Sir Alex Ferguson เคล็ดลับความสำเร็จกับชีวิตที่ไม่ยอมรับคำว่าพ่ายแพ้

หลังจากประสบความสำเร็จในเส้นทางการเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พาทีมกวาดแชมป์ รายการเมเจอร์ไปมากกว่า 38 รายการ ซึ่งถือว่าเป็นผู้จัดการทีมที่นำทีมชนะเลิศรายการการแข่งขันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุคใหม่ ได้ตัดสินใจเกษียณไปเมื่อปี 2013 แต่เขาก็ยังเปรียบเสมือนศาสดาแห่งวงการฟุตบอล ที่ผู้จัดการทีมยุคใหม่ทุกคนนับถือ นั่นคือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

และไม่เพียงแค่นั้น สูตรความสำเร็จของเขายังได้ถูกนำไปใช้ในแง่มุมของกีฬาต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่เพียงฟุตบอล  มิหนำซ้ำทฎษฎีการบริหารทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังถูกนำไปถ่ายทอดเพื่อเป็นหลักสูตรหนึ่งของมหาวิทยาลัย Harvard Business School ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถาบันได้รับการยกย่องว่าเป็นคณะบริหารธุรกิจอันดับหนึ่งของโลก ดังนั้นเราจึงนำทฎษฎีการบริหารงานของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าทำอย่างไร คิดอย่างไร จึงสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างมากมาย เพื่อที่พวกเราจะได้นำแนวคิดไปปรับใช้กันในชีวิตประจำวัน

1. เริ่มต้นจากพื้นฐาน

พื้นฐานที่ดีจะทำให้มีรากฐานมั่นคง และจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว เริ่มแรกที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้มองถึงการสร้างโครงสร้างระยะยาวของทีมเยาวชนสโมสร มีการสร้างศูนย์เยาวชนขึ้นมา 2 แห่ง เพื่อพัฒนาแข้งเยาวชนขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่โดยเฉพาะ และยังเพิ่มแมวมองของทีมเพื่อดึงนักตะผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเข้าสู่ทีมอีกด้วย

โดยตัวอย่างของนักเตะที่รู้จัก และโด่งดังจากศูนย์เยาวชนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลงทุนลงแรงฝีกสอนจนออกดอกผลได้แก่ เดวิด เบ๊คแฮม, ไรอัน กิ๊กซ์, พอล สโคลส์ และ อีกมากมาย  พวกเขาทั้งหมดล้วนกลายมาเป็นกำลังสำคัญของ เฟอร์กูสันในทีมที่ยิ่งใหญ่ช่วงทศวรรษ 1990s และต้น 2000s  เฟอร์กูสันได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการสร้างทีมแบบปีต่อปีที่คนส่วนมากกำลังทำ กับการสร้างทีมที่เริ่มจากฐานรากของสโมสร ซึ่งมันจะเป็นฐานกำลังที่สำคัญกับทีมชุดใหญ่ในอนาคต เพราะแนวคิดนี้ช่วยให้นักเตะเติบโตมาด้วยกัน มีความผูกพัน และมีทีม Spirit ที่แข็งแกร่ง

2.กล้าที่จะสร้างทีมใหม่อย่างชาญฉลาด ไม่ยึดติดกับความสำเร็จ

แม้ในช่วงที่ประสบความสำเร็จสูงสุด เซอร์ เฟอร์กูสัน ก็ยังทำงานหนักเพื่อที่จะพัฒนาเพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ตลอดเวลา ท่านเซอร์ไม่ได้ยึดติดกับความสำเร็จเลย ถึงแม้ว่าจะพาทีมคว้าแชมป์มามากมาย การตัดสินใจของเขาอยู่บนพื้นฐานที่ชาญฉลาดและเยือกเย็นเป็นอย่างมาก เขาเข้าใจทีมของตน และเข้าใจถึงความเข้าใจของนักเตะ จากนั้นพยายามแก้ไขจุดอ่อนตลอดเวลา อีกทั้งรู้ว่าจะหานักเตะประเภทไหนที่จะนำความสำเร็จมาสู่ทีมได้ ไรอัน กิ๊กซ์ กล่าวว่า “เฟอร์กูสันไม่ได้มองแค่เฉพาะในเวลานั้น แต่เขามองไปถึงอนาคตเสมอ”

3. ตั้งมาตรฐานให้สูงเอาไว้

ทัศนคติของผู้นำส่งผลถึงประสิทธิภาพของผู้ตาม เฟอร์กูสันมักแสดงออกด้วยท่าทางจริงจัง ก้าวร้าว และไม่ยอมแพ้ตลอดเวลาที่อยู่ข้างสนาม ส่วนนอกสนาม เฟอร์กูสันก็พยายามเฟ้นหานักเตะที่มีทัศนคติเหมือนตน คือเกลียดความพ่ายแพ้ (Bad losers) และยินดีที่จะทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเอง ทัศนคตินี้ได้กลายเป็นค่านิยมของสโมสร ที่ทุกคนต่างซึมซับและปฏิบัติตามมาจนถึงทุกวันนี้

4. ไม่มีวันยอมสูญเสียการควบคุม

“ถ้าคุณสูญเสียการควบคุมเมื่อใด ก็จะไม่มีทีมหลงเหลืออยู่อีกต่อไป การปล่อยให้นักเตะดูถูกเมื่อไหร่ ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น” เฟอร์กูสัน ได้กล่าวไว้ ว่าเขาจะไม่ยอมสูญเสียการควบคุม จะต้องไม่มีใครมาเป็นใหญ่นอกเหนือจะเขา ไม่ว่าคุณจะนักเตะซุปตาร์แนวหน้าของโลก รวยเป็นมหาเศรษฐีแล้วก็ตาม ถ้ามีใครคิดจะท้าทายอำนาจการควบคุม ท่านเซอร์ก็พร้อมที่จะลงดาบ จัดการกับคนเหล่านั้นทันที ซึ่งข้อนี้นับเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานที่สูงสุด

5. สื่อสารอย่างมีศิลปะ

หลายครั้งเราจะเห็นวาทะศิลป์ในการพูดของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทั้งเวลาแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์ หรือแม้แต่เวลาคุยกับนักเตะของตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่ต้องบอกนักเตะที่คาดหวังว่าจะได้ลงสนาม แต่กลับไม่มีชื่อลงเป็นตัวจริง เฟอร์กูสันจะมีวิธีละเอียดอ่อนในการคุยด้วยเหตุผลกับนักเตะคนนั้น

6. เตรียมพร้อมที่จะชนะ

สำหรับแฟนฟุตบอลทั่วโลกคงรู้จักสไตล์การทำทีมของเฟอร์กูสันที่เหมือนจะมีเคล็ดลับในการกลับมาเอาชนะช่วงท้ายเกมส์เสมอ ผลจากการวิเคราะห์เกมส์ฟุตบอล 10 ฤดูกาล เผยว่า United มีสถิติที่ดีกว่าในช่วงครึ่งเวลาหลัง และเมื่อเหลือเวลาอีก 15 นาที ทีมของเขาดีกว่าสโมสรอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีค

การกระตุ้น และแก้เกมส์ระหว่างพักครึ่งได้ผลอย่างไม่ต้องสงสัย Ferguson ได้เตรียมทีมของเขาเพื่อเป็นผู้ชนะ  เขาให้ผู้เล่นฝึกซ้อมว่าจะทำอย่างไรถ้าต้องการประตูในขณะที่เวลาเหลือ 10, 5 หรือ 3 นาที “เราฝึกเพื่อสำหรับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดังนั้นเรารู้ว่าเราจะประสบความสำเร็จเมื่อสถานการณ์นั้นมาถึง” หนึ่งในสตาฟโค้ช ของเฟอร์กูสัน กล่าว “การชนะเป็นธรรมชาติของเขา เขาได้เซ็ตเป็นมาตรฐานมาอย่างยาวนานซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฉันต้องชนะ เขาคาดหวังที่จะชนะทุกครั้ง แม้ว่าจะมีนักเตะตัวหลักบาดเจ็บถึง 5 ราย เขาก็ยังหวังที่จะชนะ”

7. ไม่หยุดที่จะปรับเปลี่ยน

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเป็นคนที่ไม่เคยหยุดอยู่กับที่ เพราะในโลกของฟุตบอลนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทีมที่แข็งแกร่งจึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาความสามารถ เตรียมความพร้อมรับมือสิ่งใหม่ๆและเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่เสมอ

ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ส่งนักเตะเยาวชนจำนวนมากลงสนามในฟุตบอลรายการ League Cup แต่สิ่งนี้กลายเป็นสิ่งที่ธรรมดาสำหรับหลายๆ ทีมในในปัจจุบัน และเป็นคนแรกๆ ที่เตรียมศูนย์หน้าตัวหลักถึง 4 คนไว้ใช้งาน ความกล้าเหลานี้ถือเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในช่วงฤดูกาล 1998-1999 ท่านเซอร์สามารถพา Manchester United คว้า Triple Champ ที่ประกอบไปด้วย Premier League, FA Cup และ Champions League ซึ่งถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่มากในประวัติศาสตร์สโมสร

นอกสนาม เฟอร์กูสัน ได้ทำการขยายห้องของ Staff  และมีการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย เขาได้ทำตามคำแนะนำของเหล่านักวิทยาศาตร์ โดยการตั้งซุ้มวิตามิน D ในห้องแต่งตัวนักเตะ เพื่อชดเชยการอ่อนล้าจากแสงแดด และ เฟอร์กูสันก็ยังเป็นคนแรกที่จ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาและจ้างครูสอนโยคะสำหรับดูแลนักเตะ แม้แต่เตียงนอนยังต้องสร้างพิเศษให้เหมาะกับรูปร่างของนักเตะแต่ละคน เพื่อปลดล็อคศักยภาพของนักเตะทุกคนอย่างเต็มที่

ที่มา Alex Ferguson My Autobiography, Alex Ferguson Leading,Harvard