

World
NIHON STORIES: รอยสักญี่ปุ่น ศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกจับตามอง
By: unlockmen March 13, 2020 178628
คุณมองคนที่มีรอยสักเป็นอย่างไร ? มองว่าเป็นคนไม่ดี มองว่าเป็นเรื่องความชอบส่วนตัวของเขา หรือมองว่าเป็นศิลปะประเภทหนึ่ง บางคนอาจรู้สึกโอเคกับรอยสักขนาดเล็กสไตล์มินิมัล แล้วถ้ารอยสักขนาดใหญ่พาดเต็มแขนทั้งสองข้าง คุณจะมองว่ามันคือสัญลักษณ์ของอาชญากรหรือมองเป็นศิลปะญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์มากกว่ากัน ?
UNLOCKMEN จะพาไปดูมุมมองเรื่องรอยสักของชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ ว่าพวกเขามีความคิดเห็นที่เหมือนหรือแตกต่างเรื่องการวาดลวดลายบนเรือนร่าง ว่ามันสวยงามหรือว่ามันคือสัญลักษณ์ของพวกอาชญากรกันแน่ ?
ประวัติศาสตร์รอยสักแห่งเกาะญี่ปุ่น เกิดขึ้นเมื่อค้นพบตุ๊กตาอายุราว 2,300 ปี ในหลุมศพของโชกุน การค้นพบครั้งนี้ทำให้นักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นต่างตั้งสมมุติฐานว่ารอยบนใบหน้าของตุ๊กตามีความหมายว่าอย่างไร บ้างก็ว่าเป็นเครื่องหมายแสดงความกล้าหาญ บ้างก็ว่าเป็นการบอกยศ และมีคนเชื่อว่ารอยสักคือเครื่องหมายไว้ประจานพวกนักโทษ
สังคมญี่ปุ่นสมัยโชกุนจะแยกคนที่มีรอยสักกับไม่มีรอยสักออกจากกัน คนไม่มีรอยสักก็คือประชาชนธรรมดา บ้างก็เป็นพ่อค้าแม่ค้า มนุษย์เงินเดือน เจ้าหน้าที่ข้าราชการ ส่วนคนที่มีรอยสักมักเป็นโรนิน โสเภณีธรรมดาที่ไม่ใช่สาวงามแบบโอยรัน นักโทษ เด็กเกเร และคนที่ไม่ยอมอยู่ในครรลองคลองธรรมอันดีงามที่สังคมกำหนดไว้
หลังจากระบบการปกครองของญี่ปุ่นถูกรื้อใหม่หมด ช่วงปี ค.ศ. 1750 ญี่ปุ่นยกเลิกการปิดประเทศอย่างถาวร ปฏิรูปสังคมและชนชั้น ซามูไรถูกลดอำนาจ มีบันทึกระบุว่าชายหนุ่มจำนวนมากนิยมสักกันมากขึ้น ร้านสักกลายเป็นสถานที่ที่ใคร ๆ ก็สามารถเดินเข้าไปได้ แถมยังขยันออกลวดลายเท่ ๆ มาแข่งกันเพื่อเรียกลูกค้าอีกต่างหาก
ผู้คนเริ่มมีมุมมองเกี่ยวกับคนมีรอยสักเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลงอีกครั้งเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่า ‘หากประชาชนคนใดนิยมรอยสักจะต้องรับโทษ’ หรือกฎปี 2001 ระบุว่า ช่างสักต้องจบแพทย์เท่านั้นเพราะใช้เข็มในการประกอบอาชีพ หากฝ่าฝืนจะโดนปรับถึงสามแสนเยน (เก้าหมื่นบาท)
รอยสักที่กำลังเติบโตจากวัฒนธรรมใต้ดินมาเป็นศิลปะกระแสหลักต้องหยุดชะงักอย่างน่าเสียดาย กลุ่มอันธพาลเริ่มมองว่าการสักบนร่างกายคือการแยกตัวออกจากสังคมปกติและก้าวเข้าสู่โลกใต้ดินอย่างแท้จริง รู้ตัวอีกทีรอยสักก็กลายเป็นสิ่งแบ่งแยกระหว่างชาวบ้านกับชาวแก๊งไปเสียแล้ว
กลุ่มคนที่พยายามต่อต้านสังคมแสดงตัวตนรุนแรงพร้อมกับรอยสักขนาดใหญ่กลางหลัง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบสิ้นลงพร้อมกับการพ่ายแพ้ของญี่ปุ่น รอยสักที่เรียกว่า Irezumi (อิเรซูมิ) ถูกพัฒนาเป็นสัญลักษณ์ของแก๊งยากูซ่าที่แสดงถึงความกล้าหาญ ผูกติดกับแก๊งอาชญากรรมจนแยกไม่ออก
จากโอกาสตะกายสู่พื้นดินกลายเป็นร่วงหล่นอย่างรุนแรง เกิดการต่อต้านรอยสักรุนแรงขึ้นจากสังคมชั้นสูง บางบริษัทก็ไม่รับคนมีรอยสักเข้าทำงาน ห้ามเข้าโรงอาบน้ำสาธารณะ ห้ามลงสระว่ายน้ำ ห้ามลงบ่อออนเซ็น ใครมีรอยสักเต็มแขนก็ต้องใส่เสื้อแขนยาวก่อนออกจากบ้านเพราะทนสายตาไม่เป็นมิตรของผู้คนไม่ไหว
เรื่องราวก่อนหน้าคือมุมมองของคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่สำหรับมุมมองของชาวต่างชาติ ศิลปะรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นเลื่องลือไปหลายพื้นที่ มีผู้คนมากมายสนใจอยากสักลายมังกร ลายคลื่นญี่ปุ่น ลายปลาคาร์ฟ หรือลายสิงโตสีสันจัดจ้าน
แถมญี่ปุ่นปี 1857 ก็สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ให้กับวงการสักเมื่อช่างสักเมืองโอซาก้าสามารถคิดค้นเข็มไฟฟ้าได้สำเร็จ กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นในวงการจนทำให้สมาชิกราชวงศ์ของรัสเซียยอมเดินทางไกลเสด็จมายังโอซาก้าเพื่อสักกับช่างชาวญี่ปุ่น
กระแสร้อนแรงของสไตล์การสักแบบญี่ปุ่นดังไกลถึงต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อแนวคิดเดิมของรัฐบาลญี่ปุ่น พวกเขาขอความร่วมมือให้เจ้าของโรงอาบน้ำสาธารณะอนุญาตให้คนมีรอยสักสามารถเข้าไปใช้ได้ เพราะนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างก็มีรอยสัก บางคนถึงขนาดยอมบินมาเพื่อสักเลยก็มี
แม้รัฐบาลจะขอให้ผ่อนปรนกฎเดิมลง แต่ค่านิยมฝังลึกของชาวญี่ปุ่นทำให้ยังมีร้านที่ไม่ยอมและยังใช้กฎห้ามคนมีรอยสักเข้าอาบน้ำจนมาจนถึงปัจจุบัน
ช่างสักนามว่า Horimitsu ใช้เวลากว่า 30 ปี สร้างสรรค์ศิลปะเท่ ๆ อยู่ในย่านอิเคะบุคุโระ โตเกียว โดยใช้เพียงแค่หมึก เข็ม และฝีมือสร้างสัตว์จำนวนมากให้มีชีวิตอยู่บนแผ่นหลังของผู้คน วาดปลาคาร์ฟไว้ตรงขาของนายธนาคาร วาดมังกรสีเขียวที่เป็นสัญลักษณ์ของการป้องกันเปลวไฟไว้บนแขนของนักดับเพลิงชาวอังกฤษ
ผู้คนยอมตีตั๋วเครื่องบิน เสียทั้งค่าที่พักและวันลาพักร้อนมาหา Horimitsu แถมเขายังเป็นช่างญี่ปุ่นที่สักให้กับ John Mayer ศิลปินชื่อดังที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชายหลายคน
Horimitsu เล่าช่วงเวลาที่สักแขนให้ John Mayer ว่า เขาพึมพำเรื่องภาพหลอนกับความสวยงาม ช่างสักจึงถามว่าคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นลวดลายที่กำลังประทับอยู่ตรงแขนของตัวเอง เขาตอบว่า “มันน่าตื่นเต้น” แสดงให้เห็นว่าคนต่างชาติมองเรื่องความสวยงามของรอยสักญี่ปุ่นมาก่อนเรื่องของยากูซ่าและภาพลักษณ์ย่ำแย่ของคนมีรอยสักในประเทศญี่ปุ่น
ลูกค้ากว่า 70% ของ Horimitsu เป็นชาวต่างชาติ แถมส่วนใหญ่เป็นทหารสหรัฐฯ เขาเล่าว่าก่อนหน้านี้ลูกค้าหลักของเขามีแต่ยากูซ่า แต่พอเวลาผ่านไปเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มเข้มแข็งมากขึ้น ไล่ปราบปรามแก๊งยากูซ่าน้อยใหญ่อย่างจริงจัง จนทำให้ช่วงต้นทศวรรษ 1960 จำนวนยากูซ่าราว 184,000 คน ลดลงเหลือ 30,500 คน
ยากูซ่าบางคนเป็นลูกค้าของ Horimitsu ยังสักไม่เสร็จแต่ถูกจับติดคุกนานเป็นสิบปี และกลับมายังร้านสักอีกครั้งเพื่อเติมลายให้สมบูรณ์ ช่างสักก็ยังแซวยากูซ่าพวกนี้อยู่บ่อย ๆ ว่า “นายดูแก่ขึ้นนะ”
ลูกค้าสาวชาวแคนาดาเล่าให้ Horimitsu ฟังว่า แม้ตัวเธอจะเป็นสาวผมบอนด์ ดูอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นคนญี่ปุ่นแน่นอนก็ยังถูกผู้คนดูแคลน เวลารอรถไฟฟ้าก็มีคนมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ และเหลือบมองแขนที่มีรอยสักอยู่บ่อยครั้ง แสดงให้เห็นว่าแม้รอยสักในปัจจุบันจะกลายเป็นแฟชั่น แต่ความคิดของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ยังไม่ชอบใจอยู่เหมือนเดิม แถมยังขยี้ด้วยข่าวใหญ่ช่วงปี 2013 ห้ามสตรีชาวเมารีเข้าใช้บริการบ่อน้ำร้อนทั้งที่รอยสักของเธอไม่ได้มีไว้เพื่อแฟชั่นแต่เป็นวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมก็ยังถูกปฏิเสธ ถือเป็นข่าวที่สร้างความผิดหวังให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
นักสังคมจิตวิทยาต่างชาติหลายคนคาดการณ์ว่า ทัศนคติอนุรักษ์นิยมของคนญี่ปุ่นที่มีต่อรอยสักอาจอ่อนข้อลงเมื่อพบว่านักกีฬาต่างชาติที่มีรอยสักมาเยือน Tokyo Olympics พวกเขาจะต้องอึ้งเมื่อเห็นว่าชาวต่างชาติจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในวงการกีฬาก็มีรอยสักและทำงานได้อย่างภาคภูมิ
เรื่องราวเท่ ๆ ของญี่ปุ่นที่ UNLOCKMEN เคยนำเสนอมาแล้ว:
NIHON STORIES: VAN GOGH จิตรกรชื่อก้องโลกผู้เศร้าโศกและหลงใหลศิลปะภาพพิมพ์แกะไม้ญี่ปุ่น
NIHON STORIES: “ยากูซ่า สตรี และรอยสัก” เรื่องราวของหญิงสาวในพื้นที่สีดำของมาเฟีย
NIHON STORIES: SUKIYABASHI JIRO และชายที่ถูกขนานนามว่า ‘ปรมาจารย์ซูชิที่ไม่มีใครเทียบชั้น’
NIHON STORIES: FUKUSHI MASAICHI นายแพทย์ผู้สะสมคอลเลกชันผิวหนังมนุษย์
NIHON STORIES: YAMAGUCHI GUMI จากอันธพาลย่านคันไซสู่แก๊งยากูซ่าผู้ทรงอิทธิพลของญี่ปุ่น
NIHON STORIES: จากยากูซ่าสู่ชายขายอุด้ง เรื่องจริงของชาวแก๊งที่อยากล้างมือจากวงการมืด
NIHON STORIES: ศิลปะอิโรติกพิลึกพิลั่นของ SAEKI TOSHIO เจ้าพ่อวงการอาร์ตเปลือยญี่ปุ่น