

Girls
“Primiita” สาวนักวาดภาพประกอบคาแรคเตอร์โดดเด่น กับตัวตนที่ทำให้เราหลงรัก
By: unlockmen March 31, 2016 29437
เป้าหมายมีไว้ให้เราพุ่งชน ประโยคนี้น่าจะติดหูเราพอสมควร เป็นเหมือนคำพูดที่ทำให้เรารู้ว่าความสำเร็จนั้นจะเกิดขึ้นได้ถ้าลงมือทำ สำคัญคือต้องมีเป้าหมาย เพราะทุกๆ อย่างที่เราทำไประหว่างทางมันจะนำพาเราไปยังความสำเร็จตรงหน้าได้ไม่ยาก แต่ไม่ได้แปลว่าระหว่างทางมันจะโรยด้วยกลีบกุหลาบและง่ายดายขนาดนั้น ทุกก้าวที่เราเดินมักจะมีอุปสรรคเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะฝ่าฟันอุปสรรคนั้นไปอย่างไร เจ็บตัวน้อยหน่อย หรือจะเจ็บสะบักสะบอมอันนี้ก็อยู่ที่เรา
มีหลายคนที่พยายามทำสิ่งต่างๆ เพื่อพาตัวเองไปสู่เป้าหมายที่วาดไว้ การค้นหาตัวตน และคาแรคเตอร์ของผลงานจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ใครสักคนควรค้นหามันให้เจอ เหมือนอย่างสาวสวยคนนี้ที่เรามีโอกาสได้ไปนั่งพูดคุยถึงสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ พริม – ศุภศรา หงศ์ลดารมภ์ นักวาดภาพประกอบอิสระที่มีผลงานโดดเด่นน่าจับตามองอีกหนึ่งคน เธอได้ร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำมากมายไม่ว่าจะเป็น Lancôme, La Mer , Nylon Magazine, นิตยสารชีวจิต, WE Magazine, DVF หรือแม้แต่ Jo Malone เธอบอกกับเราว่าเธอเป็นคนหนึ่งที่พยายามนำตัวเองไปอยู่ในทุกๆ ที่ที่สามารถนำพาเธอไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการพรีเซนต์ตัวเองเพื่อให้ได้งานสักชิ้นเธอก็ต้องทำ แล้วเราจำเป็นไหมที่ต้องมีเป้าหมายแล้วพุ่งชนแบบนี้ไหม หรือจริงๆ แค่ได้ทำสิ่งที่รักก็เพียงพอแล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จะพาคุณไปพบกับการสนทนาที่ทำให้เราต้องตกหลุมรักเธอเพราะตัวตนที่เธอนั้นเป็นจริงๆ
แนะนำตัวเองให้ชาว UNLOCKMEN ฟังหน่อยว่าพริมเป็นใครมาจากไหน
พริม ชื่อจริงว่าศุภศรา จบจากคณะมัณฑนศิลป์ เอกนิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรค่ะ เป็นการเรียนเกี่ยวกับการออกแบบที่ใช้ศิลปะมาสื่อสาร การทำหนัง ทำโฆษณา ทำหนังสือ นิตยสาร แอนิเมชั่นอะไรแบบนี้ค่ะ
หลังจากเรียนจบพริมมาเป็นนักวาดภาพประกอบได้อย่างไร อะไรคือจุดเริ่มต้น
คือตอนแรกที่เราเรียนอะ เรารู้สึกว่าการวาดภาพเป็นอะไรที่ไม่น่าจะหากินได้นะ คือเราเป็นคนที่ชอบวาดรูปมาก แต่ยอมรับว่าเคยดูถูกสายอาชีพตัวเองนะ พอเรียนปุ๊ปก็พยายามจะเรียนอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การวาดรูปในสาขาของตัวเองค่ะ พยายามไปเรียนโฟโต้ ไปเรียนทำโฆษณาอะไรแบบนี้ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การวาดรูป มันจึงกลายเป็นสี่ปีที่เราไม่ได้วาดรูปเล่นเลย ไม่ได้ทำอะไรที่เราชอบเลย แล้วก็เหมือนเรื่องบังเอิญมีรุ่นพี่ชวนเราไปทำงานในนิตยสารชีวจิต ซึ่งเป็นตำแหน่งวาดภาพประกอบอย่างเดียว ทำงานอยู่บ้านได้สบายๆ ก็เลยลองทำ ถือเป็นการรับงานวาดภาพประกอบครั้งแรกเลยค่ะ ตอนนั้นยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ทำไปสักพักคนเห็นงานมากขึ้นก็เริ่มลงงานในอินสตาแกรมมากขึ้น เราก็ได้ลูกค้าจากตรงนั้นมาด้วย
พริมบอกว่าเคยดูถูกสายอาชีพตัวเอง เพราะอะไรทำไมถึงคิดว่าศิลปะไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้
เหมือนตอนแรกเรานึกว่าการวาดรูปเป็นอะไรที่แบบใครๆ ก็น่าจะทำได้ คือเราก็ไม่รู้ว่ามันยากหรือง่ายแค่ไหน คิดว่าแค่ใจรัก ไม่ต้องมีความรู้ก็สามารถทำได้อะไรแบบนี้ ซึ่งพอได้มาทำจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย มันมีองค์ประกอบหลายอย่างมากๆ ที่จะประกอบอาชีพนี้
สไตล์งานของพริมค่อนข้างมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน ดูมีความเป็นเทพนิยาย แล้วก็หวานจนเดาได้เลยว่าผู้หญิงเป็นคนวาด อะไรคืออิทธิพลต่องานของพริม
อิทธิพลต่องานของพริมจริงๆ มันคือธรรมชาติอะค่ะ เป็นดอกไม้สดๆ หรือใบไม้ที่เพิ่งผลิออกมา มันก็เลยเหมือนเป็นความเฟรชที่พอเราลองใส่สีเหล่านี้เข้าไปในงานมันก็เลยดูหวาน จะเป็นเจ้าหญิงก็สามารถเป็นได้ แล้วอีกอย่างสิ่งที่พริมชอบมากๆ เลยก็คือนางเงือกอย่างแอเรียลของดิสนีย์ พอมันผสมกันก็เลยกลายเป็นว่าสไตล์งานของเราดูหวานไปเลยทันที
แล้วความจริงพริมเป็นคนหวานเหมือนงานของตัวเองไหม
ก็ถือว่าใช่ด้วยค่ะ มีส่วนนะ แต่จริงๆ คิดว่าน่าจะออกแนวไปทางบ๊องมากกว่า (หัวเราะ) คืองานจะดูมีความเป็นผู้หญิงจ๋าเลยใช่ไหมคะ แต่ตัวจริงก็ไม่ใช่ขนาดนั้น ไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมด คือไม่ใช่ว่า 100% ที่แสดงออกมาในงานจะเป็นตัวตนของเราจริงๆ
สังเกตเห็นว่างานพริมใช้สีน้ำเป็นหลัก ทำไมถึงเลือกใช้สีน้ำที่ดูจะควบคุมยากเหลือเกิน
นั่นคือความสนุกของมันเลย สีน้ำเป็นอะไรที่เราควบคุมได้ยากอันนั้นแหละประเด็น ชอบความท้าทายของมัน เวลาวาดก็วาดสีน้ำใส่กระดาษแล้วค่อยสแกนไปจบในคอมทีหลังค่ะ
อาชีพของพริมตอนนี้คือการเป็นนักวาดภาพประกอบอิสระ หรือ Freelance illustrator ช่วยขยายความอาชีพนี้ให้เราเข้าใจมากขึ้นได้หรือเปล่า
ใช่ค่ะ ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็น Freelance illustrator คือรับงานทุกชนิดที่เกี่ยวกับการวาดที่สามารถนำมาประยุกต์ได้มากมาย เราก็สร้างคาแรคเตอร์ให้กับงานแล้ว จากนั้นก็จะต้องศึกษาให้ดีว่างานแต่ละชิ้นลูกค้าของเราต้องการอะไรจากเราบ้าง ซึ่งเราก็สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ผ่านการวาดภาพประกอบของตัวเอง
มีปัญหาอะไรไหมที่เกิดขึ้นกับการเป็นฟรีแลนซ์ แถมยังอยู่ในสายศิลปะอีกด้วย
มีค่ะ ปัญหาของมันคือถ้าเกิดเราเป็นคนขี้เกียจเมื่อไรทุกอย่างมันจะหยุดเลย เหมือนเราตกงานทันที ฟรีแลนซ์เป็นอะไรที่จะโดนจ้างก็ต่อเมื่อคุณขยัน คำว่าขยันนี้เป็นนายจ้างของเราเลยอะ คือเราต้องนำตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่เราจะได้งานอะค่ะ บางทีเราไปเดินห้างแล้วเราเจอผนังสวยๆ หรือบางครั้งเราไปนั่งในร้านเห็นผนังถูกวาดแล้วก็จะแบบ เออนะ สวยจังเลย แล้วด้วยความเป็นฟรีแลนซ์เนี่ยมันจะมีความอยากอยู่ในตัว พริมว่าที่ตัวเองสามารถเป็นฟรีแลนซ์ได้ก็เพราะพริมอยากเอาตัวเองเข้าไปอยู่กับทุกๆ อย่างรอบตัว เช่นเห็นประตูนี้เขาวาดสวย ก็เดินเข้าไปเลยยื่นนามบัตรให้เขาว่าถ้ามีงานแบบนี้อีกก็อย่าลืมหนูนะคะ Primiita คือเหมือนแบบพอเราจบแล้วค้นพบว่าตัวเองชอบวาด ก็จะเสนอตัวให้กับงานทุกอย่างที่คิดว่าตัวเองวาดได้ค่ะ บางทีก็ทำฟรี เพราะเราอยากให้เขาเห็นว่าเราทำได้
มีไหมแบบเห็นงานคนอื่นแล้วแบบไม่สวยเลย ฉันอยากทำให้ดีกว่านี้
ตลอดเวลาเลยอะ คือเราเป็นคนที่แบบวิจารณ์งานเสมอ ไม่ใช่แค่วิจารณ์งานตัวเอง อันนี้ต้องทำอยู่แล้ว แต่การวิจารณ์งานคนอื่นทำให้เรารู้ว่าจริตของตัวเองเป็นอย่างไร สมมติว่าเรามองผนังที่เขาวาดสวยๆ เราก็อาจจะแบบถ้าเป็นเรา เส้นตรงนี้มันจะไม่เป็นแบบนี้ว่ะ มันคงจะโค้งกว่านี้และหนากว่านี้ เหมือนเป็นหาคาแรคเตอร์ของงานตัวเองในงานคนอื่นอีกที แล้วเราก็จำได้ว่าคาแรคเตอร์ของตัวเองเป็นอย่างไร เวลาจะทำงานอื่นๆ ก็จะคิดได้ว่ามันจะต่างกับงานอื่นที่มีอยู่แล้วอย่างไร
ชอบวิจารณ์งานคนอื่นแบบนี้ แล้วพริมสามารถรับได้ไหมที่จะเป็นฝ่ายถูกวิจารณ์บ้าง
จริงๆ ตอนแรกเป็นคนที่รับไม่ได้อย่างแรงเลยนะ เคยมีแบบเลิกทำไปเลย ไม่ใช่ว่าเราโกรธเขาด้วย แต่ว่าเราเสียเซลฟ์มาก คือจริงๆ ตอนที่หยุดวาดรูปไปเลยตอนเรียนอะ เพราะมีคนใหญ่คนโตที่เรานับถือเขาเมลมาหาเลยว่าจริงๆ พี่ก็ว่างานเราสวยนะ แต่ว่าถ้าน้องวาดแบบนี้ต่อไปไม่มีทางดังหรอก เพราะงานน้องไม่มีสตอรี่ พี่รู้นะว่าน้องวาดรูปได้ แต่งานน้องไม่มีทางดังได้ในประเทศไทยหรอก ด้วยอีเมลอันนั้นที่ได้มา พริมก็เก็บตัวไปเลย แล้วก็ไปทำอย่างอื่นอย่างที่เล่าไปในตอนแรก มันเหมือนเราเชื่อไปหมดใครพูดอะไรมันก็เป็นอย่างนั้น จนหลังๆ เราพิสูจน์ว่ามันเป็นไปได้นะ แล้วงานเรามันเริ่ม speak out อะไรบางอย่าง จากนั้นเราก็เลยรับคำวิจารณ์ได้ค่ะ
พริมทำงานสายศิลปะก็จริง แต่มันเป็นแนว commercial ที่ต้องทำตามใจลูกค้า มันมีไหมอารมณ์แบบเราต้องการวาดรูปแบบนี้ อยากให้เป็นตัวเองมากกว่านี้ ไม่อยากทำแล้วแบบที่เขาต้องการ
ตลอดเลยค่ะเรื่องนี้ แต่เราต้องแยกให้ออกนะคะว่ามันคืองาน ไม่ใช่การวาดรูปเล่น ฉะนั้นมันต้องพบกันครึ่งทาง ลูกค้าอยากได้สีเหลือง แล้วเราอยากได้สีฟ้าอย่างเนี้ย เราก็จะแบบชอบสีเขียวไหมคะ พยายามหาตรงกลาง สีเขียวก็ดีนะ พยายามพูดเชียร์เขานิดนึง คืออะไรที่มันเป็นเราด้วย แล้วก็ทำให้เขาชอบด้วย ก็จะพยายามหาที่ทำให้แฮปปี้ได้ทั้งสองฝ่ายค่ะ
ในฐานะที่เป็นฟรีแลนซ์พริมจัดการตารางชีวิตในการทำงานของตัวเองอย่างไรบ้าง
พยายามจะเริ่มงานสิบโมง เลิกงานหกโมงเย็น ถึงมันจะเป็นการทำงานที่บ้านก็ตาม เพราะเคยคิดมาก่อนว่าทำงานกี่โมงก็ได้ ส่งงานกี่โมงก็ได้เสร็จตีสี่ก็ส่งตีสี่ ปรากฎว่ามันไม่ใช่ เราเคยส่งงานไปตอนตีสี่แล้วลูกค้าดันตื่นอยู่ครั้งนึง หลังจากนั้นลูกค้ารู้เลยว่าอีนี่จะเป็นคนที่สามารถแก้งานได้ 24 ชั่วโมง แล้วเขาจะแบบโทรมาตอนตีหนึ่งขอแก้งาน บางทีเราก็นอนแล้ว พริมก็จะต้องบอกว่าทำงานสิบโมง เลิกหกโมงนะคะ มีอะไรให้ติดต่อเฉพาะเวลางานแบบนั้นไปเลย ถึงเราจะเสร็จงานตีสี่ก็จริง เราก็ต้องส่งงานเขาในตอนเช้าแทน จะไม่ส่งตีสี่ตีห้าอีกแล้ว (หัวเราะ)
แรงบันดาลใจในการทำงานแต่ละชิ้นของพริมคืออะไร อย่างบางคนต้องออกไปเที่ยว พริมจะต้องทำอะไรแบบนั้นหรือเปล่า
ของพริมมันง่ายมากเลยอะ ขอแค่เป็นสภาพแวดล้อมที่เรารู้จัก แล้วก็เป็นคนที่ชอบแสงแดดมาก อะไรก็ตามที่มีแดดส่องถึงสามารถทำงานได้หมด หรือไม่ก็มีโต๊ะที่กว้างหน่อยสามารถกวาดมือได้ทั่วเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้องมีอะไรเป็นพิเศษเลย จริงๆ เป็นคนที่สามารถนั่งทำงานในสภาพที่ไม่มีพัดลม ไม่เปิดแอร์ก็ได้ ไม่เปิดเพลงได้ แค่ต้องมีแสงแดดเท่านั้นก็โอเคแล้ว เป็นคนที่อยู่ง่ายมาก
ไม่ต้องบิ้วอารมณ์ให้ตัวเองเลย
ใช่ค่ะ แทบจะไม่ต้องบิ้วตัวเองเลย แต่จะรู้สึกดีตอนเช้าๆ เราตื่นมาแล้วก็จะรู้สึกว่าชีวิตมันเป็นไปตามที่เราวางไว้ อันนี้ก็คืออินสไปร์สุดๆ แล้วค่ะ สามารถสะสางงานได้ตรงเวลา ทำอะไรตามตารางได้ปุ๊ปเราก็รู้สึกว่ามันเป็นการอินสไปร์ตัวเองแล้วจริงๆ คือถ้ามีอะไรรกสมองอยู่ มีเรื่องที่ยังสะสางไม่เสร็จ หรือไม่ได้วางแผนไว้ก็จะรู้สึกว่ามันจัดระบบความคิดตัวเองยากเกินไป
มุมมองต่ออาชีพนักวาดภาพประกอบในเมืองไทยของพริมเป็นอย่างไร
คือพอได้มาทำอาชีพนี้จริงๆ ก็รู้เลยว่ามันคืออาชีพที่ไม่มีวันตาย คือมันเหลือเชื่อมาก ตอนแรกเราเป็นคนที่เคยดูถูกมันมาก่อนเนอะ แต่พอเราได้ทำงานจริงๆ เรารู้เลยว่า เห้ย โลกมันกำลังเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ว่าโลกนี้ต้องการแค่โลโก้ KFC,Nike หรือ Adidas แล้วอะ ทุกอย่างรวมถึงลายผ้ามันก็เป็นศิลปะ เขาแข่งกันด้วยศิลปะไปแล้วจริงๆ ทำอาหารอร่อยแล้วขายได้ก็ไม่ใช่ว่าพอ มันก็ต้องมีเรื่องของร้านสวย ตัวร้านมีสตอรี่ ศิลปะหรือการวาดภาพมันก็ถือเป็นเรื่องที่เล่าง่ายที่สุด เหมือนที่เราเล่นอินสตาแกรมเพราะว่ามันเห็นภาพ คือเราก็ไม่ใช่ว่าจะมาเสพเฟซบุ๊กตลอดเวลา เพราะคนชอบมองภาพแล้วจบเลย เราเชื่อว่าภาพมันสามารถทำให้คนเข้าใจง่ายขึ้น แล้วมันก็กำลังจะพัฒนาไปเรื่อยๆ คิดว่ามันยังไม่มีทางจบเร็วๆ นี้แน่นอนค่ะ ถือเป็นวงการที่คึกคักรอบโลกเลย ยิ่งออริจินัลเท่าไรยิ่งดี
พริมมองตัวเองในอนาคตกับเส้นทางนักวาดภาพประกอบไว้อย่างไร ได้คิดถึงอนาคตในเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า
จริงๆ ก็คิดไว้ว่าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ คิดไว้ว่าอยากเอาความสามารถ ความรู้ที่พอจะมีอยู่ของตัวเองไปต่อยอด ไปเรียนรู้ ไปขัดเกลากับสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไป อยากรู้ว่าจะสามารถปรับตัวได้ไหม อยากเจออะไรที่ไม่เคยเจอก็เลยคิดว่า Goal ข้างหน้าตอนนี้คือเรียนรู้ตัวเองไปเรื่อยๆ พริมคิดว่ามันน่าจะมีประตูอีกหลายๆ บานที่เรายังไม่ได้เปิดมัน
เคยคิดบ้างไหมว่าถ้าตัวเองไม่มาสายศิลปะจะทำอะไรอยู่ตอนนี้
เคยนะ คือมันคงเดาไม่ยากจากงานที่เห็น ถ้าพริมไม่ได้วาดภาพก็คงจะเปิดร้านดอกไม้ คือพริมเป็นคนที่ชอบดอกไม้มากชอบอะไรที่ดูมีชีวิตชีวาอะ ดอกไม้มันมีเน่าได้ อีกอย่างมันไม่ใช่หมาแมวที่ต้องดูแลมากด้วย แถมมีสตอรี่และให้ในโอกาสพิเศษได้ มันโรแมนติกแล้วก็น่าสนใจค่ะ จริงๆ ธุรกิจดอกไม้ก็เป็นธุรกิจที่น่าสนใจในประเทศไทยเหมือนกันนะ
สำหรับเราพริมถือว่าเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง เวลาที่พริมมองผู้ชายสักคนที่เข้ามา เขาเหล่านั้นจะต้องเก่งเหมือนกันไหม มีอะไรที่พริมมองเป็นอันดับแรกบ้าง
ด้วยความที่เราเหมือนหนูแฮมสเตอร์มาก กระจุกกระจิกชอบคิดอะไรทำอะไรอยู่ตลอดเวลา ชอบหาปัญหาใส่ตัว ชอบท้าทายตัวเอง ฉะนั้นคนที่พริมรู้สึกอยากอยู่ด้วยก็ต้องเป็นคนที่ใจเย็นๆ ขวางเราได้ในบางครั้ง เช่นถ้าเราอยากออกจากบ้านไปทำโน้นทำนี่ เขาก็น่าจะเป็นคนที่สามารถชวนเราให้ทำกับข้าวกิน นั่งเล่นอยู่บ้านได้ อยากได้คนใจเย็นที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจค่ะ แล้วจริงๆ ถ้าเก่งไปด้วยกันก็ดีค่ะ มันจะได้คุยกันรู้เรื่อง เราอยากแบ่งปันกันถ้าเขาสามารถฟังในสิ่งที่เราชอบแล้วรู้เรื่องไปด้วยกันก็น่าจะดีนะ
แล้วผู้ชายแบบไหนที่เข้ามาแล้วพริมจะไม่โอเคอย่างแรง
ก็น่าจะเป็นพวกผู้ชายที่แบบเก่งแล้วชอบแสดง ชอบทำตัวเก่งอะ เราก็จะแบบแล้วคุณเก่งมาจากไหนอะ อยู่ดีๆ มาพรีเซนต์ตัวเองเราก็จะไม่โอเค หรือแบบมาจับผิดเรา เคยเจอผู้ชายที่ไปทานข้าวด้วยแล้วแบบทักเราว่าจับตะเกียบเก่งนี่ใครสอน (หัวเราะ) คือเหมือนเป็นเรื่องแบบเล็กน้อยอะ แต่มันทำให้เรารู้สึกเลยว่าเขาต้องจุกจิกมากแน่ๆ ต่อไป กลัวแบบถ้าเราใส่รองเท้าสักคู่ เธอจะรู้ไหมนะว่าเราซื้อตอนมันลดราคา คือเคยเจอผู้ชายที่เป็นแบบนี้ เคยโดนทักว่าแบบคู่นี้ซื้อตอนที่มันสี่ร้อยหนิ อารมณ์แบบเป็นการแสดงออกที่ข่มเราอะ ไม่ชอบผู้ชายที่ไม่ให้เกียรติกัน ชอบคนที่ทำในสิ่งที่รักแล้วมันออกดูเท่ได้เองแบบไม่ต้องแสดง
ทำในสิ่งที่รักที่ชอบมาก็แล้ว มีอะไรอีกไหมที่พริมรู้สึกว่าอยากปลดล็อคมันอีก
คือมันเหมือนเป็นโปรเจ็คหนึ่งที่พริมคิด คือพริมรู้สึกว่าอยากไปเที่ยวด้วยเงินห้าร้อยบาท โดยใช้การวาดรูปเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน อย่างเช่นเราไปร้านอาหาร เราจะวาดรูปอาหารที่คุณภูมิใจนำเสนอให้ไหม แลกกับอาหารสามมื้อเป็นต้น หรือไปที่โรงแรมแล้วเพ้นท์ผนังให้เขาแลกกับการอยู่อาศัย อยากทำทริปแบบนี้กับเพื่อนศิลปินสักสี่ห้าคนในประเทศไทย เหมือนเป็นการทำงานแลก จริงๆ คืออยากทดสอบแหละว่าการวาดรูปมันสามารถหาเงินได้ในทางรูปธรรมจริงๆ ไหม
มาถึงจุดนี้พริมรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำมาหรือยัง
ยังไม่ขนาดนั้นอะ คือเราก็ภูมิใจนะคะ แต่เหมือนมันยังมีบางจุดที่เรารู้สึกว่ายังไม่เต็มที่ คิดว่าในอนาคตก็น่าจะมีอะไรที่เราเต็มที่ได้มากกว่านี้ ตอนนี้เหมือนเราลองๆ ไปก่อน สิ่งที่เราภูมิใจก็เหมือน feed back ที่ได้จากคนอื่นมากกว่าค่ะ
สีน้ำแบบพกพาที่พริมสามารถใช้วาดภาพนอกสถานที่ได้เลย กับซีดีเพลงที่ช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงานของพริม
ขอบคุณสถานที่ Blue Dye Cafe สุขุมวิท 36
ติดตามผลงานของ Primiita ได้ทาง IG : primiita และ FB : Primiita