกาสได้ Feat กับศิลปินคนไหนก็ได้ Jelly Rocket อยากจะได้ใครมา Feat ด้วย
ปั้น : “อยาก Feat กับ Urboy TJ มาก ตอนนี้กำลังอินกับเพลงของเค้ามากเลย เพราะโดยพื้นฐานเราเป็นคนชอบเพลง Hip Hop อยู่แล้ว”
โม + ภัค : “เราว่าเราซัพพอร์ตปั้นดีกว่า (หัวเราะ)”
ปั้น : “คือรู้จักไหมเนี่ย?”
โม : “ไม่รู้จัก (หัวเราะ)”
ภัค : “ภัครู้จัก เพราะปั้นเปิดให้ฟังในรถทุกวันเลย”
โม : “แล้วอีกคนที่อยากทำเพลงด้วยคือวง Safe Planet เพราะเราคุ้นเคยความเป็นตัวตนของเขาอยู่แล้ว แต่สองวงมีความต่างกันอยู่ ถ้าเราสามารถนำมารวมกันได้ มันน่าจะเป็นอะไรที่สนุก”
นอกจากการทำเพลงแล้ว แต่ละคนมีความฝันอย่างอื่นที่อยากทำ และยังไม่ได้ทำอีก
โม : “อยากส่งเพลงไปต่างประเทศ แต่ตอนนี้ยังไม่มี Connection ไม่รู้วิธีการต้องทำยังไง แล้วด้วย Background วงเราที่เป็น Thailand มันเลยมีกำแพงตรงนี้อยู่ อย่างเช่นเวลาเราไปติดต่องาน พอเราบอก I’m from Thailand มันจะมีความต่างอยู่นิดหน่อย เพราะต่างชาติยังมองว่าเราไม่เป็น Inter เท่าที่ควร”
ภัค : “ส่วนภัคอยากเป็นนักชิม แล้วก็ไปท่องเที่ยว แต่ติดปัญหาตรงการจะไปเที่ยวต้องมีรายจ่าย ที่สวนทางรายรับในปัจจุบัน (หัวเราะ)”
โม : “แต่วันนี้เพิ่งรูดบัตรไปสิงคโปร์ไม่ใช่หรอ”
ภัค : “อุ๊ปสสสสส!!”
อีก 10 ปีข้างหน้า Jelly Rocket จะออกอัลบั้มใหม่ เพลงแรกในอัลบั้มนี้จะใช้ชื่อว่าอะไร
Jelly Rocket : “I Haven’t seen your for a While”
ปั้น : “มาจากเพลง How Long ชัดๆ”
ภัค : “เพราะ How Long คือเพลงแรกในชีวิตของพวกเรา พอผ่านไปสิบปีก็ I Haven’t seen your for a while เหมือนเราไม่เจอกันนานแล้วนะ อะไรแบบนี้ไง”
โม : “อันนี้ซื้อๆๆ ตามนั้น”
วีรกรรมสุดห่ามที่เคยสร้างร่วมกัน
Jelly Rocket : “ไม่รู้ว่ามันห่ามไหมนะ คือตอนนั้นไปญี่ปุ่น แล้วรีบกลับเมืองกันมาก พอดีจังหวะนั้นมีเวลาเปลี่ยนรถไฟกันแค่สองนาทีเท่านั้น เราก็วิ่งกันหน้าตั้งเลย ทั้งที่จริงๆ แล้วอยู่ญี่ปุ่นก็ไม่ควรจะวิ่งอย่างนั้น ถ้าทำเป็น Slow Motion หน้าตาแต่ละคนคงตลกมาก แต่สุดท้ายวิ่งแทบตายก็ตกรถไฟอยู่ดี”
Item ที่แต่ละคนจะขาดไม่ได้เลย ต้องพกติดตัวตลอดเวลา
ปั้น : “โทรศัพท์มือถือ เพราะต้องคอยรายงานตัวกับคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลา”
ภัค : “โลชั่นทาผิว เพราะเป็นคนผิวแห้ง อยากให้ผิวชุ่มชื่นตลอดเวลา ทุกครั้งที่เล่นดนตรี หรือจะเวลาไหนก็ตาม ถ้าล้างมือเสร็จปุ๊ป จะต้องหยิบขึ้นมาทาทันทีเลย”
โม : “สมุดจด กับ Schedule Planner เพราะถ้าไม่มีอยู่กับตัว ก็คือลืมทุกอย่างไปเลย ว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง”
มีสถานที่ไหนที่เคยไป แล้วรู้สึกว่าชาตินี้ ชีวิตนี้ จะไม่ขอกลับไปเหยียบอีกเป็นครั้งที่ 2
โม : “เคยไป Hostel ที่หนึ่งในสิงคโปร์คือแย่มาก ห้องนอนกับห้องน้ำอยู่คนละชั้นกัน แต่ที่พีคกว่าคือตอนล้มตัวลงนอน กลิ่นนี่คือแย่มากๆ แย่จนนอนไม่ไหว ต้องขอเปลี่ยนห้อง พอเปลี่ยนก็เป็นเหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องฝืนทนนอนเพราะไม่มีตังค์ย้ายที่พัก”
ภัค : “คือที่นี่ภัคก็อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยประทับใจ”
ปั้น : “ของปั้นจะเป็นตอนที่ไปเที่ยว San Fransico คือพอจะรู้อยู่แล้วว่าที่นั่น Homeless อยู่เยอะมาก มีวันนึงปั้นใช้ Apps หาของอร่อยกิน แล้วมันก็แนะนำไปจุดที่ไม่ควรจะไป แต่ปั้นไม่รู้ ก็เดินไปตามแผนที่ คือตรงนั้นตอนกลางวันก็น่ากลัวมากแล้ว นี่ไปตอนกลางคืน เดินไปคนเดียว บรรยากาศวันนั้นคือพร้อมจะโดนปล้นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่โชคดีมากที่ไม่เป็นไร รอดมาได้อย่างปลอดภัย”
ถ้าต้องเปรียบตัวเองเป็นเพลงสักเพลง แต่ละคนคือเพลงอะไร
ภัค : “ชีวิตภัคเหมือนเพลง “เจ้าเหมียว” เพราะมีช่วงที่ดี และมีช่วงที่อยากทิ้งทุกอย่างไป เหมือนกับชีวิตเราที่มันมีหลายอารมณ์”
ปั้น : “ของปั้นเป็นเพลง Beautiful ของ Eminem ด้วยเนื้อหาที่มีความหมายเหมือนกับเรา ถ้าไม่ลองมาเป็นเรา จะรู้ได้ยังไงว่าเราเป็นอย่างไร อย่าไปคิดแทนเขา ปั้นรู้สึกว่าพอเราเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ก็จะมีคนอื่นคอยคิด ตัดสินว่าเราเป็นคนอย่างไร ปั้นเลยอยากบอกว่าแทนที่จะมารู้จักผ่านคนอื่น มาถามเราตรงๆ เลยก็ได้ หรือมาลองอยู่กับเราสักวันจะได้รู้ว่าเราเป็นคนยังไง”
โม : “เพลง Young Blood ของ Naked And Famous คือเรายังเป็นเด็กอยู่อยากทำอะไรก็ทำไปเลย”
ตอนนี้มีแฟนกันหรือยัง
Jelly Rocket : “เอาตรงทุกคนโสดหมดตามทะเบียนบ้าน (หัวเราะ)”
ถ้างั้น สเปคผู้ชายแบบที่ไหนที่มองแล้วว่าเท่ ช่วยยกตัวอย่างให้หน่อย
ปั้น : “ไม่ค่อยสนใจคนที่หน้าตา ชอบคนที่มีทัศนคติที่ดี ไม่ตัดสินคน ชอบคนตัวใหญ่ๆ ที่มี Personality ที่ดี”
ภัค : “ของงี้พอมันเห็นและก็จะรู้เอง อย่างเช่น Nam Ju Hyuk”
โม : “โอปป้าก็มา (หัวเราะ)”
Nam Ju Hyuk
ถ้าเดทแรกจะต้องไปดูคอนเสิรต์กัน อยากจะให้คู่เดทพาไปดูคอนเสิรต์อะไร
โม : “อยากดู Coldplay แบบ Private”
ปั้น : “Private นี่มันกี่คนกัน?”
โม : “สัก 500 คนพอ คือเป็นวงที่อยากดู Live มากๆ กับ Yeah Yeah Yeah แต่วงแตกไปละ”
ปั้น : “ชอบ EDM Festival ชอบอะไรมันส์ๆ สนุกๆ ไปด้วยกันน่าจะสนุกดี”
ภัค : “ภัคชอบอะไรที่แตกต่าง ไปเดทก็อยากฟังอะไรเบาๆ ชิวๆ ไม่งั้นก็ไม่โรแมนติก”
โม : “งี้ EDM ปั้นก็ไม่โรแมนติกสิ เพราะต้องตะโกน เวลาพูดไรก็ต้องกระซิบ หรือจริงๆ ปั้นอยากได้ความใกล้ชิด (หัวเราะ)” \(><)/
ปั้น : “ดูไม่ดีเลย” (-_-“)
เวลาที่ท้อหรือเจออุปสรรคในชีวิต มีวิธี UNLOCK หาทางออกยังไง เราจะเอาได้ไปแนะนำคนอื่นบ้าง
ปั้น : “วิ่งอย่างเดียวเลย เวลาโมโหใครมา หรือคิดไรไม่ออก การวิ่งช่วยได้เยอะมาก”
โม : “ใช่! จริง! วิ่งช่วยได้ ช่วงก่อนหน้านี้ โมเป็นคนหงุดหงิดง่าย แต่พอมาออกกำลังกายแล้วรู้สึกเลยว่าสุขภาพจิตดีขึ้นเยอะ”
ปั้น : “การวิ่งเป็นการออกแรงระบายที่ดีมาก โดยที่ไม่ต้องไปต่อยใคร”
ภัค : “ภัคจะดู Unhealthy กว่าเพื่อนเลย เพราะเวลาที่ภัคเครียด ภัคจะทำมาม่า แล้วดูการ์ตูนโคนัน เรื่องอื่นไม่ได้ต้องโคนันเท่านั้น เพราะมันจะสั้นหน่อยไม่ต้องดูนาน”
ช่วยนิยามความเป็น Jelly Rocket ในมุมที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
Jelly Rocket : “พวกเราคือเสือในร่างแมวเหมียว ภายนอกเราอาจจะดูเหมือนแมวใสๆ น่ารักๆ แต่ที่จริงแล้วเราก็มีมุมดุ ซ่า เต็มไปด้วย Energy มากมายมหาศาล เหมือนภาคดนตรีของพวกเราที่ทุกเพลงจะมีพลังงานที่สนุก ทำให้ทุกคนโยกตามกันได้สบายๆ”
ฝากผลงานในตอนนี้ของ Jelly Rocket ว่ากำลังจะมี Project อะไรให้แฟนคลับได้ติดตามกันบ้าง
Jelly Rocket : เพลงของพวกเราตอนนี้มี 5 เพลงแล้ว ก็เลยมีแผนจะออกอัลบั้ม ยังไงก็ขอฝากติดตามผลงานกันด้วยนะคะ และพวกเรากำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ที่สุดของเราในงาน Tiger Jam วันที่ 3 กันยายน ที่ Bitec บางนา รับรองว่าต้องมันส์แน่นอน
แล้วก็ฝากเข้าไปดูวีดิโอที่ไปญี่ปุ่นกันด้วย เพราะปั้นเป็นคนตัดต่อเองกับมือ ถ้าอยากรู้ว่าทริปนั้นเป็นอย่างไร สนุกแค่ไหน ก็สามารถเข้าไปดูและพูดคุยกับพวกเราได้ที่ Jelly Rocket Facebook Page จะได้รู้จักตัวตนของพวกเรากันมากขึ้น
ส่วนใครอยากชมการแสดงสดของพวกเธอ ต้องรีบไปซื้อบัตร Tiger Jams CENTERSTAGE พร้อม headliner เจ๋งๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น CHVRCHES / Polycat / Somkiat วันเสาร์ที่ 3 กันยายนนี้ ที่ไบเทค บางนา ใครสนใจสามารถไปซื้อบัตรได้ที่ 7/11 ทุกสาขา หรือคลิก All Ticket
**จำกัดสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น**
#TigerJams #RiskToday #เพราะวันนี้มีแค่ครั้งเดียว
ขอบคุณสถานที่ ห้องซ้อมดนตรี Music Group