

Life
วิธีการบาลานซ์เหตุผลและอารมณ์ เพื่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
By: unlockmen September 15, 2020 188737
เราควรตัดสินใจด้วยอารมณ์ไหม?
.
.
คำถามนี้หลายคนพยายามหาคำตอบกันมาตั้งแต่อดีต และปัจจุบัน เริ่มมีคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้นว่า การตัดสินใจด้วยเหตุผลอย่างเดียวอาจไม่เวิร์ก… ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น UNLOCKMEN จะอธิบายให้ฟัง
ความเป็นเหตุผลเป็นผลทำให้เราสามารถตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อยู่บนฐานของความเป็นจริงมากที่สุด เช่น หลักฐานหรือข้อมูล หลายคนจึงพยายามข่มอารมณ์ เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ อย่างที่คิดว่าควรจะเป็น
แต่ที่จริงอารมณ์ก็ช่วยให้ความสามารถในการตัดสินใจของเราเพิ่มขึ้นได้เหมือนกันนะ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการรับรองทางวิทยาศาสตร์แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ความสุข (ช่วยให้เราเห็นตัวเลือกในการตัดสินใจที่มากขึ้น และทำให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น) หรือความกลัว (ทำให้เราตัดสินใจได้อย่างระมัดระวังมากขึ้น)
นอกจากนี้ อารมณ์ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้เฝ้าระวังความผิดปกติด้วย ซึ่งจะทำให้เรารับรู้ปัญหาและแก้ไขได้ตรงจุด
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ขอยกตัวอย่างสถานการณ์หนึ่ง เป็นการนำเสนอโปรเจกต์ของคนอื่นที่เราต้องนำไปต่อยอด และเราในฐานะผู้ชี้เป็นชี้ตายโปรเจคนั้น ขณะฟังและคิดตาม อยู่ ๆ ก็รู้สึกอึดอัดแบบไม่ทราบสาเหตุ นั่นคืออารมณ์กำลังเตือนเราว่ากำลังมีสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้น และเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหาที่มาและวิธีการแก้ไข
อาจเริ่มจากการตั้งคำถาม เช่น เรามีอคติกับคนพูดหรือเปล่า? หรือ การบรรยายโปรเจกต์นั้นมีข้อผิดพลาดอะไรรึเปล่า?
เมื่อเราเข้าใจ เราก็จะตัดสินใจเกี่ยวกับโปรเจกต์นั้นได้อย่างถี่ถ้วนมากขึ้น เช่น ถ้าเรารู้ว่าตัวเองมีอคติกับคนพูด เราก็อาจจะถามความเห็นจากคนอื่นเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นั้นมากขึ้น หรือ ถ้ารู้ว่าโปรเจ็กต์นั้นมีข้อผิดพลาด ก็อาจจะยังไม่ลงมือทำ แต่พยายามคิดหาทางแก้ไข หรือ ล้มเลิกโปรเจ็กต์นั้นไปเลย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกอารมณ์ที่ส่งผลดีต่อการตัดสินใจ เพราะบางอารมณ์ก็เป็นอุปสรรค์ต่อการตัดสินใจได้เหมือนกัน เช่น ความโกรธเกลียด อาจทำให้เกิดความลำเอียงในการตัดสินใจ หรือ ความเศร้ารุนแรง ก็อาจทำให้เราไม่มีกระใจจะลงมือทำ
ทำให้การใช้อารมณ์ในการตัดสินใจบางครั้งก็อาจทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นไปตามคาดหวังได้ อีกทั้งการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์มากเกินไปก็อาจทำให้เรามองข้ามความจริงได้
การตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ จึงต้องเกิดจากความสมดุลระหว่างเหตุผลและอารมณ์ ซึ่งสามารถทำได้หากเรามีความเข้าใจในอารมณ์ของตัวเองและผู้อื่น หรือทักษะที่เราเรียกกันว่า “ความฉลาดทางอารมณ์ (emotional intelligence)” ซึ่งเราจะอธิบายต่อไปว่า มันคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร
Emotional intelligence คือ ความสามารถในการรับรู้อารมณ์ของตัวเองและผู้อื่น แยกแยะและระบุอารมณ์ได้อย่างชัดเจน รวมถึงสามารถบริหารจัดการอารมณ์ หรือนำอารมณ์มาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ซึ่ง emotional intelligence มีองค์ประกอบทั้งหมด 5 อย่าง ตามที่ แดเนียล โกลแมน (Daniel Goleman) นักจิตวิทยาและนักเขียนหนังสือชื่อดังอย่าง ‘Emotional Intelligence’ ได้ระบุไว้ว่า
Emotional Intelligence ยังเป็นทักษะสำคัญที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จด้วย เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีคาร์เนกี้ ที่ระบุว่า คนที่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน 85% เกิดจากบุคลิกภาพ ความสามารถในการสื่อสาร การเจรจา และความเป็นผู้นำ ส่วน 15% เกิดจากทักษะทางเทคนิค หรือ งานวิจัยโดย McClelland (1999) ที่ระบุว่า หลังกลุ่มนักธุรกิจเกี่ยวกับพืชเข้ารับการฝึกฝนทักษะด้านอารมณ์ อาทิ การเป็นผู้ฟังที่ดี ปรากฎว่า การเกิดอุบัติเหตุจนต้องหยุดงานลดลง 50% รวมไปถึง มีเรื่องร้องทุกข์เข้ามาน้อยลงจาก 15 เรื่อง/ ปี เหลือ 3 เรื่อง/ปี
เมื่ออารมณ์และเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เมื่อจะตัดสินใจอะไรต่างๆ emotional intelligence จึงเป็นทักษะที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อการทำงาน ทุกคนควรหาความรู้ และพัฒนาทักษะด้านนี้ไว้ เพื่อสร้างมูลค่าให้กับตัวเอง (เคยมีการทำนายว่า emotional intelligence จะเป็นทักษะที่สำคัญต่อการสมัครงานในปี ค.ศ.2020 ด้วย)