

DESIGN
ดำดิ่งสู่ความงามของตำนานเจ้าสมุทร กับเรือนเวลา 11 รุ่นพิเศษ เฉลิมฉลอง 75 ปี OMEGA Seamaster
By: NTman June 30, 2023 225230
กว่าจะขึ้นแท่นตำนานเจ้าสมุทรของ OMEGA ในทุกวันนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องราวจุดเริ่มต้นของ Seamaster ต้องย้อนไปในปี 1932 ซึ่ง ณ ขณะนั้นชื่อของ Seamaster ยังไม่ถูกกล่าวขาน แต่เป็นปีที่โลกได้รู้จักกับบรรพบุรุษของ Seamaster อย่าง OMEGA “Marine” เรือนเวลาที่มาจากฝันอันทะเยอทะยานในการสร้างนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีสำหรับใช้งานใต้น้ำ เพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรมที่สามารถนำนักสำรวจให้ดิ่งลึกไปยังโลกเบื้องล่างที่ไม่มีใครรู้จัก
นอกจากนี้ “The Marine” ยังครองตำแหน่งนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของโลกที่วางจำหน่ายให้แก่พลเรือน ถือเป็นการปูเส้นทางให้กับอนาคตของนาฬิกาดำน้ำ ก่อนที่ OMEGA จะให้กำเนิด Seamaster ในปี 1948
หลังจากผ่านมา 16 ปี ก็ได้เวลาที่ประวัติศาสตร์ของ Seamaster เริ่มต้นจารึกเรื่องราวปฐมบท เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในปี 1945 ทาง OMEGA ได้ใช้เวลาหลังจากนั้นร่วม 3 ปี ในการนำความรู้ทางการทหารจากประสบการณ์การสนับสนุนเครื่องบอกเวลาให้เหล่านักบินของกองทัพอากาศ และราชนาวีแห่งสหราชอาณาจักรมากกว่า 110,000 เรือน มาประยุกต์ให้เป็นคอลเลกชั่นเรือนเวลาสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน
และผลลัพธ์ที่ได้คือนาฬิกา OMEGA Seamaster ซึ่งเปิดตัวในปี 1948 อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีจากสนามรบ แข็งแกร่งทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดขั้ว พร้อมผสานเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่สง่างาม สวมใส่ได้ทุกสถานการณ์ ด้วยความตั้งใจให้ Seamaster เป็น “Town, Sea and Country Watch” สำหรับทุกคน
จากวันนั้นถึงวันนี้ OMEGA ได้พัฒนาเครื่องบอกเวลาชั้นเลิศรุ่นแล้วรุ่นเล่าภายใต้คอลเลกชั่น Seamaster ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนมีความโดดเด่นด้านการออกแบบที่สดใหม่ และไม่ละทิ้งความมุ่งมั่นในการทำลายขีดจำกัดด้านเทคโนโลยี ด้วยนวัตกรรม และคุณสมบัติการกันน้ำที่ถูกยกระดับให้สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 75 ปี
และในโอกาสพิเศษแบบนี้ ทาง OMEGA จึงได้ทำการยกย่องถึงประวัติศาสตร์แห่งนวัตกรรม, การสำรวจ, การทดสอบประสิทธิภาพในทะเล รวมถึงการออกแบบอันน่าทึ่ง ด้วยการรังสรรค์คอลเลกชั่นนาฬิกาสุดพิเศษที่มาพร้อมกับหน้าปัดอันโดดเด่นที่ผสานโทนสี Summer Blue ของ OMEGA ซึ่งชวนให้ระลึกถึงมหาสมุทรที่ทอดไกลในวันที่ไร้คลื่นลม โดยเฉดสีอันงดงามได้ถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานของหน้าปัดทุกแบบในคอลเลกชั่น ชวนให้นึกถึงผืนสมุทรที่ทอดยาวไร้คลื่นลม และมอบสัมผัสมิติความลึกได้แม้เพียงชายตามอง
นอกจากนี้นาฬิกาทุกรุ่นในคอลเลกชั่น ยังมาพร้อม ฝาหลังตราสัญลักษณ์ของ Seamaster ที่เป็นรูปเทพโพไซดอนที่ถือตรีศูลพร้อมม้าน้ำสองตัว ซึ่งเป็นงานออกแบบดั้งเดิมของ OMEGA จากปี 1956 โดยฝีมือนักออกแบบ Jean-Pierre Borle ที่พบแรงบันดาลใจจากรูปปั้นม้าน้ำของเทพเนปจูนที่ประดับอยู่บนกราบสองข้างของเรือกอนโดลา ระหว่างการเดินทางไปเยือนเมืองเวนิส
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเรือนเวลาระดับไอคอนิกทั้ง 7 แบบ / 11 รุ่น ในคอลเลกชั่นเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี OMEGA Seamaster จะงดงามขนาดไหน วันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ทุกท่าน ร่วมดำดิ่งไปสำรวจรูปลักษณ์ของตำนานเจ้าสมุทรรุ่นพิเศษไปพร้อมกัน
คอลเลกชั่นฉลองครบรอบ 75 ปี Seamaster ของ OMEGA Aqua Terra ประกอบไปด้วยนาฬิกา 3 รุ่นใหม่ที่ใช้ตัวเรือนแบบสมมาตร และเม็ดมะยมสเตนเลสสตีล สำหรับรุ่นขนาด 38 มม. ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8800 จะมาพร้อมกับสายนาฬิกาโลหะขัดเงาสลับด้าน ข้อสายแบบโค้งและหลักชั่วโมงทรงลำเรือใบ
Aqua Terra รุ่น 38 มม.
ในขณะที่รุ่นหน้าปัด 41 มม. มาพร้อมตัวเลือกให้สามารถจับคู่กับสายโลหะหรือสายนาฬิกายางสีน้ำเงิน และติดตั้งด้วยกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8900
โดย OMEGA Aqua Terra ทุกรุ่นมาพร้อมหน้าปัดซันบรัชสี Summer Blue ที่ไล่เฉดสีเพื่อสะท้อนถึงคุณสมบัติการกันน้ำของ Aqua Terra ที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ลึกถึง 150 เมตร และเติมเต็มความงามด้วยชุดเข็มและหลักชั่วโมงชุบโรเดียมบรรจุสารเรืองแสง Super-LumiNova ที่มอบแสงสีน้ำเงินอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์
มาต่อกันที่ OMEGA Aqua Terra Worldtimer ขนาด 43 มม. ที่โดดเด่นด้วยการนำเสนอทิวทัศน์ของโลกผ่านสีสัน ซึ่งเรือนเวลารุ่นนี้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาจากสเตนเลสสตีล มาพร้อมกับสายโลหะที่เข้าคู่กัน และยังมีสายนาฬิกายางสีน้ำเงินให้เลือกเปลี่ยนสไตล์
มีการประดับรอบหน้าปัดด้วยรายชื่อจุดหมายปลายทางรอบโลกที่พิมพ์ด้วยสีเงิน หน้าปัดด้านในและด้านนอกถูกคั่นด้วยกระจกเฮซาไลต์ที่แสดงการบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง โดยสีน้ำเงินอ่อนจะบอกถึงกลางวันและสีน้ำเงินเข้มหมายถึงเวลาช่วงกลางคืน นอกจากนี้ยังมีภาพพื้นผิวของโลกที่ถูกจำลองลงบนไทเทเนียมเกรด 5 ผ่านการระเหยด้วยเลเซอร์และลงสี เผยให้เห็นถึงมหาสมุทรสีน้ำเงินและผืนทวีปที่นูนต่ำ
เฉกเช่นเดียวกับเทคโนโลยีของ Aqua Terra นาฬิกา Worldtimer นั้นพร้อมที่จะบอกเวลาได้ทุกที่แม้อยู่ใต้เกลียวคลื่นด้วยคุณสมบัตรกันน้ำลึก 150 เมตร และส่งมอบการบอกเวลาที่เที่ยงตรงแม่นยำด้วยกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8938
เปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษครบรอบ 75 ปี Seamaster ทั้งที บอกเลยว่าขาดรุ่นนี้ไปไม่ได้ กับ OMEGA Seamaster 300 ที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1957 เจ้าของตำแหน่งหนึ่งในสามของเรือนเวลา “สำหรับมืออาชีพ” จาก OMEGA ร่วมกับ Speedmaster และ Railmaster
โดยนาฬิกา Seamaster 300 รุ่นดั้งเดิม มีเอกลักษณ์ของหน้าปัดที่สามารถอ่านเวลาได้อย่างสะดวกรวมถึงคุณสมบัติการกันน้ำที่เหนือชั้น ยืนยันด้วยดาว “Naiad” ที่ประดับไว้ด้านในตราบนเม็ดมะยม ซึ่ง Seamaster 300 รุ่นใหม่ ก็ยังคงสืบทอดตัวตนดังกล่าวด้วยกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer calibre 8912 ที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานระดับสูงสุดในอุตสาหกรรมโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งสหพันธ์สวิส (METAS)
สำหรับนาฬิกา Seamaster 300 ในคอลเลกชั่นนี้มาพร้อมตัวเรือนขนาด 41 มม. มีตัวเรือนแบบสมมาตรและเม็ดมะยมสเตนเลสสตีลขัดเงาสลับด้านที่เข้าคู่กับสายนาฬิกา พร้อมคุณสมบัติการกันน้ำลึกถึง 300 เมตร ตามชื่อรุ่น
แน่นอนว่าหน้าปัดของ Seamaster 300 ต้องเป็นสี Summer Blue เคลือบเงาที่สะท้อนถึงระดับความลึกของน้ำ พร้อมติดตั้งชุดเข็มชุบโรเดียม, หลักชั่วโมงแบบร่อง และตัวเลขที่บรรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova ที่มอบแสงสีน้ำเงินอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ประจำรุ่น
นาฬิกา Diver 300M ถูกเปิดตัวในปี 1993 ถูกขนานนามว่าเป็นตัวเลือกที่เปี่ยมไปด้วยสไตล์ สำหรับเหล่านักผจญภัยใต้ทะเลลึก ด้วยสเกลดำน้ำที่โดดเด่น, ชุดเข็มแบบฉลุ, หลักชั่วโมงที่ยกนูนโดดเด่น และฮีเลียมวาล์ว
โดยในคอลเลกชั่นล่าสุดนี้ OMEGA Seamaster Diver 300M ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 42 มม. มาพร้อมกับสายนาฬิกาที่ใช้วัสดุเดียวกัน และมีสายนาฬิกายางสีน้ำเงินให้เลือกเปลี่ยน หน้าปัดของนาฬิกาถูกรังสรรค์จากเซรามิกลวดลายคลื่นสี Summer Blue เคลือบเงาไล่เฉดสีเพื่อสะท้อนถึงระดับการกันน้ำเช่นเดียวกันกับรุ่นอื่นในคอลเลกชั่น
หน้าปัดล้อมรอบด้วยขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงินมาพร้อมกับสเกลดำน้ำจากอีนาเมลสีซัมเมอร์บลู (กรรมวิธีแบบกรองด์ เฟอ) มีชุดเข็มฉลุชุบโรเดียมและหลักชั่วโมงยกนูนบรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีน้ำเงินอ่อน พร้อมกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8800 ที่คอยขับเคลื่อนนาฬิกาดำน้ำรุ่นนี้อยู่ภายใน
แนวทางการออกแบบของ Seamaster 300 ถูกหยิบนำมาใช้กับเรือนเวลา Planet Ocean ที่เผยโฉมเมื่อปี 2005 ซึ่งมาพร้อมกับขอบตัวเรือนสีส้มและฮีเลียมวาล์วอันเป็นเอกลักษณ์ เครื่องบอกเวลายังเปิดตัวพร้อมกับชิ้นส่วนที่แตกต่างจากนาฬิกาทุกแบบบนโลก กับระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ของ OMEGA ซึ่งปรากฏครั้งแรกในกลไก Calibre 2500
สำหรับอีกหนึ่งเรือนโปรดของนักสำรวจท้องทะเลลึกอย่าง OMEGA Seamaster Planet Ocean 600M ขนาด 39.5 มม. เรือนนี้ อวดโฉมในคอลเลกชั่นครบรอบ 75 ปี Seamaster ด้วยตัวเรือนและสายนาฬิกาที่รังสรรค์จากสเตนเลสสตีล มีขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงินและสเกลดำน้ำสีน้ำเงินอ่อนล้อมรอบหน้าปัดเซรามิกสี Summer Blue ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีเคลือบ PVD และเคลือบเงาตกแต่งแบบไล่ระดับสี
อีกทั้งยังเติมเต็มความงามด้วยชุดเข็มบลูและหลักชั่วโมงที่บรรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีน้ำเงินอ่อน พร้อมบอกเวลาในห้วงมหาสมุทรได้อย่างไร้ที่ติได้ถึงความลึกระดับ 600 เมตร ขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8900
นาฬิกา OMEGA Seamaster Professional 600 หรือที่หลายคนรู้จักในอีกชื่อว่า “Ploprof” (มาจาก PLOngeur PROfessionnel – ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “นักดำน้ำระดับอาชีพ”) นับเป็นหนึ่งในนาฬิกาข้อมือที่แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยนวัตกรรมมากที่สุดเท่าที่มีมา กับสุดยอดเทคนิคในการติดตั้งกระจกนาฬิกาเข้ากับตัวเรือนแบบโมโนบลอคอันทนทานทำให้ไม่ต้องติดตั้งฮีเลียมวาล์ว ซึ่งนักสำรวจมหาสมุทร ฌาคส์ กุสโต (Jacques Cousteau) และบริษัทวิจัยใต้น้ำ COMEX ต่างใช้งานนาฬิกา Ploprof ระหว่างการทดลองใต้ทะเลของพวกเขาตั้งแต่ช่วงแรกที่นาฬิกาถูกเผยโฉม
และสำหรับ Ploprof 2023 รุ่นครบรอบ 75 ปี Seamaster ผลิตจากวัสดุ O-MEGASTEEL ติดตั้งด้วยหน้าปัดซันบรัชสี Summer Blue มีแนวทางการออกแบบที่ให้การคารวะ OMEGA รุ่นดั้งเดิมที่วางจำหน่ายในปี 1971 วงขอบตัวเรือนผลิตจากคริสตัลแซฟไฟร์เพื่อเลียนแบบโมโนไลติกคริสตัล เสริมความแข็งแรงด้วยเคมีที่ถูกใช้ในนาฬิกายุคแรก
คริสตัลโปร่งใสที่เคลือบด้วยสีน้ำเงินด้านหลังยังเผยให้เห็นสเกลดำน้ำสีน้ำเงินอ่อนที่ด้านใต้ตัวเรือนโมโนบลอคระดับไอคอนิค พร้อมเม็ดมะยมขันเกลียวอันโด่งดังและระบบป้องกันปุ่มกดที่เป็นเอกลักษณ์ ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา ซึ่งในรุ่นนี้จะประดับด้วยวงแหวนเซรามิกสีน้ำเงิน นอกจากนี้ยังมีสายนาฬิกายางสีน้ำเงินแบบฉลุที่ช่วยเติมเต็มสัมผัสแบบยุค 70 ในขณะที่ขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังคือกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8912
ปิดท้ายคอลเลกชั่นเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี OMEGA Seamaster ด้วยนาฬิกา Ultra Deep เรือนเวลาเรือนแรก ๆ ที่ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์หลังสามารถลงไปยังจุดที่ที่ลึกที่สุดในโลกได้ ในปี 2019 หลังจากการดำไปยังร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา และทาง OMEGA ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีสุดขั้วนี้ไปไปยังคอลเลคชั่น 6000m ที่สะเทือนวงการเครื่องบอกเวลาที่เปิดจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป
โดย Ultra Deep ในคอลเลกชั่นพิเศษนี้ มาพร้อมขนาด 45.5 มม. ตัวเรือนและสายนาฬิการังสรรค์ขึ้นจากวัสดุสุดแข็งแกร่งอย่าง O-MEGASTEEL และมีหน้าปัดพร้อมลวดลายแบบพิเศษที่น้อมคารวะให้กับปริศนาแห่งห้วงสมุทรอย่าง Challenger Deep ตามแผนที่ที่ทางทีม Five Deeps สร้างขึ้นจากการกำหนดพิกัดโซนาร์เกือบหนึ่งล้านจุด แลคเกอร์ถูกเคลือบด้วยการปล่อยให้ไหลอาบไปจนทั่วหน้าปัด มอบสัมผัสแห่งความลึกได้อย่างวิจิตรตระการตา
นอกจากนี้บนหน้าปัดยังซ่อนรายละเอียดเอาไว้ เมื่อถูกฉายด้วยแสง UV ก็จะพบกับข้อความ “OMEGA WAS HERE” ชี้ไปยังตัวเลขสถิติการดำน้ำทำลายสถิติโลกที่ 10,935 เมตร พร้อมเผยให้เห็นแอ่งตะวันตก, แอ่งกลาง และแอ่งตะวันออก (Western, Central และ Eastern Pool) อีกทั้งยังมีกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer 8912 กลไกรุ่นเดียวกับในนาฬิกา Ploprof ระดับตำนาน คอยขับเคลื่อนอยู่ภายใน
สำหรับผู้หลงใหลในเรือนเวลา รวมถึงสาวกตัวยงของ Seamaster เตรียมสัมผัสเสน่ห์แห่งท้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกั
สาขา เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 02-160-5959
สาขา สยามพารากอน โทร. 02-129-4878
สาขา เซ็นทรัลภูเก็ต ฟอเรสตา โทร. 076-510-818
Line OA: @OMEGAThailand
หรือ คลิก: Seamaster Collection in Summer Blue: Precision at Every Level. (omegawatches.com)